Sunday, 25 May 2025
NewsFeed

เฮง รัตนะ (Heng Ratana) ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAC) เผย กัมพูชาประสบความสำเร็จในการฝึกสุนัขให้สามารถดมกลิ่นเพื่อตรวจจับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เฮง รัตนะ (Heng Ratana) ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAC) กล่าวว่า กัมพูชาประสบความสำเร็จในการฝึกสุนัข 3 ตัวให้สามารถดมกลิ่นเพื่อตรวจจับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

รัตนะ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ฝึกสุนัขทั้ง 3 ตัวให้ดมตัวอย่างกลิ่นที่เรียกว่า 'สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย' (VOC) ซึ่งทีมเทคนิคของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สุขภาพเก็บมาจากผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 48 ราย โดยตัวอย่างทั้งหมดได้รับการตรวจสอบด้วยวิธีการปฏิกิริยาลูกโซ่โพลีเมอเรส (PCR) และเทคนิคการเพาะเลี้ยงเซลล์เพื่อความปลอดภัย

“ศูนย์ฯ และมหาวิทยาลัยฯ ทำงานร่วมกันเพื่อวิจัยและฝึกสุนัขดมกลิ่นตรวจจับโรคโควิด-19 โดยในระยะแรกนี้ เราดีใจที่จะกล่าวว่าสุนัขทั้งสามตัวของศูนย์ฯ สามารถตรวจจับสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่ายของผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 48 รายได้ ขณะที่สุนัขอีก 7 ตัวก็มีพัฒนาการอย่างโดดเด่น” รัตนะโพสต์เฟซบุ๊ก

รัตนะ กล่าวว่า สุนัขที่ได้รับการฝึกสามารถดมและตรวจจับตัวอย่างกลิ่นได้ภายใน 10-15 วินาที ซึ่งการใช้งานสุนัขกลุ่มนี้มีประสิทธิภาพต่อการคัดกรองผู้คนจำนวนมาก อาทิ สนามบิน ด่านตรวจพรมแดนระหว่างประเทศ สนามกีฬา เป็นต้น

การฝึกสุนัขดมกลิ่นตรวจจับโรคโควิด-19 มีขึ้นตามความคิดริเริ่มของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยสุนัขเหล่านี้ได้รับการฝึกโดยเจ้าหน้าที่ฝึกท้องถิ่นที่ศูนย์ฝึกของศูนย์ฯ ในจังหวัดกำปงชนัง

ทั้งนี้ รัตนะ ยังได้ทิ้งท้ายว่า บรรดาผู้เชี่ยวชาญระบุว่ายังไม่มีข้อมูลทางการที่พิสูจน์ได้ว่าไวรัสสามารถแพร่จากมนุษย์สู่สุนัขได้

ที่มา : https://www.naewna.com/inter/592231


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เจ้าแต้ว-สุดาพร สีสอนดี สามารถเอาชนะนักชกจากสหราชอาณาจักรไปได้ 3:2 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ และการันตีเหรียญทองแดงในมือเป็นที่เรียบร้อย

แจ่มไปเลยยยยย!! สำหรับผลการชกมวยหญิงของไทยในโอลิมปิก โดยเจ้าแต้ว-สุดาพร สีสอนดี สามารถเอาชนะนักชกจากสหราชอาณาจักรไปได้ 3:2 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ และการันตีเหรียญทองแดงในมือเป็นที่เรียบร้อย

เจ้าแต้ว-สุดาพร ลงดวลหมัดกับนักชกสาวจากสหราชอาณาจักร แคโรไลน์ ดูบัวส์ ในรุ่นไลต์เวต น้ำหนักไม่เกิน 60 กก. หากใครผ่านนัดนี้ไปได้ จะได้เข้าไปลุ้นเหรียญเงินในรอบรองชนะเลิศต่อไป

เริ่มต้นยกแรก นักชกสาวไทยมีความคล่องแคล่วกว่า แม้อายุจะมากกว่านักชกคู่แข่งถึง 9 ปี แต่ดักจังหวะต่อยโชว์กรรมการข้างเวทีได้เป็นระยะ จบยกแต้วนำ 3:2

