สหราชอาณาจักร เผยเคสติด Omicron ร่วม 70% 'ไม่หนัก' จนต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล
รัฐบาลสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวกลายพันธุ์ Omicron มีความเสี่ยง 'อาการหนัก' ถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลน้อยกว่าเมื่อเทียบกับตัวกลายพันธุ์เดลตา
อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ Omicron แพร่กระจายเชื้อได้ง่ายมาก มันอาจทำให้ยังคงมีคนไข้จำนวนมากจำเป็นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
ทั้งนี้ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นโดยสำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร (UKHSA) พบว่า บุคคลหนึ่งๆ ที่ติดเชื้อโอมิครอนมีความเป็นไปได้ที่จะต้องเข้าแผนกฉุกเฉินน้อยลง 31% ถึง 45% เมื่อเทียบกับคนติดเชื้อเดลตา และมีความเป็นไปได้น้อยลง 50% ถึง 70% ที่อาจ 'อาการหนัก' ถึงขั้นต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล
เจนนี แฮร์รี ผู้บริหารสำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักรระบุในวันพฤหัสบดี (23 ธ.ค.) ว่า "มันเป็นสัญญาณเบื้องต้นที่สร้างกำลังใจ ส่งสัญญาณว่าคนที่ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์ Omicron มีความเสี่ยงเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลต่ำกว่าผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์อื่นๆ" เธอกล่าว "อย่างไรก็ตาม มันควรถูกเน้นว่านี่เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นและจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการค้นพบนี้"
รายงานการวิเคราะห์ถูกเผยแพร่ออกมาในขณะที่สหราชอาณาจักรรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่รายวัน 119,789 ในวันพฤหัสบดี (23 ธ.ค.) ท่ามกลางการแพร่ระบาดไปทั่วประเทศของตัวกลายพันธุ์ Omicron
ผลการวิเคราะห์ของ UKHSA มีความไม่แน่นอนสูง เพราะว่าปัจจุบันยังมีเคสผู้ติดเชื้อ Omicron เพียงกลุ่มเล็กๆ ที่รักษาตัวในโรงพยาบาล รวมถึงไม่มีเครื่องตรวจจับที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ติดเชื้อก่อนหน้านี้ และจำกัดเฉพาะในกลุ่มคนสูงวัย
อย่างไรก็ตาม ผลการค้นพบเป็นการเพิ่มเติมหลักฐานก่อนหน้านี้เกี่ยวกับความรุนแรงของตัวกลายพันธุ์ใหม่ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้และฮ่องกง สอดคล้องกับสัญญาณในแง่บวกต่างๆ ในผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอนเมื่อวันพุธ (22 ธ.ค.)
การแพร่เชื้อ ความรุนแรงของโรคและตัวกลายพันธุ์ Omicron สามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากวัคซีนได้หรือไม่ คือ 3 คำถามตัวโตที่บรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและนักไวรัสวิทยากำลังพยายามหาคำตอบ ขณะที่รัฐบาลต่างๆ กำลังประเมินว่าพวกเขาจำเป็นต้องใช้มาตรการอันไม่เป็นที่นิยม ก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจ ในความพยายามสกัดการแพร่ระบาดระลอกล่าสุดหรือไม่
