Friday, 13 June 2025
TheStatesTimes

‘รัสเซีย’ โจมตี ‘ยูเครน’ ครั้งใหญ่สุดในรอบ 3 ปี โรงงานผลิตอาวุธ-คลังน้ำมัน-โครงสร้างพื้นฐานพังยับ

(11 มิ.ย. 68) กรุงเคียฟเผชิญการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนในปี 2565 โดยมีการโจมตีเป้าหมายสำคัญทางทหารและอุตสาหกรรมทั่วเมือง รวมถึงโรงพยาบาลแม่และเด็กในเมืองโอเดสซา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย และบาดเจ็บอีกหลายคน

กระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนยันว่า การโจมตีแบบผสมผสานด้วยขีปนาวุธและโดรนครั้งนี้มุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมการบิน ขีปนาวุธ ยานเกราะ และโรงงานต่อเรือในเคียฟ โดยเฉพาะโรงงาน Artem, โรงงานหุ้มเกราะเคียฟ และคลังเชื้อเพลิงจรวดซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนัก ไฟยังคงลุกไหม้หลายชั่วโมงหลังถูกถล่ม

นอกจากนี้ โดรนและขีปนาวุธรัสเซียมากกว่า 200 ลำพุ่งเป้าโจมตีจุดยุทธศาสตร์ในเขต Vyshgorod, Boryspil, Bila Tserkva รวมถึงสนามบินทหารและคลังน้ำมันหลักของเคียฟ ทำให้โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมได้รับความเสียหาย ถนน เส้นทางรถไฟ และคลังสินค้าหลายแห่งถูกทำลาย

หนึ่งในจุดที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือคลังเก็บหัวรถจักร Darnitsa ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางทหารทางราง และฐานซ่อมบำรุงของยานเกราะที่เก็บรถถังและอาวุธหนัก ขณะที่วิดีโอจากภาคสนามเผยให้เห็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เฮลิคอปเตอร์ Ka-32 พยายามควบคุมเพลิงในคลังเชื้อเพลิงกลางเมือง

ด้านประธานาธิบดีเซเลนสกี ประณามรัสเซียว่า “จงใจโจมตีหัวใจของชาติ” พร้อมเรียกร้องพันธมิตรเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรและสนับสนุนระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติม แม้จะมีความพยายามเจรจาสันติภาพเมื่อไม่นานนี้ แต่การโจมตีล่าสุดยิ่งตอกย้ำความตึงเครียดของสงครามที่ยังไม่มีจุดสิ้นสุด

สวนคนละหมัด!! ‘เอกนัฏ’ โต้กลับ ‘สุชาติ’ ปมกล่าวหา ชวนล้มหัวหน้าพีระพันธุ์ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนยื่นข้อเสนอ แต่ ‘เอกนัฏ’ ไม่เล่นด้วย พร้อมยืนยันทีมสุดซอยทำงานโปร่งใสท้าพิสูจน์ได้

จากกรณีปรากฏเอกสาร 21 สส.พรรครวมไทยสร้างชาติถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้ 'ปรับรัฐมนตรี' ในสัดส่วนของพรรค พร้อมแนบรายชื่อและลายมือชื่อของ 21 สส.มาด้วย ก่อนที่จะมีสส.ที่มีชื่อในนั้นออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ลงลายมือชื่อด้วยตัวเอง ต่อมา นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าว ทั้งยังท้า นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคว่า โทรไปไม่รับสายใช่ไหม ขอท้าเลยว่าเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ให้เปิดอกคุยแบบลูกผู้ชาย ลั่นรู้หมด ใครอยู่เบื้องหลัง 21 สส. ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด (11 มิ.ย.68) นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ถึงกรณีดังกล่าวโดยเผยถึงเรื่องไม่รับสาย นายเอกนัฏว่า เป็นสายที่เข้ามาเมื่อวันอังคาร ที่ 3 มิ.ย. (ไม่ได้โทรมาวันจันทร์) โทรมาจริง แต่ว่าตอนโทรมาคือเหตุการณ์ต่างๆ ไปไกลแล้ว ทำให้ตนงงว่า ตนยังสามารถคุยกับคนแบบนี้ได้หรือเปล่า ข้อแรกนะ เพราะผมไม่ไว้ใจใคร คือตนก็คิดว่าตนเจอสัมภาษณ์ตั้งแต่ที่สนามหลวงวันนั้น ก็บอกแล้วว่าจากกันด้วยดี เราไม่มีอะไรกัน เราอยู่ได้ก็อยู่ ๆ ไม่ได้ก็ปล่อยเราออกมา อย่าลืมว่าต้องย้อนหลังกลับไป “วันที่ตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ” พรรคมาจากใครเราก็รู้ เราวางตัวใครมาเราก็รู้ ผมก็ไม่อยากพูดย้อนกลับไปในอดีต เพราะมันเป็นเรื่องภายในบ้านมันก็ควรจะจบในบ้าน ไม่ใช่มาพูดให้ประชาชนเขามีความรู้สึกว่า นักการเมืองทะเลาะกันออกอากาศ มันอายชาวบ้าน ผมบอกตรง ๆ