เข้าสู่ยกที่สอง เจ้าแต้วก็ยังทำผลงานได้จะแจ้งมากกว่า ไล่หาจังหวะดักต่อยอยู่เรื่อย ๆ ทางด้านแคโรไลน์ก็มีทีเด็ดตรงหมัดชุดที่ปล่อยออกมาแต่ละทีก็มีลุ้นคะแนนเช่นกัน จบยกภาพรวมเจ้าแต้วดีกว่า แต่กลายเป็นว่า ผลคะแนนจากกรรมการ ให้เสมอกัน

ยกสาม สุดระทึก เพราะคะแนนเท่ากัน อะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่เจ้าแต้วก็ยังคงรักษาสเต็ปของตัวเอง ออกหมัดรวดเร็ว ดักต่อย และฉากหลบด้วยจังหวะงาม ๆ ได้อยู่ตลอด เหลือ 10 วินาทีสุดท้าย แฟน ๆ ชาวไทยหายใจไม่ทั่วท้อง แต่เมื่อสิ้นสุดยกสาม เจ้าแต้วชูกำปั้นแสดงความมั่นใจสุด ๆ

ถึงวินาทีตัดสิน กรรมการบนเวทีผายมือไปทางฝั่งน้ำเงิน เจ้าแต้วเอาชนะไปด้วยคะแนนจากกรรมการ 3:2 เจ้าตัวถึงกับทรุดลงกับพื้นเวทีด้วยความดีใจ โดยสามารถคว้าเหรียญทองแดงได้สำเร็จ และผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปพบกับ เคลลี่ แอน แฮร์ริงตัน จากไอร์แลนด์ ในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ เวลาราว 12.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

เส้นทางยังไม่จบ สุดาพร...สู้เว้ยยยยย!!


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

มณฑล ภูมิภาค และเทศบาลนครหลายแห่งทั่วจีน ได้ประกาศแผนฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แบบแบ่งเป็นระยะ สำหรับผู้เยาว์ที่มีอายุระหว่าง 12-17 ปี

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งมณฑลเฮยหลงเจียงทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ระบุว่าเฮยหลงเจียงวางแผนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับนักเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายที่มีอายุระหว่าง 12-17 ปี ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม

ก่อนรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ผู้ปกครองตามกฎหมายของผู้เยาว์กลุ่มนี้จะได้รับข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อรับรองว่าเด็กทราบถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง ยินยอม และเข้ารับวัคซีนด้วยความสมัครใจ โดยผู้ปกครองควรอยู่ด้วยกับเยาวชนระหว่างรับวัคซีน

มณฑลเฮยหลงเจียงคาดว่าจะแบ่งแผนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับผู้เยาว์ออกเป็นหลายระยะตามอายุ ตั้งแต่นักเรียนที่ใกล้จบการศึกษาไปจนถึงนักเรียนเพิ่งเข้าใหม่ โดยเฮยหลงเจียงตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้กับผู้เยาว์จนครบทั้งสองโดสในเดือนกันยายน

ด้านหน่วยงานทางสาธารณสุขของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน ระบุว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับเยาวชนอายุระหว่าง 15-17 ในเดือนกรกฎาคม จากนั้นจะเริ่มฉีดวัคซีนให้กับเยาวชนอายุ 12-14 ปี ในเดือนสิงหาคม และคาดว่าจะเสร็จสิ้นแผนฉีดวัคซีนให้กับผู้เยาว์อายุ 12-17 ปีภายในสิ้นเดือนตุลาคมปีนี้

แผนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของกว่างซีจ้วง จะครอบคลุมถึงนักเรียนส่วนใหญ่จากโรงเรียนประถม มัธยมศึกษาตอนต้นและปลาย โรงเรียนอาชีวศึกษา และโรงเรียนเทคนิค โดยพ่อแม่หรือผู้ปกครองต้องอ่านแบบฟอร์มยินยอมอย่างละเอียดและลงนามยินยอมก่อนการรับวัคซีน และอยู่กับเยาวชนระหว่างรับวัคซีน

คณะกรรมการสุขภาพของกว่างซี ระบุว่าจะมีการเปิดสายด่วนให้คำปรึกษาเพื่อตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับการรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยผู้เยาว์ที่มีอายุระหว่าง 12-17 ปี และผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จะเป็นกลุ่มเป้าหมายในแผนฉีดวัคซีนของกว่างซีในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

