Sunday, 8 June 2025
TheStatesTimes

รทสช. ชวนติดแฮชแท็ก “ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด” สร้างขวัญกำลังใจทหารกล้าผู้อาสาปกป้องอธิปไตยชาติ

(6 มิ.ย.68) เพจเฟซบุ๊ก 'พรรครวมไทยสร้างชาติ United Thai Nation Party' โพสต์ข้อความระบุว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ ขอเชิญชวนประชาชนชาวไทย ร่วมกันแสดงออกด้วยการติดแฮชแท็ก #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่พี่น้องทหารของเรา ในภารกิจปกป้องเอกราช และอธิปไตยของชาติ

ขณะที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์ภาพตนเองกับธงชาติไทย ข้อความระบุว่า "#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด" ด้วยเช่นเดียวกัน

‘ทรัมป์’ ตอบตกลงเยือนจีน ตามคำเชิญ ‘สี จิ้นผิง’ ถกการค้า-ลดภาษี หลังโทรคุยกันในรอบหลายเดือน

(6 มิ.ย. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันเตรียมเยือนประเทศจีน หลังได้รับคำเชิญจาก สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ที่เน้นเรื่องการค้าเป็นหลัก ทั้งสองฝ่ายยังเชิญกันไปเยือนประเทศของอีกฝ่ายด้วย

การสนทนาในวันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน 2568 ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำทั้งสองประเทศพูดคุยโดยตรง นับตั้งแต่เริ่มสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ โดยสำนักข่าวซินหัวของจีนระบุว่า การพูดคุยนี้เกิดขึ้นตามคำขอของฝ่ายสหรัฐฯ

ทรัมป์โพสต์บน Truth Social ว่าการพูดคุยเป็นเวลา 1 ชั่วโมงครึ่งเน้นเรื่องการค้าและมีผลลัพธ์เชิงบวกสำหรับทั้งสองประเทศ พร้อมระบุว่าเขาจะเดินทางไปจีนพร้อมสุภาพสตรีหมายเลข 1 และเชิญสี จิ้นผิง เยือนทำเนียบขาวเช่นกัน

ซินหัวรายงานว่า สี จิ้นผิง เรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการด้านลบที่กระทำต่อจีน และเน้นย้ำว่าจีนจะรักษาข้อตกลงลดกำแพงภาษีซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงกันเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยสหรัฐฯ กับจีนจะลดภาษีสินค้านำเข้าลง 15% เป็นเวลา 90 วัน

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยกล่าวหาจีนละเมิดข้อตกลงลดภาษีและหยุดส่งแร่ธาตุหายาก ขณะที่จีนปฏิเสธข้อกล่าวหา และในวันเดียวกัน ทรัมป์ยืนยันว่านักศึกษาจีนสามารถเดินทางมาเรียนในสหรัฐฯ ได้ แต่จะต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ขณะที่สี จิ้นผิง เตือนให้สหรัฐฯ ระมัดระวังเรื่องไต้หวันอย่างรอบคอบในบริบทความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคนี้

ผบ.ตร. ย้ำแสดงจุดยืนในการปกป้องอธิปไตยของชาติ จากกรณีที่ช่องบก

เมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.68) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึง กรณีความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา ในการอ้างสิทธิเกี่ยวกับพื้นที่ และเกิดการปะทะระหว่างกองกำลังไทยและกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ทีีผ่านมา อันอาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญสูงสุดในการพิทักษ์ปกป้องรักษาชาติ และคุ้มครองอธิปไตยของดินแดนไทย โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ ตำรวจตระเวนชายแดนเตรียมความพร้อมกำลัง และนำเครื่องมืออาวุธยุทโธปกรณ์พร้อมในการปฏิบัติและสนับสนุนอย่างเต็มที่ กรณีการปฏิบัติการ หากกำลังพลและเครื่องมืออาวุธยุทโธปกรณ์ของหน่วยปฏิบัติการไม่เพียงพอ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะสนับสนุนอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยไม่ให้ผู้ใดล่วงล้ำอธิปไตยของชาติไทยอย่างเด็ดขาด

