Monday, 16 June 2025
NewsFeed

ชงศบค.ไฟเขียว สมุย เปิดรับต่างชาติไม่ต้องกักตัว 

นายรัชชพร พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย กล่าวว่า ขณะนี้ที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอเกาะสมุยได้เห็นชอบร่วมกัน ที่จะผ่อนปรนและปรับรูปแบบการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของโครงการสมุย พลัส โมเดล ซึ่งประกอบด้วย เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า จากเดิมในช่วง 7 วันแรก ต้องกักตัวหรือจำกัดพื้นที่ มาเป็นไม่ถูกกักตัวทันทีที่ผลการตรวจหาเชื้อโควิดด้วยวิธี RT-PCR ออกมาว่าไม่ติดเชื้อ เหมือนกับที่ภูเก็ต แซนด์บีอกซ์ ทำอยู่ โดยจะเสนอต่อศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.)ให้พิจารณาเริ่มได้ในเดือนต.ค.นี้ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าเกาะสมุยมากขึ้น 

ทั้งนี้ เพราะตั้งแต่เปิดโครงการมาเมื่อวันที่ 15 ก.ค.7 ก.ย.2564 เพิ่งมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเพียง 628 คน เพราะมีข้อเปรียบเทียบกับ ภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์ ที่ไม่ต้องถูกกักตัว จึงเลือกไปภูเก็ตมากกว่า โดยตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-7 ก.ย.2564 มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้าภูเก็ต 29,363 คน จึงเสนอให้ผ่อนปรนเงื่อนไข ซึ่งในด้านระบบสาธารณสุขรองรับตอนนี้มีความพร้อมแล้ว 

ส่วนเป้าหมายหลังการปรับรูปแบบเป็นไม่กักตัว คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวในไตรมาส 4 (ต.ค.-ธ.ค.) 4,500 คน หรือเดือนละ 1,500 คน สร้างรายได้ประมาณ 90 ล้านบาท รวมทั้งยังส่งเสริมให้คนไทยมาเที่ยวเกาะสมุยมากขึ้นด้วย  

ก.แรงงาน เร่งระดมสมองวางแผนพัฒนากำลังคนรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-curve

วันที่ 9 กันยายน 2564 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ (กพร.ปช.) ครั้งที่ 4/2564 ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล และผ่านระบบ Video Conference โดยมี นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ปลัดกระทรวงแรงงาน อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ผู้แทนสภาองค์การนายจ้าง ผู้แทนสภาองค์การลูกจ้าง ผู้ทรงคุณวุฒิ และคณะกรรมการจากทุกภาคส่วนร่วมประชุม

โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเสนอ 4 เรื่องให้ที่ประชุมพิจารณา ได้แก่

การเสนอรายชื่อบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน กพร.ปจ. แทนตำแหน่งที่ว่างลง

การแก้ไขเพิ่มเติมรายชื่ออนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน กพร.ปจ. (ร่าง) แ

ผนพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพในอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve (พ.ศ.2565-2570)

และ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านพัฒนาทักษะฝีมือคนพิการเพื่อรองรับการประกอบอาชีพ (พ.ศ.2564-2570) 

นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ (กพร.ปช.) มีหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและแนวทางในการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพของกำลังแรงงานให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐ ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประสานแผนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างระบบการศึกษากับระบบการพัฒนากำลังแรงงาน ประสานนโยบายแผนการพัฒนาฝีมือแรงงาน และแผนการฝึกอาชีพของ ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อความเป็นเอกภาพในการพัฒนาแรงงาน ขจัดปัญหาความซ้ำซ้อนและความสิ้นเปลือง รวมถึงติดตามและประเมินผลการดำเนินงานการพัฒนาแรงงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคเกี่ยวกับการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพ โดยมีคณะอนุกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพจังหวัด (กพร.ปจ.) เป็นกลไกระดับจังหวัดในการขับเคลื่อนติดตามและดำเนินงานตามแผนการพัฒนากำลังแรงงานในพื้นที่จังหวัด