หน่วยงานทางสาธารณสุขเมืองจิงโจว มณฑลหูเป่ยทางตอนกลางของจีน ระบุว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับผู้เยาว์อายุระหว่าง 12-17 ปี และผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป ขณะที่เมื่อวันศุกร์ (16 ก.ค.) คณะกรรมการสุขภาพนครกว่างโจว เมืองเอกของมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีน ระบุว่าจะทำการวิจัยและร่างแผนฉีดวัคซีนให้กับผู้เยาว์อายุ 12-17 ปี

เจิ้งฮุ่ยเจิน หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมโรคแห่งสมาคมยาเพื่อการป้องกันแห่งมณฑลกว่างตง กล่าวว่าขณะที่จีนดำเนินการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่นั้น ลำดับกลุ่มเป้าหมายของแผนฉีดวัคซีนจะเริ่มจากผู้ใหญ่วัยทำงาน จากนั้นจึงเป็นผู้สูงอายุ และผู้เยาว์

“แม้ว่าเด็กและวัยรุ่นจะมีอาการป่วยจากโรคโควิด-19 ในระดับเล็กน้อยหรือไม่แสดงอาการเลย แต่เยาวชนยังคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงอยู่เมื่อเทียบกับวัยผู้ใหญ่ อีกทั้งเด็กและวัยรุ่นอาจมีส่วนสำคัญในการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสในชุมชน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำการวิจัยด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนในประชากรวัยหนุ่มสาว” เกาเฉียง ผู้จัดการทั่วไปของบริษัท ซิโนแวค ไลฟ์ ไซเอนเซส จำกัด (Sinovac Life Sciences Co., Ltd.) กล่าว

ปัจจุบันแผนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ขนานใหญ่ของจีน มุ่งฉีดให้กับผู้ใหญ่ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยหากนับจนถึงวันศุกร์ (16 ก.ค.) จีนฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วประเทศไปแล้วเกือบ 1.44 พันล้านโดส

อนึ่ง เมื่อเดือนมิถุนายน จีนอนุมัติการใช้งานกรณีฉุกเฉินแก่วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดเชื้อตายที่พัฒนาขึ้นเองในประเทศ สำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 3-17 ปี

ติดตามข่าวน่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่นี่ : www.xinhuathai.com


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“สงคราม”อัด“บิ๊กตู่”อำมหิตกล่าวหาประชาชนแกล้งตาย ชี้ รัฐตั้งเงื่อนไขหวังลดจำนวนวัคซีนให้แพทย์ จี้แจงเก็บที่เหลือเพื่อใคร

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ประเทศไทยได้รับบริจาควัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพดี จากสหรัฐอเมริกาจำนวน 1.5 ล้านโดส โดยในขั้นต้นรัฐบาล ประกาศว่าต้องการให้นำมาฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบสาธารณสุขของไทย รวมทั้งกระจายไปสู่ประชาชน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่

หลังจากรับการบริจาคมาแล้ว รัฐบาลกลับไม่ทำตามเจตนารมย์ ที่เคยประกาศไว้ มีการตั้งเงื่อนไขว่าบุคลากรทางการแพทย์ต้องเข้าเกณฑ์ที่รัฐกำหนดจึงสามารถฉีดวัคซีนไฟเซอร์ได้มองว่ารัฐบาลพยายามที่จะลดจำนวนวัคซีนทีจะฉีดให้กลุ่มนักรบด่านหน้า จากเดิมบอกว่าจะฉีดให้ 700,000 โดสสุดท้ายจะเหลือเพียงไม่ถึง 400,000 โดส เพราะเงื่อนไขที่ตั้งขึ้นเป็นเงื่อนไขที่รัฐบาลมีวาระซ่อนเร้นและต้องการนำวัคซีนที่เหลือไปทำอะไร

นายสงคราม กล่าวด้วยว่า รัฐบาลมีแผนในการเก็บวัคซีนจำนวน 5,000 โดส อ้างว่าเพื่อการวิจัย เป็นเรื่องทีน่าประหลาดใจมาก เพราะวัคซีนที่ได้รับมา ผ่านการวิจัยมาจากนานาชาติแล้ว รัฐบาลต้องการรัฐบาลเก็บวัคซีน 5,000 โดสนี้ให้กลุ่มไหน ทั้งนี้มีกระแสข่าวว่า ทั้งเจ้าสัวใกล้ชิดรัฐบาล นายทหารใหญ่ อาจจะได้ประโยชน์จากวัคซีนที่ได้รับบริจาคมาก

