Tuesday, 8 July 2025
TheStatesTimes

ตำรวจฮ่องกง จับกุมอดีตนักหนังสือพิมพ์อาวุโสที่เคยทำงานให้กับ ‘แอปเปิลเดลี’ ในข้อหาละเมิดกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ขณะที่เจ้าตัวกำลังเตรียมเดินทางออกนอกประเทศที่สนามบินนานาชาติฮ่องกง เมื่อกลางดึกวันอาทิตย์ (27 มิ.ย.)

Fung Wai-kong วัย 57 ปี ถือเป็นพนักงานรายที่ 7 ของแอปเปิลเดลี สื่อโปรประชาธิปไตยฮ่องกง ที่ถูกจับฐานละเมิดกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

ตำรวจแถลงว่า Fung ซึ่งเคยเป็นทั้งบรรณาธิการและคอลัมนิสต์ของแอปเปิลเดลี ถูกจับที่สนามบินฮ่องกง ‘ฐานสมคบคิดต่างชาติเพื่อบ่อนทำลายความมั่นคง’ ของจีน โดยเวลานี้เขายังถูกควบคุมตัวและกำลังมีการสอบสวนอยู่

แจ็ค เฮเซลวูด อดีตนักหนังสือพิมพ์ของแอปเปิลเดลี ทวีตข้อความว่า Fung พยายามที่จะขึ้นเครื่องบินหนีไปลอนดอน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษมีมาตรการตอบโต้การปิดกั้นเสรีภาพสื่อในฮ่องกง

แอปเปิลเดลีซึ่งเป็นสื่อแทบล็อยด์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในฮ่องกงถูกบีบให้ต้องปิดตัวลงอย่างกะทันหัน หลังโดนตำรวจบุกค้นสำนักงานเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. และยังถูกอายัดทรัพย์สินและบัญชีธนาคารทั้งหมด จนไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปอีกได้

สื่อฉบับนี้ตีพิมพ์ฉบับสุดท้ายออกวางจำหน่ายเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา

ทางการฮ่องกงอ้างว่า บทความหลายสิบชิ้นของแอปเปิลเดลีมีเนื้อหาละเมิดกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่จีนเริ่มบังคับใช้กับฮ่องกงตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลฮ่องกงใช้กฎหมายนี้เป็นเครื่องมือไล่บี้สื่อมวลชน

นักวิจารณ์ส่วนใหญ่ชี้ว่า กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติมีวัตถุประสงค์เพื่อปิดกั้นขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง และลิดรอนเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนบนอดีตเกาะอาณานิคมอังกฤษที่ถูกส่งคืนให้แก่จีนในปี 1997

หลายคนยังมองว่า การปิดแอปเปิลเดลีซึ่งเป็นสื่อที่นำเสนอทั้งข่าวซุบซิบและมุมมองเชิงประชาธิปไตย รวมถึงตรวจสอบผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ถือเป็น ‘จุดจบ’ ของเสรีภาพสื่อในฮ่องกง

ทางการจีนและฮ่องกงปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้ใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่กวาดล้างผู้เห็นต่าง และยืนยันว่ารัฐนั้นให้ความเคารพต่อเสรีภาพของสื่อมวลชน แต่ไม่อาจยอมให้สื่อทำงานอย่างไร้ขอบเขตจนเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติได้

อวสานของแอปเปิลเดลีนับเป็นความสูญเสียล่าสุดสำหรับ จิมมี ไล (Jimmy Lai) มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัท เน็กซ์ ดิจิทัล ซึ่งเป็นผู้ตีพิมพ์แอปเปิลเดลี โดยเวลานี้ตัวเขาเองก็ถูกอายัดทรัพย์สิน, ดำเนินคดี และจำคุกฐานฝ่าฝืนกฎหมายความมั่นคงและเข้าร่วมการชุมนุมอย่างผิดกฎหมาย

ศาลฮ่องกงยังเตรียมเปิดการไต่สวน ไล ในความผิดฐานสบคบคิดต่างชาติ ซึ่งมีระวางโทษจำคุกสูงสุดตลอดชีวิต

อย่างไรก็ตาม สมาคมนักหนังสือพิมพ์ฮ่องกงได้ออกคำแถลงประณามการจับกุม Fung พร้อมเรียกร้องให้ตำรวจชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ล่าสุด เว็บไซต์ข่าว Stand News ซึ่งเป็นสื่อโปรประชาธิปไตยในฮ่องกงได้ประกาศเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (27 มิ.ย.) ว่าจะงดรับสปอนเซอร์รายเดือน และเตรียมถอดบทความแสดงข้อคิดเห็นเก่า ๆ บางชิ้นออก

 

 

ที่มา: รอยเตอร์

https://mgronline.com/around/detail/9640000062315


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ทร. แจง ผบ.ทร. เสี่ยงต่ำ ใกล้ชิด “แพนเค้ก” ร่วมงาน ทร.  ไม่ต้องกักตัว รอสังเกตุอาหาร ยัน มีมาตรการเข้ม 

พล.ร.อ.เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยถึงกรณีที่ นางสาว เขมนิจ จามิกรณ์ แพนเค้กโฆษกพิเศษกองทัพเรือ แจ้งผลการตรวจเชื้อไวรัส  COVID-19 มีผลเป็นบวก โดย ระบุ TIMELINE ว่า ได้ไปร่วมงานที่กองทัพเรือ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน นั้น ว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กองทัพเรือได้ดำเนินการตามมาตรการ  DMHT  ในการ ป้องกันการแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัส COVID-19 อย่างเคร่งครัด  ประกอบด้วย  D : Distancing เว้นระยะห่างระหว่างกัน  M : Mask Wearing สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยตลอดเวลา H : Hand washing ล้างมือบ่อย ๆ T : Testing ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้างาน จากข้อมูล โดยกรมแพทย์ทหารเรือ 

สำหรับการจัดกลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิดตามระดับความเสี่ยงการรับเชื้อ มีดังนี้

ผู้สัมผัสที่เสี่ยงต่อการรับเชื้อสูง ได้แก่ 

1.) ผู้สัมผัสใกล้ชิดในที่ทำงาน / ในชุมชน ได้แก่ผู้ที่พบปะกับผู้ป่วยในขณะมีอาการและมีประวัติอาจจะสัมผัสสารคัดหลั่งจากทางเดินเดินหายใจ หรือไอจามจากผู้ป่วยไวรัสโคโรน่า 2019 

