Friday, 10 May 2024
TheStatesTims

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (15 ธันวาคม พ.ศ.2563)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 9 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 4,246 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 60 ราย รักษาหายเพิ่ม 9 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,949 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 237 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 9 ราย เป็นสัญชาติเอธิโอเปีย 1 ราย สวิส 2 ราย อังกฤษ 1 ราย โรมาเนีย 1 ราย เนเธอร์แลนด์ 2 ราย อเมริกัน 2 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 152 ราย รักษาหายแล้ว 147 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 359 ราย รักษาหายแล้ว 309 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 6.18 แสน ราย รักษาหายแล้ว 5.06 แสน เสียชีวิต 18,819 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 33 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 83,475 ราย รักษาหายแล้ว 69,393 ราย เสียชีวิต 415 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.08 แสน ราย รักษาหายแล้ว 86,795 ราย เสียชีวิต 2,268 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.49 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.19 แสน ราย เสียชีวิต 8,733 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,320 ราย รักษาหายแล้ว 58,208 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,397 ราย รักษาหายแล้ว1,241 ราย เสียชีวิต 35 ราย

‘รมว.ปุ้ย’ ลุยใต้ เปิดงาน ‘MIND : Your Industrial Power’ หนุนผู้ประกอบการ-ยกระดับการลงทุน-เสริมศักยภาพอุตฯ ไทย

เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ค 66 นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดการสัมมนา ‘การส่งเสริมและยกระดับอุตสาหกรรม ในพื้นที่ภาคใต้ MIND : Your Industrial Power’ โดยมี นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม, นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม, นายศุภกิจ บุญศิริ รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม รักษาการแทนผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายเอกนิติ รมยานนท์ รองเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รักษาการแทนผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม, นายวันชัย พนมชัย รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม, นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, นางสาวณิรดา วิสุทธิชาติธาดา ผู้ช่วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าร่วม ณ โรงแรม แกรนด์ ฟอร์จูน จังหวัดนครศรีธรรมราช

ปลัดฯ ณัฐพล กล่าวว่า สํานักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทในการส่งเสริม และสนับสนุนผู้ประกอบการในทุกมิติ สร้างธุรกิจให้เข้มแข็งเติบโตอย่างแข็งแกร่ง นําไปสู่ความสําเร็จอย่างยั่งยืน ภายใต้กรอบความแนวคิดและทิศทางการทํางานด้วย ‘MIND’ ใช้ หัว และ ใจ เพื่อบรรลุเป้าหมาย การสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน เปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมวิถีใหม่

ซึ่งการดําเนินงานภายใต้กรอบแนวคิด ‘MIND’ ของกระทรวงอุตสาหกรรมนั้น มุ่งเน้นความสําเร็จ 4 มิติ ประกอบด้วย มิติที่ 1 ความสําเร็จทางธุรกิจ, มิติ ที่ 2 ความอยู่ดีกับสังคมโดยรวม, มิติที่ 3 ความลงตัวกับกติกาสากล และมิติที่ 4 การกระจายรายได้สู่ชุมชนที่ตั้ง ผ่านการดําเนินการพัฒนาอุตสาหกรรม ไปสู่อุตสาหกรรมศักยภาพสูงและการสร้างธุรกิจรูปแบบใหม่ ควบคู่ไปกับการดูแลสังคม การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน และส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก โดยการจะสร้างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืนได้นั้น จําเป็นต้องมีความเข้มแข็งของผู้ประกอบการในพื้นที่เป็นองค์ประกอบสําคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นภาคส่วนที่สําคัญอย่างยิ่ง ในการร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม จึงให้ความสําคัญกับการเสริมสร้างองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบการ อุตสาหกรรมในประเด็นที่จะช่วยยกระดับการดําเนินธุรกิจอุตสาหกรรมให้แก่ผู้ประกอบการ

รัฐมนตรีฯ พิมพ์ภัทรา กล่าวเพิ่มเติมว่า พื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ มีความโดดเด่นในหลากหลายมิติ เช่น ด้านการท่องเที่ยว ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลระดับโลก เป็นทางเลือกในการพักผ่อนระยะยาว หรือ ‘Long Stay’ ของชาวต่างชาติที่มีกําลังซื้อสูง ในด้านการเกษตร ภาคใต้มีความโดดเด่นเช่นเดียวกัน โดยมีพืชเศรษฐกิจที่สําคัญมากมาย เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ทุเรียน และโกโก้ เป็นต้น