“การที่คนในรัฐบาลออกมากล่าวหาว่า ประชาชนที่เสียชีวิตมีการจัดฉากแกล้งตาย การออกมากล่าวหาประชาชนว่าแกล้งป่วยแกล้งตาย น่าสลดใจในความคิดของคนในรัฐบาลนี้มากและเป็นความคิดที่อำมหิตมาก ทั้งๆที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน ทั้งนี้เชื่อว่าหากมีการตรวจเชิงรุกจริงตัวเลขผู้ติดเชื้อจะสูงกว่านี้ มาตรการล็อคดาวน์ที่ออกมาล้มเหลวไม่เป็นท่า รัฐบาลยิ่งล็อคดาวน์ประชาชนยิ่งติดเชื้อเพิ่ม แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแก้โควิดล้มเหลว ทำได้เพียงดีแต่พูดไปวันๆ ”นายสงครามกล่าว

'Dr.Jerome Kim' ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนระหว่างประเทศ ชี้ ไม่ควรด้อยค่าวัคซีน เน้น ควรฉีดตามที่ WHO รับรอง ลดการเสียชีวิตและการกลายพันธุ์

สรุปบทสัมภาษณ์ Dr.Jerome Kim ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนระหว่างประเทศ (IVI) หรือ International Vaccine Institute ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนมากที่สุดคนหนึ่งในโลก รับผิดชอบวัคซีนตั้งแต่ HIV, Ebola จนมาถึง Covid-19 จาก ASIAN BOSS ความว่า...

1.) เกิดความเชื่อบนสังคม Internet ว่าวัคซีนที่ดีที่สุดคือ Pfizer

2.) ผมไม่ทราบว่าเอาข้อมูลนี้มาจากไหน แต่ผมเดาว่าเกิดการให้ข้อมูลผิด ๆ บน Internet

3.) ข้อมูลผิด ๆ นี้ เกิดจากการดูตัวเลขง่าย ๆ จาก “Efficacy Rate” ที่ทำในห้องทดลองที่สร้างบนสิ่งแวดล้อมต่างกัน ไวรัสก็คนละตัวกัน ทั้งที่จริง ๆ เราต้องดู “Efficiency Rate” ที่เกิดจากการใช้งานจริง

4.) แต่ผมดู Efficiency rate มากกว่า เช่น ในอังกฤษนั้น ทั้ง Pfizer และ AstraZeneca ต่างให้ “Efficiency Rate” ไม่ให้คนป่วยรุนแรงได้เกิน 80% ทั้งคู่ ถือว่าผลงานไม่ต่าง (Efficacy = ประสิทธิผล / Efficiency = ประสิทธิภาพ)

5.) ผมไม่เห็นว่ามีวัคซีนตัวไหนแม้แต่ตัวเดียวที่ป้องกันการติดได้ ผมเองก็ฉีด J&J ไม่ใช่วัคซีนเทพ (เช่น Pfizer) ตามที่ Internet ให้ข้อมูล ส่วนลูกสาวฉีด Pfizer เพราะรับข้อมูลบน Internet มาก

6.) วัคซีน “ทุกตัว” ที่ WHO รับรอง “ฉีดดีกว่าไม่ฉีด” ไม่ต้องรอ เพราะตอนนี้คนที่ตายส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มคน “ไม่ฉีด”

7.) การฉีดวัคซีนที่ WHO รับรอง จะช่วยลดโอกาสการเสียชีวิต และลดโอกาสการกลายพันธุ์

8.) Supply วัคซีนขาดแคลนทั่วโลก มีวัคซีนอะไรให้ฉีดก่อน แล้วค่อยบูสต์ก็ยังทัน เพราะปีหน้าก็ต้องปรับวัคซีนสู้ Variant ใหม่อยู่ดี