พร้อมได้สั่งการให้ตำรวจพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย สืบสวนหาข่าวในพื้นที่ จัดเตรียมความพร้อมแผนปฏิบัติการ แผนเผชิญเหตุ สนับสนุนการปฏิบัติเมื่อได้รับการสั่งการ และให้กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีติดตามเฝ้าระวัง การโจมตีทางไซเบอร์ การปล่อยข่าวปลอมทางสื่อโซเชียล ให้บังคับใช้กฎหมาย ปิดกั้นกรณีที่มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับทางเทคโนโลยีอย่างเด็ดขาด เพื่อมิให้มีการแพร่กระจายข่าวหรือปล่อยข่าวปลอมที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย อีกทั้งได้สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพิ่มความเข้มในการคัดกรองคนต่างด้าวเข้าประเทศไทยตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองอย่างเข้มงวด โดยได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมทั้งด้านแผนการปฏิบัติ แผนเผชิญเหตุ กำลังพล เครื่องมือ อาวุธยุทโธปกรณ์ ให้พร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ ร่วมสนับสนุนการปฏิบัติกับฝ่ายทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติย้ำจุดยืนในการปกป้องรักษาอธิปไตยของชาติ จะไม่ให้ผู้ใดล่วงล้ำอธิปไตยของชาติไทยอย่างเด็ดขาด พร้อมบังคับใช้กฎหมายและสนับสนุนการปฏิบัติทางยุทธการ พิทักษ์พื้นที่ชายแดนและพื้นที่ส่วนหลังอย่างเต็มกำลังความสามารถ

นราธิวาส-แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่สุไหงโก-ลก ย้ำทุกหน่วยเฝ้าระวังเข้มช่วงใกล้วันฮารีรายอ

 

พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วยผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และผู้บังคับบัญชาหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดตรวจความมั่นคงในพื้นที่ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส การลงพื้นที่ครั้งนี้ ครอบคลุมการตรวจเยี่ยม 3 จุดตรวจหลัก ได้แก่ ด่านตรวจบ้านน้ำตก จุดตรวจสุไหงวัสดุ (จุดตรวจที่สร้างใหม่หลังเหตุการณ์ยิงหน้าอำเภอ) และด่านตรวจบุญยลาภ พร้อมทั้งตรวจติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ณ ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนถาวรที่มีประชาชนจำนวนมากจากประเทศมาเลเซียเดินทางเข้ามายังประเทศไทย โดยบรรยากาศบริเวณด่านศุลกากรเป็นไปอย่างคึกคัก เต็มไปด้วยพี่น้องประชาชนจากฝั่งมาเลเซียเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและเยี่ยมญาติ เนื่องในโอกาสใกล้เทศกาลฮารีรายออีฎิ้ลอัฎฮา เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจึงเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ตรวจสอบเอกสารการเข้าออกอย่างเข้มงวด และเน้นย้ำการปฏิบัติงานร่วมกันของทุกหน่วยในพื้นที่

แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ช่วงเทศกาลสำคัญเช่นนี้ ประชาชนจะมีการเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งภายในและระหว่างประเทศ จึงจำเป็นต้องดำเนินมาตรการป้องกันและดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างเคร่งครัด โดยได้สั่งการให้ทุกจุดตรวจใช้ความระมัดระวัง สังเกตสิ่งผิดปกติ รวมถึงเฝ้าระวังยานพาหนะและบุคคลต้องสงสัยที่อาจฉวยโอกาสกระทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ยังมีการเสริมมาตรการด้านเทคโนโลยี ด้วยการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ตามเส้นทางหลัก เส้นทางรอง และด่านพรมแดน เพื่อช่วยเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง และใช้เป็นหลักฐานหากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และประชาชน คือหัวใจสำคัญในการสร้างพื้นที่ปลอดภัย ความสงบจะเกิดขึ้นได้จากการทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง

จเรตำรวจแห่งชาติได้รับรางวัล บุคคลต้นแบบ ด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ในงาน 'วันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ประจำปี 2568'

เมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.68) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมงาน 'วันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ประจำปี 2568' ภายใต้แนวคิด 'Together We Can Stop Human Trafficking' จัดโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ณ อาคารอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ เมืองทองธานี โดยมี นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานเปิดงาน

สำหรับการจัดงาน 'วันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ประจำปี 2568' มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้ประชาชนตระหนักว่า การค้ามนุษย์เป็นภัยใกล้ตัว คนทุกช่วงวัยอาจตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ รวมทั้งแสดงถึงการบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการต่อต้านการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไป 

ภายในงานมีการมอบรางวัลดีเด่นด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ จำนวน 4 ประเภท รวมทั้งสิ้น 31 รางวัล ประกอบด้วย บุคคลต้นแบบ จำนวน 3 รางวัล , บุคคลดีเด่น จำนวน 16 รางวัล , หน่วยงานดีเด่น จำนวน 6 รางวัล และจังหวัดต้นแบบขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ จำนวน 6 รางวัล 

โดย พล.ต.อ.ธัชชัยฯ ได้รับรางวัล “บุคคลต้นแบบ ด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์” ซึ่งมีผลงานสำคัญ ได้แก่
- ออกมาตรการป้องกันการหลอกลวงนำคนไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ที่ถูกหลอกลวงไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน 
- จัดการประชุมร่วมกับผู้แทนสถานทูตจากประเทศต่างๆ และการประชุมหน่วยเฉพาะกิจ UNODC ต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ 
- จับกุมหัวหน้าองค์กรอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติญี่ปุ่น และช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ชาวญี่ปุ่น

โอกาสนี้ ยังมีข้าราชการตำรวจที่ได้รับรางวัล ได้แก่ พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ได้รับรางวัล “บุคคลต้นแบบ ด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์” 

รางวัล “บุคคลดีเด่น ด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์” จำนวน 6 คน ได้แก่ 
- พ.ต.อ.กรีธา ตันคณารัตน์ รองผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ 
- พ.ต.อ.กวินศักดิ์ พีรยศธนนนท์ รองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 
- พ.ต.อ.ศิริพงศ์ ศรีทันฐ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก 
- พ.ต.ท.ชัยชนะ สุริยวงค์ รองผู้กำกับการ (สอบสวน) กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ 
- พ.ต.ท.หญิง กัลย์สุดา จุลประเสริฐ สารวัตรตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเพชรบุรี 
- ร.ต.อ.ณัฏฐพร ไผ่ประดิษฐ์ รองสารวัตร (สอบสวน) กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ 

นอกจากนี้ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ยังได้รับรางวัล “หน่วยงานดีเด่น ด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์” อีกด้วย

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตระหนักถึงความสำคัญในภารกิจการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีนโยบายให้ดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ เพื่อให้ปัญหาดังกล่าวลดลงและหมดไปจากสังคมไทย

‘ยูเครน’ เจอขีปนาวุธ โดรนถล่ม ดับ-เจ็บเพียบ หลังโจมตีฐานทัพ และสนามบินของ ‘รัสเซีย’

(6 มิ.ย. 68) รัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครนระลอกใหญ่ในช่วงเช้ามืดวันศุกร์ โดยใช้ทั้งโดรนและขีปนาวุธพิสัยไกลพุ่งเป้าหลายเมืองทั่วประเทศ รวมถึงกรุงเคียฟ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 คน และบาดเจ็บราว 40 คนทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน ยูเครนระบุว่าเป็นการตอบโต้หลังจากที่เคียฟโจมตีฐานทัพทิ้งระเบิดของรัสเซียลึกเข้าไปในแดนศัตรูเมื่อต้นสัปดาห์

