Sunday, 19 May 2024
PEA

อยุธยา - PEA ร่วมส่งกำลังใจและมอบถุงยังชีพให้ประชาชน ที่ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

นางสาวนุชนาถ ประทีปธีรานันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายก อบจ.พระนครศรีอยุธยา นายบดินทร์ เกษมศานติ์ นายอำเภอพระนครศรีอยุธยา นายสุวัฒน์ สรรพโกศลกุล รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับ นายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พร้อมคณะ ที่ได้เดินทางมาให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ตำบลวาสุกรี บริเวณวัดศาลาปูนวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ทั้งนี้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ได้จัดกิจกรรม PEA ขอร่วมส่งกำลังใจให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัย จากพายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” โดยมอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 600 ครัวเรือน ที่ผ่านมา PEA  ได้ส่งพนักงานลงพื้นที่ยกระดับมิเตอร์ไฟฟ้าให้พ้นน้ำท่วม แก้ไขระบบไฟฟ้าที่ได้รับความเสียหาย จำนวนกว่า 8,000 เครื่อง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งแนะนำประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยหลังน้ำลดให้ใช้ไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย

 

คว้างานจาก PEA ให้ปรับปรุงสถานีไฟฟ้านนทรี เพิ่มยอดงานโครงการวิศวกรรมมูลค่า 314.8 ล้านบาท

ภายหลังจาก บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชัน (ILINK) ได้ร่วมกับบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เพาเวอร์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (บริษัทย่อย) ในนาม “INTERLINK CONSORTIUM” เป็นผู้ชนะการประกวดราคา และได้รับหนังสือสั่งจ้าง “งานจ้างก่อสร้างปรับปรุงสถานีไฟฟ้านนทรี จังหวัดปราจีนบุรีตามโครงการพัฒนาระบบส่งและจำหน่าย ระยะที่ 2 แผนที่ 2 ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)” จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) แล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ (25 ก.ค. 65) นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ ได้ร่วมลงนามกับ นายประพันธ์ สีนวล รองผู้ว่าการวิศวกรรม การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อก่อสร้างปรับปรุงสถานีไฟฟ้านนทรี จังหวัดปราจีนบุรี มูลค่างาน 314,800,000 บาท โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนกำหนดใน 510 วัน นับจากวันลงนามสัญญา โดย INTERLINK CONSORTIUM จะเป็นผู้ดำเนินการต่อไป

‘PEA’ เปิดตัวแพลตฟอร์ม ‘CARBONFORM’ เครื่องมือช่วยประเมิน-บริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก

(14 พ.ค. 67) นายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นประธานในพิธีเปิดตัวแพลตฟอร์มบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ‘CARBONFORM’ พร้อมปาฐกถาพิเศษหัวข้อ ‘PEA กับการเดินทางไปสู่แผน PEA Carbon Neutrality และทิศทางของ PEA กับ Net Zero ในอนาคต’ โดยมีแขกผู้มีเกียรติ หน่วยงานภายนอก ผู้บริหาร พนักงาน PEA ร่วมงาน ณ อาคาร 4 ชั้น 1 สำนักงานใหญ่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และถ่ายทอดสดผ่านระบบ WebEx 

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) มีภารกิจในการให้บริการจำหน่ายไฟฟ้า เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ควบคู่ไปกับการดูแลรับผิดชอบสังคมและสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าสู่ความยั่งยืน เล็งเห็นถึงความสำคัญของ ‘Net Zero’ และมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายในปี 2580 ให้เป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) 

PEA จึงได้พัฒนาแพลตฟอร์ม CARBONFORM เพื่อประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร และเป็นเครื่องมือการขับเคลื่อนเป้าหมาย Carbon Neutrality พร้อมเชิญชวนให้ผู้ใช้ไฟฟ้าที่เป็นนิติบุคคลในพื้นที่รับผิดชอบของ PEA 74 จังหวัด (ยกเว้น กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และ สมุทรปราการ) ที่สนใจหรือจำเป็นต้องประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาใช้งานแพลตฟอร์ม CARBONFORM สามารถประเมินและบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกองค์กร ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรต่าง ๆ บริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่ายและครอบคลุม สามารถระบุแหล่งที่มาของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างละเอียด ตั้งแต่การใช้พลังงาน การขนส่ง จนถึงห่วงโซ่อุปทาน ติดตามความคืบหน้าของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างเรียลไทม์ วิเคราะห์แหล่งที่มาของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก วางแผนกลยุทธ์การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และรายงานที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการขององค์กร ช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

แพลตฟอร์ม CARBONFORM เป็นนวัตกรรมของ PEA เหมาะสำหรับองค์กรทุกขนาด ใช้งานง่าย ปรับแต่งได้ สามารถทดลองใช้งานแพลตฟอร์ม CARBONFORM ฟรี (เงื่อนไขเป็นไปตามที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกำหนด) ได้ที่ https://bufferbox.pea.co.th/ มี Feature การใช้งานที่สำคัญ ดังนี้ 

1. ระบบแสดงผลแบบ REAL-TIME พร้อม Dashboard Infographic 
2. ข้อมูล Scope 2 (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมที่ถูกซื้อมา) แบบอัตโนมัติ รวดเร็ว และน่าเชื่อถือ (เฉพาะลูกค้าที่มิเตอร์อยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของ PEA)
3. สามารถสร้างขอบเขตการทำงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่ได้ตามโครงสร้างขององค์กร 
4. การใช้งานสะดวก และคำนวณได้ถูกต้อง แม่นยำ
5. ออกรายงานได้อัตโนมัติตามมาตรฐาน อบก. Green Office
6. เริ่มต้นได้ง่ายโดยมี template ให้เลือกตามความเหมาะสมตามขอบเขตขององค์กร 
7. คำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ตามหลักการมาตราฐาน ISO 14064-1 CFO และ อบก. 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top