Saturday, 21 June 2025
TheStatesTimes

โฆษก กอ.รมน. แจงแล้ว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับการหายตัวไป ของ 1 ใน สมาชิกการ์ด Protect Freedom หลังถูกแอบอ้างในแชทไลน์ ยัน ไม่มีภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อย และการดูแลพื้นที่ของการชุมนุม

พล.ต. ธนาธิป  สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวภายหลังที่มีสมาชิกกลุ่มการ์ด (Protect Freedom) ได้เดินทางมาชุมนุมหน้า กอ.รมน. เช้าวันนี้ พร้อมเรียกร้องให้ กอ.รมน. ปล่อยตัวสมาชิกการ์ดฯ ที่หายตัวไปตั้งแต่ เมื่อคืน (16 ม.ค.) เวลาประมาณ 23.00 น. ภายหลังจากการเข้าร่วมกิจกรรมเขียนป้ายผ้า ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีกลุ่มคนอ้างว่าเป็น กอ.รมน. ได้ใช้โทรศัพท์มือถือของสมาชิกการ์ดที่หายตัวไปแชทไลน์ข่มขู่เพื่อนกลุ่มสมาชิกการ์ด และแจ้งว่าจะปล่อยตัวตอน 05.00 น. ของเช้าวันนี้ ซึ่งปัจจุบันไม่มีการปล่อยตัวแต่อย่างใด

โดย โฆษก กอ.รมน. ระบุว่า จากการตรวจสอบในรายละเอียดตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมนั้น ทางกอ.รมน. ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีภารกิจความรับผิดชอบในการรักษาความสงบเรียบร้อย และการดูแลพื้นที่การรักษาความปลอดภัยของการชุมนุม อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบขั้นต้น กอ.รมน. ขอยืนยันว่า ไม่ปรากฏหน่วยงานของ กอ.รมน. เข้าไปยุ่งเกี่ยวต่อเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด

         

/////////

‘หมอยง’ แนะทำความเข้าใจความรุนแรงของโควิด-19 เผยองค์กรอนามัยโลกแบ่งความรุนแรงเป็น 4 ระดับ โดยจะนำทั้ง 4 ขั้น เล็กน้อย ปานกลาง รุนแรง และเสียชีวิต ก่อนนำมาประเมินประสิทธิภาพของวัคซีนว่ามีประสิทธิผลมากขนาดไหน

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Yong Poovorawan’ โดยได้ออกมาพูดถึงถึงความรุนแรงของโรคโควิด-19 จะต้องมีการประเมินอาการของผู้ป่วยก่อนที่จะมีการฉีดวัคซีน โดยระบุว่า

ก่อนที่จะเข้าใจประสิทธิภาพของวัคซีน เรามาเข้าใจเรื่องความรุนแรงของโรคโควิด 19

องค์การอนามัยโลกแบ่งความรุนแรงของโรคโควิด 19 เป็น เล็กน้อย ปานกลาง รุนแรง และเสียชีวิต

  1. ผู้ป่วยที่เป็นเล็กน้อยประกอบไปด้วย ผู้ที่ไม่มีอาการแต่ตรวจพบไวรัสในลำคอ มีอาการเล็กน้อยไม่ได้รับการรักษา มีอาการ กินยา แต่ไม่ได้นอนโรงพยาบาล รวมถึงผู้ป่วยที่นอนโรงพยาบาลเพื่อจุดประสงค์การแยกตัว ที่ไม่ได้ต้องการการรักษา
  2. อาการปานกลาง จะเป็นผู้ป่วยที่ต้องนอนโรงพยาบาล ไม่ได้ให้ออกซิเจน หรือ ถ้าให้ออกซิเจนก็ให้แบบเสียบจมูก หรือครอบจมูก
  3. ผู้ป่วยมีอาการมากหรือหนัก ผู้ป่วยที่ต้องนอนโรงพยาบาลและต้องให้ออกซิเจนแบบ High Flow ใส่ท่อช่วยหายใจ ใส่เครื่องช่วยหายใจ หรือเครื่องพยุงปอด
  4. ผู้ป่วยที่เสียชีวิต จะตัดสินกันภายใน 60 วัน