นอกจากนี้ ภาคใต้ ยังเป็นศูนย์กลางการแปรรูปอาหารทะเล รวมทั้งอาหารฮาลาล และมีความโดดเด่นในด้านการค้าและโลจิสติกส์ เนื่องจากทําเลที่ตั้งของ ภาคใต้เป็นประตูสู่ตลาดมาเลเซียและสิงค์โปร์ ซึ่งการดําเนินงานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ผู้ประกอบการในพื้นที่จะสอดคล้องกับนโยบายล่าสุดของรัฐบาล ที่ต้องการสร้างความเข้มแข็งให้แก่อุตสาหกรรมฮาลาล ต่อยอดสู่สากล ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลให้ความสําคัญกับภาคใต้เป็นอย่างยิ่ง จึงได้มีการกําหนดทิศทางการพัฒนาเชิงพื้นที่ โดยได้มีการประกาศระเบียงเศรษฐกิจ ภาคใต้ หรือ ‘SEC’ ที่ครอบคลุมพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ได้แก่ จังหวัดระนอง ชุมพร นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี ซึ่งรัฐบาลไทยต้องการผลักดันให้เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาค เพื่อรองรับการขนส่งทางทะเลและทางบก

นอกจากนี้ ยังกําหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สําหรับดําเนินโครงการ ‘Land Bridge’ ซึ่งเป็นโครงการสร้างท่าเรือน้ําลึกเชื่อมทะเลอ่าวไทยและอันดามัน เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการขนส่งและการค้าของไทย ซึ่งจะทําให้มีความสะดวก และสามารถเชื่อมต่อกับเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรปได้รวดเร็วยิ่งขึ้น กล่าวได้ว่าภาคใต้เป็นพื้นที่ศักยภาพและเต็มไปด้วยโอกาสด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะหน่วยงานหลักในการสนับสนุนผู้ประกอบการในการดําเนินธุรกิจอุตสาหกรรม จึงมีความจําเป็นที่จะต้องส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการในด้านการเพิ่มขีดความสามารถ การประกอบการและการผลิตอย่างรอบด้าน เพื่อยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการและภาคอุตสาหกรรมไทย ให้สามารถแข่งขันได้ในภาพรวม

การดําเนินงานในปัจจุบันของกระทรวงอุตสาหกรรม มุ่งเน้นไปที่การสร้างธุรกิจ ให้เข้มแข็งเติบโตอย่างแข็งแกร่ง นําไปสู่ความสําเร็จอย่างยั่งยืน ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเพื่อพัฒนาศักยภาพเชิงพื้นที่ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการสร้างงานและ อาชีพให้แก่ผู้คน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้มีความเข้มแข็ง ผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรม มีการดําเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และชุมชน สร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมที่สังคมและอุตสาหกรรมสามารถอยู่ร่วมกันได้เป็นอย่างดี

สำหรับ การสัมมนา ‘การส่งเสริมและยกระดับอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคใต้ : MIND Your Industrial Power’ ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ภาคใต้ แนะนําช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่จะเป็นประโยชน์ในการดําเนินธุรกิจ เปิดโอกาสรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการ ตลอดจนเป็นการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ร่วมกันระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคใต้ให้เข้มแข็งได้อย่างยั่งยืน ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ในจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ทั้ง 14 จังหวัด จํานวนกว่า 150 คน โดยมีกิจกรรม 3 กิจกรรม ประกอบไปด้วย

1.) การบรรยาย เรื่อง ‘การส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคใต้’ โดยผู้แทนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ ‘BOI’

2.) การอภิปราย เรื่อง ‘การแนะนําช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุน’ โดยผู้แทนจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และผู้แทนจากธนาคารออมสิน

3.) การเสวนา เรื่อง ‘การส่งเสริมและยกระดับ อุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคใต้ : แนวคิดและประสบการณ์’ โดย ผู้แทนจาก คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ผู้แทนภาคการศึกษา ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และผู้แทนจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยร่วมเสวนา

