Friday, 4 July 2025
TheStatesTimes

นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่บริษัท คินเจน ไบโอเทค จำกัด ได้ยื่นเอกสารขออนุญาตวัคซีน ‘สปุตนิก วี’ กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นั้น...

นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่บริษัท คินเจน ไบโอเทค จำกัด ได้ยื่นเอกสารขออนุญาตวัคซีน ‘สปุตนิก วี’ กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นั้น...

ขณะนี้ อย. ได้รับข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2564 ซึ่ง อย. ตรวจสอบแล้วพบว่าข้อมูลล่าสุดที่ยื่นเป็นข้อมูลชุดเดิมที่เคยยื่นกับ อย. แล้ว ยังคงขาดข้อมูลสำคัญที่ใช้ในการพิจารณาด้านความปลอดภัย คุณภาพ และหลักฐานการแสดงมาตรฐานการผลิต GMP PIC/S หรือเทียบเท่า

โดยข้อมูลที่ขาดคิดเป็นร้อยละ 50 ของข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณาทั้งหมด เช่น ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับตัวยาสำคัญ รายละเอียดวิธีวิเคราะห์ของตัวยาสำคัญและผลิตภัณฑ์ยา ข้อมูลการศึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ อย. ได้แจ้งทางบริษัท คินเจน ไบโอเทค จำกัด ให้จัดส่งข้อมูลสำคัญที่ใช้ในการพิจารณาโดยเร่งด่วนเป็นครั้งที่ 3 แล้ว

 

ที่มา: https://oryor.com/อย/detail/media_news/2060


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับ PPP Plastics และ Alliance to End Plastic Waste (AEPW) จัดพิธีเปิดตัว “โครงการ ALL_Thailand เพื่อการจัดการพลาสติกอย่างยั่งยืน”

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับ PPP Plastics และ Alliance to End Plastic Waste (AEPW) จัดพิธีเปิดตัว “โครงการ ALL_Thailand เพื่อการจัดการพลาสติกอย่างยั่งยืน” โดยมีนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ประธาน PPP Plastics และ มิสเตอร์เจค็อบ ดูเออร์ (Mr. Jacob Duer) ประธานบริหาร Alliance to End Plastic Waste (AEPW) ร่วมเป็นประธานในพิธี พร้อมผู้แทนจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และผู้บริหารจากหน่วยงานผู้สนับสนุนหลัก PPP Plastics ได้แก่ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย, ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน), บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด และบริษัท สุเอซ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด

โครงการ ALL_Thailand มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาต้นแบบและนวัตกรรมในการนำพลาสติกที่ใช้งานแล้วกลับมาใช้ประโยชน์และป้องกันพลาสติกเหล่านั้นหลุดรอดไปสู่สิ่งแวดล้อม โดยเน้นการสร้างต้นแบบการจัดการตั้งแต่ต้นทางทั้งในระดับชุมชน ท้องถิ่น จนถึงระดับจังหวัด ในทุกไลฟ์สไตล์ ไปจนถึงระบบและนวัตกรรมที่จะช่วยนำพลาสติกเหล่านั้นกลับมาใช้ประโยชน์ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อโครงการแล้วเสร็จภาครัฐสามารถนำไปขยายผลให้ครอบคลุมทั่วประเทศต่อไป สอดคล้องกับนโยบาย BCG ของทางภาครัฐและ Roadmap การจัดการขยะพลาสติกของประเทศไทย โดย ALL_Thailand ได้รับทุนสนับสนุนจาก AEPW เพื่อดำเนินงาน 3 โครงการย่อยในประเทศไทย ได้แก่ โครงการ Eco Digiclean Klongtoei (อีโคดิจิคลีนคลองเตย) โครงการ Rayong Less-Waste (ระยองลดขยะ) และโครงการ Paving Green Roads (เพฟวิ่งกรีนโรด) โดยมีระยะเวลาดำเนินงานรวมทั้งสิ้น 2 ปี

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ให้ความสำคัญกับการจัดการปัญหาขยะพลาสติกในประเทศไทยอย่างยั่งยืน จึงได้ร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตร Alliance to End Plastic Waste (AEPW) และ PPP Plastics เพื่อดำเนินโครงการในครั้งนี้ ซึ่งจะทำให้เกิด Business Model ในการจัดการขยะ และสามารถนำไปขยายผล ในวงกว้าง เป็นประโยชน์ต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจของประเทศไทย ทั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมฯ มีความพร้อมในการดำเนินโครงการเพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการขยะให้ครบวงจร และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพลาสติกใช้แล้วในรูปแบบต่างๆ เช่น การนำไปใช้สำหรับงานสร้างถนนซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ ให้ประเทศไทยมีแนวทางในการจัดการขยะพลาสติกตลอด Supply Chain สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) และยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทย สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีในอนาคต

ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ประธาน PPP Plastics กล่าวว่า โครงการ ALL Thailand ประกอบด้วย 3 โครงการย่อย โดยโครงการอีโคดิจิคลีนคลองเตย Eco Digiclean Klongtoei เป็นการนำเทคโนโลยีดิจิตอล มาช่วยในการบริหารจัดการขยะพลาสติกตั้งแต่ต้นทาง เช่น การสร้าง Application เพื่อช่วยบริหารจัดการขยะ การพัฒนาถังขยะรูปแบบใหม่กึ่งอัตโนมัติ เพื่อช่วยแยกขยะประเภทพลาสติก เพื่อเพิ่มมูลค่าของขยะพลาสติก ในส่วน Rayong Less-Waste หรือ ระยองลดขยะ จะเป็นการขยายโมเดลการจัดการขยะระดับชุมชนและท้องถิ่นด้วยเศรษฐกิจหมุนเวียนไปให้ครอบคลุมทั้งจังหวัดระยอง โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างชุมชนตัวอย่างในทั้ง 68 เทศบาลของจังหวัดระยอง เพื่อช่วยสร้างรายได้ สร้างอาชีพ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี และลดปริมาณขยะพลาสติกที่ไปหลุมฝังกลบในระยองที่นับวันจะมีพื้นที่ลดน้อยลง และ โครงการ Paving Green Roads (เพฟวิ่งกรีนโรด) เป็นโครงการศึกษาวิจัยเพื่อนำพลาสติกใช้แล้วมาเป็นส่วนผสมในถนนยางมะตอยอย่างมีประสิทธิภาพและไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยร่วมกับหลายประเทศ และในประเทศไทย เราได้ร่วมทำงานกับคณะอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมของการทำถนนที่มีส่วนประกอบของพลาสติกใช้แล้ว ทั้งในด้านอากาศและน้ำ รวมทั้งคุณสมบัติความแข็งแรงทนทาน และศักยภาพในการนำถนนพลาสติกที่ถูกรื้อถอนกลับมารีไซเคิลเพื่อสร้างเป็นถนนใหม่ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการสร้างถนนของประเทศไทยในอนาคตต่อไป

มิสเตอร์เจค็อบ ดูเออร์ (Mr. Jacob Duer) ประธานและซีอีโอ Alliance to End Plastic Waste กล่าวว่า “ทั้ง 3 โครงการนี้มีเป็นตัวอย่างของกิจกรรมในพื้นที่ ที่มีเอกลักษณ์พิเศษที่แตกต่างกันไป แต่เมื่อนำทั้ง 3 โครงการมารวมกันภายใต้โครงการ ALL_Thailand จะสามารถสร้างแรงกระเพื่อมที่ยิ่งใหญ่ที่จะช่วยกระจายความรู้ สร้างความเข้าใจ เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดผลกระทบเชิงบวกในชุมชน สิ่งเหล่านี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ AEPW ที่ต้องการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนและหยุดขยะพลาสติกในสิ่งแวดล้อม”

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สายงานส่งเสริมสนับสนุนอุตสาหกรรม ภายใต้สภาอุตสาหกรรมฯ ได้ให้ความสำคัญกับการจัดการขยะพลาสติก พร้อมเป็นตัวแทนภาคธุรกิจร่วมกำหนดมาตรฐานขวด PET พลาสติก จากรูปแบบขวดสี สู่ขวดใส เพื่อส่งเสริมให้เกิดการนำขวดพลาสติกนำกลับมารีไซเคิลได้ใหม่ สร้างมูลค่าเพิ่มและส่งเสริมให้เกิดการจัดเก็บขวดพลาสติกที่ใช้แล้วเข้าสู่ระบบมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับทิศทางเทคโนโลยีในอนาคต ด้วยภารกิจการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model)

นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า “Dow เห็นความสำคัญของการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อจัดการพลาสติกใช้แล้วอย่างยั่งยืน จึงร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้ง PPP Plastics ตั้งแต่ปี 2560 และขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ภายใต้ PPP Plastics รวมทั้งโครงการ ALL_Thailand ในครั้งนี้ เพื่อช่วยขับเคลื่อนการจัดการขยะพลาสติกตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม DOW ยินดีให้การสนับสนุนโครงการและทำงานร่วมกับทุกภาคีเครือข่ายเพื่อให้โครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้อันจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่างยิ่ง”

นายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี กล่าวว่า “ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี ดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ “ธุรกิจปิโตรเคมีเพื่อความยั่งยืน” ตามแนวทาง ESG (Environmental, Social and Governance) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยตระหนักถึงผลกระทบของพลาสติกใช้แล้วที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม จนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม จึงได้นำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เข้ามาขับเคลื่อนการทำธุรกิจ มุ่งเน้นไปที่การบริหารจัดการพลาสติกตลอดทั้งวงจรอย่างใส่ใจและรับผิดชอบ โดยมีการดำเนินการ 3 ด้านหลัก คือ

1.) การสร้างความรู้และความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียน

2.) การประยุกต์หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ให้ครอบคลุมทุกมิติของการทำธุรกิจ

3.) การสร้างเครือข่ายและความร่วมมือ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ความร่วมมือระหว่างองค์กรและกับทุกภาคส่วน เพื่อดูแลและร่วมสร้างการเติบโตให้กับชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน”