การประชุมในวันนี้ นอกจากเรื่องที่เสนอให้ที่ประชุมพิจารณาซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่ฝ่ายเลขานุการเสนอแล้ว กพร. ได้รายงานถึงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564 ได้ปรับปรุงคำสั่งให้เป็นปัจจุบัน เพิ่มองค์ประกอบของ กพร.ปช. และปรับปรุงอำนาจหน้าที่แล้ว

การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) ขณะนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมหุ่นยนต์เพื่อการอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ จัดทำแผนพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแล้วเสร็จ กลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัลและอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็น ส่วนอุตสาหกรรมอื่นๆ นั้น อยู่ระหว่างการประชุมร่วมกับภาคอุตสาหกรรมและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อยกร่างแผนผังตำแหน่งงานและแนวโน้มการจ้างงานใน แต่ละอุตสาหกรรมเป้าหมายในรูปแบบการระดมความคิดเห็นผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการพัฒนาทักษะฝีมือคนพิการเพื่อรองรับการประกอบอาชีพ สรุปการจัดงานสัมมนาออนไลน์ “ให้กลไกตลาดทุน เกื้อหนุนผู้พิการ สร้างงานสร้างอาชีพ” เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 ผ่านระบบไมโครซอฟท์ทีม และถ่ายทอดสดผ่านเฟสบุ๊ค ของ กลต. กระทรวงแรงงาน และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน  ผู้เข้าร่วมงานสัมมนาประกอบด้วยผู้บริหาร ผู้แทนบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ องค์กร สมาคมคนพิการ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน จำนวน 524 คน โดยมีบริษัทในตลาดหลักทรัพย์สนใจทำ CSR ด้านคนพิการ จำนวน 75 แห่ง ซึ่ง กพร. จะติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานต่อไป และการสนับสนุนซิมการ์ดพัฒนาฝีมือแรงงานออนไลน์ 500 ซิม จาก บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ในการนี้ กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้จัดพิธีแถลงข่าวและรับมอบซิมการ์ด จำนวน 500 ชุด เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2564 ณ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดย กพร. ร่วมกับสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย ดำเนินการแจกจ่ายซิมการ์ดให้แก่กลุ่มแรงงานคนพิการและกลุ่มเปราะบางเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น ยกระดับศักยภาพด้านดิจิทัล ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี

และการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการพัฒนาทักษะฝีมือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผลการช่วยเหลือแรงงานกลุ่มเปราะบาง ประจำปี 2564 กระทรวงแรงงานเป้าหมาย 72,150 แห่ง ผลการสำรวจแล้ว 22,370 แห่ง และการเตรียมรองรับการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 อีกด้วย

“คณะกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ (กพร.ปช.) มีองค์ประกอบมาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยร่วมกันบูรณาการและวางแผนการพัฒนากำลังแรงงานของประเทศให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐ ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อความเป็นเอกภาพในการพัฒนาแรงงาน เพื่อให้แรงงานมีความรู้และทักษะตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน ให้แรงงานไทยสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยต่อไป ภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ และเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลง” อธิบดี กพร. กล่าวทิ้งท้าย

รมว.ยุติธรรม แจง พืชกระท่อมปลูก ใช้ ครอบครอง ขายใบสดได้เสรี น้ำต้มกินเอง-แจกจ่ายได้ แต่หากจะนำมาทำอาหาร-น้ำสมุนไพรขาย ยังผิดกฎหมาย สาธารณสุขกำลังเร่งปรับแก้ให้สอดคล้อง 

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ภายหลังจากที่รัฐสภาได้เห็นชอบ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8) ซึ่งเป็นการถอดพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5 ไปแล้วนั้น แต่ยังมีหลายคนสงสัย เกี่ยวกับการใช้พืชกระท่อมว่าสามารถทำในส่วนใดได้บ้าง ดังนั้นตนจึงขอชี้แจงว่า ในส่วนของการเคี้ยวใบ การปลูก การครอบครองและการขายใบสดที่ไม่ได้ปรุงหรือทำเป็นอาหารทำได้อย่างเสรีไม่ผิดกฎหมาย แต่ส่วนการนำไปทำผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่แจ้งว่ามีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ ต้องไปขออนุญาตตามกฎหมายของกระทรวงสาธารณสุข เพราะมี พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. 2562 ควบคุมอยู่ 