2.) ผู้ที่อยู่ในชุมชนเดียวกับผู้ป่วยและสัมผัสสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ หรือไอจามจากผู้ป่วยไวรัสโคโรน่า 2019 

3.) บุคคลนอกเหนือจากข้อ1และข้อ2 ที่อยู่ในระยะห่างไม่เกิน1เมตรจากผู้ป่วย ซึ่งรวมระยะเวลาที่ไม่ใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้านานกว่า5นาที

นอกเหนือจากนั้น จะจัดอยู่ในกลุ่มเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ รวมถึงกรณี การใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าทั้งผู้ติดเชื้อและผู้สัมผัส ก็ถือเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ

สำหรับผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จะทำการกักตัว 14วัน และ SWAB ในครั้งแรก และในวันที่ 12 สำหรับผู้สัมผัสความเสี่ยงต่ำ ให้เฝ้าระวังตนเองโดยไม่ต้องกักตัว หากมีอาการป่วยให้มาพบแพทย์

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวยืนยันว่าในกรณีของผู้บัญชาการทหารเรือ ถือว่าเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำเนื่องจากมีการใส่หน้ากากอนามัยทั้งสองฝ่าย  ไม่ต้องกักตัว แต่อย่างไรก็ตามต้องเฝ้าสังเกตอาการตนเองเป็นระยะเวลา 14 วัน 
 
 โฆษกกองทัพเรือ กล่าวอีกว่า  การเดินทางเข้ามาร่วมงานที่กองทัพเรือ ของ แพนเค้ก เนื่องจาก ในวันที่ 3 ส.ค.64 กองทัพเรือ และ สภากาชาดไทยจะจัดให้มีการแสดงกาชาดคอนเสิร์ตครั้งที่ 47 เพื่อหารายได้โดยไม่หักค่าใช้จ่ายทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชนีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย โดยได้เชิญ เขมนิจ จามิกรณ์ (แพนเค้ก) โฆษกพิเศษกองทัพเรือ  มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในการเชิญชวนประชาชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงิน ร่วมกับ กองทัพเรือ และสภากาชาดไทยช่วยคนไทยรับมือ COVID-19  

ทบ. ระดมศักยภาพช่วยประชาฟันฝ่าโควิด พร้อมสนับสนุน สธ. เตรียม รพ.สนาม รับผู้ป่วย เดินหน้าฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันให้กำลังพลและประชาชน ขณะที่ฌาปนสถาน ทบ. ประกอบพิธีศพผู้ติดเชื้อแล้ว 231 ราย

ร้อยเอกหญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษก ทบ. เปิดเผยว่า กองทัพบกดำรงการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหน่วยทหารทั่วประเทศได้จัดชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน (ชป.กร.) และอาสาสมัครกิจการพลเรือน (อส.กร.) ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้เท่าทันต่อสถานการณ์ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลและบริการด้านสาธารณสุขของรัฐบาล อาทิ ร่วมรณรงค์การฉีดวัคซีนโควิด-19 และบริการลงทะเบียนรับวัคซีนผ่านช่องทางที่ สธ. กำหนด พร้อมแจกอุปกรณ์หน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ให้กับประชาชน นอกจากนี้ในพื้นที่ที่พบการระบาดเฉพาะกลุ่ม (Cluster) หรือพื้นที่ที่ประชาชนประสบปัญหาการดำเนินชีวิตประจำวันและการประกอบอาชีพนั้น กำลังพลจิตอาสาและรถครัวสนามได้ลงพื้นที่ประกอบอาหารปรุงสุกแจกจ่ายให้กับประชาชน ดำเนินการตั้งแต่ 1 พ.ค.64 รวม 315,376 กล่อง พร้อมนำผลผลิตจากโครงการทหารพันธุ์ดีและพืชผลที่กองทัพบกได้อุดหนุนเกษตรกรรับซื้อจากไร่สวน มามอบให้กับประชาชนพื้นที่ดังกล่าว ช่วยเหลือเกษตรกรรวม 50,647 ราย

สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบด้านระบบสาธารณสุข กองทัพบกได้จัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิดกองทัพบก” เพื่อเป็นสื่อกลางให้ความรู้คำแนะนำ และประสานข้อมูลระหว่างประชาชนกับหน่วยงานของรัฐ ผ่านเบอร์โทรศัพท์ 02-270-5685 ตลอด 24 ชม. ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ 3 พ.ค.64 ถึงปัจจุบัน มีผู้ใช้บริการแล้ว 748 คู่สาย ส่วนผู้ที่ได้รับการตรวจหาเชื้อและพบผลบวกหรือเป็นผู้ติดเชื้อนั้น กองทัพบกโดยศูนย์เคลื่อนย้ายฯ ได้สนับสนุนรถพยาบาลรวมทั้งปรับยานพาหนะทางทหารที่มีอยู่และมีความเหมาะสม ในการรับ-ส่ง ผู้ติดเชื้อจากที่บ้านไปเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล/โรงพยาบาลสนาม และส่งกลับบ้านหลังครบกำหนดระยะเวลารักษาตามกระบวนการ สธ. รวมดำเนินการทั้งสิ้น 1,028 ครั้ง ขณะที่การสนับสนุนด้านสถานพยาบาลเพื่อดูแลรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยปัจจุบันยังคงพบยอดผู้ติดเชื้อกระจายตามพื้นที่ต่างๆ กองทัพบกจึงได้ปรับพื้นที่ในหน่วยทหารเป็นโรงพยาบาลสนามจำนวน 14 แห่งทั่วประเทศ สามารถรองรับได้ 2,317 เตียง ปัจจุบันมีผู้ครองเตียง 530 ราย ซึ่งยังคงมีปริมาณเตียงว่างเพียงพอต่อการสนับสนุน สธ.จังหวัด รับผู้ติดเชื้อในพื้นที่นั้นๆ ได้ 

