สารพัดข้ออ้าง!! 'เยอรมนี' อ้างเหตุภัยไซเบอร์ ขอเดินตามเกมสหรัฐฯ ร่วมแบนเทคโนโลยี 5G ของ Huawei และ ZTE
กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที เมื่อสำนักข่าว Zeit Online ของเยอรมนีเปิดเผยว่า ทางรัฐบาลเยอรมนี ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี โอลาฟ ซอลซ์ มีแผนที่จะประกาศห้ามใช้อุปกรณ์เทคโนโลยี 5G ของบริษัทผู้ผลิต Huawei และ ZTE ของจีน ตามชาติพันธมิตรอย่าง สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น
โดยได้อ้างมติที่พิจารณาร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย และหน่วยด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ของเยอรมนีที่หารือกันมานานหลายเดือน จนได้ข้อสรุปให้ระงับสัญญาการติดตั้งอุปกรณ์เครือข่ายเทคโนโลยี 5G สัญชาติจีน ด้วยเหตุผลด้านภัยคุกคามความมั่นคงทางไซเบอร์ และความปลอดภัยทางข้อมูลของผู้ใช้งาน
แต่เหตุผลหลักคือ ความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทสัญชาติจีนทั้ง 2 แห่งกับรัฐบาลปักกิ่ง ที่สร้างความไม่ไว้วางใจให้กับมหาอำนาจตะวันตก ที่มองว่าไม่เหมาะสมที่จะใช้เป็นเครือข่ายการคมนาคมยุคใหม่ในประเทศ
ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ตอบตกลงในการติดตั้งระบบเครือข่าย 5G ของบริษัทจีนในประเทศไปแล้วบางส่วน และหากรายงานข่าวของสื่อเยอรมันเป็นความจริง ก็จะครอบคลุมถึงระบบอุปกรณ์ที่ได้ติดตั้งไปแล้วด้วย ที่ต้องรื้อถอนออกไป ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างมากให้แก่รัฐบาลจีน
นายเซียง ลี่กัง ผู้อำนวยการสำนัก Information Consumption Alliance ในกรุงปักกิ่งกล่าวว่า จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีการยืนยันกับทางจีนว่าข่าวนี้เป็นจริงหรือไม่ แต่ถ้าเยอรมนียืนกรานที่จะแบนอุปกรณ์เทคโนโลยี 5G ของจีนจริง จะสร้างผลเสียให้เยอรมนีมากกว่า
เพราะจากข้อมูลของสำนักสำรวจ Strand Consult พบว่าบริษัทเทเลคอมของเยอรมันในคลื่นสัญญาณ 5G จากอุปกรณ์ของ Huawei แล้วถึง 59% แซงหน้าระบบเก่า 4G ที่ใช้อยู่ 57% ไปแล้ว
และหากต้องรื้อถอนระบบที่ติดตั้งไปแล้วของบริษัทจีน เพื่อวางระบบใหม่หมด รัฐบาลเยอรมนีต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกหลายพันล้านยูโรโดยไม่จำเป็น และฟันธงได้เลยว่าไม่มีทางหาผู้รับเหมาประเทศไหนสามารถวางระบบได้ในราคาที่จีนเสนอให้แน่นอน