นอกจากนี้การนำไปทำเป็นอาหารหรือเป็นส่วนผสมในอาหารเพื่อขายนั้น  พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 ยังไม่ปลดล็อกให้สามารถนำพืชกระท่อมไปทำอาหารหรือผสมในอาหารเพื่อจำหน่ายได้ โดยประกาศของกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 424 ) พ.ศ. 2564 ออกตามความใน พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 เรื่อง กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย ซึ่งกำหนดให้อาหารที่ปรุงจากพืชกระท่อมเป็นอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้าหรือจำหน่าย หรือแม้กระทั่งน้ำต้มกระท่อมที่ไม่ได้ผสมกับสิ่งใดเลยก็เป็นสิ่งที่ห้ามผลิตเพื่อจำหน่ายตามประกาศฉบับนี้ การฝ่าฝืน ผลิต และขาย อาหาร ที่ พ.ร.บ. อาหาร ห้าม มีโทษตามมาตรา 50 จำคุก 6 เดือน - 2 ปี ปรับ 5,000 - 20,000 บาท

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันยังมีข้อจำกัดในกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยา อาหาร และเครื่องสำอาง ทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์ จากพืชกระท่อมได้อย่างเต็มที่ กระทรวงสาธารณสุขจึงสมควรที่จะแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์ จากพืชกระท่อมเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยา อาหาร และเครื่องสำอางได้ เรื่องนี้เป็นอุปสรรคในการค้าขายแบบชาวบ้าน 

ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม พ.ศ. .... คณะกรรมาธิการฯ ซึ่งตนเป็น ประธานฯ ได้มีข้อสังเกตเพิ่มเติมในประเด็นดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจะส่งให้กระทรวงสาธารณสุขรับไปพิจารณาดำเนินการต่อไปแล้ว 

แต่สำหรับในช่วงนี้ที่ประกาศยังไม่ถูกแก้ไข หากผู้ประกอบการที่อยากจะพัฒนาต่อยอดเพื่อสกัดหรือแปรรูปพืชกระท่อมโดยใช้ประโยชน์จากสารสำคัญในใบกระท่อมเพื่อเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพร หรือยาแผนโบราณ ที่มีสรรพคุณในการบำบัดหรือบรรเทาอาการต่าง ๆ นั้น สามารถขอคำแนะนำหรือติดต่อได้ที่ กองควบคุมผลิตภัณฑ์สมุนไพร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคดิ่งหนักสุดรอบ 23 ปี 

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ประจำเดือน ส.ค.2564 ว่า ดัชนีฯ ในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 39.6 ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ซึ่งเป็นดัชนีที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หรือ ต่ำสุดในรอบเกือบ 23 ปี นับตั้งแต่เดือนต.ค. 2541 เป็นผลมาจากความกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศที่รุนแรงมากขึ้นจนรัฐบาลต้องขยายพื้นที่ควบคุมสูงสุดเป็น 29 จังหวัด ทำให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศแย่ลง และมีความกังวลในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีเสถียรภาพน้อยลงและการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่ยังล่าช้าเข้ามากระทบด้วย

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 33.8 โอกาสในการหางานทำ ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 36.3 และรายได้ในอนาคต ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 48.6 โดยผู้บริโภคเริ่มรู้สึกมีความหวังว่าเศรษกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้ในอนาคต หลังจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2564 เป็นต้นมา

ทั้งนี้ได้จัดทำข้อเสนอให้รัฐบาลดูแล คือ การเร่งจัดทำแผนการเปิดเมืองที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้นักธุรกิจและประชาชนเตรียมความพร้อม เร่งจัดหาและฉีดวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กำหนดมาตรการเฝ้าระวัง และหาแนวทางป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ไม่ให้แพร่ระบาดในประเทศไทย มาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอี ที่ประสบปัญหาเข้าไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อ เนื่องจากไม่มีหลักทรัพย์ และต้องสร้างแผนการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยให้มากขึ้นอีกด้วย