ส่วนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 กองทัพบกยังคงสนับสนุนฌาปนสถาน ทบ. ทั้งในพื้นที่ส่วนกลาง ได้แก่ วัดโสมมนัสวรวิหาร, วัดอาวุธวิกสิตาราม และวัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต และส่วนภูมิภาค วัดสุทธจินดาวรวิหาร จ.นครราชสีมา สำหรับประกอบพิธีและฌาปนกิจศพอย่างต่อเนื่องให้กับครอบครัวที่มีความประสงค์ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ภายใต้การบริหารจัดการตามมาตรการป้องกันโรคของ สธ. ซึ่งปัจจุบันสามารถดำเนินการฌาปนกิจศพ ช่วยเหลือคลายความกังวลให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตไปแล้ว 231 ราย 

ในส่วนของมาตรการป้องกันสำหรับกำลังพลและครอบครัว กองทัพบกได้กำหนดมาตรการระดับบุคคล หน่วยทหารและประชาชนทั่วไป ควบคู่ไปกับมาตรการพิทักษ์พลและแนวทางของ ศบค. พร้อมมอบโรงพยาบาลในสังกัด 37 แห่ง ดำเนินการฉีดวัคซีนเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับกำลังพลโดยเฉพาะผู้ที่ปฏิบัติงานพื้นที่เสี่ยงตามแนวทางจัดสรรของ สธ. ประกอบด้วย บุคลากรทางการแพทย์, กกล.ป้องกันชายแดน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการฝึกทหารใหม่ รวมได้รับวัคซีนแล้ว 56,234 นาย และจะดำเนินการต่อเนื่องตามที่ได้รับการจัดสรร ตลอดจนการเตรียมการฉีดวัคซีน-19 ให้กับทหารใหม่ผลัดที่ 1/64 ที่จะเข้ากองประจำการในวันที่ 1 และ 3 ก.ค.64 นี้ เพื่อสร้างความปลอดภัย เสริมความมั่นใจให้กับทหารใหม่และครอบครัว นอกจากนี้โรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบกทั่วประเทศได้สนับสนุน สธ. จังหวัด ร่วมฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อมและโครงการที่รัฐบาลกำหนด ตั้งแต่ 7 มิ.ย.64 มีประชาชนผู้เข้ารับบริการรวม 36,350 ราย 

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของ พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ที่กำชับให้หน่วยทหารระดมศักยภาพในทุกมิติ สนับสนุนรัฐบาล ลดภาระสาธารณสุข พร้อมช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ดูแลให้ปลอดภัยและสามารถดำเนินชีวิตปกติได้อย่างดีที่สุดภายใต้สถานการณ์วิกฤตนี้


 

ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส. เขตบางขุนเทียน และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวแสดงความเห็นต่อแนวทางบริหารสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะการลักหลับออกคำสั่งปิดแคมป์แรงงานเป็นเวลา 30 วัน ว่า...

ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส. เขตบางขุนเทียน และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวแสดงความเห็นต่อแนวทางบริหารสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะการลักหลับออกคำสั่งปิดแคมป์แรงงานเป็นเวลา 30 วัน ว่า...

คำสั่งดังกล่าวไม่ได้ออกมาเพื่อบริหารสถานการณ์วิกฤติโควิดที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องยอมรับว่านี่คือเข้าสู่ระลอก 4 แล้ว โดยการกระจายเชื้อเกิดขึ้นเป็นวงกว้างไม่ใช่เฉพาะในแคมป์แรงงานหรือร้านอาหารเท่านั้น แต่สามารถจะพบได้จากชีวิตประจำวันในชุมชน หมู่บ้าน หอพัก คอนโดมิเนียม ที่ทำงาน แต่การสั่งที่เน้นลงไปที่แรงงาน เป็นเรื่องของการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่นั่งเป็นประธานสารพัดชุดเฉพาะกิจ ไม่ว่าจะเป็น ประธานศูนย์อำนวยการจัดการวัคซีนแบบ Single Command, ผู้อำนวยการ ศบค.กรุงเทพและปริมณฑล, ผู้อำนวยการ ศบค. และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ที่ได้รวบอำนาจใน พ.ร.บ. ทั้ง 31 ฉบับจากสาธารณสุขและหน่วยงานมาไว้กับตนเอง ต้องการหาแพะมารับบาปแทนตัวเองที่ไม่สามารถบริหารสถานการณ์ได้ หรือต้องบอกว่าเป็นตัวการสำคัญที่ลากให้สถานการณ์เดินมาถึงจุดนี้ได้

“การโทษไปที่แคมป์แรงงาน ก็เพื่อบอกชาวกรุงเทพว่าคนกลุ่มนี้เป็นต้นเหตุของตัวเลขที่พุ่งสูงในช่วงนี้ทั้งที่สถานการณ์ที่เป็นจริงไม่ใช่อย่างนั้นเสียทั้งหมด ในสถานการณ์นี้ยังมีคนทำงานหรือคนกรุงเทพทั่วไปอย่างพวกเราที่ต้องออกไปทำงานแลกข้าว แลกอาหาร แลกค่าแรง ที่หยุดงานไม่ได้และยังสามารถที่จะกระจายเชื้อได้อยู่ดี แต่อาจเป็นเพราะแรงงานเป็นกลุ่มที่มีปากเสียงในสังคมน้อยอยู่แล้ว จึงทำให้รัฐบาลเลือกพวกเขามาเป็นเหยื่อรองรับอารมณ์ของสังคมแทนตัวเองในครั้งนี้ และพยายามตีเนียนหาวิธีลดตัวเลขผู้ติดเชื้อและการหาเตียงในกรุงเทพฯ ด้วยการลักหลักออกประกาศปิดแคมป์ตอนตี 1 เป้าหมายเพื่อให้เกิดความโกลาหลและให้คนรีบกลับต่างจังหวัดก่อนประกาศจะมีผลบังคับใช้จริง กรุงเทพฯ จะได้มีเตียงเหลือพอ

โร้ดแม็ปนี้เป็น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เองที่หลุดพูดออกมา การกระทำแบบนี้ต้องบอกว่าเลวร้ายมากเพราะนอกจากวิกฤติในกรุงเทพฯ จะไม่ลดแล้วยังจะเป็นการส่งเชื้อให้กระจายไปทั่วประเทศอีกด้วย และถ้าเกิดสถานการณ์นั้นเมื่อไหร่ เชื่อได้เลยว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็จะออกมาด่าตราหน้าพวกเขาว่าไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งที่สถานการณ์นี้เป็นท่านเองที่สร้างมันขึ้นมาทั้งนั้น”