ดร.ชญาน์ จันทวสุ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารความยั่งยืนและภาพลักษณ์องค์กร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “GC หนึ่งในบริษัทผู้ก่อตั้ง PPP Plastics มีความยินดีที่ PPP Plastics สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตร Alliance to End Plastic Waste ในการแก้ปัญหาเพื่อลดปริมาณพลาสติกที่ใช้แล้วบนพื้นฐานของการจัดการขยะอย่างยั่งยืน ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และหลักการ 3Rs บริษัทฯ เห็นความสำคัญของปัญหาต่างๆ ที่เกิดจากพลาสติกที่ใช้แล้ว จึงนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาปรับใช้ เพื่อสร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภค ในรูปแบบที่หลากหลาย บริษัทฯ พร้อมให้ความร่วมมือในการศึกษา พัฒนาการวิจัย และนวัตกรรม เพื่อให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มจากขยะพลาสติกให้สอดคล้องกับแนวทาง BCG เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของพวกเราทุกคน GC หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือกับ PPP Plastics และพันธมิตร จะช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการจัดการพลาสติกที่ใช้แล้วอย่างเป็นระบบ และส่งผลให้โครงการสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายที่วางไว้ ในการลดปริมาณขยะพลาสติกในทะเลไทยลงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ภายใน ปี 2570”

นายนภดล ศิวะบุตร ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปัญหาขยะพลาสติกเป็นความท้าทายทางสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่หลวงสำหรับทุกภาคส่วน เนสท์เล่ ในฐานะบริษัทอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดของโลก เราตระหนักดีถึงบทบาทและหน้าที่สำคัญของเราในฐานะผู้ผลิตที่ต้องมีส่วนร่วมในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อนำไปสู่อนาคตที่ปลอดขยะ เนสท์เล่ได้มีการเปลี่ยนแปลงบรรจุภัณฑ์ของเราให้สามารถนำไปรีไซเคิลหรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้ นอกจากนั้นแล้ว เรายังเล็งเห็นความสำคัญของการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และยินดีที่จะให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันให้เกิดการจัดการขยะพลาสติกอย่างมีประสิทธิภาพและขับเคลื่อนให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างเต็มรูปแบบโดยเร็ว”

Mr. Stephane Heddesheimer, CEO ของ กลุ่มรีไซเคิล และการนำกลับมาใช้ใหม่ ของสุเอซ เอเชีย กล่าวว่า "การรีไซเคิลพลาสติก มีบทบาทสำคัญในการเร่งให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว ของประเทศไทย และวิสัยทัศน์ในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน บริษัท สุเอซ มุ่งมั่นที่จะรีไซเคิลพลาสติก และเปลี่ยนขยะให้เป็นพลังงานสำหรับประเทศไทย และยังคงร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย PPP Plastics และกลุ่มพันธมิตร ตลอดจนผู้นำอุตสาหกรรมอื่นๆ ทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่า เพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุด ในการยุติขยะพลาสติก และเชื่อมั่นว่าความร่วมมือของเราจะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ความหลากหลายทางชีวภาพ และชุมชนของเรา”


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

แผนกำจัด Bitcoin ของ ‘จีน & สหรัฐฯ’ | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

ทีเรื่องนี้ดันคิดเหมือนกัน!!
ชวนคิดแผนกำจัด Bitcoin ของ ‘จีน & สหรัฐฯ’

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย​ อ.ต้อม -​ กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง
..

.


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ดีอีเอส ร่วม ตร โชว์ผลจับกุมพนันยูโร 2020 พร้อมรับเรื่องร้องทุกข์กลุ่มผู้เสียหาย ถูกหลอกเล่นเว็บไซต์พนัน

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 14 มิ.ย. 64 ที่ห้องประชุม กระทรวง ดีอีเอส ชั้น 9 อาคารบี ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พร้อม พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. - รองโฆษก ตร. ร่วมรับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มผู้เสียหายจากการถูกชักชวนร่วมลงทุนพนันออนไลน์เบื้องต้นมีผู้เสียหาย 39 ราย ทั้งสูญเงิน ถูกหลอกถ่ายคลิป และโพสต์ทวิตเตอร์ประจาน พร้อมแถลงผลการปฏิบัติการปราบปรามเว็บพนันออนไลน์ฟุตบอลยูโร 2020 โดยกระทรวงดิจิทัลฯ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะได้ประสานการปฏิบัติในการปราบปราม เว็บไซต์การพนันออนไลน์ทุกรูปแบบ ภายใต้นโยบายของรัฐบาลที่ให้มุ่งเน้นการปราบปรามการกระทำความผิดเว็บไซต์การพนันออนไลน์โดยเฉพาะในช่วงมีการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 ที่ต้องเฝ้าระวังและเข้มงวดตรวจสอบการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลผ่านระบบออนไลน์

ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ฯ กล่าวว่า ผู้เสียหายกลุ่มนี้ถูกคนร้ายแอดเป็นเฟรนด์กับเหยื่อก่อนจะชักชวนร่วมลงทุนพนันออนไลน์ โดยคนร้ายจะเล่นให้เมื่อได้กำไรก็จะคืนเงินให้ แต่เมื่อเล่นไปถึงจุดหนึ่งผู้เสียหายต้องการถอนเงินคืน คนร้ายบอกต้องเพิ่มเงินเข้าไปตามจำนวนก่อน แต่เหยื่อรายหนึ่งมีเงินไม่พอ คนร้ายจึงขอให้ถอดเสื้อผ้าถ่ายรูป-คลิปเป็นประกัน ก่อนเอามาแบล็คเมลล์ สุดท้ายเอาคลิปไปปล่อยในทวิตเตอร์ประจานผู้เสียหายอีกเบื้องต้นมีผู้เสียหาย 39 ราย ทั้งสูญเงิน มูลค่าความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท

กรณีนี้จึงมีความผิด 2 ส่วน คือ เรื่องหลอกลวงลงทุน กับเรื่อง พ.ร.บ.คอมพ์ ม.14(4) ปล่อยภาพลามกอนาจาร และ ป.อาญา ม.309 บังคับขู่เข็ญให้หรือไม่กระทำการใด ๆ (แบล็คเมลล์) ซึ่งผู้เสียหายได้มีการแจ้งความทั้งที่สถานีตำรวจ และ บก.ปอท. โดยรมว.กระทรวง ดีอีเอส ได้กำชับให้ บก.ปอท.ช่วยติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีโดยเร็วเพื่อไม่ให้เป็นภัยสังคมหลอกเหยื่อต่อไปอีก

อย่างไรก็ตาม ภายใต้นโยบายรัฐบาล ในเรื่องการลักเล่นการพนันทายผลฟุตบอลผ่านระบบออนไลน์นั้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ได้กำชับให้ทุกหน่วยในสังกัดเพิ่มความเข้มในการสืบสวนปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการพนัน และบ่อนการพนัน ทุกรูปแบบทุกช่องทางอย่างเคร่งครัด และพร้อมบูรณาการประสานการปฏิบัติกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอประชาสัมพันธ์มายังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นการกระทำความผิดหรือพบเบาะแสเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ สามารถแจ้งไปยังสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลข 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง

The Global New Light of Myanmar สื่อทางการเมียนมา รายงานว่า ได้เกิดการสังหารหมู่คนงานก่อสร้างสะพานข้ามลำธารแห่งหนึ่ง บนเส้นทางจากบ้านกะแนเล มายังบ้านมอคี ตำบลวาเลย์ อำเภอซูกะลี จังหวัดเมียวดี ที่อยู่ตรงข้ามอำเภอพบพระ จังหวัดตาก

เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. The Global New Light of Myanmar สื่อทางการเมียนมา รายงานว่า ได้เกิดการสังหารหมู่คนงานก่อสร้างสะพานข้ามลำธารแห่งหนึ่ง บนเส้นทางจากบ้านกะแนเล มายังบ้านมอคี ตำบลวาเลย์ อำเภอซูกะลี จังหวัดเมียวดี ที่อยู่ตรงข้ามอำเภอพบพระ จังหวัดตาก

การสังหารหมู่ครั้งนี้ เป็นฝีมือของทหารจากองค์กรป้องกันแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Defence Organisation : KNDO) ซึ่งเป็นกองทัพกะเหรี่ยงอีกกองทัพหนึ่งที่อยู่ภายใต้สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ทำงานเคียงคู่กับกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) ซึ่งกำลังเปิดศึกสู้รบอยู่กับกองทัพเมียนมาในบริเวณจังหวัดผาปูน ตรงข้ามอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอนอยู่ในขณะนี้

มูลเหตุการสังหารหมู่ เริ่มจากเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทหาร KNDO ภายใต้การนำของ ร.อ.ซอ บ่าวา ได้นำกำลังประมาณ 30 นาย บุกเข้าไปยังแคมป์คนงานก่อสร้างสะพานข้ามลำธารอู ที่อยู่ใกล้ๆ กับหมู่บ้านกะแนเล จากนั้นได้ลักพาตัวคนงาน และครอบครัว จำนวนรวม 47 คน ประกอบด้วยผู้ชาย 31 คน ผู้หญิง 6 คน และเด็กเล็กอีก 10 คน ไปกักขังไว้

ระหว่างวันที่ 1-9 มิถุนายน ทหารจากหน่วยรักษาความมั่นคงในพื้นที่ได้พยายามเข้าช่วยเหลือตัวประกัน และสามารถช่วยออกมาได้ 22 คน เป็นเด็ก 10 คน ผู้หญิง 6 คน และคนงานชายอีก 6 คน ตัวประกันที่ถูกช่วยออกมาได้ มี 6 คนบาดเจ็บ และได้รับการรักษาพยาบาลโดยหน่วยทหารเสนารักษ์

ต่อมาวันที่ 11 มิถุนายน ได้พบศพของคนงานก่อสร้าง 7 ราย ถูกทิ้งไว้ในป่าห่างจากไซต์ก่อสร้างไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 1,300 เมตร ร่างที่พบมี 1 รายถูกเผา ส่วนอีก 6 รายเสียชีวิตในสภาพที่ถูกมัดมือไพล่หลัง ถัดมาอีก 1 วัน ก็พบร่างของคนงานอีก 18 ราย ถูกทิ้งไว้กลางป่าในอีกจุดหนึ่ง

ภายหลังข่าวการสังหารหมู่ครั้งนี้ถูกเผยแพร่ออกมา เย็นวานนี้ ร.อ.ซอ บ่าวา ได้ชี้แจงผ่าน KNDO News Media โดยยอมรับว่า ได้สังหารคนงานทั้ง 25 คนจริง เนื่องจากสะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่หวงห้าม และคนงานก่อสร้างทั้ง 25 คน เป็นทหารเมียนมาที่ปลอมตัวมา ดังนั้นจึงต้องถูกลงโทษตามขั้นตอนของ KNDO

