Sunday, 12 May 2024
กรมการปกครอง

สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่1เชียงใหม่ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอแม่วางและจนท.ตำรวจสภ.แม่วางจ.เชียงใหม่ ทลายโรงงานแปรรูปไม้

ตามที่นโยบายอธิบดีกรมป่าไม้ปลัดทส.และรมวทส.ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่เข้มงวดกวดขันการลักลอบตัดไม้ทำลายป่านั้น

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2566 ผู้อำนวยการ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่1เชียงใหม่ได้สั่งการให้หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชม.13 (สันป่าตอง) ร่วมกันเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอแม่วาง เจ้าหน้าที่ตำรวจป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่วาง ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบสถานที่ที่สืบทราบว่าเป็นผู้มีอิทธิพลลักลอบทำไม้ในเขตพื้นที่ตำบลดอนเปา อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้เข้าตรวจสอบร่วมกัน จากการตรวจสอบพบเพิงพักที่ทำขึ้นชั่วคราวจำนวน 2 หลัง พบไม้แปรรูปกองอยู่ข้างเพิงพักเป็นจำนวนมาก และพบปีกไม้ ปลายไม้กองกระจัดกระจายเต็มพื้นที่ ใกล้ๆ กับกองไม้แปรรูปพบมีเลื่อยวงเดือนและอุปกรณ์การแปรรูปไม้หลายรายการ ซึ่งลักษณะพื้นที่โดยรอบบริเวณที่เกิดเหตุมีสภาพเป็นป่าจึงเชื่อได้ว่าไม้แปรรูปดังกล่าวลักลอบตัดมาจากป่าบริเวณใกล้ๆ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบด้านในเพิงพักพบ กระสุนปืน ขนาด 5.56 มม. จำนวน 100 นัด กระสุนปืนไรเฟิล ขนาด 7.62 X 63 มม. จำนวน 16 นัด ซองกระสุนปืน เอ็ม 16 จำนวน 2 ซอง และกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด 40 มม. จำนวน 1 ลูก วางอยู่ที่พื้นบ้าน นอกจากนี้ยังพบกล้องวงจรปิดพร้อมอุปกรณ์ (จอมอนิเตอร์, ฮาร์ดดิส) โดยต่อพ่วงไฟฟ้ามาจากหม้อแบตเตอร์รี่ ซึ่งกล้องวงจรปิดดังกล่าวเปิดอยู่และสามารถใช้การได้ สามารถมองเห็นพื้นที่โดยรอบ จึงเชื่อได้ว่าขณะเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบผู้กระทำผิดได้มองเห็นเจ้าหน้าทึ่ผ่านกล้องวงจรปิดจึงได้ทำการหลบหนีไป 

‘อธิบดีปค.’ สั่งบุกจับผับเถื่อนเชียงใหม่ แถมเสี่ยงไฟไหม้ หนำซ้ำ!! ปล่อยเด็กอายุต่ำกว่า 20 มั่วสุมดื่มสุรา 242 คน

สนธิกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองและฝ่ายปกครองเชียงใหม่ ‘ปฏิบัติการป่าช้าแตก’ Kick Off จัดระเบียบสังคม ต้อนรับ 1 พ.ย.66 ตามนโยบาย มท.1 สามารถบุกจับ ‘เลอ เนิร์ฟ ผับ’ ย่านช้างเผือก กลางเมืองเชียงใหม่ ทำเอาผู้ฝ่าฝืนกฎหมายต้องสยองคืนฮาโลวีน โดยลักลอบเปิดอย่างผิดกฎหมาย ใช้บ้านไม้ดัดแปลงทำผับเถื่อนไร้ใบอนุญาต เสี่ยงเกิดเหตุเพลิงไหม้ ไม่มีทางหนีไฟ หนำซ้ำ ‘เด็ก’ แออัดเพียบถึง 242 คน

(1 พ.ย. 66) โดย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง (ปค.) สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำโดยนายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง พร้อมสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน กว่า 30 นาย บูรณาการร่วมกับนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่