หมายเหตุ 1: บทสัมภาษณ์ประธานวัคซีนโลกนี้ คล้ายสิ่งที่หมอยง Yong Poovorawan ให้สัมภาษณ์ แล้วโดนโซเชียลไทย Bully มาก (หวังว่าโซเชียลไทยจะไม่ไปตามบุลลี่ประธานวัคซีนโลก)

หมายเหตุ 2 : ในปีที่ยังไม่มีวัคซีนตัวไหนสมบูรณ์เลย อย่าสร้างกระแสด้อยค่าวัคซีน เพราะทุกการฉีดสำคัญต่อทุกชีวิต เพียงแต่ด่านหน้าที่เจอสงครามโหด ๆ จำเป็นต้องสนับสนุนด้วยเกราะที่พิสูจน์ในสมรภูมิอื่นแล้วว่าดี เช่น AstraZeneca และ Pfizer หรือ Moderna

ฟังสัมภาษณ์เต็มได้ที่ : https://youtu.be/jO2SUG9eNHc

.

.


ขอขอบคุณที่มา: เฟซบุ๊ก​ Pongprom​ Yamarat

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=4521302304546539&id=100000004424101

ASIAN BOSS


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'กรณ์' ยื่นหนังสือ 'อัศวิน' ขอระงับออกใบอนุญาตก่อสร้างคอนโดหรู เขตยานนาวา จวก คกก. EIA กทม. เห็นชอบเอื้อบริษัทฯ ไม่ให้ความสำคัญคุณภาพชีวิตประชาชน 'เทียนฉาย - ประมนต์' ร่วมลงชื่อด้วย

ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม เวลา 9.00 น. นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีต รมว.กระทรวงการคลัง ในฐานะหนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างคอนโดโครงการ ควินทารา ซิงค์ เย็นอากาศ ของบริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) ในซอยประสาทสุข ถนนเย็นอากาศ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา เข้าพบ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อขอให้ระงับการออกใบอนุญาตก่อสร้างโครงการ พร้อมยื่นหนังสือรายชื่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการ อาทิ ศาสตราจารย์กิตติคุณ เทียนฉาย กีระนันท์, ศาสตราจารย์พิเศษแพทย์หญิง เพ็ญแข ลิ่มศิลา, นายกรณ์ จาติกวณิช, นายประมนต์ สุธีวงศ์, นายมนตรี ศรไพศาล, ครอบครัวสุจริตกุล, ครอบครัว ณ ระนอง และผู้พักอาศัยอีกกว่า 70 ครัวเรือน

นายกรณ์ กล่าวแสดงความไม่เห็นด้วย กับมติคณะกรรมการ EIA ของ กทม. ที่ให้ความเห็นชอบ รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ควินทารา ซิงค์ เย็นอากาศ ของบริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ว่าเป็นการพิจารณาที่ไม่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะปัญหาจราจรที่ประชาชนได้ชี้แจงไปแล้วหลายรอบอย่างละเอียด แต่กลับให้น้ำหนักกับข้อเสนอของบริษัทพัฒนาที่ดินที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง และที่สำคัญ กทม. อนุมัติโครงการทั้ง ๆ ที่ถนนหน้าโครงการมีความกว้างตํ่ากว่าเกณฑ์กฎหมาย และขัดกับหลักการวินิจฉัยของศาลปกครองในอดีตที่ความกว้างของถนนต้องเป็นความกว้างที่ใช้ได้จริงตามเกณฑ์ตลอดเส้นทาง จึงขอให้ผู้ว่าฯ กทม. ใช้อำนาจปฏิเสธการออกใบอนุญาต แต่หากมีการออกใบอนุญาต จะดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมายต่อไป ทั้งในศาลปกครอง ศาลแพ่งและศาลอาญา

นายกรณ์ ยังหยิบยกกรณีที่เกิดขึ้นในอดีต ที่ กทม. เร่งออกใบอนุญาต ก่อนที่ศาลจะวินิจฉัย สร้างความเสียหายให้กับผู้อยู่อาศัยเดิม และกับประชาชนที่จะมาซื้อโครงการในอนาคต ซึ่งเป็นความเสียหายที่หลีกเลี่ยงได้ แต่ก็เกิดความเสียหายลักษณะนี้ซ้ำซาก