การตัดสินประสิทธิผลของวัคซีน จะมีการพูดกันถึงการป้องกันโรคในระดับไหน ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการในการประเมินวัคซีน จะยากมากเพราะไม่ได้มีการตรวจเชื้อทุกราย หรือสุ่มตรวจเชื้อเป็นระยะ ส่วนใหญ่จะเน้นตั้งแต่มีอาการขึ้นไป หรือ ต้องนอนโรงพยาบาล

ตอนต่อไปเล่าเรื่อง การประเมินประสิทธิภาพของวัคซีน

ที่มา : เพจ Yong Poovorawan

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (17 มกราคม พ.ศ. 2564)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 374 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 12,058 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิต 70 ราย รักษาหายเพิ่ม 109 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 9,015 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2,969 ราย


ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 374 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จากสหรัฐอเมริกา 2 ราย ,เยอรมนี 1 ราย ,อินเดีย 2 ราย ,เดนมาร์ก 1 ราย ,กาตาร์ 1 ราย ,มาเลเซีย 3 ราย
ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ จำนวน 43 ราย
ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 321 ราย
ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้
ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 174 ราย รักษาหายแล้ว 168 ราย เสียชีวิต 3 ราย
ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 439 ราย รักษาหายแล้ว 385 ราย  ไม่มียอดผู้เสียชีวิต
ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 8.97 แสน ราย รักษาหายแล้ว 7.27 แสน เสียชีวิต 25,767 ราย
ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 41 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต
ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.55 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.17 แสน ราย เสียชีวิต 594 ราย
ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.34 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.17 แสน ราย เสียชีวิต 2,942 ราย
ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.99 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.6 แสน ราย เสียชีวิต 9,884 ราย
ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 59,083 ราย รักษาหายแล้ว 58,784 ราย เสียชีวิต 29 ราย
ประเทศเวียดนาม ยอดรวมติดเชื้อ 1,537 ราย รักษาหายแล้ว 1,380 ราย เสียชีวิต 35 ราย

กรมการปกครองประกาศ ยกเว้น/ลด ค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนครอบครัว การออกหนังสือสำคัญเกี่ยวกับชื่อบุคคล บัตรประจำตัวประชาชน และการทะเบียนราษฎร กรณีภัยที่เกิดจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

เนื่องจากปัจจุบันพบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ระลอกใหม่ขึ้นในหลายพื้นที่ โดยมีประกาศพื้นที่ภัยที่เกิดจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชุมพร ชลบุรี ตราด ตาก นครนายก นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี ราชบุรี ระนอง ระยอง ลพบุรี สิงห์บุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สุพรรณบุรี สระแก้ว สระบุรี อ่างทอง ดังนั้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ประชาชนในสถานการณ์วิกฤตินี้ กรมการปกครองจึงได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมและลดค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

1. ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎร ในเรื่องต่อไปนี้
(1) การขอคัดสำเนา หรือคัดและรับรองสำเนารายการทะเบียนราษฎร
(2) การขอคัดสำเนา หรือคัดและรับรองสำเนารายการข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎร
(3) การแจ้งการเกิดต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่อื่น
(4) การแจ้งการตายต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่อื่น
(5) การแจ้งการย้ายที่อยู่
(6) การออกบัตรประจำตัวให้กับคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย
(7) การขอรับสำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านใหม่แทนฉบับเดิมที่ชำรุดหรือสูญหาย

2. ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับบัตรประจำตัวประชาชน ในเรื่องต่อไปนี้
(1) การออกบัตรใหม่ในกรณีบัตรหายหรือถูกทำลาย บัตรชำรุดในสาระสำคัญ การแก้ไขชื่อตัว หรือชื่อสกุล หรือชื่อตัวและ
ชื่อสกุล หรือการย้ายที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน
(2) การออกใบแทนใบรับ
(3) การขอคัดและรับรองสำเนาข้อมูลเกี่ยวกับบัตรประจำตัวประชาชน

3. ให้ลดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนครอบครัว ในเรื่องต่อไปนี้
(1) การขอคัดสำเนาหรือคัดและรับรองสำเนาทะเบียนครอบครัว ฉบับละ 1บาท
(2) การจดทะเบียนสมรสหรือจดทะเบียนรับรองบุตรนอกสำนักทะเบียนโดยมีผู้ขอ รายละ 1 บาท
(3) การจดทะเบียนสมรส ณ สถานที่สมรสซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอนุมัติ ให้มีขึ้น รายละ 1 บาท