นายสุชาติ กล่าวว่า ที่มาให้สัมภาษณ์ ก็เพราะต้องการแก้ข้อกล่าวหาตนก็ลูกผู้ชาย ตนถามกลับว่าเลขาขิง โทรหาผมทำไม เขาก็บอกให้รับสาย แล้วจะรับได้ยังไง เพราะเป็นความคิดที่รับไม่ได้ เพื่อนบอกว่า นายเอกนัฏ ขอให้จับมือกัน ช่วยกันขับหัวหน้าพรรคออกไปแล้วเขาจะเป็นหัวหน้าพรรคเอง อย่างนี้มันแรงไป จึงไม่รับสาย

แต่ตนไม่อยากบอกว่าเพื่อนตนเป็นใคร ไม่อยากให้เอาเพื่อนมาขาย ตนยืนยันพูดความจริงทุกเรื่อง แต่มาทำตัวเองหล่อคนเดียวอย่างนี้ไม่ถูก

นายสุชาติ ระบุว่า เพื่อนตนบอกว่าให้ตนรับสายเลขาขิง บอกว่าถ้าไม่ได้ ก็ช่วยกันจับมือเอาหัวหน้าพรรคออกเถอะ แล้วผมจะคุยทำไม เพราะผมมาไกลแล้ว เป็นเหตุการณ์เมื่อวันอังคารนี้เอง เขามาขอเสียงให้ช่วยกันโหวตขับหัวหน้าพรรคกันหน่อย

“พวกผมไม่เคยอัดเสียงใคร มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย ถ้าผมวางแผน อัดเสียงไว้ ก็มีอะไรยืนยัน แต่ที่ไม่รับสาย เพราะผมเป็นลูกผู้ชายพอ ทำอย่างนั้นไม่ได้ แล้วผมจะรับสายเหรอ ถ้าเขาอัดเทปผมล่ะ อย่างนี้ผมจะคบได้เหรอ”

นายสุชาติ กล่าวว่า วันที่มีรูปกินข้าวกับกลุ่มชุมพร ก็ชัดเจนแล้วว่าเกือบทุกคนมาร่วมอุดมการณ์กับผม จะเหลือใครล่ะ

เมื่อถามว่า 21 รายชื่อของจริงไหม นายสุชาติ กล่าวว่า 21 สส. ก็ยืนยันว่าเซ็นจริง เป็นสส.มันโกหกไม่ได้ คนที่บอกไม่เซ็น ก็ต้องไปตอบคำถามกันเอง 18 คน บอกเซ็น รูปก็มี เราก็ต้องตอบคำถามในบ้านเรา ไม่ใช่ไปบอกข้างนอก

เมื่อถามว่าทำไม 3 ใน 21 ถึงปฏิเสธทันควัน นายสุชาติ กล่าวว่า แล้วรูปไปกินกาแฟ เขามาหาผมพร้อมกันไหม เขาก็รู้ว่ารูปออกสื่อ มากินข้าวอีกรอบวันที่ 6 มิ.ย. ที่เซ็นชื่อ ก็มีรูปว่าเขานั่งอยู่ด้วย ก็กินข้าวด้วยกัน ส่วนจะปฏิเสธทำไม ก็คงมีเหตุผลบางอย่าง แต่ผมไม่ก้าวล่วง ไม่บังคับใคร

“พวกผมเป็นสส. 36 คน มีสิทธิ์มีเสียงอะไรบ้าง ทุกอย่างต้องผ่าน 9 อรหันต์ บางคนสอบตกด้วย จะมาตัดสินใจแทนได้ยังไง แก้ข้อบังคับ ก็ไม่มีสส. รู้ แล้วโครงสร้างแบบนี้อนาคตจะไปยังไง วันนี้เรามาอาศัยบ้านเขาอยู่ วันนี้จะมาคล้องกุญแจ ไม่ให้เราออก แล้วจะทำยังไง ที่ผ่านมาเราสงบไปแล้วรอบนึง สุดท้ายก็เอาระเบียบพรรคมาขับเราออกก็ได้ จะได้ไปสร้างบ้านที่เราจะทำให้ประเทศ” นายสุชาติ กล่าว

นายสุชาติ กล่าวว่า ที่มากล่าวหาว่ามาดีเบตไหมว่าไม่มีผลงาน ตนเป็นรมช. ก็ต้องทำตามรมว. ตอนโควิด ตนเป็นว่าการ ก็ทำงานเขียนหนังสือได้เป็นเล่ม ๆ แต่ตอนนี้เขามีทีมอะไร อ้างมีคนลงขัน มันของปลอมทั้งนั้น ชุดที่เขาตั้ง ชุดสุดซอย มันคือชุดอะไร อ้างไปเหยียบตาปลา กระทบใคร ภาพมันก็ดูดี แต่รู้ไหมมันมีชุดสุดซอย แล้วมีชุดตามเก็บอีกชุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ามีชุดสุดซอยตีเมืองขึ้น แล้วมีคนตามเก็บอีกเหรอ นายสุชาติ กล่าวว่า ต่อไปมันก็จะออกมาหมด ว่าอะไรเป็นอะไร ตนไม่ได้โทษใคร แต่อีกไม่นาน ก็เห็นหมดทุกเรื่อง เรามาพูดเรื่องในบ้าน ก็ไม่ควรให้สังคมปวดหัวกับเราด้วย แต่นี่มาดิสเครดิตกัน