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเน้นย้ำความสําคัญทางเศรษฐกิจของพื้นที่ภาคใต้ สํานักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมยังได้มีการจัดกิจกรรมพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม สู่ต้นแบบอัจฉริยะ หรือ ‘MIND STAR’ เพื่อดําเนินการสร้าง ผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมที่เข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมในพื้นที่อีกด้วย

แต่งตั้ง ‘องคมนตรี’ คุณสมบัติที่มิใช่แค่ ‘คนเก่ง-ผลงานดี’ ก็ได้ดำรงตำแหน่ง แต่ต้อง ‘ซื่อสัตย์-ไว้ใจได้’ คอยเป็นผู้ช่วยเหลืองานข้างกายพระมหากษัตริย์

เมื่อไม่นานนี้ ได้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกท่านหนึ่ง ชื่อบัญชี @flukepatsmile ได้โพสต์คลิปตอบกลับความคิดของผู้ใช้ติ๊กต็อกอีกท่านหนึ่ง ที่ได้มาแสดงความคิดถึงการตั้งแต่งอดีตนายกรัฐมนตรี ‘พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ ขึ้นเป็น ‘องคมนตรี’ ระบุว่า…

“ปกติครับ เห็นมีอยู่แค่ไม่กี่คนที่เป็นนายกฯ แล้วไม่ได้เป็นองคมนตรี เช่น คุณทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์ เพราะว่าโดนรัฐประหาร”

โดยเจ้าของบัญชี ได้ตอบกลับว่า…

“ผมคิดว่าคุณอคติไม่หาข้อมูลนะครับ คนที่เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วได้เป็นองคมนตรี มีอยู่ไม่ถึง 5-6 คนเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากนะครับ เพราะนายกรัฐมนตรีในประเทศเรา ที่เคยมีมานั้น มีอยู่ประมาณ 30 คน ถามว่าทุกคนจะได้เป็นองคมนตรีหมดเลยเหรอครับ?

มันเป็นไปไม่ได้นะครับ มันเป็นหลักการที่ไม่สมเหตุสมผลครับ

การจะแต่งตั้งใครเป็นองคมนตรีนั้น เกิดจากการที่พระมหากษัตริย์ท่านทรงไว้ใจ จึงทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งขึ้น เพื่อให้องคมนตรีคอยช่วยเหลืองาน คอยเป็นที่ปรึกษาให้กับพระมหากษัตริย์

การที่คุณจะเลือกใครสักคนมาเป็นที่ปรึกษา มาอยู่ใกล้ชิดนั้น คุณก็ต้องเลือกคนที่ซื่อสัตย์ คนที่คุณไว้ใจ คนที่คุณเชื่อถือ ถูกไหมครับ? ไม่ใช่แค่เพียงเพราะว่าคนคนนั้นเขามีแค่ผลงานดีอย่างเดียว หรือว่ามีตําแหน่งที่สูงอย่างเดียว

และตั้งแต่อดีต หากองคมนตรีทําผิดพลาด ก็เปรียบเหมือนเสนาบดีทําผิดพลาดครับ เพราะจะส่งผลเสียไปถึงตัวของพระมหากษัตริย์ด้วย

เพราะฉะนั้น นับตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา เวลาแต่งตั้งใครเป็นเสนาบดี หรือแต่งตั้งองคมนตรี พระมหากษัตริย์ท่าจะทรงเลือกคนที่ซื่อสัตย์ คนที่ไว้ใจได้ คนท่านที่คิดว่า จะไม่ทําให้พระองค์ท่านเสื่อมเสียครับ

ดังนั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วจะได้ขึ้นเป็นองคมนตรีนะครับ”

‘น้องเทนนิส’ คว้าแชมป์ที่ 51 เป็นของขวัญส่งท้ายปีให้คนไทย  พังสถิติโลก ขึ้นแท่นแชมป์ ‘เวิลด์ กรังด์ปรีซ์’ สูงสุด 12 สมัย!!