"อยากให้ผู้ว่าฯ กทม. ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ มากกว่าการทำกำไรของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทางผู้ว่าฯ กทม. รับปากว่าจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทำงานของสำนักงานเขตยานนาวา คณะกรรมการพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมถึงทบทวนนโยบายการพิจารณาโครงการลักษณะนี้ในทั่วทุกพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้ที่เกี่ยวข้องในอนาคต” นายกรณ์กล่าว


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“ILINK” ลงนามสัญญา ร่วมการไฟฟ้านครหลวง จ้างเหมาติดตั้งสายใยแก้วนำแสงใต้น้ำ มูลค่า 84.6 ล้านบาท

นายสมบัติ อนันตรัมพร และ นายธนา ตั้งสกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ลงนามร่วมกับ นายกีรพัฒน์ เจียมเศรษฐ์ ผู้ว่าการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อจ้างเหมาติดตั้งสายใยแก้วนำแสงใต้น้ำ (Underwater Optical Fiber Cable) พร้อมจัดหาวัสดุอุปกรณ์ประกอบระหว่างการไฟฟ้านครหลวงเขตยานนาวาถึงเขตราษฎร์บูรณะ มูลค่าทั้งสิ้น 84,637,000 บาท สัญญาจ้างเลขที่ ID3-4616-TGE/2564 ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2564

กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 120 วัน โดยบริษัทลูก ได้แก่ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เพาเวอร์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญและชำนาญงานในโครงการสายใต้น้ำและใต้ทะเลมานานกว่า 20 ปี เป็นผู้ก่อสร้าง

“หมอทศ” จี้ ว่าที่ปลัด มท.ใช้ชุด พีพีอี ลงพื้นที่ช่วยประชาชน

 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.แพร่ พรรคไทยรักไทย พญ.ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ เจ้าของคลินิกความงาม ของขวัญคลีนิก พร้อมด้วย นักศึกษาแพทย์ และ ประชาชน จำนวนหนึ่ง ยื่นหนังสือเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เกี่ยวกับการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับมาจากสหรัฐ 

พญ.ของขวัญ กล่าวว่า สถานการณ์โควิด ที่รุนแรงในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ด่านหน้าทั้งในและนอกระบบ รวมถึงคนในครอบครัวทุกคน ล้วนทุ่มเททำงานอย่างหนัก แต่การป้องกันยังบอบบาง จึงเรียกร้องให้ยกเลิกกฎเกณฑ์ต่างๆกับบุคคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ในการได้รับวัคซีนไฟเซอร์ ขอนับรวมบุคลากรด่านหน้า ผู้ที่เข้าเกณฑ์ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ ทั้งในและนอกระบบ เปิดเผยรายชื่อผู้ที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์อย่างโปร่งใสทุกคน  เพื่อไม่ให้เกิดข้อกังขาในสังคม และนำเข้าวัคซีน mRNA เข้ามาฉีดให้กับประชาชนให้เร็วที่สุด 

ด้าน นพ. ทศพร กล่าวว่า ขณะนี้มีข้าราชการทั้งประเทศกว่า 2 ล้านคน แต่เห็นมีเพียงอาสาสมัครที่ออกไปช่วยเหลือคนตามท้องถนน จึงเป็นคำถามว่าข้าราชการไปไหนหมด กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  หรือกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย หายไปไหน อยากให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยที่เพิ่งรับตำแหน่ง ขอให้ใส่ชุด พีพีอี แล้วออกไปช่วยประชาชนตามท้องถนนด้วย รวมถึงตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง และอธิบดีทั้งหลายก็ขอให้ออกไปช่วยประชาชนที่นอนอยู่ตามท้องถนนอย่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอาสาสมัครอย่างเดียว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อให้สัมภาษณ์เสร็จแล้วทางกลุ่มได้ยื่นหนังสือถึงนายกฯผ่าน ตู้ไปรษณีย์ 1111 ด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล 

สภาผู้ส่งออก หวังส่งออกยังพอโตต่อไปได้แม้เจอโควิด-19

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สรท. คงคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2564 เติบโต 10% โดยมีปัจจัยบวกที่สำคัญ คือ การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญ ทั้ง สหรัฐ จีน สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น, ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่าใกล้เคียง 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องถึงระดับ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลจากแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลกโดยเฉพาะยุโรปและสหรัฐฯ ที่เริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ในหลายพื้นที่ รวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่ทั่วโลกปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง 