ร.อ.ซอ บ่าวา บอกว่า ทหาร KNDO ได้ตรวจพบเครื่องแบบทหารเมียนมา และป้ายชื่อ เครื่องหมายชั้นยศ ภายในแคมป์ที่คนงานเหล่านี้พักอาศัย ส่วนตัวประกันที่เป็นเด็ก และผู้หญิง จำเป็นต้องควบคุมตัวมาด้วยเพื่อความปลอดภัย และ KNDO ก็ได้ปล่อยตัวเด็ก และผู้หญิงเหล่านั้นกลับไปแล้วในภายหลัง

มีรายงานว่า คณะกรรมการกลางของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) รับรู้เรื่องราวปฏิบัติการของ KNDO ครั้งนี้ทั้งหมดแล้ว

 

https://mgronline.com/indochina/detail/9640000057664


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ร่าง ‘น้องโฟน’ เหยื่อเก๋งบีเอ็ม Z4 ถึงสมุย พ่อ แม่ เผยทั้งน้ำตามีลูกแค่คนเดียว กว่าจะได้ลูกคนนี้มาสุดยากลำบาก ยืนยันไม่อภัยคนทำให้ลูกตาย ครอบครัวไม่เหลืออะไรแล้ว หมดแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง

เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่วัดบางรักษ์ หมู่ 4 ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี รถกู้ภัยของมูลนิธิร่วมกตัญญู จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้นำร่างของ น.ส.กรกฏ หิรัญ อายุ 31 ปี หรือน้องโฟน ที่เสียชีวิตจากเกิดอุบัติเหตุกรณีรถยนต์เก๋งสปอร์ต BMW รุ่น Z4 ทะเบียน 3 กก 7558 กรุงเทพมหานคร สีน้ำตาลเข้ม ซึ่งมีนายสุรภักดิ์ ภูไชยแสง อายุ 50 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร ที่มากับหญิงสาวอายุ 18 ปี ขับพุ่งชนรถยนต์เก๋งซูซูกิ สวิฟท์ สีน้ำตาล ทะเบียน 1 ขฐ 9316 กรุงเทพมหานคร เหตุเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา บนถนนทางหลวงหมายเลข 21 สายสระบุรี-หล่มสัก บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 180-181 ตำบลห้วยโป่ง อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์

โดยที่วัด นายภูวดล และนางนิตยา หิรัญ อายุ 61 ปี พ่อและแม่ของผู้ตาย พร้อมด้วยนายวิทยา ทองสุข เจ้าของโรงแรมในเครือแฟเฮ้าส์ ในอำเภอเกาะสมุย และญาติๆ ได้รอรับศพ ทันทีที่ศพมาถึง นางนิตยา ถึงกับเป็นลมล้มพับ พร้อมส่งเสียงร้องเรียกหา น้องโฟน ตลอดเวลา ซึ่งทางญาติได้พากันปลอบใจ ขณะที่ญาติได้นำร่างของน้องวางในโลง ญาติได้นำพวงมาลัยวางในโลงศพ เป็นการแสดงความเสียใจ และนำศพใส่ในโลงเย็น ซึ่งพ่อกับแม่ของผู้ตายได้เดินไปเคาะโลงศพน้องโฟน พร้อมส่งเสียงเรียกชื่อ ตลอดเวลา

ต่อมา ทางนายภูวดล และนางนิตยา พ่อกับแม่ของน้องโฟน ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า อุบัติเหตุในครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุที่โหดร้ายที่สุดสำหรับชีวิตครอบครัว ‘หิรัญ’ เป็นการสูญเสียลูกสาวคนเดียวของครอบครัว ซึ่งเก๋งบีเอ็ม ขับประมาท ขับคนละเลนกัน และมาชนรถลูกสาวของตน โดยรถยนต์เก๋งซูซูกิ สวิฟท์ สีน้ำตาล ทะเบียน 1 ขฐ 9316 กรุงเทพมหานคร เป็นรถของน้องโฟน ที่ใช้ขับเดินทางไปทำงาน ซึ่งเห็นตามสื่อข่าวต่างๆ เก๋งบีเอ็มขับซิ่งซ้ายซิ่งขวา ในขณะที่ทัศนวิสัยไม่เป็นใจฝนตก แต่คนขับก็ขับซิ่งโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของเพื่อนร่วมทาง ตนรับไม่ได้จริงๆ

ขณะที่นางนิตยา กล่าวว่า ครอบครัวตนมีลูกยากมาก เมื่อ 30 กว่าปี ตนมีอาชีพเป็นพยาบาล ตนกับสามีอยากมีลูกมาก และได้ไปปรึกษาหมอที่เก่งๆ เพื่อทำกิฟต์ โดยใช้เงินไปกว่า 500,000 บาท และต้องไปฉีดยาบำรุงครรภ์เข็มละ 2,000 บาท ในสมัยนั้นกว่าจะได้น้องโฟนมา และเมื่อคลอดน้องโฟนมาก็เป็นเด็กเลี้ยงง่าย น้องน่ารักมาก เเละเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับครอบครัว ‘หิรัญ’

แต่เมื่อมาสิ้นน้องโฟนไป ก็เหมือนกับหมดแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะในชีวิตมีแต่ลูกอย่างเดียว สำหรับตนในฐานะแม่ และพ่อผู้สูญเสีย ไม่ให้อภัยกับคนที่ทำให้ลูกตาย และจะเดินหน้าต่อสู้ในเรื่องคดีให้ถึงที่สุด ส่วนศพน้องโฟน จะทำการฌาปนกิจ ในวันเสาร์ที่ 19 มิถุนายนนี้