(3 ธ.ค. 66) พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ หรือ ‘น้องเทนนิส’ ยังคงสร้างผลงานไร้เทียมทาน คว้าแชมป์ที่ 6 ในปี 2023 สำเร็จ ย้ำแค้นคู่ปรับเก่าชาวสเปน ผงาดแชมป์เทควันโด ‘กรังด์ปรีซ์ ไฟนอลส์’ ส่งท้ายปีที่สหราชอาณาจักร

เส้นทางแชมป์ เริ่มต้น รอบ 16 คน ชนะ ‘ฟีนิกซ์ กู๊ดแมน’ (อังกฤษ) 2-0, รอบ 8 คน ชนะ ‘ยิลเดริม รูกิเย’ (ตุรกี) 2-0, รอบรองฯ ชนะ ‘กานิเอลา ซูซ่า’ (เม็กซิโก) 2-0 และรอบชิง ชนะ ‘อาเดรียนา เซเรโซ อิเกลเซียส’ (สเปน) 2-0

‘เทนนิส’ คว้าแชมป์ที่ 51 ให้กับตัวเธอเอง พร้อมจารึกประวัติศาสตร์เป็นสถิติโลกด้วยการเป็นนักกีฬาหญิงที่ได้แชมป์เวิลด์กรังด์ปรีซ์สูงสุดถึง 12 สมัย

‘อินเตอร์ลิ้งค์’ จัดมื้อพิเศษ ‘LINK THANK YOU VIP 2023’ แทนคำขอบคุณคู่ค้าภาคอีสาน พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน

ม่วนอีหลี ส่งความสุขท้ายปี!! ให้ลูกค้าภูมิภาคอีสาน บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จัดงาน ‘LINK HAPPY EVERYWHERE THANK YOU VIP 2023’ เลี้ยงขอบคุณชุดใหญ่ริมฝั่งโขง ณ เวลาดี นครพนม (VELA Dhi Nakhon Phanom) เพื่อสานสัมพันธ์อันดีร่วมกัน พร้อมกับนำพาลูกค้าทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์กับ LINK กว่าที่เคย เมื่อวันที่ 2 – 3 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา

สำหรับค่ำคืนในบรรยากาศสุดเย็นสบาย ท่ามกลางวิวลุ่มแม่น้ำโขงที่แสงจันทร์สาดส่องกระทบผิวน้ำอันแพรวพราวแห่งนี้ จัดขึ้นเพื่อเป็นการตอบแทนคำขอบคุณแก่ลูกค้า และพันธมิตรทั่วภูมิภาคอีสาร ที่ให้การสนับสนุนสินค้า ‘LINK AMERICA & GERMAN RACK EVERYWHERE’ ด้วยดีตลอดทั้งปีที่ผ่านมา

งานนี้ คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ พร้อมด้วย ดร.ชลิดา อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ ร่วมกล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ จำนวนกว่า 100 ท่าน และดูแลลูกค้าอย่างอบอุ่น พร้อมกับร่วมพูดคุย อัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีนวัตกรรมอัจฉริยะที่ตอบโจทย์แก่งานระบบโครงสร้างพื้นฐานแห่งยุคดิจิทัล แนะนำถึงสินค้าใหม่ พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับลูกค้าอย่างเป็นกันเอง ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติริมฝั่งแม่น้ำโขง โอบล้อมไปด้วยอากาศสบาย ๆ พร้อมชมวิวแห่งสายน้ำ และท้องฟ้าที่ทอประกายด้วยแสงดาว ที่ทุกท่านจะได้ดื่มด่ำกับอารยธรรมอันน่าหลงใหล ในการแสดงพื้นเมืองที่เป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่น และงดงาม ตระการตาอีกด้วย ควบคู่ไปกับรับประทานอาหารมื้อค่ำสุดพิเศษที่จัดให้ไม่มีอั้นยามค่ำคืน จัดเตรียมมามอบให้ลูกค้าทุกท่านได้ลิ้มรสชาติโดยเฉพาะ

ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาคอีสาน บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุข สนุกสนาน เต็มอิ่มกับความบันเทิง รื่นเริงกับเสียงเพลงท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมรับลมโชยเย็นสบายที่พัดผ่านอย่างสุขสมประทับใจ อีกทั้งงานนี้มีกิจกรรม ที่คัดสรรมาให้ทุกท่านได้ร่วมสนุก ลุ้นรับของรางวัลสุดพรีเมียม จากอินเตอร์ลิ้งค์ฯ ตลอดทั้งค่ำคืนอีกด้วย

