Thursday, 19 June 2025
NewsFeed

สตูล จัดกิจกรรมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชุมชนหมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนาน เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติและสานสัมพันธ์ไมตรีอันดีระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย

ที่ร.5 พัน.2 ค่ายสมันตรัฐบุรินทร์ หมู่ที่ 6 ตำบลคลองขุด อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล พลตรีอภินันท์ แจ่มแจ้ง ผู้บัญชาการกองกำลังเทพสตรี เป็นประธานร่วมฝ่ายไทย และพลตรี ดาโต๊ะ ฮัจญี ฟาซาล บิน ฮัจญี อับดุล ราห์มัน  ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 เป็นประธานร่วมฝ่ายมาเลเซีย ในพิธีเปิดกิจกรรมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชุมชนหมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนาน โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ พร้อมด้วยผู้นำท้องถิ่น ประชาชนจิตอาสา นักเรียนนักศึกษา เข้าร่วมโครงการจำนวนมาก 

สำหรับกิจกรรม “การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมชุมชนร่วมหมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนาน” จัดขึ้นโดยหน่วยทหาร ร.5 พัน.2 ค่ายสมันตรัฐบุรินทร์ เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าในพื้นที่ตามแนวชายแดนให้มีความอุดมสมบูรณ์และคงอยู่อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นการสร้างเครือข่ายประชาคมหมู่บ้านเข้มแข็งแบบคู่ขนาน ในการต่อต้านการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ พร้อมส่งเสริมและปลูกฝังให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้นำแนวคิดด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน และเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีสร้างความร่วมมือและทัศนคติที่ดีต่อกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐภาคเอกชนภาคประชาชน และผู้นำทางด้านทหารฝั่งประเทศมาเลเซียอีกด้วย

 

แนะประชาธิปัตย์ถอนตัวจากรัฐบาล แต่ต้องวางยุทธศาสตร์พรรคให้ชัดเจน

‘นิพนธ์ บุญญามณี’ อดีตกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ในยุคก่อน กล่าวบนเวทีเสวนา “อนาคตการเมืองภาคใต้ หลังพรรคกล้าธรรมปักธงเขต 8 นครศรีฯ เรียกร้องให้กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์พิจารณาถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล

เวทีนี้เปิดโอกาสให้ผู้ฟังพูดและตั้งคำถาม จึงมีคำถามที่แหลมคมไปยังนิพนธ์ว่า จะฟื้นฟูพรรคประชาธิปัตย์ เรียกศรัทธาคืนมาอย่างไร แม้จะเป็นคำถามที่ตอบยาก เพราะนิพนธ์ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ ทำได้แค่แนะนำให้ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล

หลังคลิปลับการสนทนาระหว่างนายกฯแพทองธาร กับอดีตนายกฯฮุนเซนของกัมพูชาหลุดออกมา พร้อมกับคำดูหมิ่นดูแคลนจาก ‘ฮุนมาเนต’ นายกฯกัมพูชา ไม่มียุคสมัยใดที่ไทยกลัวกัมพูชาเท่ายุคนี้ อันเป็นประโยคที่ผู้นำประเทศต้องหน้าชา ทหารก็มือเท้าสั่น

พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคแรกที่หน้าบาง จากแรงกดดันหลายด้านตัดสินใจทิ้งรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’เก็บข้าวเก็บของออกจากมหาดไทย ทำเนียบรัฐบาล และน่าจะมีแอคชั่นต่อด้วยการลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาของ ‘ภราดร ปริศนานันทกุล’

มีกระแสเรียกร้องอีกมากมายตามมา 'ยุบสภา-ลาออก' ยุบสภาในสถานการณ์ตกต่ำคงไม่มีแกนนำรัฐบาลไหนทำ ลาออกก็คิดหนัก จะเอาใครมาเป็นนายกฯคนต่อไป พรรคเพื่อไทยได้ใช้ไปแล้วสองตัว เหลือ ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ อยู่เพียงคนเดียวในบัญชีนายกรัฐมนตรี หันซ้ายมองขวา ก็มีแต่คนพรรคอื่น

