Tuesday, 10 June 2025
TheStatesTimes

ผู้ประกอบการใจชื้น!! ดัชนีเชื่อมั่น SME โตต่อเนื่อง 3 เดือนติด หลังรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวสำเร็จ

รัฐบาล ชี้ ผลสำเร็จมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ บูมท่องเที่ยว ดันดัชนีเชื่อมั่น SME โตต่อเนื่อง 3 เดือน พร้อมย้ำข่าวดีโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำธุรกิจโรงแรมและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) เดือนตุลาคม 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 อยู่ที่ระดับ 53.1 โดยที่เดือนกันยายน และสิงหาคม 2565 มีค่าดัชนีอยู่ที่ 52.9 และ 51.2 ตามลำดับ โดยที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) เดือนตุลาคม 2565 มีปัจจัยบวกมาจากการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเป็นสำคัญ อีกทั้งราคาน้ำมันและราคาวัตถุดิบมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ส่งผลดีต่อกำไรของภาคธุรกิจ

'ศาสดาสามนิ้ว' ลากไส้โทนี่ เอาประโยชน์ตัวเองนำ เอาอิสรภาพมวลชน (ติดคุก) เป็นเครื่องมือ

(26 พ.ย. 65) นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ต้องหาคดี 112 ปัจจุบันลี้ภัยในประเทศฝรั่งเศส โพสตเฟซบุ๊ก วิพากษ์วิจารณ์นายทักษิณ ชินวัตร โดยมีรายละเอียดดังนี้

ทักษิณผิดตรงไหน?

ผมเขียนกระทู้นี้เพื่อให้เห็นชัดๆ ว่าในทัศนะของผม ทักษิณผิดตรงไหน

‘สืบนครบาล’ รวบ ‘โค้ชจอห์น 100 ลีลา’  หลอกทำบุญกฐิน-เช่าพระ เสียหาย 10 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 65 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่, พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี, พ.ต.อ.กมล นุ่มหอม, พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ, พ.ต.ท.วสุเทพ ใจอินทร์, พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี, พ.ต.ต.สมพงษ์ เกตุระติ, ร.ต.อ.ธนพล มโนสร และเจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. จับกุมนายกรัณย์กฤษฏิ์ ชวดชุม หรือปอ หรือ ‘โค้ชจอห์น 100 ลีลา’ อายุ 36 ปี ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ 214/2565 ลงวันที่ 28 มี.ค. 65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ‘ฉ้อโกง’ พร้อมของกลางบัตร ATM จำนวน 2 ใบ สมุดบัญชีธนาคาร 4 เล่ม สำเนาสลิปที่เกี่ยวข้อง 2 แผ่น โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เอกสารระบุสัญญาร่วมลงทุน จำนวน 1 ชุด / 4 ใบ เอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 1 ชุดจับกุมตัวได้ที่บริเวณริม ถ.ประตูขาว ต.คลัง อ.เมืองนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 65 เวลาประมาณ 10.00 น. ที่ผ่านมา

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยต่อมาชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้รับแจ้งเรื่องความเดือนร้อนของประชาชนทางเพจ ‘สืบสวนนครบาล IDMB’ ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายกรัณย์กฤษฏิ์ ชวดชุม หรือปอ หรือ ‘โค้ชจอห์น 100 ลีลา’ ซึ่งมีอาชีพเป็นครูสอนเทรดหุ้น แต่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายมากกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบทราบว่า นายปอ เป็นคนพื้นเพที่ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ จากนั้นได้เริ่มเดินสายฉ้อโกงทางออนไลน์ เปลี่ยนถิ่นที่อยู่ไปอยู่ในพื้นที่ ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ เพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริง จนกระทั่งได้ผันตัวมาเป็นครูสอนเทรดหุ้น โดยใช้ชื่อเรียกตนเองว่า ‘โค้ชจอห์น’ แอบอ้างว่ามีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนเกี่ยวกับหุ้น 

ผู้เสียหายรวมตัวกันกว่า 140 รายขอความช่วยเหลือทางเพจ ‘สืบสวนนครบาล IDMB’ ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายกรัณย์กฤษฏิ์ ชวดชุม หรือปอ หรือ ‘โค้ชจอห์น’ ครูสอนเทรดหุ้น โดยใช้ชื่อเรียกตนเองว่า ‘โค้ชจอห์น’ แอบอ้างว่ามีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนเกี่ยวกับหุ้น โดยเนื้อหาที่สอนนั้นกลับมีเพียงคลิปวีดิโอ 4 คลิป ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานทั่วไป แต่โค้ชจอห์น จะสรรหาวิธีการต่างๆ เพื่อให้ตนเองมีความน่าเชื่อถือ จนกระทั่งมีผู้หลงเชื่อไม่ต่ำกว่า 140 คน โดยในห้วงเวลาใกล้กันนั้นก็ยังเดินสายฉ้อโกงทางออนไลน์โดยใช้ความเชื่อทางศาสนาหลอกลวงผู้คนไปด้วย เช่น หลอกซื้อขายเช่าบูชาพระ, หลอกซื้อขายซิมโทรศัพท์เบอร์มงคล, หลอกจัดทำบุญกฐิน ก่อเหตุมาโชกโชนจนถึงปัจจุบัน 