และในรุ่งเช้า วันฟ้าใหม่ ลูกค้าทุกท่านร่วมตักบาตร ทำบุญ ริมฝั่งโขงนครพนม เพื่อเสริมศิริมงคลในยามเช้าอย่างอิ่มเอมใจ พร้อมชมพระอาทิตย์ขึ้น เห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงาม มองเห็นฝั่งประเทศเพื่อนบ้านสุดขอบชายแดนอีกด้วย

สำหรับงานเลี้ยงส่งมอบความสุข ขอบคุณลูกค้าส่งท้ายปีในภูมิภาคอีสาน นับเป็นการตอบแทนคำขอบคุณที่ลูกค้าทุกท่าน เชื่อมั่น ไว้วางใจในสินค้า ‘LINK AMERICA & GERMAN RACK EVERYWHERE’ ด้วยดีตลอดทั้งปีที่ผ่านมา รวมถึงเป็นการสร้างโอกาส สานสัมพันธ์กระชับมิตรอันดีให้แก่กันมากยิ่งขึ้น เพื่อหนุนสร้างฐานทัพธุรกิจให้เติบโตแข็งแกร่งเพิ่มไปอีกขั้น และนำพาให้ธุรกิจเติบโตไปด้วยกัน อย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน

‘รมว.พีระพันธุ์’ เป็นประธานหล่อองค์พระมหาโพธิสัตว์กวนอิมพันมือ พร้อมเปิดมูลนิธิฯ ให้ความช่วยเหลือ ปชช.ที่ประสบภัยใน จ.ราชบุรี

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 66 ที่พุทธสถานเต๋อฮว่า อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เดินทางมาเป็นประธานในพิธีหล่อองค์พระมหาโพธิสัตว์กวนอิมพันกร พร้อมทั้งเปิดมูลนิธิวงษ์พิทักษ์ร่วมประชาชนสงเคราะห์ เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย และประสบอุบัติเหตุ โดยมี นายอัครเดชร วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ ในพิธีดังกล่าว นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรค นำทีม สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ อาทิ นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ รองหัวหน้าพรรค, น.ส.กุลวดี นพอมรบดี สส.ราชบุรี, พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร สส.นครปฐม พร้อมข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ใน จ.ราชบุรี นำโดยนายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผวจ.ราชบุรี พ่อค้า ประชาชนชาว จ.ราชบุรีร่วมงานจำนวนมาก

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ต้องขอบคุณชาว จ.ราชบุรี ที่ได้เลือกนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ เป็น สส.ราชบุรี ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เข้ามาเป็นตัวแทนรับใช้ประชาชนในพื้นที่ นายอัครเดชถือว่าเป็นกำลังสำคัญของตนและพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ และมีความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อพี่น้องชาวราชบุรีอย่างจริงจังตลอดมา 

สำหรับ พรรครวมไทยสร้างชาติมุ่งมั่นที่เข้ามาทำงาน โดยนโยบายหนึ่งที่ตนตั้งใจจะทำก็คือ การแก้ปัญหาราคาพลังงานให้กับประชาชนเพราะปัญหาพลังงานเกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของประชาชน ตนมุ่งมั่นตั้งใจว่าถ้าได้มาเป็นรัฐบาลจะพยายามปรับปรุงแก้ไขอย่างเต็มที่ เมื่อพรรครวมไทยสร้างชาติได้เป็นรัฐบาล และมีโอกาสมาทำงานตรงนี้จะทำตามที่ได้พูดไว้ ตั้งใจจะแก้ปัญหานี้ให้ยั่งยืน โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างราคาพลังงานที่ไม่มีใครเคยทำได้มา 40 ปีจนเกิดปัญหากับประชาชน ตนและพรรครวมไทยสร้างชาติจะเข้ามาทำให้ได้ ทำให้ดี และยั่งยืนเพื่อลดภาระด้านพลังงานให้กับประชาชนได้มีชีวิตที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ภายหลังเสร็จพิธี นายพีระพันธุ์พร้อมคณะได้มอบเครื่องอุปโภค-บริโภคให้กับประชาชนผู้ยากไร้ เพื่อช่วยเหลือในการดำรงชีวิต