4. ให้ลดค่าธรรมเนียมการออกหนังสือสำคัญเกี่ยวกับชื่อบุคคล โดยเรียกเก็บฉบับละ 1 บาท ในเรื่องต่อไปนี้
(1) การออกหนังสือสำคัญแสดงการเปลี่ยนชื่อตัวหรือชื่อรอง
(2) การออกหนังสือสำคัญแสดงการรับจดทะเบียนตั้งชื่อสกุล
(3) การออกหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อสกุล
(4) การออกใบแทนหนังสือสำคัญตาม (1) (2) หรือ (3)

ทั้งนี้ ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมและลดค่าธรรมเนียมข้างต้น เป็นระยะเวลา 120 วัน นับแต่วันที่มีประกาศ (8 มกราคม 2564) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักบริหารการทะเบียน โทร 0-2791-7427

กระทรวงสาธารณสุข ชี้กรณีนอร์เวย์เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนโควิดของไซเฟอร์ โมเดอร์นา ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัว ยืนยันไทยสั่งซื้อวัคซีนคนละตัว ขอประชาชนอย่ากังวล

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป ปฏิบัติราชการรองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีประเทศนอร์เวย์พบรายงานผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่า ที่ประเทศนอร์เวย์ใช้วัคซีนของ Pfizer และ Moderna โดยทั้ง 2 ใช้เทคโนโลยีเดียวกัน คือ mRNA vaccine ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่เป็นของบริษัท แอสตร้าเซเนก้า จำกัด และซิโนแวค ประเทศจีน ที่ใช้กลุ่มวัคซีนเชื้อตาย ดังนั้นจึงอยากให้คนไทยเชื่อมั่นว่าไม่ได้ใช้ตัวเดียวกับนอร์เวย์

อย่างไรก็ตามการใช้วัคซีนอาจมีอาการไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นได้ เช่น ปวดศีรษะ บวมร้อน คลื่นไส้ ซึ่งผู้ที่ได้รับวัคซีที่มีความเปราะบางจะต้องได้รับการติดตามสังเกตุอาการ ปกติ 30 นาทีหลังรับการฉีดวัคซีน และ 30 วัน หลังจากฉีดแล้ว

กรณีของนอร์เวย์ พบผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์ 29 ราย เป็นผู้หญิง 21 ราย และผู้ชาย 8 ราย มีผู้เสียชีวิต 23 ราย หลังได้รับวัคซีน Pfizer-BioNTech mRNA vaccine เข็มแรก จากผู้ที่ได้รับวัคซีนไปแล้วกว่า 30,000 คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของนอร์เวย์ ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนถือว่ามีความเสี่ยงน้อย ยกเว้นการฉีดในผู้สูงอายุที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไปและมีโรคประจำตัว ซึ่งจะต้องมีการประเมินเป็นรายบุคคล

นพ.โสภณ กล่าวว่า จากการชันสูตรผู้เสียชีวิต พบว่าในจำนวน 13 ราย เป็นผู้สูงอายุมากกว่า 80 ปี และเป็นผู้ป่วยที่พักรักษาตัวอยู่ใน Nursing Home ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิตอยู่ระหว่างการสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ โดยแนะนำให้แพทย์ประเมินความเสี่ยงก่อนการสั่งฉีดวัคซีน

แต่อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากต่างประเทศก็ถือเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยที่จะช่วยวางแผนในการเตรียมรับวัคซีนอย่างปลอดภัย และขณะนี้ แพทย์นอร์เวย์ได้แนะนำว่าต้องประเมินความเสี่ยงก่อนการสั่งฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้มีอายุมากและมีโรคประจำตัวด้วย

'ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์' โฆษกฝีปากกล้าแห่ง 'พรรคก้าวไกล' | Contributor EP.4

พูดคุยกับ ผู้แทนราษฎรหนุ่ม ที่ยังคง ‘จิตวิญญาณ’ ของ ‘ประชาชนคนไทย’ ไว้เต็มขั้นกับ... กาย - ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกฝีปากกล้าแห่ง ‘พรรคก้าวไกล’

.