ณัฐชา กล่าวว่า การกระทำกับแรงงานเช่นนี้คือภาพสะท้อนอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลนี้มองคนไม่เท่ากันมาโดยตลอด และบริหารวิกฤติอย่างอำมหิต แรงงานคือคนอีกระดับที่จะถูกจัดการอย่างไรก็ได้ ทั้งที่ความจริงแล้วสิ่งที่แรงงานต้องการก็ไม่ต่างจากคนอื่นในประเทศนี้ เขาต้องการได้รับการตรวจที่รัฐบาลต้องตรวจเชิงรุก เขาต้องการพื้นที่กักตัวแยกตัวที่ได้รับการดูแลอย่างเป็นมนุษย์ไม่ใช่คุกสังกะสีที่เรียกว่าแคมป์คนงานที่มีทหารเฝ้าคุม เขาต้องการหมอพยาบาลและการรักษาเมื่อเจ็บป่วย และเขาก็ต้องการการชดเชยเยียวยาอย่างสมเหตุสมผลเมื่อมีคำสั่งของรัฐมากระทบ ตนเชื่อว่า หากพวกเขาได้รับการปฏิบัติอย่างให้เกียรติ ยอมรับ และเข้าใจ ไม่ว่ามาตรการจะเข้มงวดแค่ไหนเขาก็ยินดีจะปฏิบัติตาม

“ถ้ารัฐบาลมองคนเท่ากันจะไม่มีประกาศลักหลับเช่นนี้ออกมา สิ่งที่ผู้นำที่มีวุฒิภาวะทั่วโลกทำให้เห็นตลอด คือทุกครั้งที่เขาจะมีมาตรการใดออกมากระทบต่อพี่น้องประชาชน เขามักเริ่มต้นด้วยคำขอโทษ เริ่มต้นด้วยความเห็นใจและเริ่มต้นด้วยการชี้แจงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น จากนั้นเขาจะพูดถึงวิธีการดูแลเยียวยาที่เขาจะทำเพื่อชดเชยผลกระทบเหล่านี้ ไม่ใช่เริ่มต้นด้วยการแถลงข่าวอย่างยิ้มแย้มเล่นมุกกันในวันที่ผู้ติดเชื้อพุ่งไปกว่า 4,000 คนต่อวัน และมีผู้เสียชีวิตมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ใช่เริ่มต้นด้วยการลักหลับออกคำสั่งโดยไม่พูดถึงการเยียวยาอะไรเลยและหายหน้าไปเพราะติดเสาร์อาทิตย์ ผมคิดว่าหากเราจะต้องมีผู้นำที่ไร้วุฒิภาวะเช่นนี้ สู้เราไม่มีเสียเลยจะดีกว่า เพราะถ้าไม่มีเรายังพอหาทางออกกันเองได้ แต่ถ้ามีแบบนี้ ต่อให้คนทั้งประเทศมีทางออก คนอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ นี่แหละที่จะขวางทางออกไปหาความหวังของประเทศนี้ตลอดเวลา”

ณัฐชา ยังได้กล่าวต่อว่า วิกฤตของพี่น้องแรงงานที่กำลังประสบในขณะนี้ตนเองสัมผัสได้ดีในฐานะที่เคยเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง และอยู่ในสายงานนี้มาตลอดตั้งแต่เรียนจบในฐานะเด็กอาชีวะคนหนึ่ง การสั่งแรงงานก่อสร้างหยุดทำงานเป็นเวลาหนึ่งเดือน มันคือ ‘คำสั่งตาย’ สั่งให้พวกเขาอด สั่งให้ขาดรายได้ และจะขาดลมหายใจในท้ายที่สุด คำสั่งที่ออกมาจึงเป็นเหมือนคำสั่งของคนที่ไม่มีความเข้าใจในเรื่องนี้เลย เหตุใดตนจึงกล้าพูดเช่นนี้ นั่นก็เพราะแรงงานก่อสร้างมากกว่าร้อยละ 90 คือผู้ใช้แรงงานที่ได้รับค่าจ้างเป็นรายวัน วันไหนที่ไม่ทำงานเท่ากับว่าไม่มีรายได้

ส่วนที่พักของคนงานจะถูกสร้างและออกแบบเพื่อนอนตอนกลางคืนอย่างเดียว เวลากลางวันอาศัยอยู่ไม่ได้เพราะก่อสร้างด้วยสังกะสี อากาศจะร้อนจนแทบสุก ปกติเขาจึงทำงานเกือบ 7 วัน น้อยมากที่จะอยู่ที่แคมป์นอกจากกลับมานอน

ดังนั้น เมื่อมีการสั่งพวกเขาห้ามทำงาน จึงเท่ากับสั่งให้เขาต้องใช้ชีวิตแบบไม่มีรายได้ภายในแคมป์สังกะสีร้อน ๆ เป็นเวลาหนึ่งเดือน ซึ่งแค่อยู่จริงแค่วันสองวันก็แทบอยู่ไม่ได้แล้ว จึงไม่ต้องแปลกใจว่าเมื่อคำสั่งออกมาว่าจะต้องอยู่แบบนี้เป็นเดือน ๆ ทำไมเขาจึงตัดสินใจไปเสี่ยงตายเอาที่บ้านเกิดดีกว่า

“ล่าสุด ได้ยินว่าท่านจะชดเชยค่าแรงให้แค่ร้อยละ 50 เรื่องนี้ก็ยังไม่ชัดเจน แต่หนี้และดอกเบี้ยชัดมากและยังเดินเต็มที่ ปกติแรงงานยังสามารถลดค่าใช้จ่ายจากการกินกับไซต์งานได้ แต่เท่าที่ทราบเรื่องกระทั่งเรื่องการดูแลอาหารการกินก็ยังไม่ชัดเจน ที่ร้ายกว่านั้นคืองบเยียวยาท่านยังจะไปเอามาเงินกองทุนประกันสังคมมาใช้ จึงยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมมาก เพราะเงินก้อนนี้คือเงินของนายจ้างและลูกจ้างที่สะสมไว้เพื่ออนาคต ส่วนรัฐมีแต่ค้างหนี้ประกันสังคมอีกหลายหมื่นล้านบาท ไม่ยอมจ่ายแล้วยังจะไปล้วงเงินกระเป๋าของเขาเองแล้วบอกว่าเป็นเงินเยียวยาได้อย่างไร กู้เงินมาแล้วตั้งมากมายทำไมจึงไม่ใช้เงินของรัฐชดเชย เงินกองทุนประกันสังคมที่ควรจะเป็นหลักประกันความมั่นคงของคนทำงานหรือเป็นบำนาญยามแก่เฒ่าของลูกจ้างกลับถูกรัฐบาลล้วงกระเป๋ามาใช้เพื่อแก้ปัญหาความไร้ประสิทธิภาพของตัวเอง ถ้ายังทำแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ กองทุนประกันสังคมก็อาจมีความเสี่ยงที่จะล้มได้”