จากการตรวจสอบข้อมูลประวัติการกระทำความผิดของผู้ต้องหา พบหมายจับจำนวน 4 หมายจับคือ หมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ 88/2565 ลงวันที่ 30 ก.พ. 65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ‘ฉ้อโกงประชาชน’, หมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ 214/2565 ลงวันที่ 28 มี.ค.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ‘ฉ้อโกง’, หมายจับศาลแขวงธนบุรี ที่ 194/2564 ลงวันที่ 7 ก.ค.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ‘ยักยอก’, หมายจับศาลแขวงกระบี่ ที่ 5/2565 ลงวันที่ 10 ม.ค.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ‘ฉ้อโกง ปลอมเอกสาร และใช้หรืออ้างเอกสารปลอม’ ท้องที่ สภ.อ่าวนาง ภ.จว.กระบี่

'ฮ.ทหาร' บินด่วน!! ช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน นำส่ง รพ.หาดใหญ่ รักษาโรคหลอดเลือดสมอง

(26 พ.ย. 65) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้รับการประสานจาก โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติผ่านแพทย์ใหญ่กองทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการแพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอรับการสนับสนุนการลำเลียงผู้ป่วยด้วยเฮลิคอปเตอร์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินเข้ารับการรักษาโรคหลอดเลือดสมองโดยเร่งด่วน จากจังหวัดนราธิวาส ไปยัง โรงพยาบาลหาดใหญ่ ผู้ป่วยชื่อ นายซุกรี อรอมะ อายุ 60 ปี ภูมิลำเนา จังหวัดนราธิวาส ซึ่งต้องได้รับรักษา ณ โรงพยาบาลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 

S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือไทย BBB+ ชูความน่าเชื่อถือที่ระดับมีเสถียรภาพ

'ทิพานัน' ชี้เศรษฐกิจฟื้นตัว 'พล.อ.ประยุทธ์' บริหารถูกทาง โชว์ S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) ที่ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) จากปัจจัยท่องเที่ยวโตเกินคาด ประมาณ 10 ล้านคนในปี 65 ชี้ EEC การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน 

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า บริษัท S&P Global Ratings (S&P) ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) ที่ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) ถือเป็นข่าวดีของประเทศไทยที่ได้ภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาชาวโลกและจะดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก เนื่องจาก S&P ถือเป็นบริษัทในเครือของ S&P Global Inc สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า โดยจากรายงานของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ระบุเหตุผลสำคัญที่ S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยมาจากการคลี่คลายของสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตลอดจนการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของ COVID-19 และอนุญาตให้มีการเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทย และการที่ประชาชนได้รับวัคซีนป้องกัน COVID-19 อย่างทั่วถึง เป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดย S&P คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นจาก 428,000 คน ในปี 2564 เป็นประมาณ 10 ล้านคนในปี 2565 ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ และเศรษฐกิจไทย (Real GDP) จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 2.9 ในปี 2565 เป็นเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 3.2 ในช่วงปี 2565-2568

‘ยุทธพงศ์’ ซัด ‘ประยุทธ์’ แก้ปัญหาล้มเหลว ‘คอร์รัปชัน-ยาเสพติด-ธุรกิจสีเทา’ ยังเกลื่อนเมือง

‘ยุทธพงศ์’ ชี้ ผลงานรัฐบาล 3 ปี ให้คะแนนศูนย์ ซัด ‘นายกฯ’ ล้มเหลวแก้ทุจริต-ยาเสพติด-ธุรกิจสีเทาทุนจีน เกลื่อนเมือง บี้ ตรวจสอบที่มาเงินบริจาคพรรคการเมืองใหญ่

ศธ. รับนโยบายปรับหลักสูตรปลูกฝังเด็กนักเรียน เน้นรัก ‘ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์’ หวงแหนแผ่นดินเกิด

เมื่อวันที่ 26 พ.ย.นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้พัฒนาและปรับปรุงการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ ให้มีความน่าสนใจ และมีนโยบาย 8+1 กำหนดโครงสร้างเวลาเรียน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานจัดรายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ ออกมา 1 รายวิชา เพื่อบ่มเพาะให้นักเรียนภาคภูมิใจรักความเป็นไทย หวงแหนในสิ่งที่บรรพชนให้ไว้เป็นมรดกทางปัญญา รักษา สืบสาน ต่อยอดและนำมาปรับประยุกต์ในปัจจุบัน 

โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ‘การบริหารจัดการโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และ 1 รายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน’ และพิจารณาแนวทางขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง ปีงบประมาณ 2566 เพื่อเป็นแนวทางให้ต้นสังกัดของสถานศึกษา และสถานศึกษาสามารถจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายอนุชา กล่าวว่า ในร่างประกาศ ศธ. ฉบับดังกล่าว กําหนดให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานจัดโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และรายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ 1 รายวิชา โดยจัดเวลาเรียนรายวิชาประวัติศาสตร์ ระดับประถมศึกษา 40 ชั่วโมงต่อปี ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 40 ชั่วโมงต่อปี (1 หน่วยกิตต่อปี) และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย รวม 3 ปี 80 ชั่วโมง (2 หน่วยกิต) ซึ่งสถานศึกษาสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาประวัติศาสตร์ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ด้วยวิธีการที่หลากหลาย เช่น การใช้พิพิธภัณฑ์เป็นสื่อ การใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและต่อยอดประวัติศาสตร์สู่งานอาชีพ การบูรณาการประวัติศาสตร์กับรายวิชาอื่น และการศึกษานอกสถานที่และแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เป็นต้น หากบอร์ด กพฐ.พิจารณาให้ความเห็นชอบ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ลงนามในประกาศ ศธ. จะมีการแยกรายการประเมินผลการเรียนวิชาประวัติศาสตร์ใหม่ โดยในแบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา (ปพ.3) จะมีการแสดงผลการเรียนรู้วิชาประวัติศาสตร์แยกออกมา จากเดิมที่รวมอยู่ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 

‘เจ้าของร้านหมูกระทะ’ แจง ขออนุญาตขายถูกต้อง ชี้!! ขายมา 19 ปี ปฏิบัติตามระเบียบทุกอย่าง

จบประเด็นดราม่า!! ร้านหมูกระทะหน้าโรงพักขายบนทางเท้า เจ้าของร้านชี้แจงชัด ขายมาแล้วกว่า 19 ปี ได้รับอนุญาตผ่อนปรน จากเทศบาลเมืองกันตังอย่างถูกต้อง และปฏิบัติตามระเบียบทุกอย่าง

เรียกได้ว่ากำลังเป็นเรื่องราวที่มีการถกเถียงกันอย่างสนั่นบนโลกโซเซียล หลังจากที่โลกออนไลน์ได้มีการโพสต์ภาพร้านหมูกระทะแห่งหนึ่งใน จ.ตรัง ได้เกิดขายและให้ลูกค้านั่งกินกันบนทางเท้าติดกับรั้วหน้าโรงพักมากว่า 20 ปี อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย

ภายหลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตหลายคนพากันวิพากษ์วิจารณ์เสียงแตกสนั่น ออกเป็นสองฝั่งโดยบางกลุ่มมองว่า “เป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านเมืองตรัง เพราะร้านริมฟุตปาธเยอะมากและสะดวกสบายของกินอร่อย คนตรังอยู่กันได้มานานแต่ทำไมคนอื่นเข้ามาเดือนร้อนแทนกันด้วย” 

นอกจากนี้ชาวเน็ตบางกลุ่มหลายคนมองว่า “เป็นการทำผิดจนเคยตัว พอบังคับใช้กฎหมายก็หาว่ารังแกคนหาเช้ากินค่ำ ทั้งที่เป็นเรื่องของระเบียบวินัย ความสะอาด ซึ่งวอนขอให้เทศบาลลงมาตรวจสอบโดยเร็วว่านี่เป็นพื้นที่ผ่อนปรนตามกฎหมาย หรือเป็นการละเลยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ”

จากประเด็นร้อนแรงดังกล่าว เมื่อเวลา 16.00 น. วานนี้ 25 พ.ย. 65 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ตรัง ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พบว่าร้านดังกล่าวชื่อร้าน ‘หมูกระทะข้างโรงพัก’ ตั้งอยู่บนฟุตปาธติดกับรั้วข้าง สภ.กันตัง ริมถนนเทศบำรุง (ภายในเขตเทศบาลเมืองกันตัง) เปิดขายเวลา 17.00-21.00 น. โดยพนักงานของร้านจำนวน 5 ชีวิต ต่างตระเตรียมขนย้ายข้าวของจากบ้านพักตำรวจภายใน สภ.กันตัง ออกมาจัดวางบนฟุตปาธ เพื่อเปิดรอรับลูกค้า และยังพบว่าบริเวณบนฟุตปาธหน้า สภ.กันตัง และด้านข้างยังคงมีร้านแผงลอยอื่นๆ ตั้งขายอยู่ประมาณ 4-5 ร้าน อีกด้วย