18 มกราคม ‘วันกองทัพไทย’ วันที่ระลึกสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา

วันนี้ถือเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยเป็นวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงชนะศึกยุทธหัตถีต่อพระมหาอุปราชา ถือเป็นการทำยุทธหัตถีที่มีความสำคัญครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ตรงกับวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง จุลศักราช 954

เมื่อกาลเวลาผันผ่าน ต่อมาจึงยกให้วันนี้เป็น ‘วันกองทัพไทย’ เพื่อสดุดีต่อพระปรีชาสามารถของพระองค์ โดยแรกเดิมที กำหนดให้ตรงกับวันที่ 8 เมษายนของทุกปี ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นวันที่ 25 มกราคม แต่เมื่อนักประวัติศาสตร์มาสืบย้อนดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน พบว่า วันที่ทรงกระทำยุทธหัตถี น่าจะตรงกับวันที่ 18 มกราคมมากกว่า มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2549 จึงได้ประกาศเปลี่ยนให้ ทุกวันที่ 18 มกราคม ถือเป็นวันกองทัพไทย แทน

โดยนอกจากเป็นวันแห่งกองทัพไทยแล้ว ยังอาจเรียกได้ว่าเป็น ‘วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช’ หรือ ‘วันยุทธหัตถี’ รวมทั้งยังเป็นวันสถาปนากระทรวงกลาโหมอีกด้วย

นิสัยแห่งความมุ่งมั่น พยายามไม่ล้มเลิก จนนำไปสู่ความสำเร็จ เป็นทักษะที่สำคัญและสร้างได้ในเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรเรียนรู้ความหมายของ GRIT ศาสตร์ที่จะทำให้ลูกกลายเป็นคนที่มุ่งมั่นนำทางไปสู่ความสำเร็จ

“ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” ใครเห็นด้วยกับสุภาษิตนี้บ้างคะ

เชื่อว่า แต่ละคนอาจมีคำตอบที่แตกต่างกัน แล้วแต่ความหลากหลายของประสบการณ์ส่วนตัวผสมกับความเชื่อส่วนบุคคล และไม่ว่าคุณผู้อ่านจะเห็นด้วยกับสุภาษิตนี้หรือไม่ ก็เป็นคำตอบที่ถูกต้องทั้งหมด เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ความพยายามคือตัวแปรสำคัญของสมการความสำเร็จอย่างแน่นอน 

และแล้ว GRIT ผลลัพธ์จากการศึกษาพฤติกรรมสู่ความสำเร็จ ก็ได้มาไขคำตอบให้เรารู้ว่า สุภาษิตนี้ เกือบถูก รวมถึงยังเผยตัวแปรอีกตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นกุญแจที่หล่นหายมาไขสมการความสำเร็จให้เราด้วย

GRIT คืออะไร

หากใครที่เป็นสายพัฒนาตนเอง (personal development) ต้องเคยผ่านตาหรือได้อ่านเกี่ยวกับ GRIT มาบ้าง และหลายคนก็อาจเข้าใจความหมายของ GRIT ว่า คือนิสัยแห่งความมุ่งมั่นพยายามไม่ล้มเลิกจนไปสู่ความสำเร็จ แต่แท้จริงแล้ว ความหมายคำว่า GRIT ของคุณ Angela Duckworth เจ้าของหนังสือ GRIT: The Power of Passion and Perseverance นั้น คือ ความมุ่งมั่นพยายามจนไปสู่ความสำเร็จกับสิ่งที่เราแคร์

“GRIT คือ ความมุ่งมั่นพยายามจนไปสู่ความสำเร็จกับสิ่งที่เราแคร์”

หากคุณพ่อคุณแม่เพียงต้องการให้ลูกมีความพยายามกับสิ่งที่เขาเองไม่ได้สนใจ เราเรียกสิ่งนั้นว่า ความถึก ลูกต้องใช้กำลังมาก ลูกจะเหนื่อยและท้อได้ง่าย แต่หากลูกสนใจสิ่งนั้น อยากทำได้ด้วยตัวเอง ลูกจะมีกำลังภายในที่อยากพิชิตเป้าหมายให้ได้ ส่วนคุณพ่อคุณแม่ก็เพียงส่งเสริม GRIT ของลูก และคอยตอบรับลูกในจังหวะที่เหมาะสมเท่านั้น 

เมื่อคุณพ่อคุณแม่เข้าใจความหมายของ GRIT แล้ว เราก็สามารถส่งเสริม GRIT ในลูกได้ง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ

1.) ความสำเร็จของลูก ให้ลูกได้เลือกเอง

กระบวนการเรียนรู้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ลูกสนใจและเลือกที่จะเริ่มทำมัน หากลูกขอเงินคุณพ่อคุณแม่ไปทำกิจกรรมใด ๆ แสดงว่าลูกมีความปรารถนาและเป้าหมายของเขาที่อยากจะทำสิ่งที่มุ่งหวังให้สำเร็จ ถึงแม้จะเป็นเพียงทำตามเทรนด์ แต่การได้ลองทำ ถือเป็นการทำความรู้จักกับความพยายามที่ดี ถึงแม้จะเป็นการเรียนเต้นคัฟเวอร์เกาหลีก็ตาม

2.) ย่อยเป้าหมายใหญ่ให้เล็กลง

ย่อยเป้าหมายใหญ่ให้เล็กลง หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การสร้างวินัย นั่นเอง โดยการตั้งกรอบเวลาของเป้าหมายย่อยนั้น และทำสะสมจนครบเป็นเป้าหมายใหญ่ คุณพ่อคุณแม่ชวนลูกย่อยเป้าหมายเป็นรายวัน วันนี้จะทำอะไรให้สำเร็จ เดือนนี้ในวันที่เท่านี้จะทำอะไรให้ได้ จะเรียนคอร์สอะไรให้จบก่อนจึงค่อยเริ่มคอร์สต่อไป เป็นต้น

3.) เป้าหมายต้องชัดและท้าทาย

เป้าหมายที่ดีคือเป้าหมายที่ชัดเจนและท้าทาย ไม่ง่ายจนสบายเกินไป ไม่ยากเกินจนไม่เห็นหนทาง มีจุดชี้วัดความสำเร็จที่เข้าใจได้ทันทีว่า ถึงหรือยังไม่ถึงเป้าหมาย การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนช่วยให้เราไม่ล้มเลิกง่าย ๆ และเสริมด้วยการย่อยเป้าหมายตาม ข้อ 2 ช่วยให้เห็นความคืบหน้าด้วย

4.) เมื่อไรถึงจะฟีดแบ็คลูกได้ 

กระบวนการเรียนรู้ของเด็ก ๆ แต่ละคนนั้นแตกต่างกัน เด็กบางคนพัฒนาเร็วตั้งแต่ต้น เด็กบางคนอาจเป็นม้าตีนปลาย ช่วงเวลาที่จะฟีดแบคหรือประเมินผลกับลูกที่ดี คือเมื่อจบครบรอบของเป้าหมายนั้น เช่น จบคอร์สเรียน ครบเดือนที่กำหนด ครบวันที่ลูกเราตั้งเป้าหมายไว้ การฟีดแบ็คที่มีประสิทธิภาพคือการฟีดแบ็คที่ส่งเสริมให้ลูกไปต่อได้ และยิ่งเจาะจงเท่าไรยิ่งดี

5.) หากลูกล้มเลิกกลางคัน

หากลูกอยากล้มเลิกกลางคัน อับดับแรก เช็คก่อนเลยว่า สิ่งที่ลูกล้มเลิก ลูกเลือกทำเองและล้มเลิกเอง หรือคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกทำ การเลือกเองนั้นส่งผลต่อความพยายามของลูก ถ้าลูกเลือกเองและล้มเลิก สาเหตุมักมาจากการเปรียบเทียบตนเองกับเพื่อน แล้วรู้สึกว่ายากไป ไม่สนุกแล้ว อยากชวนให้คุณพ่อคุณแม่ยื้อลูกไปอีกซักนิดให้จบครบรอบของเป้าหมาย และจะได้ฟีดแบ็คกัน ถ้าลูกไปต่อไม่ไหวจริง ๆ นั่นคือบทเรียนที่ดีของลูก ลูกได้เรียนรู้อะไรจากการล้มเลิกนี้ แล้วต่อไปลูกจะทำอย่างไร ชวนลูกสรุปบทเรียนไปเลยค่ะ

talent x effort = skill

skill x effort = achievement

สูตรความสำเร็จของคุณ Angela Duckworth นั้นประกอบด้วย สูตรแรก สิ่งที่ใจเราใฝ่กับความพยายามทุ่มเท สองสิ่งนี้รวมกันจะได้ ทักษะ และสูตรที่สอง ทักษะกับความพยายามทุ่มเทรวมกันจะได้ ความสำเร็จ จะเห็นว่าต้องใส่ความพยายามถึงสองครั้งจึงจะเกิดความสำเร็จ 