ณัฐชา ย้ำว่า ขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี และศบค. รวมถึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเป็นผู้ออกคำสั่งที่สิ้นคิดนี้ว่า จะต้องมีการชดเชยทันทีอย่างเต็มที่ การชดเชยในที่นี้คือการชดเชยรายได้ การรับผิดชอบต่อชีวิตข้างหลังของพวกเขา ไม่ใช่แค่การแจกอาหารแห้งให้ประทังชีวิต ภาระที่อยู่เบื้องหลังของคนงานก่อสร้าง คือครอบครัว พ่อแม่ ลูกเมีย หากพวกเขาไม่มีรายได้ อีกหลายชีวิตก็ไร้อนาคตเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ คำสั่งดังกล่าวไม่ได้กระทบเฉพาะแรงงานเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผู้ที่อยู่ในธุรกิจนี้ทั้งระบบ อย่างผู้รับเหมาก่อสร้างเองก็มีผลกระทบเช่นกัน เพราะทุกครั้งที่ส่งมอบงานล่าช้าเขาก็ต้องจ่ายค่าปรับ ยังมีค่าวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่แพงขึ้น หรือต้องสั่งใหม่ ต้นทุนเหล่านี้ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ จนถึงตอนนี้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศอวดครวญ ร่ำร้อง เป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเขาไม่ไหวแล้ว

การบริหารจัดการที่ล้มเหลวซ้ำ ๆ ของรัฐบาลเวลานี้ไม่ต่างอะไรเลยกับการบดขยี้ชีวิตของพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เชื่อว่าสำหรับประชาชนตอนนี้คงเหลือแค่คำตอบเดียวเท่านั้นที่เขาอยากให้ความหวังเป็นจริงที่สุด นั่นก็คือ การได้เห็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกไปเสียที


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

วันต่อด้านยาเสพติดโลก ชุดปฏิบัติการพิเศษอำเภอเมืองชุมพรจังหวัดชุมพร จับกุมเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดพร้อมของกลางยาบ้า 34,000 เม็ด

วันที่ 28 มิถุนายน 2564 เวลา 10.30 น. ของที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอ เมือง จ.ชุมพร นายนักรบ ณ ถลางได้ร่วมนายอภิญญา คนดี ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานยริหารปกครอง (ปลัดอวุโส) นายธีระวุฒิ นุชนงค์ ปลัดอำเภอเมืองชุมพร ฝ่ายความมั่นคง เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. นายลิขิต กิจปกรณ์สันติ ปลัดอำเภอเมืองชุมพร เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. นายกิตติศักดิ์ จีนไทย พร้อมเจ้าหน้าที่สมาชิก อส.อ.เมืองชุมพรที่ 2 ได้ดำเนินการปราบปรามจับกุม ผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชุมพร

สืบเนื่องจากการจับกุม นายนราชัย หรือเก่ง พลดี พร้อมของกลางยาไอซ์ 3.03 กรัม ยาบ้า 3 เม็ด เหตุเกิดที่ห้องเช่าบ้านยังอยู่ ห้องที่ 5 หมู่ที่ 1 ตำบลนาชะอัง อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 64 เวลาประมาณ 03.45 น. โดยบุคคลดังกล่าวได้ขยายผลได้จับกุม ผู้ค้ารายสำคัญ จับกุมนายจิรวัฒน์ หรือเป็ด แซ่ตัน เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 64 เวลา 02.50 น. อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39/1 หมู่ที่ 3 ตำบลดอนชะเอม อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี และว่าที่ ร.ต.หญิงเขมพร หรือกุ๊ก พรานเจริญ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/2 หมู่ที่ 3 ตำบลหนองตากยา อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวน 60,000 เม็ด จับกุมที่สายท่าแซะ-ปะทิว นำมาตรวจที่กองร้อย อส.อ.เมืองชุมพรที่ 2

จับกุมนายองอาจ หรือยอด แดงแก้ว วันที่ 26 มิ.ย.64 เวลา 06.30 น. อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81/2 หมู่ที่ 8 ตำบลท่าหิน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร และนายภูริภัทร หรือเนส แดงแก้ว อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70 หมู่ที่ 8 ตำบลท่าหิน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวน 14,000 เม็ด เหตุเกิดบริเวณสวนยางพาราใกล้บ้านเลขที่ 93/5 หมู่ที่ 8 ตำบลท่าหิน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร

ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร

สุรินทร์ – สองสามีภรรยาเมืองช้าง ผลิกชีวิตปลูกต้นอินทผลัม 3 ไร่ ยอดขายวันเดียวทะลุเกือบ 3 หมื่นบาท

อําเภอโนนนารายณ์ สองสามีภรรยาลาออกจากบริษัทใน กทม.นําเงินที่เก็บหอมลอมริบหันมาปลูกต้นอินทผลัมในไร่เนื้อที่ 3 ไร่ ใช้เวลาปลูกดูแลรักษาเพียง 3 ปี สามารถเก็บผลผลิตสู่ท้องตลาด เพียงเปิดไร่ให้ลูกค้ามาแวะมาชมมาซื้อเพียงวันเดียวมีลูกค้าในอําเภอ และอําเภอข้างเคียงแห่จองขายวันเดียวยอดขายทะลุเกือบ 3 หมื่นบาท

วันที่ 28 มิถุนายน 64 ช่วงเช้านี้ ผู้สื่อข่าวลงไปที่บ้านเลขที่ 69/1 หมู่ 2 บ้านระเวียง ต.โนนนารายณ์ จ.สุรินทร์ โดยมีนายธนกฤต ไสว อายุ 48 ปีและนางชัทราณี สุขประสงค์ อายุ 40 ปี สองสามีภรรยา ได้ทําสวนอินทผลัม ในเนื้อที่ 3 ไร่ ใช้เวลาปลูกเพียง 3 ปี ก็เก็บผลผลิตส่งขายลูกค้าสั่งจองวันเดียวยอดขายทะลุเกือบ 3 หมื่นบาท