การโจมตีสร้างความเสียหายในกรุงเคียฟ โดยมีอาคารที่พักอาศัยหลายหลังถูกไฟไหม้และผนังถล่ม ขณะที่หน่วยกู้ภัยเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตท่ามกลางซากปรักหักพัง รายงานระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเสียชีวิต 3 นาย ส่วนเมืองเชอร์นีฮิฟใกล้ชายแดนเบลารุสถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธรวม 14 ลูก และเมืองลุตสค์ทางตะวันตกเฉียงเหนือใกล้โปแลนด์มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย

กองทัพอากาศยูเครนระบุว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธครูซอย่างน้อย 38 ลูก ขีปนาวุธพิสัยใกล้ 6 ลูก และโดรนอีกกว่า 400 ลำ ขณะที่ในวันเดียวกัน ยูเครนใช้โดรนโจมตีโรงงานอุตสาหกรรมในเมืองเอนเกลส์ของรัสเซีย สร้างความเสียหายบริเวณฐานทัพทางใต้ ซึ่งอยู่ห่างจากพรมแดนยูเครนถึง 460 กิโลเมตร

การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากยูเครนโจมตีสะพานเคิร์ช จุดเชื่อมหลักระหว่างรัสเซียกับแหลมไครเมีย ด้วยวัตถุระเบิดน้ำหนักกว่า 1 ตันที่ซุกไว้ใต้น้ำ ด้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ให้คำมั่นว่าจะตอบโต้ และย้ำจุดยืนในสายตรงกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งไม่ได้แสดงท่าทีห้ามปรามผู้นำรัสเซีย

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์เตือนว่ารัสเซียอาจใช้ขีปนาวุธรุ่นใหม่ที่มีหัวรบหลายลูกโจมตียูเครนอีกในอนาคต โดยที่ผ่านมาเคยใช้อาวุธชนิดนี้ถล่มเมืองดนิโปรมาแล้ว การขยายการผลิตโดรนและขีปนาวุธในรอบปีของรัสเซีย ทำให้สามารถเปิดฉากโจมตีขนาดใหญ่พร้อมกันหลายแนวรบ ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ใหม่เพื่อเจาะระบบป้องกันทางอากาศของยูเครนที่ยังพึ่งพาเทคโนโลยีสหรัฐฯ เป็นหลัก

‘ดร.เก่งกิจ’ โพสต์ข้อความ ชี้ความคลั่งชาติ เป็นช่องเพิ่มพลังให้กองทัพที่เป็นปรปักษ์กับประชาชน -ประชาธิปไตย

‘ดร.เก่งกิจ’ โพสต์ข้อความ ชี้ความคลั่งชาติ เป็นช่องเพิ่มพลังให้กองทัพที่เป็นปรปักษ์กับประชาชน -ประชาธิปไตย

จีนเปิดข้อมูลลับ ขีปนาวุธข้ามทวีป DF-5 ครั้งแรก ยิงไกล 12,000 กม. ครอบคลุมแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ

(6 มิ.ย. 68) สื่อทางการจีน CCTV เปิดเผยรายละเอียดสำคัญของขีปนาวุธข้ามทวีปแบบติดหัวรบนิวเคลียร์ DF-5 เป็นครั้งแรก ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายครั้งสำคัญ หลังจากจีนเคยเก็บงำข้อมูลด้านยุทธศาสตร์นิวเคลียร์มาอย่างเข้มงวด โดยนักวิเคราะห์มองว่าการเปิดเผยครั้งนี้อาจเป็นการส่งสัญญาณว่า จีนมีขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์ที่เหนือกว่าที่โลกเคยรับรู้