เมื่อถามว่า ชุดเก็บนี่เก็บอะไร นายสุชาติ กล่าวว่า เดี๋ยวรอคนถูกกระทำออกมาพูดดีกว่า ตนไม่ได้ใส่ร้ายใคร แต่นี่เป็นคนพื้นที่ รับไม่ได้ เขาก็มาด่าตน

เมื่อถามว่าเปิดเผยภาพวันที่ 6 มิ.ย. ที่เซ็นชื่อ 21 สส.ได้หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า เดี๋ยวคงมีออกมา วันนั้นเราถ่ายไว้ว่าทุกคนมีแนวคิดเดียวกัน สุดท้ายคืนนั้นทั้งคืน มีผู้ใหญ่ของพรรค โทรหา 21 สส. ก็ถ่ายวิดีโอไว้ บางคนเป็นสส.เขตก็ไม่อยากออกตัว เขาเซ็นจริง ไม่งั้นก็ออกมาฟ้องตนแล้ว แถมยังมาบอกให้โพสต์สนับสนุนหัวหน้า

เมื่อถามว่าสรุปเลขาขิงโทรมาเมื่อไหร่กันแน่ นายสุชาติ กล่าวว่า โทรมาเมื่อวันอังคารที่ 3 มิ.ย. หลังมีรูปที่ตนไปกินกาแฟกับกลุ่มชุมพร แต่เมื่ออังคารที่ 10 มิ.ย. หลัง 21 สส.ลงชื่อแล้ว ไม่มีใครโทรมา เอาโทรศัพท์ตนไปเช็กก็ได้

นายสุชาติ กล่าวว่า คืนวันที่ 9 มิ.ย. ที่กลุ่มชุมพรโพสต์ว่าไม่ได้เซ็น ตนก็โทรหาเลย เขาบอกว่าเขาลำบากเป็นสส.เขต ชาวบ้านจะไปหาว่ารับตังมา ให้กลับข้าง ก็ด่าไปว่าจะบ้าเหรอ ไปทำแบบนี้มันเสียเครดิตเพื่อนทั้งกลุ่ม แล้วต่อไปใครจะคบกับพวกคุณ ตนก็ไม่ว่าใคร ก็ไปแก้ตัวกันเอง แต่คนเขารู้ว่าใครเซ็น ไม่เซ็น

เมื่อถามว่าหนังสือดังกล่าวส่งให้นายกฯแล้วหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า น.ส.พิชชารัตน์ เลาหพงษ์ชนะ ไปกับสส.อีก 3 คน ทราบว่ายื่นแล้วจริง ๆ

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ให้สัมภาษณ์ตอบกลับ ผ่าน pptv เรื่องการกล่าวหาทีมสุดซอย โดยขอพูดตรง ๆ ว่า "ทุเรศ"!!!!

"ไม่ต้องคลุมเครือ ถ้าตัวใหญ่ ใจใหญ่จริง ๆ พูดตรง ๆ เลย พูดให้ชัดเลย ใครเป็นผู้มีอิทธิพลใน eec แล้วไปตบทรัพย์นักธุรกิจ ใครไปตั้งตัวเป็นนายหน้าเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ เพื่ออำนวยความสะดวกธุรกิจเถื่อน ๆ พูดเลยสิครับเอาเลย เชิญเลยครับ!!!

ผมยืนยัน นั่งยัน เอาหัวเป็นประกัน เราไม่เคยทำแบบนั้น  คนกำลังหวังกับสิ่งที่เราทำ และผมก็มุ่งมั่นในการกวาดล้างธุรกิจศูนย์เหรียญ ธุรกิจเถื่อน ผมทำอย่างเปิดเผยทุกครั้ง ไม่เคยแอบจับไม่เคยต่อรอง" เลขาขิงโต้เดือด

พิธีกรได้ถามต่อว่า เป็นเพราะหลายคนชื่นชมผลงาน แบบนี้เลยเป็นการดิสเครดิตใช่หรือไม่?

"ต้องดูที่เจตนาครับ ถ้าเขาอยากได้เก้าอี้ผม ถ้าผมทำงานดีเข้าตาประชาชน ก็เป็นสิ่งที่ขวางทางเขาอยู่ ผมว่า ประชาชนจับได้ และรับรู้นะว่าเจตนาคืออะไร พูดน่ะอะไรก็ได้ แต่ต้องวัดกันที่การกระทำ"

เปิดประวัติ ๑๐ พระแก้วแห่งสยามประเทศ บารมีคู่บ้าน สิริมงคลคู่เมือง (๑) | THE STATES TIMES Story EP.171

ประเทศสยาม หรือประเทศไทยของเรา มีพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองหลายองค์ ซึ่งนับเป็นบารมีและเป็นสิริมงคลแก่แผ่นดินอย่างยิ่ง
.
วันนี้ THE STATES TIMES Story ได้หยิบยก ๑๐ พระแก้วแห่งสยามประเทศ มาเล่าสู่กันฟัง จะมีพระพุทธรูปองค์ใดบ้าง ไปฟังกัน…

