Monday, 9 June 2025
TheStatesTimes

‘เจียงเจ๋อหมิน’ ถึงแก่อสัญกรรมด้วยวัย 96 ปี จากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว-อวัยวะล้มเหลว

(30 พ.ย. 65) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่าทางการจีนประกาศถึงการอสัญกรรมของ ‘เจียงเจ๋อหมิน’ ด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและอวัยวะล้มเหลวหลายระบบในวัย 96 ปี ณ เทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน ตอน 12.13 น. ของวันที่ 30 พ.ย. 2022 ตามเวลาท้องถิ่น

ประกาศข้างต้นออกโดยคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน คณะกรรมการถาวรประจำสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน คณะรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน คณะกรรมการแห่งชาติประจำสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งประชาชนจีน และคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยประกาศผ่านจดหมายถึงพรรคฯ กองทัพ และประชาชนจีนทุกกลุ่มชาติพันธุ์

จดหมายระบุการประกาศด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อพรรคฯ กองทัพ และประชาชนจีนทุกกลุ่มชาติพันธุ์ว่าเจียงเจ๋อหมิน สหายผู้เป็นที่รักของปวงชน เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและอวัยวะล้มเหลวหลายระบบ หลังจากการรักษาทางการแพทย์ทั้งหมดไม่ประสบผลสำเร็จ

'พิธา' ยัน!! ไทยต้องเร่งกระจายอำนาจแบบบิ๊กแบง ก่อนสภาวะกบต้ม พาไทยพินาศแบบไม่รู้ตัว

'พิธา' ชู กระจายอำนาจแบบบิ๊กแบง ปลดปล่อยศักยภาพทั่วประเทศ ชี้ กฎระเบียบรัฐรวมศูนย์ทำไทยชวดเงินช่วยเหลือกองทุนโลกร้อน 

(30 พ.ย. 65) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้อภิปรายสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 'ปลดล็อกท้องถิ่น' ที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และประชาชน 76,591 รายชื่อ เป็นผู้เสนอ โดยพิธากล่าวว่า จากวิกฤติโควิด วิกฤติค่าครองชีพ วิกฤติราคาพลังงานที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าศักยภาพของโครงสร้างรัฐรวมศูนย์แบบปัจจุบันไม่สามารถพาประเทศไปข้างหน้าได้ ประเทศไทยต้องการการเปลี่ยนแปลงอย่างบิ๊กแบง (Big Bang) รัฐราชการรวมศูนย์แบบที่เรามีอยู่ในขณะนี้ พาประเทศต่อไปข้างหน้าไม่ได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะในเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง

พิธา กล่าวว่า เกือบทุกคนคงเห็นตรงกัน ว่าประเทศต้องกระจายอำนาจ บางท่านอาจจะไม่เห็นด้วยกับการกระจายแบบ Big Bang โดยมองว่าปฏิบัติได้ยาก แต่ถ้าเราไม่ปฏิรูปในเรื่องที่ยาก ผ่าตัดประเทศเพื่อรักษาโรคเรื้อรัง ประเทศของเราก็จะเป็นกบต้มไปเรื่อยๆ จนพังพินาศไปอย่างไม่ทันรู้ตัว บางท่านอาจมองว่าร่างนี้สุดโต่ง แต่คำว่า 'สุดโต่ง' เป็นเรื่องสัมพัทธ์ ไม่ใช่สัมบูรณ์ เทียบกับในอดีตร่างนี้อาจถูกมองว่าสุดโต่ง แต่เทียบกับสถานการณ์โลกในตอนนี้ ร่างนี้อาจไม่ทันกินด้วยซ้ำไป

พิธากล่าวต่อว่า หากรัฐสภาแห่งนี้ปฏิเสธที่จะรับหลักการของร่างรัฐธรรมนูญปลดล็อกท้องถิ่น ประเทศไทยของเราจะสูญเสียโอกาสอย่างมหาศาลที่จะผ่าตัดพลิกโฉมประเทศไทยใน 3 เรื่อง โอกาสแรกคือ การระเบิดศักยภาพทางเศรษฐกิจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จากที่ประเทศไทยเคยมีเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจ 3 เครื่องยนต์ ได้แก่ รถยนต์, อิเล็กทรอนิกส์ และท่องเที่ยว ก็จะกลายเป็น 7,852 เครื่องยนต์ ทุกตำบล ทุกเมือง ทุกจังหวัดที่ถูกปลดล็อกจะสามารถกลายเป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ของประเทศไทย