นายธนกฤต ไสว อายุ 48 ปี เจ้าของสวนเล่าว่า ตนและภรรยาเคยทํางานบริษัทในแถว กทม.ก่อนจะลาออกจากงานได้เงินมาก้อนหนึ่ง พาภรรยากลับมาอยู่บ้านแล้วหันมาทําไร่ที่พ่อแม่แบ่งมรดกให้ทํากิน 3 ไร่ โดยครั้งแรกตนและภรรยาปลูกมันสําประหลังแต่ราคามันตกตํ่าขายไม่ได้กําไรและต้นทุน จึงหันมาปลูกต้นทุเรียนแต่ก็ไม่ประสบความสําเร็จ เพราะต้นทุเรียนตายหมด

จากนั้นตนไม่หมดความพยายามได้ศึกษาพืชเศรษกิจตัวใหม่ในเน็ต จึงมีแรงจูงใจอีกครั้งพบว่าอินทผลัมคือพืชเศรษกิจตัวใหม่เหมาะสําหรับพื้นที่และอากาศบ้านเราจึงได้เดินทางไปขอดูงานที่สวนอินทผลัมในเขตอําเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา จนชื่นชอบและก็ได้สั่งซื้อเนื้อเยื้อพันธุ์บาฮีและพันธุ์อัมเดนดาฮาน มาปลูกจํานวน 150 ต้นในเนื้อที่ 3 ไร่ โดยใช้ระยะเวลาปลูกและดูแลรักษาเพียง 3 ปี ก็สามารถเก็บผลผลิตชุดแรกได้ผลโตรสชาติหวานติดลิ้น กรอบอร่อย เปิดขายในราคาลูกอินทผลัมพันธุ์บาฮี ขายกิโลละ 400 บาท

ลูกอินทผลัมพันธุ์อัมเดนดาฮาน ขายกิโลละ 600 บาท  ชึ่งทางตนได้เปิดไร่สวนอาชาผาลัมขายวันอาทิตย์ 27 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา วันเดียวมีลูกค้ามาสั่งจองและแวะมาเที่ยวชมมาซื้อที่สวนจนคึกคักตลอดทั้งวัน จนมียอดขายวันเดียวทะลุเกือบ 3หมื่นบาทเลยทีเดียว และหากท่านใดสนใจสั่งซื้อหรือจะมาดูงานชมสวนติดต่อมาได้ที่ เบอร์ 092-692-6259 (ขาว) ยินดีต้อนรับ


ภาพ/ข่าว  บุญเรือง เกสรจันทร์

ตราด - พบคลัสเตอร์ใหม่ ในพื้นที่อำเภอคลองใหญ่ เป็นคนขนส่งผลไม้ไปประเทศกัมพูชา ผลตรวจติดเชื้อ 6 รายแล้ว เจ้าหน้าที่ระดมฆ่าเชื้อ ตรวจโควิดกลุ่มเสี่ยงสูง

นายชูเกียรติ แซ่เอี้ย สาธารณสุขอำเภอคลองใหญ่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ อบต.คลองใหญ่ เจ้าหน้าที่ อสม.อ.คลองใหญ่ ลงพื้นที่ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโควิด-19 ตามสถานที่สาธารณะ ปั๊มน้ำมัน ร้านอาหาร และพื้นที่สุ่มเสี่ยงในชุมชนบริเวณ ม.8 บ้านคลองจาก ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ หลังจากตรวจพบผู้ติดเชื้อที่บ้านคลองจาก ม.8 ต.คลองใหญ่ จำนวน 5 ราย อยู่ในครอบครัวเดียวกัน เมื่อวันที่ผ่านมา ขณะนี้นำตัวส่งรักษาที่ รพ.คลองใหญ่แล้ว ส่วนในวันนี้ผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์นี้รวม 6 รายด้วยกัน

โดยวันนี้เป็นการระดมเจ้าหน้าที่ออกฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อในสถานที่ต่าง ๆ ที่ผู้ป่วยไปสัมผัสมา ทั้งปั๊มน้ำมัน ร้านอาหาร ร้านค้า และบ้านเพื่อน เพื่อป้องกันเชื้อแพร่ระบาดไปสู่ชุมชน อาจทำให้เพิ่มยอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก ขณะเดียวกันสาธารณสุขอำเภอคลองใหญ่ ยังนำกลุ่มผู้ขับรถขนส่งผลไม้ไปประเทศกัมพูชา พร้อมครอบครัว จำนวน 125 คน มาทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่ตึกแรงงานโรงพยาบาลคลองใหญ่ โดยจะต้องรอผลการตรวจในวันพรุ่งนี้ต่อไป

ทั้งนี้เนื่องจากผู้ติดเชื้อทั้ง 5 คนในชุมชนบ้านคลองจาก สองสามีภรรยาขับรถส่งผลไม้เข้าไปในกัมพูชา และเจ้าหน้าที่กัมพูชาตรวจพบว่าติดเชื้อ ทั้ง ๆ ฝั่งไทยก็มีการตรวจตรงด่านจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก แต่ไม่พบเชื้อ เจ้าหน้าที่กัมพูชาจึงส่งตัวกลับมาฝั่งไทย

นอกจากนี้ยังมีคนขับรถขนผลไม้ไปกัมพูชา ติดเชื้ออีก 1 รายเป็นชาวตำบลเนินทราย อ.เมือง จ.ตราด  รอส่งตัวกลับมาอำเภอเมืองตราด วันนี้สาธารณสุขอำเภอคลองใหญ่ และ อบต.คลองใหญ่ จึงเร่งทำความสะอาดและตรวจหาเชื้อจากกลุ่มเสี่ยงสูงและประชาชนที่ไกล้ชิดดังกล่าวต่อไป