“ช่วยทุกคน ทุกพื้นที่ 24 ชั่วโมง”  ทบ. ส่งหน่วยทหารช่วยประชาชนรับมือสถานการณ์น้ำตลอด กันยายน นี้  

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์สภาพอากาศ ห้วง 9-30 ก.ย. 64 ที่ประเทศไทยจะได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉียงใต้และพายุโกนเซิน ทำให้ฝนตกหนักให้หลายพื้นที่ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม โดยมีจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ เชียงใหม่, เชียงราย, เพชรบูรณ์, พิษณุโลก, ลำปาง, น่าน, พะเยา, ร้อยเอ็ด, จันทบุรี, ตราด และ นครราชสีมา

 จากสถานการณ์ดังกล่าวศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก หน่วยทหารในทุกกองทัพภาคและมณฑลทหารบก ได้ติดตามสถานการณ์น้ำและประเมิน รวมถึงเตรียมแผนการป้องกันและช่วยเหลือหากเกิดผลกระทบจากปริมาณน้ำฝนที่มากเกินจนทำให้เกิดน้ำท่วม ตลอดจนบูรณาการร่วมกับจังหวัดและหน่วยป้องกันบรรเทาภัยท้องถิ่น, เตรียมความพร้อมของกำลังพลและเครื่องมือบรรเทาสาธารณภัย ชุดแพทย์เคลื่อนที่ รถครัวสนาม เป็นต้น เพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ทันต่อเหตุการณ์ ปัจจุบันในบางพื้นที่ได้มีการแจ้งเตือนประชาชน อพยพสิ่งของและสัตว์เลี้ยงขึ้นที่สูง รวมทั้งการเตรียมชุดประเมินภัยพิบัติพร้อมปฏิบัติทันทีหากเกิดเหตุการณ์ ส่วนในพื้นที่ชุมชนหนาแน่นหรือเขตเมือง เช่น กทม. และปริมณฑล หน่วยทหาร จะเน้นการอำนวยความสะดวกด้านการสัญจร สนับสนุนหน่วยงานต่างๆ ในการเร่งระบายน้ำ 

 ล่าสุด พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้หน่วยทหารดูแลประชาชนในสถานการณ์น้ำตลอดฤดูฝนนี้ เนื่องจากหากมีฝนตกมากผิดปกติ อาจทำให้ประชาชนเดือนร้อนหรือเกิดอุทกภัย การเข้าช่วยเหลือทันทีจึงมีความจำเป็นและเร่งด่วน โดยให้นำศักยภาพของหน่วยทหารทั้งในด้านกำลังพล เครื่องมือ เตรียมแผนการช่วยเหลือ เข้าสนับสนุนหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ในขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญควบคู่ไปกับการบรรเทาสาธารณภัย คือ การป้องกันตนเองและป้องกันประชาชนไม่ให้มีการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งนี้การช่วยเหลือในสถานการณ์พิเศษ ต้องสอดคล้องกับมาตรการป้องกันโรค การพิทักษ์พลและสามารถเข้าดูแลประชาชนได้ในทุกเหตุการณ์ สิ่งสำคัญคือการรักษาสุขภาพตนเอง เนื่องจากในช่วงนี้มีฝนตกต่อเนื่อง ประกอบกับการแพร่ระบาดของโควิดในหลายพื้นที่ยังมีอยู่ 

ส่วนสถานการณ์น้ำในวันนี้ กรมทหารราบที่ 16 ได้นำกำลังพลจิตอาสาเข้าช่วยเหลือโรงพยาบาลพนมไพร จ.ร้อยเอ็ด ขนย้ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ พร้อมสูบน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วม,  จ.เลย จากภาวะน้ำล้นตลิ่งที่ อ.ด่านซ้าย มณฑลทหารบกที่ 28 ได้ส่งกำลังพลวางกระสอบทรายป้องกันน้ำท่วมบ้านประชาชนร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่  และที่ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เกิดอุทกภัยน้ำป่าไหลหลาก กรมทหารราบที่ 2 รอ. จัดกองร้อยบรรเทาสาธารณภัยช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน

 สำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะฝนตกหนักในช่วงนี้ ขอรับความช่วยเหลือได้จากหน่วยทหารใกล้บ้านหรือติดต่อศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก โทร. 02-2977648, กองทัพภาคที่ 1 (กลาง) โทร. 02-2815443, กองทัพภาคที่ 2 (อีสาน) โทร. 04-4245946, กองทัพภาคที่ 3 (เหนือ) โทร. 055242859, และกองทัพภาคที่ 4 (ใต้) โทร. 07-5383405

‘หมอวรงค์’ ซัด ‘ไพบูลย์’ ความจำสั้น ทำไมงง ‘ระบอบทักษิณ’ เป็นอย่างไร ทั้งที่เคยขึ้นเวที กปปส. ไล่มาด้วยกัน

เมื่อวันที่ 9 ก.ย. นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ในหัวข้อ #ความจำสั้น โดยระบุว่า

ผมไปออกรายการ Topnews Talk คืนวันที่ 8 กันยายน 64 ไม่เห็นด้วย เรื่องบัตร 2 ใบ ผมกังวลว่าระบอบทักษิณจะกลับมา เพราะเขาถนัดเกมนี้

อ.ไพบูลย์งงว่า ระบอบทักษิณเป็นอย่างไร ทั้ง ๆ ที่เคยขึ้นเวทีกปปส.ไล่มาด้วยกัน

แสดงว่าบัตรสองใบ นอกจากนายทุน และโจรจะครองเมืองแล้ว ยังทำให้คนความจำสั้นด้วย


ที่มา : https://www.facebook.com/therealwarong/posts/2997063637231334

ราเมศ แจง แก้ รธน. ยึดหลักการดี บัตร 2 ใบ ปชช. ได้ประโยชน์ พรรคการเมืองควรดีใจ ยกเว้นยึดประโยชน์ตน

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่มีพรรคการเมืองบางพรรคได้ออกมาโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่า

เรื่องนี้ทุกคนต้องตั้งหลักให้ดี ทุกขั้นตอนเป็นการดำเนินการผ่านกระบวนการของรัฐสภา พรรคประชาธิปัตย์ได้เสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไป 6 ฉบับ พรรคการเมืองอื่นๆ ที่เสนอด้วยรวม 13 ฉบับ แต่มีเพียงร่างของพรรคเพียงฉบับเดียวที่ได้รับความเห็นชอบในวาระที่หนึ่ง ตามกลไกของระบบรัฐสภา มีสมาชิกรัฐสภาให้ความเห็นชอบ โดยเฉพาะ ส.ว. เห็นชอบถึง 210 เสียง จนกระทั่งในวาระที่สอง สมาชิกรัฐสภาก็ให้ความเห็นชอบในทุกมาตรา จนกระบวนการก็เข้าสู่การพิจารณาในวาระที่สาม จะเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามหลักการ เพราะการลงมติของสมาชิกรัฐสภานั้นเป็นความเห็นพ้องต้องกันในการกำหนดให้มี ส.ส. เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน และให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ซึ่งเป็นหลักการที่เป็นไปประโยชน์กับประชาชนเพราะทำให้มีสิทธิและเสรีภาพมากขึ้นในการใช้สิทธิเลือกตั้ง ส่วนกระบวนการหลักเกณฑ์อื่นๆ ก็จะมีการยกร่างแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งอีกครั้ง หากติดตามจะทราบดีว่าทั้งหมดเป็นไปตามหลักการกระบวนการผ่านกลไกรัฐสภา