เด็กไทยคว้าแชมป์ หุ่นยนต์นานาชาติ ในรายการ  MakeX International Invitation Tournament 2022

ปีนี้เด็กไทยเก่งคว้าแชมป์ หุ่นยนต์นานาชาติ ในรายการ  MakeX International Invitation Tournament 2022 รายการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ที่มี 8 ประเทศเข้าร่วมการแข่งขัน อาทิเช่น ดูไบ อินโดนีเซีย  อินเดีย จีน ใต้หวัน ฟิลิปปินส์ แมกซิโก และอียิปต์ โดยทำการแข่งขันที่ พาราไดซ์ พาร์ค ช้อปปิ้งเซนเตอร์ ในวันที่ 25 - 27 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา โดยทำการแข่งขัน 3 รุ่น คือ รุ่น Starter ระดับประถมศึกษา , รุ่น Explorer ระดับมัธยมต้น และ Challenge ระดับมัธยมปลาย เด็กไทยทำผลงานได้ดี 

ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 7:2 กฎหมายเลือกตั้ง สูตรหาร 100 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ กฎหมายเลือกตั้งสูตรหาร 100 ตราขึ้นถูกต้อง มาตรา 25 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ และมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 ไม่มีข้อความขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 93 และ 94

วันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ประชุมและมีมติกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาส่งความเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 105 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 132 ว่า ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … มาตรา 25 และมาตรา 26 มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 93 และมาตรา 94 หรือไม่ และตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่

พม. จับมือสโมสรซอนต้า กรุงเทพ 1 จัดงาน Stop Violence Against Women and Girls รณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี

วันที่ 30 พ.ย. 65 เวลา 11.00 น. 'นายจุติ ไกรฤกษ์' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานเปิดงานรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ภายใต้ชื่อ 'Stop Violence Against Women and Girls' โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวง พม. และสโมสรซอนต้าประเทศไทย โดยสโมสรซอนต้า กรุงเทพ 1 ซึ่งมี 'นางจินตนา จันทร์บำรุง' อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ดร.อุษณีย์ มหากิจศิริ ลีโอณีโอ นายกสโมสรซอนต้า กรุงเทพ 1 พร้อมคณะกรรมการ และสมาชิก ดร.ลาลีวรรณ กาญจนอารี Past Nominating Committee Member (At Large), Past International Director Zonta International นายธีรภัทร์ สัจจกุล (ตุ้ย) นักร้อง นักแสดงชื่อดัง แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน ณ บริเวณชั้น G ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ กรุงเทพฯ 

นายจุติ กล่าวว่า ด้วยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2542 เห็นชอบให้เดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็น 'เดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี' โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นหน่วยงานหลักของภาครัฐประสานการดำเนินงานดังกล่าวโดยบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในการประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมรณรงค์ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว ที่ส่งกระทบต่อสังคมในวงกว้าง และกระตุ้นให้ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการรณรงค์ยุติความรุนแรงดังกล่าว ตลอดจนให้เห็นถึงความสำคัญของพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 

งานเข้า!! เพจดังแฉ 'อุ๊งอิ๊ง - SC ASSET' เป็นเจ้าของหมู่บ้านทุนจีน โยง 'สีเทา'

'เพจดัง' แฉ อดีตบิ๊กสีกากียุค 'ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ' หนุนออกสัญชาติไทยให้ 'ตู้ห่าว' พบหมู่บ้านทุนจีน โยง 'สีเทา' มีโครงการของ SC ASSET - 'อุ๊งอิ๊ง' หุ้นใหญ่ด้วย 

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง หลังจากเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 65 เพจเฟซบุ๊ก The METTAD ได้แชร์วิดีโอจากเพลย์ลิสต์ TOP HIGHLIGHT พร้อมข้อความระบุว่า...