 

https://mgronline.com/south/detail/9640000057679


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กาฬสินธุ์ – ผู้ปกครองและกลุ่มประชาชนทั่วไปในจังหวัดกาฬสินธุ์ เข้ารับการฉีดวัคซีนซิโนแวค และแอสตราเซเนกาเข็มแรก เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และสร้างความมั่นใจปลอดภัยจากโรคโควิด-19

เมื่อเวลา 10.30 น.ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา หน้าศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ (หลังเก่า) นายแพทย์ประมวล ไทยงามศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ เข้าให้กำลังใจผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป ทั้งในส่วนข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ พ่อค้า ประชาชน ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนซิโนแวคและแอสตราเซเนกา โดยมีบุคลากร แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข คอยอำนวยความสะดวก ทั้งนี้ ทุกคนต่างสวมหน้ากาก 100%  มีการตรวจคัดกรอง วัดอุณหภูมิร่างกาย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ รักษาระยะห่าง ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

นายแพทย์ประมวล ไทยงามศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในส่วนของการให้บริการฉีดวัคซีนในวันนี้ เป็นในรอบของกลุ่มประชาชนทั่วไป ซึ่งรวมไปถึงข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ พ่อค้า ประชาชน โดยเฉพาะผู้ปกครองนักเรียน ที่เริ่มเปิดภาคเรียน ที่ได้ลงทะเบียนขอจองฉีดวัคซีน ตามช่องทางแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม และลงทะเบียนกับโรงพยาบาล สำหรับการฉีดวัคซีนในรอบวันนี้ ได้ให้บริการฉีดวัคซีนทั้งซิโนแวคสำหรับกลุ่มประชาชนทั่วไป  และแอสตราเซเนกา ในกลุ่มผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว 7 โรค จำนวน 500 ราย ซึ่งเป็นเข็มแรกของรอบนี้ อย่างไรก็ตาม นอกจากวันนี้ให้บริการฉีดในภาคเช้าและภาคบ่ายแล้ว ในวันพรุ่งนี้ยังจะจัดให้มีการฉีดวัคซีนอีกกลุ่มเป้าหมายจำนวน 600 คน

นายแพทย์ประมวลกล่าวอีกว่า สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนไว้ และยังรอการรับการฉีดวัคซีน ขอให้ใจเย็น ๆ รอไปสักระยะ หากได้รับการจัดสรรวัคซีนมาอีก ก็จะแจ้งให้มารับบริการฉีดวัคซีนทันที เพราะวัคซีนยังจะมีมาเรื่อยๆ และผู้ที่ลงทะเบียนไว้ก็จะได้รับการฉีดวัคซีนครบทุกคน ดังนั้น หากได้รับการแจ้งกำหนดนัดหมาย ขอความร่วมมือมาฉีดโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ป้องกันโควิด-19 ทั้งนี้ ขอให้ความมั่นใจว่าหลังจากการฉีดวัคซีนแล้ว ไม่มีผลข้างเคียงหรือเกิดอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามผู้เข้ารับการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ปกครองที่บุตรหลานเพิ่งเปิดเทอมใหม่ ระบุว่า ก่อนหน้านี้มีความกังวลอยู่มาก เนื่องจากประชาชนทั่วไป รวมทั้งบุคลากรครู นักเรียน ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนกันเลย  ทำให้รู้สึกว่าอยู่ในภาวะเสี่ยงตลอด แม้ว่าจะปฏิบัติตนตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด แต่การดำเนินชีวิตก็เต็มไปด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากมีผู้ป่วยได้รับเชื้อเป็นรายวัน ซึ่งหลังจากเข้ารับการฉีดวัคซีน จึงรู้สึกอบอุ่นและมั่นใจมากขึ้น

สำหรับ จ.กาฬสินธุ์ ได้รับจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 รวมวัคซีนทั้งหมด 45,160 โดส ฉีดให้บุคลากรการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และผู้ประกอบอาชีพเสี่ยงไปแล้ว 32,785 โด๊ส คิดเป็นร้อยละ 72.59 ของวัคซีนที่ได้รับจัดสรร ส่วนวัคซีนที่เหลืออยู่ระหว่างการนัดหมายและจัดฉีดเพิ่มเติมต่อไป อย่างไรก็ตามประชาชนชาวกาฬสินธุ์ ผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป สามารถลงทะเบียนขอรับสิทธิ์การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในวาระแห่งชาติ "ฉีดวัคซีน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" ผ่านอสม./รพ.สต./โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือผ่าน Platform “กาฬสินธุ์พร้อม” และตรวจสอบคิวนัดหมายและประวัติการได้รับวัคซีนผ่าน Application “หมอพร้อม”

ขณะที่สถานการณ์โรคโควิด-19 ล่าสุดวันนี้ยังไม่พบผู้ป่วยเพิ่ม โดยมีผู้ติดเชื้อสะสม 136 ราย  รักษาหายป่วยแล้วสะสม 109 ราย ยังคงรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 23 ราย และเสียชีวิตสะสม 4 ราย