พรรคภูมิใจไทยตัดสินใจนำร่อง เรียกคะแนนนิยมไปก่อนแล้ว ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล เหลือพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคประชาชาติ พรรคกล้าธรรม จะกำหนดท่าทีอย่างไร

11.00 น. วันนี้พรรครวมไทยสร้างชาติประชุมกำหนดท่าที 17.00 น. พรรคประชาธิปัตย์ประชุมปกติ แต่น่าจะมีประเด็นการกำหนดท่าทีแทรกเข้ามาในวันนี้

ถ้าพิจารณาตามคำเรียกร้องของนิพนธ์ให้ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลมีประเด็นพิจารณาทั้งข้อดี และข้อเสีย หาก 'ถอนตัว' ตอนนี้ เท่ากับเดิมพันครั้งใหญ่!

ข้อดี:
1.ฟื้นภาพลักษณ์พรรคอุดมการณ์ ประชาธิปัตย์จะถูกมองว่า “กล้าพอ” ที่จะไม่ทนอยู่ในรัฐบาลที่มีพฤติกรรมไม่โปร่งใส ได้คะแนนนิยมจากกลุ่มประชาชนที่ไม่พอใจรัฐบาล
2.ไม่ต้องเป็นเงาของเพื่อไทย (ทักษิณ)ในฐานะพรรคร่วมเสียงข้างน้อย ประชาธิปัตย์ไม่มีอำนาจจริง และภาพลักษณ์ก็จมไปกับการบริหารของเพื่อไทยภายใต้การกำกับของทักษิณ
 3.มีโอกาส 'นิยามตัวเองใหม่' ถอนตัวตอนนี้ เท่ากับเปิดทางรื้อโครงสร้างพรรค ดึงคนรุ่นใหม่ ปั้นจุดยืนใหม่ทันก่อนเลือกตั้งหน้า

ข้อเสีย:
1.สูญเสียตำแหน่งรัฐมนตรี อำนาจบริหารที่ไม่มีใครอยากสูญเสีย คนในพรรคบางกลุ่มอาจไม่ยอม เพราะเกี่ยวข้องกับอำนาจและผลประโยชน์
2.ถ้าไม่ชัดว่าจะยืนตรงไหนต่อ อาจไร้พลัง
ถ้าถอนแต่ 'ไม่มีจุดยืน' ที่ชัด (จะค้าน? จะตั้งพรรคใหม่? จะจับมือกับใคร?) ประชาชนอาจมองว่าแค่โหนกระแส
3.เสี่ยง 'หลุดจากสารบ'” ทันที ถ้าถอนตัวแล้วประชาชนยังไม่เห็นความแตกต่างจากพรรคอื่น อาจไม่มีใครให้โอกาสอีก

ถ้าพิจารณาในเชิงยุทธศาสตร์:ประชาธิปัตย์ถอนตัวได้ — ถ้า “คิดวางยุทธศาสตร์ วางโครงสร้างพรรคใหม่ไป พร้อมกัน!

ประชาธิปัตย์ “ควรถอนตัวจากรัฐบาล” เฉพาะเมื่อมีการเตรียมพร้อมด้านยุทธศาสตร์ เช่น เปิดตัวผู้นำใหม่อย่างชัดเจนเปิดวิสัยทัศน์ใหม่ของพรรค มีแนวร่วมใหม่ เช่น นักวิชาการ คนรุ่นใหม่ ฯลฯ และอธิบายให้ประชาชนเห็นว่า “นี่ไม่ใช่แค่การถอนตัว แต่เป็นการปฏิรูปพรรค ฟื้นพรรคประชาธิปัตย์ เพื่ออนาคตประเทศ”

ถ้า “ถอนตัวอย่างกล้าหาญ และวางหมากล่วงหน้าได้” จะเป็นจุดเปลี่ยนของพรรคที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปี แต่ถ้า “ถอนเพราะแค่ตามภูมิใจไทย” โดยไม่มีวิสัยทัศน์ต่อจากนั้น อาจกลายเป็นพรรคที่หายไปจากการเมืองไทยเลยก็ได้

กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ต้องตัดสินใจบนพื้นฐานผลประโยชน์ของชาติ และประชาชน แล้วจะเห็นทางออก ทางเดินของพรรค