ขณะที่ ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญในปี 64 คือ สถานการณ์การระบาดโควิด-19 ที่มีความรุนแรงในประเทศ โดยจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด–19 ภายในประเทศยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากไม่สามารถควบคุมและลดการแพร่ระบาดได้อาจจะกระทบเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรง โดยเฉพาะภาคการส่งออกซึ่งถือเครื่องจักรตัวสุดท้ายที่ยังขับเคลื่อน เช่นเดียวกับ กรณีการติดเชื้อในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมเริ่มแพร่กระจายมากขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อกำลังการผลิต และการส่งมอบสินค้า ทำให้การส่งออกเติบโตได้เพียง 10% จากที่คาดว่ามีโอกาสเติบโตได้ถึง 15% ประกอบกับมาตรการ Bubble & Seal ซึ่งโรงงานขนาด SMEs ส่วนใหญ่ อาจไม่สามารถดำเนินการได้และมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องปริมาณความต้องการตู้สินค้ายังไม่เข้าสู่ภาวะสมดุล ปริมาณการหมุนเวียนของตู้สินค้ายังไม่เพียงพอ ประกอบกับค่าระวางเรือยังคงปรับตัวอยู่ในทิศทางขาขึ้น  รวมไปถึงปัญหาแรงงานขาดแคลน เนื่องจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทำให้ความต้องการแรงงานในกระบวนการผลิตเพิ่มขึ้น แต่แรงงานต่างด้าวเดินทางกลับประเทศและยังไม่ได้เดินทางกลับเข้ามา ประกอบกับยังไม่สามารถจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ให้เพียงพอกับจำนวนแรงงานในภาคการผลิต ซ้ำเติมปัญหาการขาดแคลนแรงงานให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น และ ปัจจัยการผลิตมีปริมาณไม่เพียงพอ ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น  

ราเมศ ย้ำ ส.ส.ปชป. ในพื้นที่ลุยช่วย พี่น้องชาวสวนมังคุด เต็มที่ ระดมทุกภาคส่วนร่วมแก้ปัญหา

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงสถานการณ์ล่าสุดของพี่น้องชาวสวนมังคุดในหลายพื้นที่ว่า ในส่วนของพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กำชับให้ทุกภาคส่วนของพรรคร่วมขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหามังคุด เช่น นครศรีธรรมราช ชุมพร สุราษฎร์ธานี และจังหวัดอื่นในภาคใต้ โดยร่วมมือกับหลายภาคส่วน รวมถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคในทุกพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว 

ขณะนี้ ส.ส.ช่วยกันระบายมังคุดให้ได้มากที่สุดเพื่อให้ผ่านสถานการณ์ช่วงที่มีผลผลิตออกมากในช่วงนี้ และประสานกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อแก้ปัญหา โดยมีมาตรการเชิงรุกช่วยงบประมาณจำนวน 50,850,000 บาท เพื่อกระจายมังคุดจำนวน 16,950 ตัน  สนับสนุนค่าขนส่ง สำหรับผลไม้ที่ส่งขายผ่านไปรษณีย์ จำนวน 200,000 กล่องๆ ละ 10 กก. เพื่อช่วยกระจายผลไม้ 2,000 ตัน โดยได้จัดส่งกล่องพร้อมสติ๊กเกอร์ให้จังหวัดต่างๆ เชื่อมโยงผู้รับซื้อของกรมการค้าภายในช่วยเร่งระบายมังคุด และได้มีการประสานงานกับโมเดิร์นเทรดเพื่อให้มีการจัดพื้นที่ขายมังคุดเป็นพิเศษ

สิ่งสำคัญอีกประการที่ ส.ส.ของพรรคและสำนักงานใหญ่ทำและประสบผลสำเร็จคือการช่วยกันระบายมังคุดพร้อมรณรงค์ให้ประชาชนบริโภคมังคุดมากขึ้น นายราเมศ กล่าวต่อว่า ในส่วนของพรรค ได้ดูแลปัญหาของพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด ส.ส.ของพรรคในพื้นที่ เช่นนายชินวรณ์ บุญยเกียรติ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล นายชัยชนะ เดชเดโช นายสราวุธ อ่อนละมัย เป็นต้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top