เชียงใหม่- 'วีระศักดิ์' อดีต รมว. ท่องเที่ยวและกีฬา บรรยายพิเศษ 'ทิศทางการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่'

สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ จัดบรรยายพิเศษ 'ทิศทางการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่' เพื่อนำคำชี้แนะมาพัฒนาต่อยอด และยกระดับ ของสมาคม และการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่

เมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) ณ โรงแรมศิริปันนา วิลล่า รีสอร์ท แอนด์ สปา เชียงใหม่  นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ในวาระสมัย ปี 2568-2570 , ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพ,อดีตสมาชิกวุฒิสภา และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา บรรยายพิเศษ “ทิศทางการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่”โดยมีนายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับ พร้อมทั้งเจ้าภิคินัย ณ เชียงใหม่ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ และที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่, นายกสมาคมและตัวแทนสมาคมพันธมิตรที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่, พะเยา ส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมรับฟังบรรยาย นำคำชี้แนะ ไปพัฒนาต่อยอด และยกระดับของสมาคมในจังหวัดเชียงใหม่

นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การที่นักท่องเที่ยวชาวจีนลดลง เป็นปกติที่พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจะเปลี่ยนไปค้นหาที่เที่ยวใหม่ๆ ประสบการณ์ท่องเที่ยวใหม่ๆ ส่วนนักท่องเที่ยวที่ยังเข้ามาเยือนประเทศไทยอยู่นั้นเป็นกลุ่มสำคัญที่เราจะต้องทำความเข้าใจกับเขาให้มากขึ้นด้วยเช่นกัน  อย่างไรก็ตามไม่ฝากความหวังไว้กับตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป โดยจะต้องมีการค้นหาตลาดใหม่เพิ่มเติมด้วยเช่นกัน เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของการท่องเที่ยวไทยให้มั่นคงมากขึ้น 

โดยจะต้องบูรณาการทุกภาคส่วนทั้งส่วนราชการ ภาควิชาการ ภาคธุรกิจ รวมถึงผู้ประกอบการในพื้นที่ในการจัดทำศูนย์ข้อมูลกลางรวบรวมจุดเด่นของแต่ละพื้นที่ แบ่งบทบาท แบ่งหน้าที่ในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวตามกลุ่มเป้าหมาย หรือภาคธุรกิจอื่นๆ ที่อยากเชื่อมโยงธุรกิจท่องเที่ยวกับเราอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่แข่งแย่งกัน

นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ รายได้ของจังหวัดเชียงใหม่70% มาจากการท่องเที่ยว ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่มีความสำคัญ เป็นหน้าที่ที่เรามาจับมือคนรอบข้างแล้วเข้าไปมีส่วนร่วมกับสังคม เข้าไปมีส่วนร่วมกับหลายๆภาคส่วนที่จะร่วมกัน เพื่อที่จะมุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกัน คือการทำให้เมืองเชียงใหม่เป็นเมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญด้านการท่องเที่ยว

นายศุภมิตร กิจจาพิพัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ จัดบรรยายพิเศษ“ทิศทางการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่” โดยผู้ทรงคุณวุฒิ คุณวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ในหัวข้อ การสร้างอัตลักษณ์ใหม่ของการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับ Soft Power (5Fs),แนวทางการยกระดับผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวที่มีมาตรฐานและแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัย เพื่อรองรับกลุ่มนักเดินทางเชิงสุขภาพ และกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก Destination Marketing  พร้อมทั้งมีการหารือร่วมกับภาครัฐ และภาคเอกชน ด้านการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย

การจัดงานบรรยายพิเศษ "ทิศทางการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่"ในวันนี้ เพื่อรับฟังวิสัยทัศน์จากผู้เชี่ยวชาญ และร่วมหารือ ในประเด็น การสร้างอัตลัษณ์ใหม่ของการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับ Soft Power (5Fs) โดยให้ความสำคัญกับ Food-Festival-Fun ที่โดดเด่นของเชียงใหม่
- Food (อาหารพื้นถิ่น/ เทศกาลอาหารฮาลาล/ สตรีทฟู๊ด/ ผักผลไม้ GI/ มิชลิน)
- Festival (Big 5: งานไม้ดอก/ สงกรานต์/ pride and mu month/ ยี่เป็ง/ design week)
- Family & Fun (กลุ่มครอบครัว/ csr/ team building)

แนวทางการยกระดับสินค้า และผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวที่มีมาตรฐานและแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัย และกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก Destination Marketing การเข้าร่วมงาน Trade Show เช่น ITB, WTM , TTM+ รวมถึงออกแบบแพคเก็จการท่องเที่ยวแบบครบวงจรสำหรับกลุ่มนักเดินทางต่างประเทศ เช่น Chiang Mai Pass, TAGTHAi Pass เป็นต้น สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งในเรื่องของการยกระดับสินค้าและผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวให้มีมาตรฐานและความปลอดภัยทั้งในการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวที่มาเยือนในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง
          