รร.เสนาธิการทหารบก ลงพื้นที่ชายแดนศรีสะเกษ มอบของ - มอบแรงใจ แด่ผู้เสียสละปกป้องแผ่นดินไทย

(19 มิ.ย. 68) คณะศึกษาดูงานโรงเรียนเสนาธิการทหารบก นำนายทหารนักเรียนหลักสูตรหลักประจำ รุ่นที่ 103 โดยการนำของ พันเอก ชัชวินท์ ยิ้มแย้ม รองผู้บัญชาการโรงเรียนฯ จัดกิจกรรม CSR ภายใต้แนวคิด “แนวหน้าอุ่นใจ แนวหลังส่งแรงใจไม่ขาดสาย” ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อส่งเสริมขวัญกำลังใจให้แก่ทหารแนวหน้าและเยาวชนในพื้นที่ชายแดน

กิจกรรมเริ่มต้นที่โรงเรียนบ้านภูมซรอล อำเภอกันทรลักษ์ คณะได้มอบสิ่งของอุปโภคบริโภคที่จำเป็นให้กับนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษา โดยมีนายสวรรค์ ศรีกรรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน คณะครูและนักเรียนร่วมให้การต้อนรับ ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นและเปี่ยมด้วยกำลังใจ

จากนั้น คณะเดินทางต่อไปยังฐานปฏิบัติการผาตุ้มโฮม เพื่อมอบถังเก็บน้ำขนาด 1,050 ลิตร จำนวน 5 ถัง พร้อมสิ่งของจำเป็นให้กับเจ้าหน้าที่ โดยมีพันเอก รัฐพล ศิริทับ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 1 เป็นผู้รับมอบ พร้อมตัวแทนนายทหารนักเรียนมอบดอกกุหลาบแทนความห่วงใย

พันเอก ชัชวินท์ ยิ้มแย้ม ได้กล่าวโอวาทเสริมพลังใจแก่กำลังพลแนวหน้า ย้ำถึงความเสียสละและความเข้มแข็งของผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดน พร้อมขอบคุณที่ทหารกล้ายังคงปกป้องแผ่นดินไทยอย่างไม่ย่อท้อ

กิจกรรมในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการมอบสิ่งของ แต่คือการส่งแรงใจแทนความห่วงใยจากคนไทยทั้งแผ่นดินสู่ทหารแนวหน้าและเยาวชนชายขอบ เพื่อเป็นพลังใจให้ทุกคนก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นคงและศรัทธาร่วมกันปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนต่อไป

อิสราเอลคุมเข้มสื่อ ห้ามพูดเรื่องสงคราม ผิดเจอข้อหาหนัก ‘ภัยคุกคามด้านความมั่นคง’

(19 มิ.ย. 68) รัฐบาลอิสราเอลออกคำสั่งใหม่ ห้ามนักข่าว เจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนรายงานข่าวเกี่ยวกับสงครามภายในประเทศ หากไม่ได้รับอนุมัติล่วงหน้าอย่างเป็นทางการ โดยระบุชัดว่ามาตรการนี้มีผล ‘ทุกกรณี’ เพื่อควบคุมข้อมูลในภาวะวิกฤต

คำสั่งดังกล่าวครอบคลุมทั้งสื่อกระแสหลัก บล็อกเกอร์ ยูทูบเบอร์ สตรีมเมอร์ ไปจนถึงผู้ใช้งาน Telegram โดยไม่มีข้อยกเว้น หากมีการเผยแพร่ข้อมูลก่อนการขออนุมัติ จะถูกพิจารณาว่าเป็นการ ‘คุกคามความมั่นคงของรัฐ’ และอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายความมั่นคง

การควบคุมนี้ส่งผลให้ช่องทางสื่อสารในประเทศต้องได้รับการอนุญาตจากรัฐบาลก่อนเผยแพร่ข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์สงครามทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นข่าวจากแนวหน้า การโจมตี หรือความเสียหายใด ๆ

‘เนทันยาฮู’ ยกย่อง ‘ทรัมป์’ เพื่อนแท้อิสราเอล หลังสหรัฐฯ หนุนเต็มที่ในสงครามกับอิหร่าน