รายงานระบุว่า ขีปนาวุธ DF-5 เป็นจรวดสองขั้นตอนที่สามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ลูกเดียว ซึ่งมีอานุภาพระเบิดสูงถึง 3-4 เมกะตัน หรือมากกว่าระเบิดปรมาณูที่สหรัฐฯ ใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงกว่า 200 เท่า มีพิสัยยิงไกลถึง 12,000 กิโลเมตร ครอบคลุมทั้งแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ และยุโรปตะวันตก พร้อมค่าความแม่นยำเฉลี่ยภายในรัศมี 500 เมตร

จรวดรุ่นนี้มีความยาว 32.6 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 3.35 เมตร และน้ำหนัก 183 ตัน โดยพัฒนาขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1970 และเข้าประจำการในปี 1981 นายซ่ง จงผิง อดีตผู้ฝึกสอนในกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ระบุว่า DF-5 เป็นรากฐานสำคัญของการสร้าง “อำนาจยับยั้งนิวเคลียร์” ของจีน และเป็นสัญลักษณ์ว่า จีนมีศักยภาพตอบโต้ในระดับสากล

นักวิเคราะห์คาดว่า การเปิดเผยข้อมูล DF-5 อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการทยอยปลดระวางระบบเก่า และเตรียมเปิดตัวยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยยิ่งขึ้น เช่น DF-31 และ DF-41 ซึ่งสามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์หลายลูก และมีระบบเคลื่อนที่ได้ ขณะที่เพนตากอนประเมินว่า ปัจจุบันจีนมีหัวรบนิวเคลียร์พร้อมใช้งานกว่า 600 ลูก และอาจทะลุ 1,000 ลูกภายในปี 2030

ทั้งนี้ จีนยังคงยืนยันนโยบาย 'ไม่ใช้ก่อน' ต่ออาวุธนิวเคลียร์ และจะไม่ใช้งานกับประเทศที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ ท่ามกลางการแข่งขันด้านยุทโธปกรณ์ระหว่างชาติมหาอำนาจที่ทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน 2568

ม้าศึกต้องฝึกอยู่เสมอ
ขุนศึกขี้คร้านเท่ากับ
เอาหัวไปให้ศัตรูตัดเล่นเท่านั้นเอง
เราไม่รู้ว่าจะเกิดสงครามเวลาใด
ความตายมาถึงเมื่อไรเราไม่รู้
มารู้ก็ตอนแย่แล้ว

หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต

ผบ.กองเรือยุทธการ มอบนโยบาย การเตรียมความพร้อมกำลังรบทางเรืออากาศยานหน่วยซี

เมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.68) พลเรือเอก ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผู้บัญชาการ กองเรือยุทธการมอบนโยบายการเตรียมความพร้อมกำลัง ระดับ พ.2 ของกองเรือยุทธการ ณ ดาดฟ้าบิน เรือหลวง ร.ล.จักรีนฤเบศร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ใจความว่า กองเรือยุทธการ เป็นหน่วยกำลังรบหลักของกองทัพเรือ เตรียมความพร้อมทั้งด้านกำลังพล เรือ อากาศนาวี และหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ สามารถประกอบกำลังเป็น กองเรือเฉพาะกิจปฏิบัติการระยะไกลป้องกันเชิงรุกตามแนวทางการใช้กำลังโดยรุกออกนอกประเทศ เป็นเครื่องมือทางทหารของรัฐบาล ที่จะก่อให้ให้เกิดการเจรจาโดยสันติ บนพื้นฐานของกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศ 

กำลังทางเรือ ของกองเรือยุทธการ ได้ผ่านการฝึกภายในประเทศและฝึกร่วมกับมิตรประเทศ มีขีดความสามารถในการคุ้มครองเส้นทางคมนาคมทางทะเล เรือในทะเล สามารถโจมตี ไล่ล่า ทำลายกำลังฝ่ายตรงข้ามและส่งกำลังรบยกพลขึ้นบกของนาวิกโยธิน ทำการยุทธบรรจบกับกำลังทางบก

หน่วยกำลังรบทางเรือของกองทัพเรือ มีความพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้ทันทีตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top