ตำรวจค้นรังหมู่บ้านหรูเครือข่าย 'ตู้ห่าว' ยึดเงินสดรถหรูแหล่งกบดานมาเฟียทุนจีนโยงอสังหาฯ คนตระกูลชินฯ ถึงว่าทำไม 'พท.' รูดซิปปาก รัฐบาลล้างบางทุนจีนสีเทา เพราะมีอดีตบิ๊กนายพลสีกากียุค 'ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ' หนุนหลังออกสัญชาติไทยให้ 'ตู้ห่าว' เปิดทางสะดวกเข้ามาทำธุรกิจสีเทา จึงเงียบเป็นเป่าสากไม่โจมตีรัฐบาล กลัวจะเข้าเนื้อตัวเอง

ก่อนหน้านี้ เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ภาพกราฟิกเชื่อมโยงความไม่ชอบมาพากล พร้อมข้อความ ระบุด้วยอีกว่า...

“พอทุนจีนเริ่มสนุกขึ้น แต่สื่อกลับเงียบปาก
ฝาก Thai PBS สื่อน้ำดี ขยี้หน่อยครับ”

ด้านเว็บไซต์ สถาบันทิศทางไทย-Thai Move Institute ได้ระบุความเกี่ยวเนื่องของกรณีดังกล่าวด้วยเช่นกันว่า "ข้อเท็จจริง หมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิท ทุนจีนสีเทาเหมาซื้อ พบ 'อุ๊งอิ๊ง' ถือหุ้นใหญ่" ขณะที่ Top News ได้มีการขยายรายชื่อและสัดส่วนผู้ถือว่าหุ้นใหญ่บริษัท SC Asset  ดังนี้...

1. แพทองธาร ชินวัตร ถือหุ้น 28.82%
2. พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ถือหุ้น 27.89%
3. บรรณพจน์ ดามาพงศ์ ถือหุ้น 4.77%
4. คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ถือหุ้น 2.78%

สอดคล้องกับไทยรัฐที่ได้รายงานว่า ตำรวจไปบุกค้นบ้านทุนจีนสีเทาในหมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิท และหมู่บ้านอื่น ข่าวระบุมีการซื้อเหมาเกือบยกโครงการ 50 หลังจาก 66 หลัง โดยหมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิท เจ้าของโครงการ คือ SC Asset ซึ่งมีรายชื่อผู้ถือหุ้น SC Asset อันดับ 1 คือ นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจสนธิกำลังตำรวจ บช.สอท. ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (คอมมานโด) ตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ปิดล้อมตรวจค้น 11 จุด ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและ จ.สมุทรปราการ เพื่อหาหลักฐานตรวจยึดสิ่งผิดกฎหมายของกลุ่มทุนจีนสีเทา

โดยตำรวจกระจายกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายเครือข่ายกลุ่มทุนจีนสีเทา 10 หลัง ในโครงการบ้านหรู 4 แห่ง ประกอบด้วย บ้านหรู 4 หลังในหมู่บ้านแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด สุขุมวิท ซอยแบริ่ง-ลาซาล ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโครงการบ้านหรูหลังละกว่า 50 ล้านบาท 

ขณะที่บ้านหลังที่ 5 และ 6 อยู่ในหมู่บ้านทรูแกรนด์ โมนาโก ซอยกาญจนาภิเษก 50 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. 

บ้านหลังที่ 7 ม.บุราสิริ วัชรพล ถนนสุขาภิบาล 5 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. 

บ้านหลังที่ 8, 9 และ 10 ในหมู่บ้านลดาวัลย์ ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า ถนนราชพฤกษ์ แขวงบางละมาด เขตตลิ่งชัน กทม. 