ทุกอย่างที่ลูกเรียนรู้ไป ล้มบ้าง เลิกบ้าง สำเร็จบ้างนั้น ไม่เสียเปล่า วันหนึ่งเมื่อลูกโตขึ้น ลูกจะ Connect the Dots ได้ เกิดเป็นทักษะที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และ passion นั้น ไม่ได้เกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่ลูกเริ่มสนใจ แต่เกิดขึ้นเมื่อลูกมองหันกลับไปยังสิ่งที่ลูกได้ทำ


สามารถย้อนไปฟังการ LIVE หัวข้อที่น่าสนใจเหล่านี้เพิ่มเติมได้ที่ เพจดีต่อลูก

หัวข้อ พ่อแม่และครูส่งเสริม grit ในเด็กได้อย่างไร 

Link https://www.facebook.com/299800753872915/videos/1671798873025624 

เขียนและเรียบเรียงเรื่องโดย: พิมพ์นารา สุวรรณไตรย์ 

 

เรื่องเล่าจากแดนไกล ’เมือง Sost’ แห่งปากีสถาน เมืองท่าชายแดนที่มีชื่อเล่นว่า เมืองขี้เกียจ วันนี้แม้จะต้องต่อสู้กับโควิด-19 รอบข้าง แต่เมืองนี้ไม่มีใครติดโควิด-19 แม้แต่คนเดียว

คอลัมน์ ริมทางถนนคาราโครัมไฮเวย์

วันนี้จะพาไปเที่ยวเมือง​ Sost เมืองท่าแห่งการคมนาคมของประเทศปากีสถานกับประเทศจีน (เส้นทางสายไหมโบราณ)  บนถนนคาราโครัมไฮเวย์​ จริง ๆ แล้วภารกิจหลักคือ มาซื้อถ่านหินไปใช้หน้าหนาวจัด​ ขาดไม่ได้ไม่อย่างนั้น แข็งตายแน่นอน

เมือง​ Sost  อ่านว่า ซอส​ หรือบางคนออกเสียงว่า ซูส  ซึ่งแปลความหมายในภาษาอูรดู แปลว่า ขี้เกียจ

ผู้คนในเมืองใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ เกือบทั้งหมดเป็นชาววาคี มีบางส่วนเป็นชาวบูเชสกี้ มาจากฮุนซ่า ภาษาที่ใช้เลยจะเป็นภาษาวาคี และบูเชสกี้

เราอาศัยอยู่เมือง​ Passu ห่างจากเมือง Sost ประมาณ​ 40​ กิโลเมตร แต่ไม่ใช่ ​40 กิโลเมตร​ จากกรุงเทพ​- นครปฐม​ ​นะ เพราะวันนี้ต้องใช้เวลาเดินทางเกือบชั่วโมงกว่า เพราะเส้นทางเต็มไปด้วยหิมะ และถนนลื่นมาก ๆ เลยต้องใส่โซ่ที่ล้อรถ และใช้ความระมัดระวังมาก​ ไม่สามารถทำความเร็วได้

ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยหิมะสีขาว ตัดกับแม่น้ำกุลจิราฟ ที่สีฟ้าสดใส ท่ามกลางหุบเขาสูงใหญ่ของเทือกเขาคาราโครัม จะพบเจอฝูงแกะ และฝูง Yak (จามรี) ตลอดเส้นทาง โชคดีหน่อย ก็จะเจอแพะภูเขา (Himalayan Ibex) ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ เดินลงมาหาหญ้ากินข้างล่าง

ในฤดูหนาวจะเห็นฝูงแพะภูเขาได้ง่ายกว่าฤดูร้อน เดินทางมาสักพัก ก็เห็นฝูงแพะภูเขา สร้างความตื่นตาตื่นใจให้เรามากเลย​ นี่ขนาดเดินทางเข้าออกปากีสถานตอนเหนือมาหลายปี​ เห็นกี่ครั้งก็อดตื่นเต้นกับธรรมชาติ​ที่อุดมสมบูรณ์​ของดินแดนหลังคาโลกไม่ได้