ผู้สื่อข่าวได้พบกับ น.ส.ภุชดาภรณ์ เตชะเดช หรือเกิ้ล อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน พร้อมด้วยเพื่อนๆ พ่อค้าแม่ขายที่ค้าขายกันอยู่บนฟุตปาธได้นำใบเสร็จที่ร้านต่างๆ รวมทั้งร้านหมูกระทะดังกล่าวจ่ายเป็นค่าที่และค่าบำรุงให้กับเทศบาลเมืองกันตัง ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ได้รับอนุญาตผ่อนปรน รวมทั้งนำใบทะเบียนพาณิชย์มาชี้แจงให้ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบด้วยเช่นกัน

น.ส.ภุชดาภรณ์ หรือเกิ้ล กล่าวว่า ได้เห็นเรื่องราวของร้านที่มีการนำไปโพสต์กันในโลกโซเซียลแล้ว โดยร้านเปิดตรงนี้มากว่า 19 ปีแล้ว เมื่อก่อนพ่อคือ ร.ต.ต.นพพร เตชะเดช หรือหมวดพร อายุ 56 ปี รอง สวป.สภ.กันตัง และแม่ซึ่งได้เสียชีวิตไปเป็นคนขาย โดยตนมารับช่วงต่อเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตั้งแต่ต้นทางเราได้ขออนุญาตจากเทศบาลเมืองกันตังถูกต้อง ไม่ได้ตั้งร้านถาวร เป็นการผ่อนปรน อยู่ในระเบียบ เงื่อนไข และเวลาที่กำหนด และมีเจ้าหน้าที่เทศบาลและเทศกิจมาตรวจสอบ กวดขัน และดูแลอยู่ตลอด ทั้งการขายตามช่วงเวลาที่กำหนด หลังร้านปิดก็เก็บอุปกรณ์และของทุกอย่างกลับ ทำความสะอาดพื้นที่ ซึ่งเราปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัดทุกอย่าง และมีการเก็บค่าที่และค่าบำรุงวันละ 20 บาท ซึ่งราคานี้เก็บมาตั้งแต่แม่ที่เสียชีวิตลงไปขายอยู่ หรือ 19 ปีที่ผ่านมาแล้ว ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ร้านก็มีตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ ทั้งมาคู่ และมากันยกครอบครัว

‘เพื่อไทย’ แนะ ‘รทสช.’ หนุนประยุทธ์นั่งแคนดิเดตนายกฯ เย้ย!! หากทู่ซี้อยู่ ‘พลังประชารัฐ’ คงได้แค่รองนายกฯ 

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 65 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีพรรครวมไทยสร้างชาติจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นแคนดิเดตนายกฯ อันดับ 1 ว่า ขอแสดงความยินดีกับพล.อ.ประยุทธ์ทึ่หาพรรคที่จะสนับสนุนตัวเองเป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้แล้ว เพราะถ้าขืนทู่ซี้อยู่พรรคพลังประชารัฐต่อไป คงต้องลดชั้นลงมารับตำแหน่งรองนายกฯ ตามที่ลูกพรรคพลังประชารัฐเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ และพรรครวมไทยสร้างชาติไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ที่จะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ อันดับ 1 เพราะพรรคพลังประชารัฐที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ต้น ยังไม่กล้าเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์เลย แผนนายกฯ คนละครึ่งที่จะแบ่งกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนละ 2 ปี อาจมีอันต้องพับแผน ถ้าจะเป็นนายกฯ คนละครึ่ง คงต้องบากหน้าไปขอหารกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยมากกว่า 

EQS 500 4MATIC AMG Premium เบนซ์ไฟฟ้า ประกอบในไทย เปิดราคาไว้ 7,900,000 บาท

เมอร์เซเดส-เบนซ์ EQS 500 4MATIC AMG Premium ยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกที่ประกอบในโรงงานเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ที่ผสานทั้งเทคโนโลยี ดีไซน์ ฟังก์ชันการใช้งาน และการเชื่อมต่อเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืนซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้เปิดไลน์การผลิตภายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการไปแล้ว

โดยรถยนต์คันนี้รังสรรค์ขึ้นด้วยแพลตฟอร์มของยานยนต์ไฟฟ้าใหม่ในทุกรายละเอียด ทั้งการออกแบบโครงสร้างทางวิศวกรรม เรื่อยไปจนถึงดีไซน์ภายนอกและภายในที่สะท้อนเอกลักษณ์ของความเป็นยานยนต์สำหรับโลกอนาคตจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ มาพร้อมขุมพลังไฟฟ้า 100% จากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่พร้อมความจุของแบตเตอรี่ขนาด 108.4 kWh ให้กำลังสูงสุด 449 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 828 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลา 4.8 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุดได้ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top