นายกหนุ่มแห่งอังกฤษ เลือกวิ่งชนกำแพงเมืองจีน หลังลั่น!! ยุคทองความสัมพันธ์ 'จีน-อังกฤษ' จบลงแล้ว

ในคำปราศัยของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายริชชี่ ซูแน็กเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ได้สร้างความงงๆ ให้กับคนทั่วไป แม้แต่นักการเมืองและนักข่าวของอังกฤษเองถ้วนหน้า เมื่อนายซูหนักบอกว่า “ยุคทองของความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษกับจีนได้สิ้นสุดลงแล้ว และอังกฤษจะปรับเปลี่ยนนโยบายใหม่กับจีนให้เข้มแข็งจริงจังเหมือนคู่แข่งขันที่แท้จริง” 

นายซูแน็กยังวิจารณ์ต่อไปว่า ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างอังกฤษกับจีนนั้นเป็นเรื่องอ่อนหัด

เรื่องนี้ดูท่า นายซูแน็กดู จะเอาจริง!! เพราะที่ที่เขาพูดคืองานเลี้ยงประจำปีที่เรียกว่า The Lord Mayor’s Banquet ในกรุงลอนดอน ซึ่งแขกผู้ฟังของเขาก็คือบรรดาผู้นำทางธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศ แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ การพูดในงานเลี้ยงครั้งนี้เป็นการประกาศนโยบายต่างประเทศครั้งแรกของนายซูแน็กหลังจากเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะประเด็นที่เฉพาะเจาะจงกับจีน

แน่นอนว่า การพูดเช่นนี้ออกมา เจ้าตัวเองก็คงจะรู้ดีว่า ต้องถูกวิจารณ์ว่านี่เป็นพูดให้ดูสวยหรูดูดี แต่เขาก็ดักคอไว้ว่าสิ่งที่เขาพูดออกไป ไม่ใช่วาทศิลป์ที่ให้ฟังเพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ประทับใจเท่านั้น

นั่นก็เพราะในปีใหม่ที่จะมาถึงในไม่ช้านี้นั้น นายซูแน็ก บอกว่า รัฐบาลอังกฤษจะประกาศถึงแผนการที่เขาเรียกว่า 'การทบทวนแผนรวมความมั่นคงของประเทศกับนโยบายต่างประเทศ' ที่เรียกว่า The Integrated Review ซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะมีหน้าตาอย่างไรและต้องคอยดูว่าจะกล้าหาญเด็ดเดียวเหมือนในยุคของนางลิส ทรัสส์เป็นนายกรัฐมนตรีแค่ไหน 

เนื่องจากมีรายงานว่าในระหว่างที่เป็นนายกรัฐมนตรี 45 วันนั้น นางทรัสส์กำลังวางแผนที่จะจัดประเภทของจีนให้อยู่ในประเทศที่ 'คุกคาม' ต่ออังกฤษ แต่เธอยังไม่ได้ทำเรื่องนี้ ก็ต้องลาออกไปเสียก่อน กลับกันคำปราศัยของนายซูหนักในงานเลี้ยงดังกล่าวเขาเพียงแต่กล่าวว่าจีนมีความท้าทายที่เห็นได้ชัดเจนต่อความเชื่อและผลประโยชน์ของอังกฤษ และจีนได้เพิ่มความท้าทายไปสู่การเป็นเผด็จการมากขึ้นกว่าเดิม โดยนายซูหนักใช้คำว่าจีน 'ท้าทาย' แทนคำว่า 'คุกคาม' ซึ่งก็ถูกวิจารณ์ว่าอ่อนไป 

อย่างไรก็ตามการกล้าออกมาประกาศว่ายุคทองของความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษกับจีนหมดสิ้นแล้วก็ถือได้ว่า แข็งกร้าวใช้ได้ไม่น้อย ในขณะที่จีนกำลังมีบทบาทเด่นชัดในเวทีโลกทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจขณะนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษหมาดๆ และหนุ่มที่สุด และมีเชื้อสายอินเดียผู้นี้ ย่อมตระหนักดีว่าจีนมีบทบาทอย่างสำคัญต่อโลกในด้านต่างๆ เช่นเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลกหรือปัญหาการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก (ฟังๆ ดูก็ขัดแย้งกันอยู่ว่าอังกฤษจะเอาอย่างไงกับจีน)

>> ทีนี้เมื่ออังกฤษ จะไม่ให้ความสำคัญกับจีน แล้วอังกฤษจะให้ความสำคัญกับใคร?