(19 มิ.ย. 68) นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล กล่าวขอบคุณประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ให้การสนับสนุนในการ ‘ปกป้องน่านฟ้าอิสราเอล’ ท่ามกลางสถานการณ์การสู้รบกับอิหร่านที่ยืดเยื้อมานานกว่า 6 วัน

เนทันยาฮูกล่าวว่า อิสราเอลกำลังโจมตีด้วยพลังมหาศาลใส่ ‘ระบอบของอยาตอลเลาะห์’ โดยมุ่งเป้าไปที่โครงการนิวเคลียร์ ฐานยิงจรวด และศูนย์บัญชาการทางทหารของอิหร่าน แต่ก็ยอมรับว่าอิสราเอลก็สูญเสียอย่างหนักเช่นกัน

“เรากำลังเผชิญกับความสูญเสียอันเจ็บปวด แต่แนวหลังยังมั่นคง ประชาชนยังแข็งแกร่ง และรัฐอิสราเอลเข้มแข็งกว่าที่เคย” เนทันยาฮู กล่าว

ทั้งนี้ ตั้งแต่การปะทะเริ่มต้นเมื่อวันศุกร์ สำนักงานนายกรัฐมนตรีอิสราเอลระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 24 ราย และบาดเจ็บอีกหลายร้อยคน ขณะที่อิหร่านอ้างว่า มีผู้เสียชีวิตในประเทศมากกว่า 220 ราย ซึ่งรวมถึงทหารระดับสูงและนักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ โดยยังไม่มีการอัปเดตตัวเลขล่าสุดจากทางการเตหะราน

โลกหวั่น ‘อิหร่าน’ ปิดช่องแคบฮอร์มุซ อาจทำราคาน้ำมันพุ่ง 300 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

(19 มิ.ย. 68) ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ดร.ทิลัค โดชิ จากศูนย์วิจัยพลังงาน King Abdullah Petroleum Studies and Research Center ประเทศซาอุดีอาระเบีย ประเมินว่าหากอิหร่านตัดสินใจปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือขนส่งน้ำมันสำคัญของโลก ราคาน้ำมันอาจพุ่งสูงถึง 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรืออาจทะลุ 300 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 10,950 บาท)

ด้าน ดร.คาซี โซฮัก นักเศรษฐศาสตร์พลังงาน ชี้ว่าหากย้อนดูปี 2008 ราคาน้ำมันเคยพุ่งสูงถึง 147 ดอลลาร์ โดยไม่มีความขัดแย้งใหญ่เกิดขึ้น ขณะที่ในปี 1973 ราคาน้ำมันเคยพุ่งขึ้นถึง 300% จากเหตุการณ์คว่ำบาตรน้ำมันระหว่างสงครามยมคิปปูร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดตอบสนองต่อความเสี่ยงทางการเมืองได้อย่างรุนแรงเพียงใด 

มาร์ค อายูบ นักวิจัยนโยบายพลังงาน เสริมว่าแม้ไม่เกิดการปิดช่องแคบ แต่หากมีการโจมตีโครงสร้างน้ำมันของอิหร่าน ราคาน้ำมันก็อาจแตะระดับ 80–90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยเฉพาะหากมีเป้าหมายที่แหล่งก๊าซสำคัญของอิสราเอล เช่น คาริช หรือ เลวีอาธาน ก็อาจทำให้ราคาขยับขึ้นอีก 5–10 ดอลลาร์

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์บางรายเตือนว่า ราคาน้ำมันในระดับนี้ไม่เป็นที่พึงประสงค์ของรัฐบาลสหรัฐฯ และอาจเร่งให้ฝ่ายต่าง ๆ พยายามหาทางยุติสงครามโดยเร็ว เพื่อควบคุมผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดพลังงานโดยรวม

กต. แถลงตอบโต้ ‘กัมพูชา’ ปมคลิปเสียงหลุด ชี้ ทำลายความเชื่อใจระหว่างกันอย่างร้ายแรง

(19 มิ.ย.68) กระทรวงการต่างประเทศ แถลง คลิปเสียงหลุดของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชา และนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรของไทยจากฝ่ายกัมพูชา ทำลายความเชื่อใจระหว่างกันอย่างร้ายแรง

นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ตามที่ได้มีการเปิดเผยบทสนทนาระหว่าง สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชา และ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ของไทยจากฝ่ายกัมพูชา โดยฝ่ายไทยเห็นว่าการกระทำดังกล่าวขัดต่อจรรยาบรรณและมารยาทขั้นพื้นฐานของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐที่ไม่อาจยอมรับได้ และถือเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ที่ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และความพยายามที่จะใช้กลไกวิภาคีในการแก้ไขปัญหาของทั้งสองฝ่ายตามแนวปฏิบัติสากล และการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี 

ทั้งนี้ ไม่ว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นใคร ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคือหัวหน้ารัฐบาลของประเทศที่ควรได้รับการยอมรับและให้เกียรติตามแนวปฏิบัติสากลของการดำเนินการระหว่างประเทศ

วันนี้กระทรวงการต่างประเทศ จึงทำหนังสือประท้วงกรณีดังกล่าวผ่านช่องทางการทูต โดยได้เชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยมารับหนังสือดังกล่าว

ในเนื้อหาเป็นการแจ้งว่าการกระทำของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ ถือว่าผิดมารยาทพื้นฐานของการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐ เป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างร้ายแรง

การดำเนินการของฝ่ายไทย ซึ่งรวมถึงการตอบโต้ดังกล่าวเป็นการปฏิบัติตามแนวทางการทูตกระทำโดยใช้วิจารณญาณ มีความรอบคอบ โปร่งใสและมีวุฒิภาวะ ใช้สันติวิธี และดำเนินอย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ รัฐบาลไทยโดยกระทรวงการต่างประเทศ ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดูแลคนไทยในกัมพูชาไว้เรียบร้อยแล้ว กระทรวงการต่างประเทศขอย้ำอีกครั้ง ว่าเรื่องนี้เป็นการดำเนินการทางการทูตระหว่างรัฐบาลทั้งสองฝ่ายไม่ใช่ปัญหาระหว่างประชาชนสองประเทศ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่ใช้การสื่อสารผ่านสังคมออนไลน์หรือโซเชียลมีเดีย โดยมุ่งหวังเพื่อปลุกระดมความนิยมจากประชาชนและสร้างความแตกแยกให้กับสังคมของทั้งสองประเทศหรือประเทศอื่น ซึ่งแสดงถึงการไม่เคารพหลักการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และการกระทำเช่นนี้ไม่ควรได้รับการยอมรับและความไว้วางจากประชาคมระหว่างประเทศ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินหน้ารับฟังความคิดเห็น 'ร่าง พ.ร.บ.แก้ไข ป.วิ.อาญา' ต่อเนื่อง จัดเวทีเสวนาภาคใต้ ที่ภูเก็ต

(19 มิ.ย.68)เวลา 09.00 น. ณ ห้องบุตรน้ำเพชร หอประชุมชัยจินดา ตำรวจภูธรภาค 8 จังหวัดภูเก็ต สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. (รับผิดชอบงานด้านกฎหมายและคดี) เป็นประธานในพิธีเปิดการเสวนา ทางวิชาการ หัวข้อ “การคุ้มครองสิทธิของประชาชน บนเส้นทางการสืบสวนสอบสวนตาม ป.วิ.อาญา” เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมต่อร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ป.วิ.อาญา (ร่างของ ส.ส.พรรคประชาชน) ในพื้นที่ภาคใต้ โดยมี พล.ต.ท. อิทธิพล อิทธิสารรณชัย  ผู้ช่วย ผบ.ตร.  พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8  พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน  ก.ร.ตร./อดีต ผบช.ภ.1 พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับ รอง ผบช. และ ผบก.
ในสังกัด ภ.8 และ ภ.9 ร่วมงานเสวนา  

การจัดเวทีเสวนาครั้งนี้นับเป็นเวทีที่ 3 ซึ่งจัดอย่างต่อเนื่องจากเวทีในภาคกลาง (ณ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ จ.นครปฐม) และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (จ.ขอนแก่น) โดยมีเป้าหมายเพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ภายในงาน ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในกระบวนการยุติธรรมร่วมอภิปราย ได้แก่ คุณอมรพันธุ์ นิติธีรานนท์ อดีตผู้พิพากษา, ดร.รังสรรค์ คงทอง อาจารย์พิเศษ สาขานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต, 