ภาพ/ข่าว วิเชียร ม่วงสี ผู้สื่อข่าว จ.ตราด

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

สตูล ตชด.436 จับรถกระบะรั้วที่ใช้ขนส่งสินค้าทางการเกษตร ซุกยาบ้า 60,000 เม็ด

วันนี้ 28 มิถุนายน 2564 ที่กองร้อย ตชด.436 ต.คลองขุด อ.เมือง จ.สตูล พ.ต.ท.ธีรศักดิ์ ศรีราชยา ผบ.ร้อย ตชด.436 มอบหมายให้ ร.ต.อ.พรเทพ หมื่นแกล้ว,ร.ต.อ.ปริวรรต หมาดราและเจ้าหน้าที่ตชด.436 สกัดรถยนต์ต้องสงสัยขาวิ่งเข้าตัวเมืองสตูลโดยร่วมกับชุดสืบตำรวจภูธรจังหวัดสตูล,ตำรวจน้ำสตูล,หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 หมวดปืนเล็กที่ 3 ร้อยร. 5021

หลังจากได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า มีรถกระบะต้องสงสัยไม่ทราบยี่ห้อและแผ่นป้ายทะเบียนลักษณะเป็นรถรั้วที่ใช้ขนส่งสินค้าทางการเกษตร คาดว่าน่าจะนำยาเสพติดยาบ้ามาส่งให้กับกลุ่มผู้ค้าในจังหวัดสตูล โดยอำพรางมากับตะกร้าผลไม้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ตั้งด่านตรวจ-จุดสกัดทุ่งนุ้ยต.ทุ่งนุ้ย อ.ควนกาหลง จ.สตูล ตั้งแต่เวลาประมาณ 03.00 น. จนกระทั่งเวลาประมาณ 04.30 น. ได้มีรถกระบะสีขาวยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม็ค แผ่นป้ายทะเบียน 1 ฒณ 3099 กทม. ลักษณะมีรั้วและตะกร้าผลไม้ตรงตามที่สายข่าวแจ้ง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ส่งสัญญาณให้รถกระบะคันกระบะคันดังกล่าวหยุดรถโดยมีชายจำนวน 1 คนเป็นคนขับ เมื่อชายคนดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงอาการมีพิรุธ หน้าซีด ตัวสั่น จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทั้งได้แสดงบัตรเจ้าพนักงานปปส.ของ ร.ต.อ.พรเทพ หมื่นแกล้ว รอง ผบ.ร้อย ตชด.436

จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมควบคุมตัวไว้สอบถามชื่อ นายต่าย ทวีสุข ทราบชื่อสกุลจริงภายหลัง สัญชาติลาว จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เชิญตัวนายต่ายลงมาจากรถกระบะคันดังกล่าว เพื่อทำการตรวจค้นเบื้องต้นก่อนทำการตรวจค้นเบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เชิญตัวนายต่ายมายังกองร้อยตชด 436 ต.คลองขุด อ.เมือง จ.สตูล เพื่อนำมาตรวจค้นอย่างละเอียด พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้าจำนวน 66 ก้อน แต่ละก้อนพันด้วยเทปกาวสีเหลืองทับตรา 999 (ห้าดาว) ภายในบรรจุยาบ้าจำนวน 5 มัดประทับตรา 999 (ห้าดาว) ห่อด้วยกระดาษสีขาวรวมทั้งหมดจำนวน 30 มัด แต่ละมัดบรรจุยาจำนวน 2,000 เม็ด (รวมยาทั้งหมด 60,000 เม็ด) โดยบรรจุในกระสอบลายสีรุ้งห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำจำนวน 1 ใบ ถูกซ่อนอยู่ภายใต้ตะกร้าผลไม้สีดำซึ่งวางปะปนกับตะกร้าผลไม้เปล่าบริเวณหลังรถกระบะ ซึ่งนายต่ายเป็นผู้ขับ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง สอบถามนายต่ายให้การยอมรับว่าของกลางยาบ้าดังกล่าวเป็นของตนเองจริง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาในที่เกิดเหตุว่ากระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมกลางทั้งหมดส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสตูล เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

พัทลุง - ทำนาริมทะเล 1 เดียวในประเทศไทย ความภาคภูมิใจของลูกหลานชาวบ้านปากประ

บ้านปากประ หมู่ที่ 8 ตำบลลำปำ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง  ชาวบ้านส่วนใหญ่ใช้ชีวิตออกเรือหาปลาเป็นอาชีพหลัก หารายได้มาเลี้ยงครอบครัวตั้งแต่บรรพบุรุษ บ้านเรือนก็ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบ ซึ่งแต่ละรายมีที่ดินบนฝั่งเพื่อประกอบอาชีพเพาะปลูกน้อยมาก จึงคิดค้นหาวิธีการเพาะปลูกพืชในทะเลสาบ หรือริมฝั่งริมทะเลสาบเพื่อเป็นผลผลิตเลี้ยงครอบครัว บรรพบุรุษของชาวประมงนับร้อยปี  จึงได้คิดทำนาข้าวในทะเล โดยใช้พื้นที่ริมชายฝั่งทะเลสาบที่ทอดยาวกว่า 9 กิโลเมตร และถ่ายทอดความรู้วิธีการปลูกข้าวในทะเลสาบมาจนถึงยุคปัจจุบัน

นายสายัณ รักดำ กรรมการสถานศึกษาโรงเรียนวัดปากประ ดูแลงานกิจกรรมโรงเรียนและการทำนาเล เผยว่า การทำนาเลของจังหวัดพัทลุงเป็นหนึ่งเดียวในประเทศไทย ฤดูกาลในการทำนาเลเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนจนถึงต้นเดือนกรกฎาคมและจะเก็บเกี่ยวในเดือนกันยายน เราจะเริ่มหว่านต้นกล้าจะเป็นช่วงต้นเดือนมิถุนายนเว้นต้นกล้าอายุ 1 เดือน แล้วไปปักในทะเลใช้เวลาไม่เกิน 90 วันก็จะเก็บเกี่ยวได้เลย ทำไมเราต้องอาศัยช่วงนี้เป็นเพราะช่วงนี้ลมตะวันตกพัดมาฝั่งตะวันออกหรือที่บ้านเรียกกันว่าลมพลัด จะทำให้น้ำทะเลลดและหาดโคลนก็จะปรากฏขึ้นเป็นโคลนตมที่เหมาะกับการทำนาริมเล ส่วนพื้นที่ที่เหมาะในการทำนาเลก็คือแนวทะเลสาบสงขลาฝั่งจังหวัดพัทลุง ตั้งแต่หมู่ที่ 7 8 และ 11 ของตำบลลำปำ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ทำได้ปีละ 1 ครั้ง โดยไม่ต้องฉีดยาไม่ต้องใส่ปุ๋ย อาศัยแร่ธาตุและซากพืชซากสัตว์จากโคลนตมที่น้ำทะเลพัดขึ้นมา