นายซูหนักประกาศว่ารัฐบาลของเขาจะยังคงความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกับสหรัฐฯ, แคนาดา, ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น เพื่อผนึกกำลังทางการทูตและธุรกิจให้เกิดการแข่งขันที่มีพลังยิ่งขึ้น (ในการสู้กับจีน) 

กลับมาที่คำถามว่า ทำไมจู่ๆ นายกรัฐมนตรีอังกฤษผู้นี้จึงออกมาประกาศเปรี้ยงว่า ยุคทองกับจีนจบสิ้นลงแล้ว!!

ผู้สื่อข่าวบีบีซีบอกว่า ที่เป็นเช่นนั้นเพราะนายซูแน็กถูก ส.ส. พรรคคอนเซอเวทีฟด้วยกันกดดันว่าอังกฤษควรมีท่าทีที่แข็งกร้าวกับจีนตั้งแต่เขาเข้ามาเป็นนายกฯใหม่ๆ อีกด้านหนึ่งนายซูแน็กก็ถูกคณะกรรมการด้านต่างประเทศของสภาผู้แทนตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ของอังกฤษที่มีต่อจีนหลังจากที่คณะกรรมการชุดนี้ไปพบกับประธานาธิบดีของไต้หวัน และมีคำถามต่อไปอีกด้วยว่านโยบายต่างประเทศของอังกฤษต่อภูมิภาคอินโด-แปซิฟิคเป็นอย่างไรและอังกฤษจะสามารถเพิ่มอิทธิพลของตนในภูมิภาคนี้ได้หรือไม่

เพราะฉะนั้นนายซูแน็กจึงใช้โอกาสที่พบพูดจากับนักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญด้านต่างประเทศในงานเลี้ยงของนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนประกาศถึงท่าทีของอังกฤษที่มีต่อจีนอย่างแข็งกร้าว ว่าต่อจากนี้ไปความสัมพันธ์นั้นจะเปลี่ยนเป็นการแข่งขันที่อังกฤษเอาจริง ไม่เหมือนกับท่าทีของรัฐบาลอังกฤษเมื่อสิบปีที่แล้ว ที่อดีตนายกฯ ยุคนั้นอย่างนายเดวิด แคมเมอรอน พยายามที่จะดึงจีนให้มาเป็นมิตรทางเศรษฐกิจและคู่ค้าที่สำคัญ โดยไม่เป็นศัตรูทางการเมือง

ทว่าคำประกาศที่ดูจะตัดญาติขาดมิตรไม่ยี่หระกับจีนของนายซูแน็ก ก็ถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงจาก ส.ส. พรรคเดียวกัน เช่น อดีตหัวหน้าพรรคคอนเซอเวทีฟ เซอร์ เอียน ดังคั้น สมิท ที่เป็นผู้หนึ่งที่ผลักดันให้รัฐบาลอังกฤษมีนโยบายไม่อ่อนกับจีนว่า "กระทรวงต่างประเทศอังกฤษจะใช้วิธีการอย่างไรที่จะสร้างความตื่นตระหนกวิตกให้จีนบ้างในคำประกาศว่าจะกระทำอย่างจริงจังนี้ช่วยขยายความหน่อย" ส่วนแน่นอนพรรคฝ่ายค้าน คือ เลเบอร์ วิจารณ์ว่า "คำพูดนี้จืดเหมือนโจ๊ก และใช้วาจาเปลี่ยนไปมากับนโยบายที่มีต่อจีน"

‘รมว.สุชาติ’ ส่ง ผู้ช่วยฯ เปิดประชุมวิชาการประกันสังคม เร่งขับเคลื่อนยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ใช้แรงงานทุกมิติ ‘ฟื้นเศรษฐกิจ - ท่องเที่ยว’ ภาคเหนือ

วันที่ 1 ธันวาคม 2565 เวลา 09.00 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการจัดงานประชุมวิชาการประกันสังคม 5 ภาค ประจำปี 2565 (ภาคเหนือ) Modernizing SSO 2022 : ก้าวสู่ระบบประกันสังคมที่ทันสมัย พร้อมปาฐกถาพิเศษ เรื่อง ‘นโยบายการพัฒนา และยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ใช้แรงงาน’ โดยมี นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน และหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดเชียงใหม่ ให้การต้อนรับ ณ โรงแรม คุ้มภูคำ จังหวัดเชียงใหม่

นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และท่านรองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้กำชับให้กระทรวงแรงงานช่วยดูแลพี่น้องแรงงาน ที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 รวมทั้งนายจ้าง ผู้ประกอบการให้เหมือนคนในครอบครัว พร้อมทั้งสั่งการให้กระทรวงแรงงานช่วยเหลือพี่น้องผู้ใช้แรงงานให้ได้รับความเท่าเทียมกัน ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมเป็นกลไกสำคัญของรัฐบาลในการช่วยเหลือนายจ้าง และผู้ประกันตน ผ่านโครงการต่างๆ เช่น การตรวจคัดกรองโควิด-19 เชิงรุกในสถานประกอบการ โครงการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตน โครงการ Factory Sandbox โครงการ ม.33 เรารักกัน โครงการเยียวยานายจ้าง และผู้ประกันตนในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด 29 จังหวัด โครงการเยียวยาผู้ประกันตนกิจการสถานบันเทิง โดยสถานการณ์ปัจจุบันโควิด-19 ได้คลี่คลายลง รัฐบาลมีนโยบายผ่อนคลายมาตรการและเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

โดยทิศทางของธุรกิจท่องเที่ยวและบริการร้านค้า ร้านอาหาร ที่พัก ในจังหวัดเชียงใหม่ และทุกจังหวัด ทางภาคเหนือได้กลับมาคึกคัก ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ประกอบกับรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการส่งเสริมการจ้างงาน ส่งผลดีให้พื้นที่เศรษฐกิจและการมีงานทำของกำลังแรงงานในปัจจุบันปรับตัวดีขึ้น ในวันนี้ ผมได้มีโอกาสมาเป็นประธานเปิดประชุมวิชาการประกันสังคม 5 ภาค ปี 2565 เป็นครั้งที่ 3 (ภาคเหนือ) จังหวัดเชียงใหม่ ผมมีความเชื่อมั่นว่าการประชุมวิชาการประกันสังคม และที่จัดต่อๆ ไปอีกทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดอุดรธานี และภาคตะวันออก ที่จังหวัดชลบุรี จะเป็นการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจความสำคัญของงานประกันสังคมแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการพัฒนางานประกันสังคม จากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง นำไปสู่การขยายผลด้านสิทธิประโยชน์ให้มีความยั่งยืน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ประกันตน ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกันตนให้ได้รับประโยชน์สูงสุดต่อไป

'เสี่ยเฮ้ง' ส่งแรงงานไปแดนกิมจิเพิ่ม 3 กลุ่ม 15,000 คน ยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มโอกาสตลาดงานไทยในต่างแดน

(1 ธ.ค. 65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบถึงผลการหารือระหว่างนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กับนาย มุน ซึง ฮย็อน (Mr. Moon Seoung-hyun) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ซึ่งทำให้ไทยได้โควตาการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในประเทศเกาหลีเพิ่ม

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่าในส่วนของประเด็นแรงงานไทย ที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญ หากไทยจัดส่งแรงงานไปทำงานต่างประเทศจะเป็นโอกาสยกระดับเพิ่มทักษะฝีมือแรงงาน ทำให้คนไทยมีงานทำ นำรายได้กลับมาพัฒนาประเทศ ทั้งนี้ ตลาดแรงงานต่างชาติในสาธารณรัฐเกาหลี นับว่าเป็นตลาดแรงงานที่มีศักยภาพและเป็นตลาดที่น่าสนใจ เนื่องจากแรงงานต่างชาติได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเทียบเท่าคนในชาติ รวมทั้งอัตราค่าจ้างแรงงานค่อนข้างสูง ทำให้มีแรงงานไทยจำนวนมาก เดินทางไปทำงาน ซึ่งจากข้อมูลในเดือนกรกฎาคม ปี 2565 มีจำนวนแรงงานไทยสะสมอยู่ในเกาหลีเป็นจำนวนถึง 12,950 คน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top