ด้านนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า เนื่องจาก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เป็นพื้นที่หนึ่งที่มีชาวไทยเชื้อสายจีนมาตั้งรกรากอาศัย และทำมาหากินมาเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว จะเห็นได้ว่าในพื้นที่มีสถาปัตยกรรมจีนต่าง ๆ ปรากฎให้เห็นมากมาย  ดังนั้นนายวุฒิพงศ์ และคุณแม่สมจิตต์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาและมารดาของตน ซึ่งเป็นคนไทยเชื้อสายจีน จึงได้มีดำริในการก่อตั้งศาลาแปดเหลี่ยมในรูปแบบสถาปัตยกรรมจีน เพื่อประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิมปางพันกร และศาลทีกง หรือ ‘ศาลเทียนสี่ฟูมู่’ หรือ ‘ศาลเทวดา ฟ้าดิน’ รวมทั้งยังได้ก่อตั้งศาลหลวงปู่ไต่ฮงกง ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะแบบหลวงพ่อพระใส พร้อมองค์ไฉ่ซิงเอี๊ย หรือ ‘เทพเจ้าแห่งโชคลาภ’ ให้พุทธศาสนิกชนโดยทั่วไปได้มากราบสักการะบูชา 

“นอกจากนี้ ยังเป็นการเริ่มต้นในการก่อตั้งมูลนิธิวงษ์พิทักษ์ร่วมประชาสงเคราะห์ เนื่องจาก อ.จอมบึง ยังไม่มีอาสาสมัครกู้ภัยอย่างเป็นทางการ ดังนั้น คุณพ่อวุฒิพงศ์ และคุณแม่สมจิตต์ มีความประสงค์ที่จะร่วมกันก่อตั้งมูลนิธิฯ เพื่อให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยและประสบอุบัติเหตุ และช่วยเหลือทางราชการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเหตุการณ์ต่างๆ ในอนาคต เราหวังว่ามูลนิธิวงษ์พิทักษ์ร่วมประชาชนสงเคราะห์ จะได้ปฏิบัติภารกิจเพื่อเป็นประโยชน์ให้กับชาว จ.ราชบุรีอย่างเต็มที่ ตามวัตถุประสงค์ของคุณพ่อวุฒิพงศ์ และคุณแม่สมต่อไป” นายอัครเดชกล่าว

‘ท่านอ้น’ เตรียมเยือนไทยครั้งที่ 2 พรุ่งนี้ เผย เป็นการเดินทางมาแบบส่วนตัว

(3 ธ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ท่านวัชเรศร วิวัชรวงศ์ หรือ ‘ท่านอ้น’ โอรสคนที่ 2 ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเดินทางมายังประเทศไทย ในวันที่ 4 ธันวาคมนี้ ซึ่งมีการยืนยันว่าเป็นการเดินทางมาเป็นการส่วนตัว ในการมาไทยเป็นครั้งที่ 2 ของ ‘ท่านอ้น’

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ท่านอ้นได้เดินทางมาไทย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2566 ซึ่งถือเป็นการมาไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 27 ปี ก่อนที่ ‘ท่านอ่อง’ นายแพทย์จักรีวัชร วิวัชรวงศ์ น้องชาย เดินทางมาสมทบในวันที่ 13 สิงหาคม ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินทางกลับสหรัฐอเมริกาพร้อมกัน ในวันที่ 14 สิงหาคม

'สุริยะ' เยือนจีน ฟื้นเจรจารถไฟความเร็วสูง 'ไทย-จีน' ดันเฟส 2 'นครราชสีมา-หนองคาย' ตอกเสาเข็มปีหน้า ได้ใช้ปี 73

เมื่อวานนี้ (8 พ.ค.67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานร่วมกับนายอู่ ฮ่าว เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน ประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย - จีน ครั้งที่ 31 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

นายสุริยะ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการผลักดันความร่วมมือโครงการพัฒนาเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงระหว่างสองประเทศ โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมีประเด็นที่เกี่ยวข้อง ดังนี้...