นายราเมศกล่าวถึงการที่มีสมาชิกพรรคการเมืองบางพรรคกล่าวหา นายจุรินทร์กำลังจะยกอำนาจใส่พานให้ทักษิณนั้น ตนคิดว่าเป็นการบิดเบือนกล่าวหาซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อยู่บนหลักการความเป็นจริง  ด้วยหลักการที่กล่าวมาจะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ มีสิทธิในการเลือก ส.ส. ที่รัก และมีเสรีภาพเลือกพรรคที่ชอบ ซึ่งสิทธิและเสรีภาพที่เพิ่มขึ้นนี้ เป็นสิ่งที่ใส่พานให้ประชาชน ถ้าหลักการที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ดีก็ไม่ควรนำปัจจัยอื่นมาทำลาย

“นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ คิดและทำเพื่อส่วนรวม เพื่อประชาชน การแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ใส่พานให้กับใคร แต่เป็นไปตามหลักการที่ต้องการเพิ่มสิทธิเสรีภาพให้ประชาชน ให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น เชื่อว่าสมาชิกรัฐสภาที่ได้ลงมติเห็นชอบมาแล้วในวาระหนึ่งและวาระสอง จะได้ลงมติเห็นชอบด้วยในวาระที่สามอย่างแน่นอน” นายราเมศกล่าวในที่สุด

ชลบุรี-ภาคเอกชนร่วมมือลงนามสู่ความมั่นคงเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจด้านน้ำ ทั้งภาคประชาชน และเมืองอุตสาหกรรมในอนาคต รองรับการเจริญเติบโตพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ( EEC )

ณ สถานีผลิตน้ำประปา มรกตสยาม บ. อินดัสเตรียล วอเตอร์รีซอร์สแมนเนจเม้นท์ จก.49/2 ม.4  ต.มาบโป่ง อ.พานทอง จ.ชลบุรี อีกก้าวที่สำคัญ สู่ความร่วมมือเสริมสร้างความมั่นคงด้านน้ำ อุปโภค /บริโภค และน้ำอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

บริษัท อินดัสเตรียล วอเตอร์ รีซอร์สแมนเนจเม้นท์ จำกัด (IWRM) นำโดย คุณธนวัฒน์ สันตินรนนท์ กรรมการบริษัท  ร่วมกับบริษัท Wewater Supply (กลุ่มบริษัทพนัสวิศวกรรม) นำโดย คุณมนัส ศุภศิริลักษณ์ และคุณพนัส ศุภศิริลักษณ์ กรรมการบริษัท 

จัดพิธีลงนาม "ความร่วมมือเสริมสร้างศักยภาพการบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออก" โดยนำอ่างเก็บน้ำภาคเอกชนบริเวณ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี พื้นที่กว่า 600ไร่ กักเก็บน้ำหลาก ช่วงฤดูฝน คาดสามารถกักเก็บน้ำดิบได้ไม่น้อยกว่า10 ล้านลบ.ม.ต่อปี เป็นการร่วมมือจากภาคเอกชนในพื้นที่ ที่มีศักยภาพด้านบ่อดินลูกรังร้าง เพื่อกักเก็บน้ำ ร่วมกับ IWRM ภาคเอกชน ที่มีประสบการณ์ ด้านบริหารจัดการน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและอุตสาหกรรม กว่า 17 ปี ในการลงนามครั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจด้านน้ำ ในพื้นที่EEC อีกด้วย

"สโมสรลูกพ่อเรย์และเพื่อน" แถลงข่าวเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในคำว่า "สังคมแบ่งปัน"เพื่อสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่

ณ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ (พัทยา) บาทหลวง "ดร.พิชาญ ใจเสรี" เจ้าคณะพระมหาไถ่แห่งประเทศไทย / บาทหลวง "ภัทรพงศ์ ศรีวรกุล" ประธานมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เป็นเกียรติให้โอวาทแด่คณะกรมการการบริหารงานของสโมสรฯและขอบคุณทุกท่านที่มีพลังแห่งศรัทธาร่วมกันสร้างคุณงามความดีข่วยเหลือคนพิการ คนยากไร้ คนเด้อยโอกาส ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไปวันข้างหน้า