นำโดย นายอรรถวุฒิ พึ่งเนียม ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ นายสิทธิศักดิ์ อภิกุลชัยสุทธิ์ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ และนายดนัย สุขสกุล ป้องกันจังหวัดเชียงใหม่ นำกำลังเข้าจับกุมสถานบริการเถื่อน ‘เลอ เนิร์ฟ ผับ’ ย่านช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง เปิดเผยว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ได้กำชับให้ฝ่ายปกครองทั่วประเทศจัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษเพื่อกวดขันปราบปรามผู้มีอิทธิพล การจัดระเบียบสังคม ยาเสพติด การค้ามนุษย์ การพนัน และอาวุธปืน โดยนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้กรมการปกครองบูรณาการจัดตั้งชุดปฏิบัติการฝ่ายปกครองร่วมกับทุกจังหวัดและเริ่ม Kick off ในวันที่ 1 พ.ย.66

“ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองได้สนธิกำลังกับชุดปฏิบัติการฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่ วางแผนเข้าร่วมจับกุม ร้านเลอ เนิฟ หรือ NEUFXBAR ซึ่งมีการร้องเรียนจากประชาชนผู้อาศัยใกล้เคียงว่าเปิดให้บริการในลักษณะเป็นสถานบริการ มีอาหารเครื่องดื่มจำหน่าย ปล่อยปละละเลยให้มีเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการจำนวนมาก

ทั้งยังเปิดให้บริการจนถึงเวลา 02.00 น. ส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้านข้างเคียงจนนอนไม่หลับ ซึ่งเมื่อพนักงานฝ่ายปกครองเข้าสืบสวนข้อเท็จจริงแล้วพบว่ามีการกระทำผิดจริงตามข้อร้องเรียน

กระทั่งเวลา 00.30 น. ของวันที่ 1 พ.ย.66 ได้เปิดปฏิบัติการ ‘ป่าช้าแตก’ บุกจู่โจมสถานบันเทิงละเมิดกฎหมายทันที โดยเมื่อชุดจับกุมเข้าไปถึงภายในผับ พบเป็นห้องปิดทึบ เปิดเพลงเสียงดังสนั่น แสงไฟเลเซอร์วิบวับ มีนักเที่ยวจำนวนเกือบ 300 คน กำลังมั่วสุมดื่มกินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เต้นตามจังหวะเสียงดนตรีอย่างเมามัน นักเที่ยวกว่า 90% ของร้านเป็นเยาวชน

พนักงานฝ่ายปกครองจึงสั่งให้ปิดเพลงและเปิดไฟให้แสงสว่าง ทำให้ภายในผับเกิดความโกลาหล นักเที่ยวเด็กต่างตกใจและพยายามหลบหนีออกทางประตูหน้าร้านและหลังร้าน แต่ชุดจับกุมได้ปิดล้อมประตูไว้ทุกด้าน จึงทำให้นักเที่ยวไม่สามารถหนีออกไปได้ พนักงานฝ่ายปกครองได้ประกาศให้ทุกคนอยู่ในความสงบ

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ พบนักเที่ยวส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียน นักศึกษา อายุระหว่าง 17 - 19 ปี ที่กำลังศึกษาสถาบันการศึกษาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยสำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี พนักงานฝ่ายปกครองได้ประสานให้ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ รับตัวเด็กไปคุ้มครองสวัสดิภาพ และจัดทำประวัติ พร้อมแจ้งให้ผู้ปกครองมารับตัวไป” นายอรรษิษฐ์ กล่าว

นายอรรษิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ดูแลร้าน 7 ฐานความผิด คือ…

1.ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต 
2.จำหน่ายสุราให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี 
3.จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี 
4.จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด 
5.ยุยงส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร 
6.โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม 
7.ดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น