ภาพ/ข่าว  ณัฐพงษ์  ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

ยะลา - ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แก่บุคลากรด่านหน้า ทั้ง AstraZeneca และ Sinovac ไร้อาการข้างเคียง

ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ บุคลากรทางการแพทย์ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด่านหน้า อสม. ผู้นำชุมชน ที่มีความเสี่ยงมีทั้ง AstraZeneca และ Sinovac ไร้อาการข้างเคียง

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2564 ที่ ห้องประชุมภู่พัฒน์ โรงพยาบาลเบตง  จังหวัดยะลา นายแพทย์สวรรค์ กาญจนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเบตง มาคอยให้บริการแก่บุคลากรด่านหน้า ทั้ง บุคลากรทางการแพทย์  ข้าราชการตำรวจ ทหาร  เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด่านหน้า อสม. ผู้นำชุมชน ที่มีความเสี่ยงในการให้บริการแก่ประชาชนมารับวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 2

บรรยากาศเป็นไปด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีป้ายบอกจุดให้บริการอย่างชัดเจน มีเก้าอี้เว้นระยะห่าง มีน้ำดื่มให้บริการ และมีเจ้าหน้าที่มาคอยให้คำแนะนำทุกจุด ทำให้การฉีดวัคซีนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมี นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง มาเยี่ยมให้กำลังใจบุลากรและผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มที่ 2 ด้วย

นพ.สวรรค์ กาญจนะ ผอ.รพ.เบตง เปิดเผยว่า วันนี้ตั้งแต่เช้าประชาชนทยอยมาฉีดกันอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มฉีดวัคซีนมาภายในอาทิตย์นี้ คาดว่าจะฉีดวัคซีนได้ 1,997 คน เป็น AstraZeneca  1,523 คน  Sinovac 475 คน สำหรับวันนี้ เป้าหมายตั้งไว้ 413 คน โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่ม และกลุ่มผู้สูงอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ซึ่งขณะนี้มีผู้ป่วยโควิด-19 นอนักรักษาตัวอยู่ใน รพ.อยู่ 36 คน ซึ่งทั้งหมด มีอาหารดีขึ้นตามลำดับ และปลอดภัยดี ขณะเดียวกันได้ลงพื้นที่หาผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงใน หมู่บ้านอัยเยอร์เวงไปแล้วทั้งหมด 751 คน ทั้งผู้ป่วยเสี่ยงสูงและความเสี่ยงต่ำ พบทั้งสิ้น 34 รายและได้นำมารักษาพยาบาลที่ รพ เบตงทุกราย เพื่อชาวเบตงปลอดภัยมีภูมิคุ้มกันหมู่ นพ.สวรรค์ กาญจนะ ผอ.รพ.เบตง กล่าว

สำหรับวันนี้ฉีดวัคซีน AstraZeneca และ Sinovac แก่บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ อสม. ผู้นำชุมชน ที่ปฏิบัติงานด่านหน้าในพื้นที่ อำเภอเบตง เข็มที่ 2 จำนวน 413 คน และกลุ่มบุคคล อายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว 7 โรคเรื้อรัง สำหรับผู้ที่จองลงทะเบียนผ่าน Line และ App หมอพร้อม และมีการลงนัดเรียบร้อยแล้วจะได้รับการฉีดวัคซีนเป็นชุดแรกตามนโยบายของรัฐบาล และตามคิวการจอง เพื่อให้ได้รับการฉีดวัคซีนเร็วขึ้น

ส่วนผู้ที่จองลงทะเบียนผ่านช่องทางอื่น ๆ จะได้รับนัดกำหนดฉีดวัคซีนเป็นลำดับถัดไป ซึ่งทางทีมสาธารณสุขฯ จะติดต่อแจ้งให้ทราบเป็นลำดับต่อไป หากผู้ที่จองลงทะเบียนผ่าน Line และ App หมอพร้อม แล้วระบบแจ้งยกเลิกนั้น ไม่ต้องไปจองลงทะเบียนใหม่ เพราะข้อมูลของท่านอยู่ที่ทีมสาธารณสุขฯ แล้ว ขอให้รอการรับแจ้งนัดจากทีมสาธารณสุขฯ เพื่อเข้ารับการฉีดวัดซีนในรอบต่อไป


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื๊ด เบตง

แม่ฮ่องสอน - นพค.36 ส่งมอบโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบนำหลักทฤษฎีใหม่ มาประยุกต์สู่ “ โคก หนอง นา โมเดล” เพื่อสร้างรายได้ให้ประชาชนในชุมชน

นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ,นายปฐมพงษ์ จันทร์สว่าง พัฒนาการจังหวัดแม่ฮ่องสอน รับมอบบ่อกักเก็บน้ำโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ "โคก หนอง นา โมเดล" ของนายประเสริฐ จันทร์โอภาส บ้านกลาง หมู่ 7 ต.ห้วยโป่ง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จากหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 36 สำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการปรับพื้นที่และขุดบ่อกักเก็บน้ำ สำหรับแปลงพื้นที่ของนายประเสริฐ จันทร์โอภาส เป็นแปลง CLM พื้นที่ขนาด 15 ไร่ ที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบฯ กับกรมการพัฒนาชุมชน ดำเนินการปรับพื้นที่โดยหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 36 และขุดบ่อกักเก็บน้ำจำนวน 5 บ่อ และขุดคลองไส้ไก่เพื่อนำน้ำไปใช้ในพื้นที่ ซึ่งเมื่อได้ดำเนินการปรับพื้นที่แล้วจะได้มีการเอามื้อสามัคคีในการพัฒนาพื้นที่ต่อไป