สักพักเดินทางมาถึงเมือง ​Sost ปกติเมืองนี้จะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวหรือนักธุรกิจจากประเทศจีน แต่เพราะโควิด-19 ตัวดี​ ทำให้รัฐบาลปิดด่านชายแดนกุลจิราฟ​ ซึ่งเป็นชายแดนที่สูงที่สุดในโลก มีความสูงประมาณ 4700 เมตรจากระดับน้ำทะเล

ทำให้ผู้คนทั้งสองประเทศไปมาหาสู่กันไม่ได้ และที่สำคัญรถสินค้าจากจีนก็มาปากีสถานไม่ได้เช่นกัน  การท่องเที่ยวที่คึกคักทั้งฝั่งปากีสถานและจีน​ก็เงียบสนิท

ปกติเมือง​ Sost คือศูนย์กลางของการคมนาคมขนส่ง จะมีรถรับจ้างคอยบริการจากเมืองนี้ ข้ามไปเขตปกครองตนเอง​ซินเจียง ประเทศจีนได้ไม่ยาก เข้าไปเมืองทัชคาร์กันและเมืองหลวงอุรุมมูฉี

นักท่องเที่ยวจะจองรถบัสประจำทาง Hunza-Xinjiang  หรือจะเช่ารถส่วนตัวข้ามไปเขตซินเจียงก็ได้ ที่นี่มีคนขับผู้ชำนาญเส้นทางเยอะมาก ๆ

และเมือง Sost ยังมี​ Dry Port หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ท่าเรือบก​ ท่าเรือนี้เป็นที่เก็บสินค้าจีนที่ส่งมาขายที่ปากีสถาน เป็นเหมือนโกดังสินค้าขนาดมหึมา

ตามข้อมูล ท่าเรือบกที่นี่​มีขนาดใหญ่ขึ้นทุกปี​ เพราะมูลค่าการค้าขายระหว่างประเทศจีน​และปากีสถาน​ผ่านด่านกุลจีราฟ​ มีตัวเลขเพิ่มขึ้นทุกปี​ และเส้นทางนี้เป็นเส้นทางหลักของนโยบาย​ One Belt, One Road. ของจีน​ที่ขยายเส้นทางการค้าสมัยใหม่

ปากีสถาน​คือประเทศหลักประเทศหนึ่งตามยุทธศาสตร์​การค้าของจีน

ท่าแห่งนี้ห้ามคนนอกเข้า เราเลยไม่เคยได้เข้าไป แต่ชาวบ้านบอกว่าสินค้าจีนเยอะมาก ๆ คุณอาของสามีเราก็เป็นเจ้าหน้าที่ทำงานที่นั่นด้วย

ทุกอย่างในเมืองนี้ เหมือนเป็น​  Mini China ทีเดียว

ที่นี่ได้รับผลกระทบจากโควิดเข้าขั้นรุนแรง สาหัส​ ร้านค้าส่วนใหญ่ปิดร้าน โรงแรมมากมายที่ปิดกิจการ ​(บางโรงแรมเปิดรับเฉพาะคนจีน) ร้านอาหารก็เปิดเพียงไม่กี่ร้าน และผู้คนเป็นหมื่นคนตกงาน ไม่ว่าจะเป็นล่าม พ่อค้า ไกด์ คนงาน คนขับรถประจำทาง คนขับรถสิบล้อ และคนอื่น ๆ ต่างรอคอยการกลับมาของการเปิดด่านชายแดนอีกครั้ง รถสิบล้อที่ข้ามด่านไปไม่ได้จอดรอที่เมืองนี้เป็นร้อย ๆ คัน สร้างความสะเทือนใจให้ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก บางเวลาขณะเราเดินอยู่ในเมืองจะได้ยินเสียง Go Corona Go ไปโคโรน่า ไปโคโรนา​ เสียงนี้มาจากคนที่ตกงาน​จนไม่มีกินจริงๆ

แต่ก็มีความโชคดีจากการปิดด่านชายแดน คือผู้คนที่นี่ไม่มีใครเป็นโควิด-19 ไม่เป็น และไม่เคยเป็น ไม่มีตัวเลขนับ ​1 ด้วย

มันมหัศจรรย์มากนะคะ ที่มีพื้นที่ติดชายแดนจีนเพียงแค่เอื้อม แต่กลับไม่มีโควิด-19 ที่นี่​ อาจจะเป็นเพราะมณฑลซินเจียง ​คือดินแดนตะวันตก​สุด ​ไกลสุดจากอูฮั่น ​มณฑลหูเป่ย​ ที่มีข่าวว่าเป็นต้นทางของโควิด-19 ​ก็ได้