นอกจากนี้ ยังเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 22/2558 ซึ่งเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองชุดจับกุมจะได้เสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ออกคำสั่งปิดสถานที่ดังกล่าวเป็นเวลา 5 ปี และในส่วนของการดัดแปลงอาคาร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น นั้น ทางจังหวัดเชียงใหม่จะได้ประสานกับเทศบาลนครเชียงใหม่ เพื่อออกคำสั่งระงับการใช้อาคารดังกล่าวต่อไป

ด้าน นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง กล่าวว่า ผับแห่งนี้ นอกจากไม่มีใบอนุญาตตั้งสถานบริการแล้ว ยังพบว่ามีการดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยใช้บ้านไม้สองชั้นนำมาดัดแปลงเป็นสถานบริการ มีเพดานห้องที่ต่ำมาก ไม่มีทางหนีไฟ หากเกิดเพลิงไหม้ จะต้องเกิดเหตุที่น่าสลด ดังนั้น จึงต้องทำการจับกุมดำเนินคดีไม่ให้เป็นตัวอย่าง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

“ขอฝากเตือนไปยังผู้ประกอบการสถานบันเทิง ควรประกอบธุรกิจด้วยความมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปล่อยปละละเลยให้เยาวชนที่อายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการ การปล่อยปละละเลยให้มีการใช้ยาเสพติดในสถานบริการ และการพกพาอาวุธเข้าไปในสถานบริการ

หากพบว่าร้านใดยังคงฝ่าฝืนจะต้องถูกจับกุมดำเนินคดีและเสนอสั่งปิด 5 ปี ทุกร้าน เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย และสอดคล้องกับนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งท่านมีความห่วงใยความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน จึงกำชับให้ฝ่ายปกครองทั่วประเทศเข้มงวดกวดขันบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่ เพื่อให้สังคมเกิดความสงบสุข โดยหากประชาชนมีเบาะแสการกระทำผิด สามารถแจ้งต่อพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจในท้องที่ หรือร้องเรียนมายังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หรือสายด่วน 1567 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง” นายรณรงค์ กล่าวเพิ่มเติม

‘อนุทิน’ กวดขันเข้ม บุกจับผับผิด กม. รับนโยบายเปิดผับถึงตี 4  พบ ‘เปิดเกินเวลา-ใบประกอบการหมดอายุ-ยาเสพติด’ เพียบ!!

(10 ธ.ค. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง,นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง, พ.ต.อ.วิชัย ณรงค์ รองผบก.น.4 , พ.ต.อ.เศรษฐพันธ์ ศรีสาคร ผกก.สน.โชคขัย, น.ส.สุวรรณา ว่องวาณิช ผอ.ส่วนวิเคราะห์ข่าวเฝ้าระวัง พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง, เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตลาดพร้าว, ตำรวจ สน.โชคชัย  สนธิกำลังการเข้าตรวจผับ ‘SONIC’ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. หลังมีเบาะแสว่า ผับดังกล่าวเปิดโดยไม่ได้รับอนุญาต เปิดเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด และมีการใช้ยาเสพติดในสถานบริการ
จากการเข้าตรวจค้นพบเป็นร้านอาคารสูง 1 ชั้น ภายในเป็นห้องโถงที่มีการจัดวางโต๊ะ หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นักเที่ยวชายหญิง 220 คน กำลังเต้นรำ-ดื่มกันอย่างสนุกสนาน เจ้าหน้าที่จึงสั่งให้หยุดการใช้เครื่องเสียง และประกาศขอตรวจบัตรประชาชนและยาเสพติด โดยกลุ่มนักเที่ยวบางรายพยายามหลบหนีออกด้านนอก แต่กำลังของเจ้าหน้าที่ปิดล้อมไว้ทุกด้าน เบื้องต้นตรวจสอบไม่พบใบอนุญาตประกอบสถานบริการ

จากการตรวจบริเวณร้าน พบสารเสพติดบรรจุอยู่ในซองพลาสติก ประเภท ยาอี ยาเค ยาไอซ์ และ Happy water รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการเสพถูกโยนทิ้งเกลื่อนพื้น เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมตรวจบัตรประชาชนและตรวจปัสสาวะนักเที่ยวทุกคน

นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การตรวจค้นในครั้งนี้ พบนักท่องเที่ยว 220 คน แบ่งเป็นชาย 100 คน หญิง 120 คน และยังพบอีกว่า สถานประกอบการดังกล่าว ใบอนุญาตประกอบการหมดอายุตั้งแต่ปี พ.ศ 2563 แต่ยังคงลักลอบเปิดให้บริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนดมาจนถึงปัจจุบัน จากการตรวจค้นภายในร้านยังพบยาเสพติดหลายประเภท เช่น ยาบ้า ยาอี ไอซ์ เคตามีน Happy water เป็นต้น และยังพบอีกว่า ภายในร้านได้มีการจัดพื้นที่ให้ผู้ใช้บริการเข้าไปเสพยาเสพติด โดยห้องดังกล่าวจะเป็นห้องแยกอยู่ในห้องน้ำ ส่วนตัวเลขผู้ติดยาเสพติดนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียด ซึ่งจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งในภายหลัง เบื้องต้นได้มีคำสั่งให้ปิดสถานประกอบเป็นเวลา 5 ปี ตามคำสั่งของ คสช.ที่ 22/2558 โดยหลังจากนี้ จะมอบอำนาจให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลจัดการในเรื่องการดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป รวมทั้งจะดำเนินการขยายผลไปหาเจ้าของสถานประกอบการที่แท้จริง 

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยืนยันว่า การบุกจับกุมในครั้งนี้ เป็นการตอบรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่อนุญาตให้เปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น. เพื่อให้ผู้ประกอบการรายอื่น ๆ คำนึงไว้อยู่เสมอว่า จำเป็นต้องมีใบอนุญาตประกอบการ และปฏิบัติตามข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด

‘อนุทิน’ ลุยถนนข้าวสาร ส่องความพร้อมวันที่ 2 ผับเปิดได้ถึงตี 4 ย้ำ!! แค่ตรวจเยี่ยมตามปกติ แต่สถานบังเทิงต้องทำตามกฎหมาย

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 66 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก สน.ชนะสงคราม เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสถานบริการย่านถนนข้าวสารเพื่อดูความเรียบร้อย หลังจากที่ได้มีการขยายเวลาให้สถานบริการที่ได้รับอนุญาตเปิดถึงตี 4 เป็นวันที่ 2

นายอนุทิน เปิดเผยว่า จากการไปตรวจเยี่ยมแหล่งสถานบริการ 2 วันที่ผ่านมา ทั้งย่าน RCA และถนนข้าวสาร สถานการณ์เรียบร้อยดี ทางผู้ประกอบการก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี บรรยากาศคึกคัก มีแนวโน้มไปในทางที่ดี ที่จะช่วยให้สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยว

ซึ่งในย่านถนนข้าวสารแห่งนี้ เป็นแหล่งที่มีชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวหมุนเวียนมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง การมาของตนมาเพื่อตรวจเยี่ยม เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ไม่ได้มาจับผิด แต่สถานบริการต้องปฏิบัติตามกฎหมาย

เน้นย้ำ 3 ข้อ คือ ต้องไม่มีอาวุธ, ไม่มียาเสพติด และไม่มีเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการ สำหรับในย่านถนนข้าวสารมีสถานบริการที่ได้รับอนุญาตถูกต้อง 4 แห่ง ที่สามารถเปิดได้ถึงตี 4

นอกเหนือจากนั้น หลังเที่ยงคืนห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และห้ามเปิดเพลงเสียงดัง แต่นักท่องเที่ยวสามารถนั่งดื่มกินกันได้ต่อ ทั้งนี้ ในอนาคตมีแผนจะไปตรวจเยี่ยมแหล่งสถานบริการในต่างจังหวัดด้วย แต่ยังไม่เปิดเผยวันเวลาและสถานที่


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top