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการบรรยายในวันนี้ จะได้รับคำชี้แนะ การพัฒนาต่อยอด และยกระดับของสมาคมในจังหวัดเชียงใหม่ อีกทั้งจะเกิดประโยชน์กับทุกท่าน และ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมให้การสนับสนุนทางจังหวัด  สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่, สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และเทศบาลนครเชียงใหม่ อย่างเต็มที่

นางพัศลินทร์ เศวตรัตน์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวชาวไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้น ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ อย่างเช่น นักท่องเที่ยวจีนมีลดลงบ้างเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับภาพรวมของประเทศที่นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเยือนประเทศไทยลดน้อยลง 

อย่างไรก็ตามทาง ททท. ยังดำเนินการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องผ่านการจัดแคมเปญ “สวัสดีหนีห่าว” ซึ่งเป็นการเชิญบริษัทนำเที่ยวรวมถึงอินฟลูเอ็นเซอร์จากจีนเข้ามาสำรวจบรรยากาศการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น

นครพนม​ -​ทหารไทย-ลาว ร่วมประชุมสานความร่วมมือชายแดน(นครพนม-คำม่วน) ยกระดับมาตรการปราบปรามยาเสพติดโดยใชัโดรน - ดูดทรายในแม่น้ำโขง

เมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) ที่ห้องประชุมแขวงทางหลวงนครพนม บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม–คำม่วน) มีการจัดประชุมแลกเปลี่ยนการปฏิบัติงานร่วมกัน ครั้งที่ 5 ประจำปี 2568 ระหว่างคณะชุดประสานงานชายแดนไทย-ลาว โดยมี พันเอกศิวดล ยาคล้าย ผบ.กองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี และหน่วยงานความมั่นคงไทย ให้การต้อนรับ พันเอกบุนเลิด บุบผาวัน หน.การทหาร แขวงคำม่วน สปป.ลาว พร้อมคณะผู้แทนจาก สปป.ลาว

โดยทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันในการดำเนินการเพิ่มมาตรการเฝ้าตรวจอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) และหน่วยจะร่วมกันประสานการปฏิบัติหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ตามสายบังคับบัญชา สนับสนุนการปฏิบัติเพิ่มมาตรการเฝ้าระวัง เนื่องจากอาจเป็นอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ของกลุ่มขบวนการลำเลียงยาเสพติด หรือกลุ่มแอบแฝงการกระทำผิดกฎหมายพระราชบัญญัติอื่นๆ และอาชญากรรมต่างๆ ตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศ และจะส่งผลการตรวจสอบให้กันและกันทราบ เมื่อตรวจสอบทราบข้อเท็จจริงแล้ว 

ทั้งนี้ สองฝ่ายเห็นควรข้อตกลง ดำเนินการลาดตระเวนร่วมอย่างเป็นทางการ 3 เดือน/ครั้ง และจัดการประชุมพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร 6 เดือน/ครั้ง โดยผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพ ทั้งเห็นควร ประสานงานร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเครือข่ายเป้าหมายยาเสพติด อย่างต่อเนื่อง กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีแผนการติดตามเป้าหมายบางรายคดียาเสพติด อีกฝ่ายหนึ่งเป็นเจ้าภาพร่วมมืออย่างรวดเร็วทันกับสถานการณ์

ให้ทั้งสองฝ่ายดำเนินการตรวจสอบกิจการท่าทรายของผู้ประกอบ หรือการจัดตั้งของบริษัทเหมืองแร่ (ดูดทราย)ตามแนวชายแดนแม่น้ำโขง ที่เห็นว่าดำเนินการไม่ถูกต้องตามระเบียบกฎหมายของแต่ละประเทศ รวมทั้งได้ส่งผลการตรวจสอบดังกล่าวให้กันและกันทั้งสองฝ่าย เมื่อมีการประสานขอรับทราบ และกรณีมีการละเมิดกฎหมายเกิดขึ้นทั้ง 2 ฝ่าย เห็นชอบร่วมกันตรวจสอบพื้นที่จริงบริเวณเขตแนวชายแดน ร่วมมือกันยุติปัญหาไว้ ณ แนวชายแดนที่ปรากฏภาพข่าว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเป็นวงกว้างในพื้นที่ จ.นครพนม - แขวงคำม่วน 

ส่วนในข้อสุดท้ายของการประชุม คือสองฝ่ายเห็นควร ประสานการปฏิบัติผ่านกลไกชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดน หากมีการส่งตัวผู้ต้องหาข้ามแดน โดยบันทึกการประชุมฉบับนี้จัดทำขึ้น 4 ฉบับ เป็น 2 ภาษา ทั้งภาษาไทย และภาษาลาว แต่ละฝ่ายจัดเก็บไว้ 2 ฉบับ เพื่อเป็นนโยบายในการปฏิบัติต่อไป

ภายหลังการประชุม คณะทหารทั้งสองประเทศได้เดินทางไปร่วมกิจกรรมโครงการ “หมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนานตามแนวชายแดน” ณ วัดพระบาทเวินปลา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ โดยมีการมอบพันธุ์ปลานิลจิตรดา 3,000 ตัว พร้อมพันธุ์ไม้พยูง ไม้สัก และไม้มะฮอกกานี รวม 400 ต้น และร่วมกันปลูกต้นไม้เพื่อสร้างชุมชนชายแดนที่เข้มแข็งอย่างยั่งยืน