นายปฐมพงษ์ จันทร์สว่าง พัฒนาการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า โครงการโคก หนอง นา โมเดล โดยพัฒนาชุมชนจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล เข้าดำเนินการในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทั้ง 7 อำเภอ  25 ตำบล 103 หมู่บ้าน แบ่งเป็นขนาดพื้นที่ 1 ไร่ 3 ไร่ จำนวน 99 แปลง และพื้นที่ 10 ไร่ขึ้นไป จำนวน 4 แปลง ซึ่งพื้นที่ของหมู่บ้านกลาง ต.ห้วยโป่ง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ที่รับมอบจาก นพค.36 ดังกล่าว เป็นของนายประเสริฐฯ มีพื้นที่จำนวน 15 ไร่ และขุดบ่อเก็บน้ำ 5 บ่อ สำหรับแปลงนี้อยู่ในขั้นตอนที่ 2 คือการปรับพื้นที่ หลังจากปรับพื้นที่เสร็จก็จะจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ 9 ฐาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดใกล้เคียงในการศึกษาเรียนรู้โครงการ “ โคก หนองนา โมเดล”

หลังจากจัดทำศูนย์เรียนรู้เสร็จ จะนำหลักทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นำศาสตร์พระราชา มาประยุกต์สู่ “โคก หนองนา โมเดล” ในการดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนบ่อกักเก็บน้ำที่ขุด จำนวน 5 บ่อ นอกจากจะเลี้ยงปลาแล้ว น้ำในบ่อก็จะใช้ในการทำการเกษตรของโครงการและเกิดความชุ่มชื้นในพื้นที่ มีแปลงนา มีการปลูกป่า 5 ระดับ ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ไปจนถึงการปลูกพืชผักสวนครัว ปลูกข้าว เลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่ เป็น สุกร อย่างเป็นรูปธรรมและสร้างรายได้ให้ประชาชนในชุมชนอย่างยั้งยืน


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

ศาลล้มละลายเห็นชอบเเผนฟื้นฟูการบินไทยฉบับเเก้ไข ตามมติของที่ประชุมเจ้าหนี้

ที่ศาลล้มละลายกลาง ถนนเเจ้งวัฒนะ ศาลนัดฟังคำสั่งชั้นพิจารณาให้ความเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการในคดีฟื้นฟูกิจการของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) คดีหมายเลขแดงที่ฟฟ 20/2563  คดีนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานว่าเมื่อวันที่19 พ.ค.64 ที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติพิเศษยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการและแผนที่มีการแก้ไข ศาลกำหนดนัดพิจารณาแผนแล้วมีเจ้าหนี้ยื่นคำคัดค้านประกอบด้วยเจ้าหนี้รายที่ 11627,10320 และรายที่ 10341ยื่นคำคัดค้านว่าแผนฟื้นฟูกิจการไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ศาลพิจารณาแผนคำคัดค้านรายงานผลประชุมเจ้าหนี้คำชี้แจงของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และผู้ทำแผนแล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ดำเนินการจัดประชุมเจ้าหนี้โดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติพิเศษยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการโดยถูกต้องตามมาตรา 90/46โดยแผนฟื้นฟูกิจการมีรายการครบถ้วนตามมาตรา 90/42 ทั้งลำดับและข้อเสนอการชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการได้กำหนดวิธีการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ที่มีลักษณะเหมือนกันอย่างเท่าเทียมตามกฎหมายแม้การชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้บางกลุ่มจะแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ก็สืบเนื่องจากเจ้าหนี้แต่ละกลุ่มมีลักษณะสิทธิเรียกร้องที่ต่างกันและข้อกำหนดการชำระหนี้ดังกล่าวเป็นไปตามความจำเป็นในการประกอบธุรกิจของลูกหนี้ซึ่งไม่ขัดต่อมาตรา 90/42ตรี

ลำดับและข้อเสนอการชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการเป็นไปตามลำดับที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าด้วยการแบ่งทรัพย์สินในคดีล้มละลายตามมาตรา 90/48(2) หากลูกหนี้สามารถดำเนินธุรกิจตามแผนลูกหนี้ย่อมมีรายได้จากการดำเนินกิจการสามารถชำระหนี้ได้แผนฟื้นฟูกิจการจึงแสดงให้เห็นโอกาสและแนวโน้มที่จะสำเร็จ

ประกอบกับเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบหนี้ที่อาจขอรับชำระได้ในการฟื้นฟูกิจการแล้วเจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้ไม่น้อยกว่ากรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายตามหลักการในมาตรา 90/58(3) นอกจากนั้นเมื่อที่ประชุมเจ้าหนี้ได้ลงมติยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการแสดงว่าบรรดาเจ้าหนี้ได้พิจารณาถึงคุณสมบัติความสามารถและความน่าเชื่อถือของผู้บริหารแผนแล้วว่ามีความเหมาะสมและการทำแผนเป็นไปโดยสุจริตไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย ศาลจึงมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการและแผนที่มีการแก้ไขตามมติของที่ประชุมเจ้าหนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top