ถนนคาราโครัมไฮเวย์ที่เคยเต็มไปด้วยรถเล็ก รถใหญ่ วันนี้กลายเป็นสนามฟุตบอลให้ชาวบ้านได้เล่นฟุตบอลคลายหนาวแทน

เราเดินซื้อของสักพัก ตั้งใจมาซื้อถ่านหินจากเมืองนี้ เพื่อไปก่อไฟที่บ้านให้ความอบอุ่น และเราก็เดินไปเจอเพื่อน ๆ ไกด์ที่ตกงานมากมาย ทุกคนก็รอความหวังให้โควิด-19 หายไปสักที ในฐานะที่ตัวเองก็ทำทัวร์ ก็อยากให้โควิด-19 หมดไปเช่นกัน

แต่สิ่งที่พบเจอวันนี้ในระหว่างการเดินทาง​ ทุกคนที่เจอยังมีความหวังในการต่อสู้ชีวิตต่อไป​ และคอยการมาของวัคซีน​เพื่อป้องกันไวรัสตัวร้าย​ ให้มนุษย์​ได้ทำมาหากินกันตามปกติสักที

เราจะรอดไปด้วยกัน​ และผู้หญิงไทยคนเดียวบนถนนคาราโครัมไฮเวย์​ ดินแดนหลังคาโลก​ ก็ต้องรอดเหมือนกัน​ เพราะแม่คอยเราอยู่ที่เมืองไทยอันเป็นที่รัก


กุลไลล่า

ไกด์สาวชาวไทย​ สะใภ้​ปากี​สถาน จากหัวหิน​พบรักหนุ่มปากีเชื้อสายวาคี อาศัยอยู่เมืองพาสสุ​ ดินแดนเหนือสุดของประเทศปากีสถาน ปัจจุบันเปิดร้านอาหารริมถนนคาราโครัมไฮเวย์​ ถนนที่ได้รับการขนานนามว่าสูงที่สุดในโลก​ หรือเส้นทางสายแพรไหมในอดีต​

คอยต้อนรับแขกที่ผ่านทางมา​ แวะกินอาหารไทย​และชิมชา​ เบเกอรี่ชื่อดัง​ ทางเหนือของปากีสถานได้​ พร้อมให้บริการท่องเที่ยวปากีสถาน​หลังโควิด​-19 ผ่านไป

กระทรวงการคลัง ออกโรงเตือน ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าว และดาวน์โหลด “แอปพลิเคชันลงทะเบียนเราชนะ” ยืนยันยังไม่มีแอปฯหรือเว็บไซต์เปิดให้ลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ ระบุให้รอความชัดเจนหลังครม.เห็นชอบ 19 ม.ค.นี้

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่ได้ปรากฏว่ามีการเผยแพร่ “แอปพลิเคชันลงทะเบียนเราชนะ” ตามสื่อต่างๆ นั้น กระทรวงการคลัง ขอเรียนว่า แอปพลิเคชันดังกล่าว ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับโครงการเราชนะของรัฐบาลและกระทรวงการคลังแต่อย่างใด ดังนั้น เพื่อมิให้เกิดความสับสน และความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโครงการเราชนะของรัฐบาล จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังในการอ่าน ส่ง หรือแชร์ข้อมูลต่าง ๆ ที่มิได้ถูกเผยแพร่อย่างเป็นทางการจากกระทรวงการคลัง

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังขอเตือนผู้ที่มีพฤติกรรมแอบอ้างโดยมีเจตนาหลอกลวงหรือทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ขอให้หยุดการกระทำดังกล่าวโดยหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องจะมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด และหากพบว่ามีการกระทำความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายทันที

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาโครงการเราชนะในวันอังคารที่ 19 มกราคม 2564 นี้ และจะมีการแถลงข้อมูลที่เป็นทางการอย่างชัดเจน โดยสามารถติดตามสืบค้นข้อมูลข่าวสารและความคืบหน้าที่ถูกต้องเกี่ยวกับโครงการเราชนะ ได้จากแถลงข่าวกระทรวงการคลัง ในเว็บไซต์ www.mof.go.th หรือในเฟซบุ๊ก “สถานีข่าวกระทรวงการคลัง”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top