คุณรุ่งนภา พุฒแก้ว ประธานสภาทนายความจังหวัดภูเก็ต, พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน อดีต ผบก.สส.ภ.8 และ พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ รอง ผบช.ภ.9 การเสวนาครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 300 คน ประกอบด้วย ตัวแทนหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ภาคประชาชน นักศึกษาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง ตลอดจนพนักงานสอบสวนและข้าราชการตำรวจในสังกัด ภ.8 และ ภ.9 ภายหลังการเสวนาในภาคเช้า ยังมีกิจกรรมสัมมนากลุ่มย่อย (Focus Group) เพื่อระดมความคิดเห็นต่อร่างกฎหมาย และเปิดเวทีแลกเปลี่ยนข้อเสนอในการพัฒนางานสอบสวนจากผู้ปฏิบัติ
 
สำหรับร่าง พ.ร.บ.ที่อยู่ระหว่างการหารือ มีสาระสำคัญคือ การให้อัยการมีอำนาจกำกับดูแลงานสอบสวนมากขึ้น เช่น การให้ความเห็นชอบก่อนออกหมายเรียกหรือหมายจับ รวมถึงการกำกับการสอบสวนในคดีสำคัญ หรือคดีที่มีการร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งหลายฝ่ายได้แสดงความห่วงกังวลว่า อาจก่อให้เกิดความล่าช้าในกระบวนการสอบสวนจากความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงานของ พงส. อัยการ และศาล และส่งผลกระทบต่อประชาชนที่เป็นผู้เสียหาย เช่น ขั้นตอนการออกหมายเรียก หมายจับ ซึ่งหากนำมาใช้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อาจไม่สอดคล้องกับสถานการณ์และไม่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ซึ่งมีข้อจำกัดด้านสถานการณ์และความมั่นคง นอกจากนี้ในวงเสวนายังได้แลกเปลี่ยนข้อมูลในเรื่องของงบประมาณรัฐที่จะต้องจัดสรรเพิ่มเติมเพื่อจัดหาบุคลากร ทรัพยากร และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆ เพื่อรองรับภารกิจและกระบวนงานที่จะเพิ่มขึ้นจากร่างกฎหมายนี้        

ประเด็นที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่มีการแลกเปลี่ยนกันในการเสวนา คือ การจะแก้ไขปัญหางานสอบสวนและเพิ่มประสิทธิภาพของการทำสำนวน ระหว่างพนักงานสอบสวนและอัยการ อาจสามารถดำเนินการได้ผ่านการปรับปรุงรูปแบบการประสานงาน หรือการแก้ไขระเบียบและคำสั่งที่เกี่ยวข้อง ซึ่งน่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด เหมาะสม และรวดเร็วกว่า  โดยไม่จำเป็นต้องไปแก้ไข ป.วิ.อาญา เพราะการแก้ไข ป.วิ.อาญา ซึ่งเป็นกฎหมายแม่บทกลับจะทำให้ไปกระทบหลักการภาพใหญ่ของระบบกฎหมายอาญาที่เป็นระบบกล่าวหาของประเทศไทยทั้งระบบโดยไม่จำเป็น และส่งผลให้เกิดความล่าช้าจากการปฏิบัติงานที่ซ้ำซ้อน และส่งผลเสียต่อประชาชนผู้เสียหาย    

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะรวบรวมผลการเสวนาทั้ง 4 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคเหนือ เพื่อนำมาจัดทำเป็นข้อคิดเห็นอย่างเป็นทางการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรในการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ต่อไป

 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดโครงการฝึกครูฝึกยิงปืน เสริมเขี้ยวเล็บตำรวจด่านหน้า 3 สายงานทั่วประเทศ อบรมเข้ม 300 นาย ฝึกจริง ยิงจริง รับมือทุกสถานการณ์