1. งานก่อสร้างโครงการช่วงกรุงเทพฯ - นครราชสีมา (ระยะที่ 1) โดยได้เห็นชอบแนวทางและมาตรการร่วมกันในการเร่งรัดให้การดำเนินงานก่อสร้างเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งฝ่ายไทยแจ้งความคืบหน้าของโครงการรถไฟความเร็วสูงระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ - นครราชสีมา โดยปัจจุบันก่อสร้างงานโยธาแล้วเสร็จ 2 สัญญาจากทั้งหมด 14 สัญญา อีก 10 สัญญาอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง และรอการลงนามจำนวน 2 สัญญา ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ตามแผนงานคาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 2571

2. ความคืบหน้าการดำเนินการของโครงการระยะที่ 2 (ช่วงนครราชสีมา - หนองคาย) ที่ฝ่ายไทยได้ออกแบบรายละเอียด งานโยธาแล้วเสร็จ ซึ่งปัจจุบันรายงาน EIA ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการแล้ว และเตรียมเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พิจารณาให้ความเห็นชอบ ไปพร้อมกับการขออนุมัติโครงการ โดยในการประชุมคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทยมีมติ การประชุม ครั้งที่ 5/2567 เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2567 เห็นชอบอนุมัติการดำเนินโครงการก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2568 และจะแล้วเสร็จเปิดให้บริการในปี 2573 

3. การเชื่อมต่อโครงการรถไฟเชื่อมต่อจากหนองคายไปยังเวียงจันทน์ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และความคืบหน้าการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ใกล้กับสะพานเดิมที่มีอยู่ โดยระยะห่างประมาณ 30 เมตร ประกอบด้วยทางรถไฟขนาดมาตรฐานและทางขนาด 1 เมตร ปัจจุบันกรมทางหลวง (ทล.) ได้ศึกษาความเหมาะสมแล้วเสร็จและการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ขอรับการจัดสรรงบประมาณในปี 2567 สำหรับการออกแบบรายละเอียดและจัดทำรายงาน EIA จำนวน 125 ล้านบาท โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทำร่างขอบเขต ของงาน และราคากลาง เพื่อจ้างที่ปรึกษาออกแบบรายละเอียดต่อไป

นอกจากนี้ ยังได้มีการพัฒนาพื้นที่นาทาเพื่อเป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าและย่านกองเก็บตู้สินค้า โดย รฟท. ดำเนินการศึกษาในรูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐเพื่อเป็นสถานีขนส่งสินค้าคอนเทนเนอร์ที่รับรองการเปลี่ยนถ่ายสินค้าทางรถไฟระหว่างทางรถไฟขนาด 1 เมตร และขนาดทางมาตรฐาน รวมถึงเป็นพื้นที่การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบระหว่างทางถนนและทางราง และใช้เป็นพื้นที่สำหรับรวบรวมและกระจายสินค้า จัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก ได้แก่ อาคาร คลังสินค้า การให้บริการคลังสินค้า รวมทั้งการให้บริการพิธีการทางศุลกากรเพื่อตรวจปล่อยสินค้า X–ray ตู้สินค้า การตรวจรังสี เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ยังได้กำหนดให้นาทาเป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศเพื่อสนับสนุนการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนระหว่าง 3 ประเทศ คือ ไทย, ลาว และจีน โดยในการประชุมคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทยมีมติการประชุม ครั้งที่ 5/2567 เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2567 เห็นชอบให้เสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณาเสนอต่อสำนักงานนโยบายรัฐวิสาหกิจต่อไป คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 2571 

ทั้งนี้ การหารือ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นชอบในการปรับปรุงและดำเนินความร่วมมือให้ลึกซึ้งและประสานงานอย่างใกล้ชิดในการประชุมไตรภาคีระหว่างไทย สปป.ลาว และจีน เพื่อผลักดันให้โครงการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟดังกล่าวก้าวหน้าต่อไป

4. ฝ่ายไทยได้แจ้งให้ทราบถึงการจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (สทร.) ซึ่งเป็นองค์การมหาชนภายใต้กระทรวงคมนาคม โดย สทร. จะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานประสานงานหลักในการอำนวยความสะดวกและถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านระบบรางจากต่างประเทศ

5. ที่ประชุมได้ให้การรับรองและเห็นชอบในหลักการให้มีการจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย - จีน ครั้งที่ 32 ขึ้นในประเทศไทย และร่วมกันขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ให้คืบหน้าตามเป้าหมายที่วางไว้ ด้วยความร่วมมือและสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกันเพื่อให้บรรลุประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งรถไฟของทั้งสองประเทศอย่างยั่งยืน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top