ก.มหาดไทย เผยผลสอบ สปส.ซื้อตึก 7 พันล้าน พบราคาซื้อขายควรอยู่ในช่วง 3.4 – 3.8 พันล.เท่านั้น

(10 มิ.ย. 68) เปิดผลสอบ ก.มหาดไทย ศึกษา-วิเคราะห์ราคาอาคาร SKYY9 หลัง สปส.ควักเงินจ่าย 7 พันล้าน พบราคาซื้อขายขณะนั้น ควรมีค่า ในช่วงประมาณ 3,428,000,000-3,863,000,000 บาท

จากกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการใช้งบประมาณของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ลงทุนซื้ออาคาร SKYY9 มูลค่า 3 พันล้านบาทในราคา 7 พันล้านบาท โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน

ล่าสุด จากการรายงานของสำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลว่า คณะกรรมการฯ ชุดนี้ ได้จัดทำรายงานผลตรวจสอบการใช้งบประมาณของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ลงทุนซื้ออาคาร SKYY9 เสร็จสิ้นแล้ว 

โดยมีข้อสรุปผลการศึกษาและวิเคราะห์ราคาอาคาร SKYY9 เห็นว่า มูลค่าตลาดของอาคาร SKYY9 ในขณะที่ทำการซื้อขายควรมีค่าในช่วงประมาณ 3,428,000,000-3,863,000,000 บาท ใช้วิธีคิดจากกระแสเงินสดคิดลด 

ผลการศึกษาดังกล่าว ระบุว่า "จากการศึกษาการประเมินมูลค่าทรัพย์สินโดยวิธีคิดจากกระแสเงินสดคิดลดข้างต้น พร้อมกับการตรวจสอบความสมเหตุสมผลของมูลค่าด้วยวิธีคิดจากต้นทุนและวิธีเปรียบเทียบข้อมูลราคาซื้อขาย มีความเห็นว่าผลการศึกษาการประเมินมูลค่าอาคาร SKYY9 ที่ได้จากวิธีคิดจากกระแสเงินสดคิดลดเป็นผลที่สอดคล้องกับข้อกำหนดในมาตรฐานวิชาชีพการประเมินมูลค่าทรัพย์สินในประเทศไทย ทั้งยังเป็นแนวคิดที่เหมาะสม สอดคล้องกับธรรมชาติของทรัพย์สิน จึงสามารถสะท้อนมูลค่าตลาดของทรัพย์สินได้ดีกว่า จึงมีความเห็นว่ามูลค่าตลาดของอาคาร SKYY9 ในขณะที่ทำการซื้อขายควรมีค่าในช่วงประมาณ 3,428,000,000 บาท - 3,863,000,000 บาท"

อย่างไรก็ดี ในการศึกษาดังกล่าวมีข้อจำกัด ได้แก่ คณะทำงานไม่ได้รับข้อมูลจากบริษัทประเมินและไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสำรวจทรัพย์สิน  

ส่วนสรุปผลการศึกษาผ่านวิธีการประเมินราคาแบบต่าง ๆ ดังนี้

การประเมินมูลค่าอาคารสำนักงาน SKYY9 โดยวิธีรายได้ : 3,428,000,000-3,863,000,000 บาท

การประเมินมูลค่าอาคารสำนักงาน SKYY9 โดยวิธีคิดจากต้นทุน

มูลค่าที่ดิน (1,392 ตารางวา ละ 700,000-800,000 บาท) : 998,340,000-1,140,960,000 บาท

มูลค่าอาคารสุทธิ : 2,469,000,000 บาท

มูลค่าตลาดโดยวิธีคิดจากต้นทุน : 3,467,340,000-3,609,960,000 บาท หรือประมาณ : 3,467,000,000-3,610,000,000 บาท

มูลค่าอาคารสำนักงาน SKYY9 โดยวิธีเปรียบเทียบราคาตลาด : 3,554,000,000 บาท

ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ยืนยันว่า เป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยังไม่มีการลงโทษอะไร เมื่อทราบข้อเท็จจริง เห็นความผิดปกติ ค่อยพิจารณาดำเนินการต่อไป

เกษตรกรใต้แห่ปลูกทุเรียนแทนต้นยาง-กาแฟ พื้นที่ปลูกพุ่งเฉียด 9 แสนไร่ คาดผลผลิตปี 68 เพิ่ม 14%

(11 มิ.ย. 68) ผลผลิตทุเรียนภาคใต้ปี 2568 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.46 หรือประมาณ 606,958 ตัน จากการขยายพื้นที่ปลูกที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะทุเรียนที่ปลูกในช่วงปี 2562 เริ่มให้ผลผลิตในปีนี้ ส่งผลให้พื้นที่ปลูกทุเรียนภาคใต้ทะลุ 870,000 ไร่ หลังเกษตรกรทยอยโค่นกาแฟ ยางพารา และไม้ผลชนิดอื่น เช่น มังคุด เงาะ ลองกอง เพื่อปลูกทุเรียนที่มีราคาดีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ราคาทุเรียนในปีนี้อาจไม่สดใสเหมือนปีก่อน จากภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอตัว และล้งรับซื้อน้อย ล่าสุดราคาทุเรียนตะวันออกตกลงเหลือเพียง 105-110 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ภาคใต้ยังประสบปัญหาฝนตกกระทบช่วงออกดอก ทำให้บางพื้นที่ผลผลิตหายไปถึงร้อยละ 50-60 โดยเฉพาะทุเรียนทวายที่ชนกับฤดูฝน อาจมีความเสี่ยงไม่สามารถออกผลได้ตามเป้า