ในการนี้ "ดร.สุภรธรรม มงคลสวัสดิ์" ในฐานะประธานสโมสรฯได้กลาาสรายงานวัตถุประสงค์ เจตนารมย์ร่วมก่อตั้ง "สโมสรลูกพ่อเรย์และเพื่อน"  ที่เกิดจากการรวมกลุ่มกันของคนพิการ ที่เคยได้รับการอุปถัมภ์ดูแลจากคุณพ่อเรย์โดยทางตรงและทางอ้อม และมีความประสบสำเร็จในการดำเนินชีวิต มีงาน มีการทำ มีรายได้ และเป็นบุคคลที่ทําคุณประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติ และเป็นการมอบโอกาสส่งต่อให้น้องๆเด็กๆเยาวชนคนพิการรุ่นใหม่ และ คำว่า "เพื่อน" มาจากสังคมโดยรอบไม่ว่าจะเป็นเจ้าของสถานประกอบการ คนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี คนที่ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยจิตอันเป็นกุศล ก็สามารถมาร่วมกันสร้างคุณงามความดีด้วยการช่วยเหลือและแบ่งปัน ต่อไป

ทั้งนี้ "สโมสรลูกพ่อเรย์และเพื่อน" เริ่มก่อตั้งจากจำนวนสมาชิก 9 ท่าน  ในวันที่ 9 เดือน 9 เวลา 9.19 น.
โดยมีรายนามคณะกรรมการ ดังนี้
1.ดร.ธนโชติ.  หาญเจริญอัศวสุข
 2.ดร.สุภรธรรม มงคลสวัสดิ์
3. อ.ณรงค์ ไปวันเสาร์
4.  อ. มานพ เอี่ยมสอาด
5.  คุณธนัช  คงคา
6. คุณชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล
7. ผอ.ชิด สุขหนู
8. อ.ประทีป ยอดสิงห์
9.นาย.สัมฤทธิ์  ชาภิรมย์

สรรพสามิต ตั้งศูนย์ปราบสินค้ากันบุหรี่เถื่อนระบาด

นายเกรียงไกร พัฒนาภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี และรองโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตได้จัดทำแผนประจำปีป้องกันและปราบปราบบุหรี่เถื่อน และทำแผนเฉพาะกิจในการปราบปรามบุหรี่ผิดกฎหมาย ซึ่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบปราบปรามบริเวณชายแดน รวมถึงได้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามสินค้าออนไลน์ เพื่อเฝ้าระวังและติดตามผู้กระทำผิด ผู้ต้องสงสัยทางอินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์ และร่วมกับกรมศุลกากร ตำรวจ ทหาร เพื่อสกัดกั้นการลักลอบบุหรี่หนีภาษี

“ตอนนี้ในพื้นที่ภาคใต้ผู้บริโภคส่วนใหญ่หันไปสูบบุหรี่หนีภาษีหรือบุหรี่เถื่อนซึ่งมีราคาที่ถูกกว่า ส่งผลให้เกิดการลักลอบนำเข้าบุหรี่หนีภาษีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันมีเส้นทางการค้าบุหรี่หนีภาษีจากประเทศเพื่อนบ้านที่ติดต่อกับชายแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องผ่านทางด่านชายแดน เช่น สระแก้ว ปัตตานี จันทบุรี สตูล สงขลา และจังหวัดต่าง ๆ ที่เป็นศูนย์กลางทางการค้า”

ทั้งนี้ในปีงบ 64 กรมฯ ได้จับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับสินค้าบุหรี่ผิดกฎหมายได้ 6,252 คดี ของกลาง 1.4 ล้านซอง ปรับเป็นเงิน 1,248 ล้านบาท โดยเป็นการจับกุมพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย 1,792 คดี ของกลาง 815,981 ซอง ปรับ 1,063 ล้านบาท

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เปิดเผย รัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการจับกุมผู้กระทำความผิด เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์เงินภาษีของรัฐ สร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจโดยสุจริต ที่สำคัญคือคำนึงถึงสุขภาพของประชาชน กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง และขอความร่วมมือประชาชน หากพบเบาะแสหรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการลักลอบนำเข้าบุหรี่หนีภาษี แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อให้ได้เร่งปราบปรามแก้ไขปัญหาและขยายผลเพิ่มเติมต่อไป  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top