(19 มิ.ย.68) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) , พล.ต.อ.ประจวบ  วงศฺสุข รอง ผบ.ตร.(ปป) , พล.ต.ท.สำราญ  นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป1) มอบหมายให้ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฝึกอบรม “ครูฝึก (ครู ก.) ทักษะยิงปืน” สำหรับข้าราชการตำรวจสายป้องกันปราบปราม สืบสวน และจราจรทั่วประเทศ ณ ศูนย์ฝึกยุทธวิธีตำรวจกลาง ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 – 20 มิถุนายน 2568 การอบรมแบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงแรก วันที่ 15 - 17 มิถุนายน 2568 เตรียมความพร้อมสำหรับครูฝึก มุ่งเน้นทั้งภาคทฤษฎี ความรู้ด้านอาวุธ และเทคนิคการฝึกอย่างปลอดภัย , ช่วงที่สอง วันที่ 18 - 20 มิถุนายน 2568 ฝึกอบรมครูฝึก (ครู ก.) จำนวน 300 นาย จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1 - 9 เพื่อเป็นกำลังหลักถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ตำรวจระดับพื้นที่ทั่วประเทศ

พล.ต.ท.นิธิธรฯ กล่าวถึงที่มาของโครงการว่า จากสถานการณ์อาชญากรรมที่รุนแรงขึ้น คนร้ายมักมีพฤติกรรมต่อต้านการจับกุม และใช้อาวุธเป็นเครื่องมือก่อเหตุ ทำให้ตำรวจแนวหน้า ไม่ว่าจะเป็นสายตรวจ สายสืบ หรือแม้แต่สายจราจร ต่างมีความเสี่ยงสูง จำเป็นต้องมีทักษะยุทธวิธีและการใช้อาวุธปืนที่ถูกต้อง ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ หลักสูตรฝึกอบรมจึงเข้มข้น ครอบคลุมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ผู้เข้าอบรมจะได้เรียนรู้การใช้อาวุธปืนประจำกายให้เหมาะสมกับสถานการณ์จริง การวิเคราะห์ความเสี่ยง การบริหารพื้นที่ การจัดวางกำลัง รวมถึงการฝึกยิงกระสุนจริงในระยะต่าง ๆ ภายใต้มาตรการความปลอดภัยขั้นสูง พร้อมฝึกการจัดสนามยิงและควบคุมผู้ฝึกอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ยังใช้เทคนิค “การจำลองสถานการณ์” (Scenario-based training) เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในสนามจริง เป้าหมายสำคัญของโครงการคือการสร้าง “ครูฝึกต้นแบบ” ที่สามารถนำความรู้ไปถ่ายทอดต่ออย่างมีมาตรฐาน ครอบคลุม และปลอดภัย โดยมีการบูรณาการการทำงานระหว่างครูฝึกระดับกองบัญชาการ (ครู ก.) และระดับกองบังคับการ (ครู ข.) เพื่อปลูกฝังวัฒนธรรมการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องทั่วทุกหน่วยในประเทศ

นอกจากนี้ พล.ต.ท.นิธิธรฯ กล่าวว่า แม้ภารกิจจะแตกต่างกัน แต่เป้าหมายของตำรวจทุกนายคือความปลอดภัยของประชาชน การฝึกยุทธวิธีที่ได้มาตรฐานจะช่วยให้การใช้อาวุธเป็นไปอย่างมืออาชีพ มีสติ มีวินัย ลดการสูญเสีย และเพิ่มความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์จริง ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติเชื่อมั่นว่า โครงการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการยกระดับศักยภาพตำรวจไทยทุกสายงาน พร้อมรับมือภัยคุกคามที่ซับซ้อน และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนอย่างมั่นคงและยั่งยืน

‘กิตติรัตน์’ ยก นายกฯอิ๊งค์ จิตใจดีหวังคลี่คลายสถานการณ์ด้วยการเจรจา ผิดกับอดีตนายกฯเขมร และรองนายกฯไทย ที่หวังเพียงร่วม “ตีกิน”

‘กิตติรัตน์’ ยก นายกฯอิ๊งค์ จิตใจดีหวังคลี่คลายสถานการณ์ด้วยการเจรจา ผิดกับอดีตนายกฯเขมร และรองนายกฯไทย ที่หวังเพียงร่วม “ตีกิน”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top