ด้านสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 5 จ.สงขลา รายงานว่า ทุเรียนภาคใต้มีเนื้อที่ยืนต้น 870,593 ไร่ และเนื้อที่ให้ผล 622,111 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 6.88 และ 7.54 ตามลำดับ โดยผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ปีนี้อยู่ที่ 976 กิโลกรัมต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.43 จากสภาพอากาศเอื้ออำนวยในช่วงต้นปี และการบริหารจัดการสวนที่ดีขึ้น

สำหรับฤดูกาลเก็บเกี่ยวทุเรียนภาคใต้ปี 2568 เริ่มตั้งแต่ 5 มิถุนายนใน จ.พังงา และทยอยเก็บเกี่ยวในแต่ละจังหวัดจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม โดยผลผลิตทุเรียนจะออกมากที่สุดในเดือนกรกฎาคม ขณะนี้ทุเรียนภาคใต้กว่า 65% ของพื้นที่ให้ผลได้ออกดอกแล้วและอยู่ในระยะติดผลเล็ก

ส่วนไม้ผลอื่น ๆ อย่างมังคุด เงาะ และลองกอง ต่างได้รับผลกระทบจากทั้งสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย และการโค่นพื้นที่ปลูกเพื่อนำไปปลูกทุเรียนแทน ส่งผลให้ผลผลิตปี 2568 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะลองกองที่ผลผลิตคาดว่าจะลดลงถึงร้อยละ 49.10 จากปีก่อนหน้า เนื่องจากราคาตกต่ำและมีฝนตกผิดฤดูกาลในช่วงออกดอก

‘วินท์ - พลัฏฐ์’ เผยตัวตน ‘หัวหน้าพีระพันธุ์’ ที่ได้สัมผัส การันตี เป็นคนสุดสมถะ แต่ทำงานจริงจังเพื่อชาติ - ปชช.

(11 มิ.ย. 68) นายวินท์ สุธีรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ สตีล จำกัด (มหาชน) และกรรมการปรับปรุงและยกร่างกฎหมาย กระทรวงพลังงาน โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า หัวหน้าพีระพันธุ์จากที่ผมสัมผัส

ท่านเป็นรองนายกและรัฐมนตรีพลังงานที่ทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างจริงจังเสมอ ไม่มีข้อสงสัยเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น ใช้ชีวิตอย่างสมถะ ไม่เคยมีรถนำขบวน ทานอาหารแบบเรียบง่าย หากมีคนที่จะมาช่วยชาติด้วยกันท่านก็เปิดใจรับ ไม่จำเป็นว่าต้องมีเส้นสายมาจากไหน

การที่ท่านต่อสู้เพื่อลดค่าครองชีพให้คนไทยจากการลดค่าไฟฟ้า/ค่าแก๊ส/ค่าน้ำมัน กลับกลายเป็นต้องถูกโจมตีทางการเมือง

ถึงช่วยอะไรท่านไม่ได้มาก แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้ “พี่ตุ๋ย” สู้เพื่อชาติต่อไป ลดค่าครองชีพคนไทย ให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ให้สำเร็จให้ได้นะครับ

ขณะเดียวกันทางด้านนายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ อดีตผู้สมัคร สส. กรุงเทพมหานคร เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า …หัวหน้าเป็นคนดีมาก ไม่เคยมีประวัติโกง หรือ หาผลประโยชน์ มีแต่ช่วยคนอื่น 

มี หลายท่าน ให้กำลังใจ และห่วงใย พรรค หัวหน้า และเลขา ต้องกราบขอบพระคุณ ทุกท่านทุกช่องทาง
หลายคนถามว่าทำไม ท่านหัวหน้าไม่ออกมาพูดอะไรบ้าง.

1. เรื่องที่ถูกร้อง ท่านจะไปตอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อตอบแล้วจะได้ความกระจ่างเอง การร้องก็จะยุติไป
2.เรื่องในพรรค ที่มีข่าวทางสื่อมวลชน
2.1 หัวหน้ามีเวลาให้ เพื่อนเสมอ ท่าน สส จะได้พบเมื่อมีการประชุมพรรค ส่วนมากทุกสัปดาห์ น้อยครั้งที่ท่านจะติดภาระกิจ ท่านที่อยากพบส่วนตัว สามารถนัดหมาย หรือ ขอพบหลังประชุมได้ตลอด ข่าวที่ท่านพบยากไม่เป็นความจริง ยกเว้นท่านไม่มาประชุม 