ในปีนี้พันธุ์ข้าวที่ใช้จะเป็นข้าวพัฒนาสายพันธุ์ได้แก่พันธุ์ กข.55 เพราะปีที่แล้วเราทดลองระหว่างพันธุ์ กข.43 กับ กข.55 ปรากฏว่าข้าวพันธุ์กข.55 ได้ผลผลิตมากกว่า ปีนี้เลยเน้นเป็นพันธุ์ กข.55 เหมาะสำหรับพื้นที่ทำนาเลตรงนี้ การทำนาเลนี้เป็นอาชีพเสริมรายได้ที่ทำก็เพื่อนำข้าวมาเก็บไว้ใช้กินเองในครัวเรือนไม่ได้ทำไว้ทางการพาณิชย์ ซึ่งปกติแล้วคนทะเลสาบสงขลาจะประกอบอาชีพรับจ้างและการทำประมง ส่วนการทำนาริมเลทำมาเป็น 100 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษเป็นการสืบสานวัฒนธรรมทางการเกษตรในด้านการทำนาริมเล อีกอย่างที่นี่ชาวบ้านเขาก็ทำกันมานมนานแล้ว ซึ่งทางสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพัทลุงก็จะมาเน้นเป็นการท่องเที่ยวและเปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ในแก่นักเรียนในเรื่องการทำนาเล ส่วนโรงเรียนที่มาเป็นประจำก็คือโรงเรียนสตรีพัทลุงและมหาวิทยาลัยทักษิณวิทยาเขตพัทลุงรวมถึงหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาเยอะพอสมควร ในด้านผลกระทบในการทำนาเลตรงนี้จะเป็นเรื่องดินและฝนฟ้าอากาศมากกว่า สมมติว่าปีไหนที่พายุเข้าเร็วแล้วข้าวยังไม่สุกดีข้าวก็จะล้ม แล้วถ้าน้ำเค็มเข้าข้าวก็จะลีบไม่เป็นเม็ด แต่โชคดีหน่อยปีที่ผ่านมาน้ำท่วมทำให้น้ำจืดดันน้ำเค็มไปในทะเล และผลจากการน้ำท่วมคลื่นในทะเลแรงเลยพัดเอาตมขึ้นมากองริมขอบชายฝั่งเยอะเลยเหมาะที่จะทำนาเป็นอย่างมาก

ส่วนปริมาณข้าวจะได้ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ชาวนาริมทะเลสาบสงขลา ไม่ต้องซื้อข้าวกิน และบางรายยังเหลือสามารถขายได้ด้วย “การทำนาริมทะเลแห่งเดียวในประเทศไทย ที่นักท่องเที่ยวหากมีเวลาต้องไปสัมผัส” นี่คือความภาคภูมิใจของลูกหลานชาวบ้านปากประ ที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้

ชลบุรี - เปิดประชุมสภาเมืองพัทยา เตรียมจัดระเบียบครั้งใหญ่ธุรกิจเรือท่องเที่ยวพัทยา กว่า 1,600 ลำ

วันที่ 28 มิ.ย.64 เมืองพัทยา ได้จัดประชุมสภาเมืองพัทยา สมัยสามัญ สมัยที่ 2 ครั้งที่ 1 พ.ศ.2564 ที่ห้องประชุมตากสิน ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยนายสินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร สมาชิกสภาเมืองพัทยา ได้ยื่นกระทู้ข้อมูลการแก้ไขปัญหาและการใช้ท่าเทียบเรือท่องเที่ยวพัทยา (แหลมบาลีฮาย) ของผู้ประกอบการสปีดโบ้ท หลังจากมีการร้องเรียนถึงการบริการที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค เพราะไม่มีราคากลางในการควบคุมการจำหน่ายตั๋ว ให้บริการเดินเรือข้ามฟาก

ทั้งนี้ นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า ปัญหาเรื่องดังกล่าวมีมานานแล้ว และเมืองพัทยาก็ได้มีการจัดระเบียบมาโดยตลอด จนมาเข้าสู่ภาวะการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวลดลง กลุ่มผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยว จึงหาวิธีเอาตัวรอดเพื่อต่อชีวิตธุรกิจ จนอาจทำให้เกิดผลกระทบในเรื่องมาตรฐานค่าบริการตามมา

ที่ผ่านมาเมืองพัทยา ทางนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลงพื้นที่เพื่อดูข้อมูลการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติ ให้สอดคล้องกับการพัฒนาการท่องเที่ยว ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อเตรียมในเรื่องของการจัดระเบียบอย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ จากข้อมูลที่มีพบว่า น่านน้ำอ่าวพัทยา มีกลุ่มธุรกิจเรือท่องเที่ยวให้บริการอยู่มากกว่า 1,600 ลำ นอกจากนี้การได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลยังพบจุดจำหน่ายตั๋วมีเป็นจำนวนมาก ทำให้เห็นภาพรวมในการประกอบการว่า มีความเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยอย่างไร

นายสนธยา คุณปลื้ม ยังได้ขอให้ผู้ประกอยการเรือทั้งหมดอยู่ในระเบียบ และรอความเป็นรูปธรรมของการสั่งการและการประกาศของเมืองพัทยา เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น รวมทั้งลดความขัดแย้งด้วยการอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และในช่วงสถานการณ์โควิด-19 นี้ เมืองพัทยา จะได้เตรียมแผนในการวางระเบียบเรื่องนี้ครั้งใหญ่ โดยเรือทั้งหมดจะต้องขึ้นทะเบียนตามประกาศของเมืองพัทยา เพื่ออัพเดทล่าสุด

และจะได้จัดทำจุดจำหน่ายตั๋วเดินเรือ ที่มีการกำหนดราคาที่ชัดเจนมากขึ้น โดยในขณะนี้ตามที่มีผู้ประกอบการตั้งจุดจำหน่ายตั๋วอยู่บริเวณต่าง ๆ เป็นจำนวนมากนั้น เมืองพัทยา ได้อนุโลมให้ทำมาหากินไปก่อน จนกว่าจะมีคำสั่งจัดระเบียบอย่างเป็นทางการ อีกครั้ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top