2.2ข่าวอื่นๆที่มีการส่งผ่านทางสื่อ และ Social หากท่านออกมาตอบ ก็จะเป็นการตอบกันไปมา ความจริงจะปรากฏเมื่อถึงเวลา ท่านใช้เวลาทำงานมากกว่าตอบรายวัน การที่ท่านไม่ตอบโต้ ท่านให้เกียรติทุกคน ขอให้เชื่อมั่นเมื่อเวลามาถึง ทุกอย่างก็ชัดเจน ให้เวลากับความจริงทำงานครับ

สหรัฐฯ เลิกทุ่มงบช่วยยูเครน ในปี 2026 ชูแนวทางเจรจากับรัสเซีย แทนการส่งอาวุธ

(11 มิ.ย. 68) พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ แถลงต่อสภาคองเกรสว่า รัฐบาลทรัมป์เตรียมลดงบประมาณช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนในร่างงบประมาณกลาโหมปี 2026 โดยให้เหตุผลว่าสหรัฐฯ ต้องให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของตนเองท่ามกลางปัญหาทั่วโลกที่แข่งขันกัน

รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ระบุอีกว่า รัฐบาลชุดนี้มีมุมมองต่อความขัดแย้งในยูเครนต่างจากอดีต โดยมองว่า “การเจรจาเพื่อยุติสงครามอย่างสันติ” คือแนวทางที่เป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย และกับสหรัฐฯ เอง อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่าการปรับลดจะมีขนาดมากน้อยเพียงใด

ท่าทีล่าสุดนี้เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่รัสเซียเพิ่มการโจมตีทางอากาศใส่ยูเครน โดยเฉพาะในกรุงเคียฟ ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ได้ร้องขอระบบป้องกันภัยทางอากาศจากสหรัฐฯ โดยเสนอซื้อด้วยเงินของยูเครนแทนการรับความช่วยเหลือ

ทั้งนี้ ตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานเต็มรูปแบบในปี 2022 สหรัฐฯ ได้ให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนมากกว่า 66,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 2,376 ล้านบาท) แต่รัฐบาลทรัมป์ได้ระงับแพ็กเกจช่วยเหลือใหม่ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มวาระสองในเดือนมกราคม และมีท่าทีแข็งกร้าวต่อยูเครนมากขึ้น ทั้งยังถอนตัวจากเวทีหารือด้านความมั่นคงร่วมกับพันธมิตรหลายครั้งในระยะหลัง

ขอบคุณ 2 ทหารกล้า ‘พล.อ.พนา - พล.ท.บุญสิน’ ผู้ยืนหยัดแสดงภาวะผู้นำในวันที่รัฐบาลไร้ท่าที

(11 มิ.ย. 68) ขอบคุณ “พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์” และ “พลโท บุญสิน พาดกลาง”

> พวกเขาอาจไม่พูดมาก แต่การตัดสินใจของเขาทำให้ชาติไทย…ยังยืนอยู่ได้
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องรบ ไม่ใช่แค่เรื่องชายแดน
แต่เป็นเรื่องของ “หัวใจคนที่ยืนอยู่หน้าประเทศ”
และในวิกฤตที่ผ่านมา คนไทยทั้งประเทศควรจดจำชื่อของชายสองคนนี้ไว้ให้มั่น

— พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์
ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)
— พลโท บุญสิน พาดกลาง
แม่ทัพภาคที่ 2
---
🕓 บันทึกเหตุการณ์:
ก่อนเกิดเหตุ (ปลาย พ.ค. 68)
– กัมพูชาขุด "คูเลต" ล้ำเข้าพื้นที่พิพาท ส่อเจตนาเชิงรุก
– ฝ่ายการเมืองไทยเงียบ ไม่มีการตอบโต้
– พลโท บุญสิน ตัดสินใจ ตรึงกำลังทันที แม้ไร้คำสั่งทางการเมือง

วันที่ 29 พ.ค. เป็นต้นมา
– กัมพูชาเพิ่มกำลัง ใกล้แนวชายแดน
– รัฐบาลพยายามเจรจา แต่ถูกเมิน
– พลเอก พนา ยืนยันชัดเจน: “ไม่ถอย ไม่ยั่ว ไม่ยอม”
– สั่งตรึงแนวรบเต็มรูปแบบ

ต้นเดือน มิ.ย.
– การเมืองยังนิ่ง แต่ทหาร สั่งปิดด่าน ตัดไฟฟ้า น้ำ และอินเทอร์เน็ต
– การตัดสินใจที่ไม่ใช่แค่กล้า แต่ “เปลี่ยนเกม”

วันที่ 7–9 มิ.ย.
– กัมพูชายอมลดระดับบางจุด
– เปิดเจรจากับ “กองทัพไทย” โดยตรง
– และ “ลบคูเลต” บางส่วน

🎖️ ถ้าชาติปลอดภัย — เพราะมีคนแบบนี้ยืนอยู่
ขอบคุณพลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์
ที่แสดงภาวะผู้นำในวันที่รัฐบาลไร้ท่าที
ขอบคุณพลโท บุญสิน พาดกลาง
ที่ยืนแนวหน้าแบบไม่กลัวความเงียบข้างหลัง
🙏🏼 ประเทศไทยต้องจดจำ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top