Thursday, 19 June 2025
NewsFeed

'หุ้นชิปเมกา' ว้าวุ่น!! มูลค่าหายวับ 2.7 ล้านล้านบาท  หลังแบนส่งออกชิปจีนเข้ม ด้าน 'Nvidia' ติดร่างแห

(18 ต.ค.66) เพจเฟซบุ๊ก 'เดือดทะลักจุดแตก' โพสต์ข้อความถึงกรณีหุ้นชิปสหรัฐฯ วูบ หลังแบนส่งออกชิปให้กับจีน ว่า...

ดูจากดัชนี PHLX Semiconductor Sector ของตลาดวอลล์ สตรีท สหรัฐอเมริกานะครับ วัดอุตสาหกรรมสารกึ่งตัวนำ หรือว่า 'ชิป' น่ะเอง ปรากฏว่าหุ้นดิ่งจนมูลค่าหายวับ 7.3 หมื่นล้านดอลลาร์

ทีแรกว่าจะไม่โพสต์แล้วนะครับ แบนแล้วแบนอีก แบนไม่รู้จบ ซึ่งก็แบนซ้ำๆ --- คนก็รู้ๆ อยู่แล้วว่าอเมริกา 'แบน' ห้ามส่งออกชิปขั้นสูงไปให้จีน

การแบนโน่นนิดนี่หน่อยเพิ่มขึ้นก็ไม่ได้มีอันใดน่าประหลาดใจ ... แต่เห็นข่าวนี้มันกระเพื่อมตลาดหุ้นพอควร ก็ต้องโพสต์ครับ!!!

เรื่องใหญ่ยังไง? เดิมก็ 'แบน' อยู่แล้วนะครับ ชิปขั้นสูงสำหรับ AI และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เพื่อสกัดกั้นจีนมิให้ผงาดง้ำ

แต่ว่าตรงนี้ จะขยับเกณฑ์ความสูงลงมาหน่อย --- ว่าง่ายๆ ก็คือ ชิปขั้นไม่ต้องสูงมากก็ต้องโดนไปด้วย

วงกว้างขึ้นว่างั้น

แล้วก่อนนี้ บริษัท Nvidia ของอเมริกาเอง ที่โดน 'แบน' ชิปรุ่น A100 และ รุ่น H100 นั้น ก็ 'แก้ลำ' ด้วยการออกรุ่น A800 และรุ่น H800 ซึ่งรองๆ ลงมา ผ่านเกณฑ์ที่ส่งออกไปให้จีนได้ (แล้วก็ยังดีพอจะถูไถสำหรับทำ AI แม้จะลดหลั่นลงมา) ... ปรากฏว่าล่าสุด อเมริกาก็รวบรุ่นที่ว่านี้เข้าไปด้วย

เสร็จเลยครับ

สำหรับ หุ้น Nvidia Corp. ร่วงลงมากที่สุดระหว่างวันถึง 7.8% ขณะที่ ณ เวลา 10.26 ตามเวลาประเทศไทยหุ้นชิปดังกล่าวลดลง 4.68% หรือ 21.57 ดอลลาร์ ไปอยู่ที่ 439.38 ดอลลาร์

‘บิ๊กต่อ’ สั่งล่าแก๊งหลอกขายไอโฟน เด็กม.6 จนเครียดผูกคอดับ พบยอดเงินรอโอนไปเมียนมา เตรียมรวมหลักฐานออกหมายจับ

(18 ต.ค.66) ความคืบหน้ากรณี น้องพลอย (นามสมมุติ) นักเรียนหญิงชั้น ม.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช ผูกคอลาโลกในห้องนอนบ้านพัก เมื่อช่วงเย็นวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยทางตำรวจสันนิษฐานสาเหตุคาดว่าเบื้องต้นมาจากความเครียด เนื่องจากถูกแก๊งมิจฉาชีพ หลอกให้ผ่อนโทรศัพท์มือถือไอโฟน 13

ล่าสุด พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ รรท.รองผบ.ตร. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รองผบช.สอท. สั่งการให้เร่งรัดดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มแก๊งที่หลอกลวงเหยื่อให้โอนเงินทั้งขบวนการ

พล.ต.ต.ชรินทร์ กล่าวว่าจึงประสานงานกับตำรวจภูธรภาค 8 และทางบก.สส.ภ.8 เพื่อรับโอนสำนวนคดีมาให้ทาง บช.สอท. สืบสวนสอบสวนเนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจและกลุ่มคนร้ายทำเป็นลักษณะขบวนการ โดยเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ทางผู้ปกครองของผู้เสียหายแจ้งความผ่านระบบออนไลน์แล้วที่สภ.เกาะทวด แล้ว

พล.ต.ต.ชรินทร์ กล่าวอีกว่าตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า กลุ่มขบวนการดังกล่าวเปิดบัญชีม้า 4 แถว โดยแถวแรกอยู่ที่จังหวัดชัยภูมิ พนักงานสอบสวน บช.สอท.5 อยู่ระหว่างเชิญตัวเข้ามาสอบสวนในช่วงบ่ายที่ บช.สอท. ส่วนอีก 3 แถวอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายอยู่ระหว่างสืบสวนดำเนินการ

ผบก.สอท.5 กล่าวว่าส่วนยอดเงินยังอยู่กับปลายแถวที่ 4 ยังไม่มีความเคลื่อนไหว โดยกลุ่มคนร้ายเตรียมรอโอนไปปลายทางฝั่งท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ซึ่งภายในวันนี้พนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนอศาลขอออกหมายจับ

'ดร.หิมาลัย' โพสต์ยินดี 'พล.ต.ท.ไตรรงค์' นั่งผบช.สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ตอกย้ำ!! อุดมการณ์คนทำงาน ภายใต้ภารกิจยึดตามพยานหลักฐานเป็นสำคัญ

(17 ต.ค. 66) ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า…

“ความยุติธรรมต้องไม่มีธง ทุกอย่างต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน”

หลังจากคำสั่งของ ตร.ให้อรรถ (พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ) ไปปฎิบัติราชการแทน ในตำแหน่ง ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ผมได้โทรไปแสดงความยินดีและพูดคุยกันหลายเรื่อง สุดท้ายผมก็ถามอรรถว่า ย้ายไปอยู่ตำแหน่งใหม่ รู้สึกอย่างไรบ้าง คำตอบของอรรถฟังแล้วน่าปลื้มใจแทนพ่อ วันนี้ พ่อไม่อยู่แล้ว ผมก็ได้แต่ภูมิใจและยินดี ในสิ่งที่พ่อสอนสั่งเขามา ทำไมเป็นอย่างนั้น ลองมาฟังคำตอบที่น้องชายผมตอบกันนะครับ

พี่อ๊อด ในความคิดอรรถ ตำแหน่งทุกตำแหน่ง เป็นเกียรติและศักดิ์ศรี ของตำรวจทุกคน เป็นโอกาสที่จะได้ทำงานตอบแทนแผ่นดิน ตอบแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เลี้ยงดูและสั่งสอนอบรมเรามา ตอนอรรถได้มาเป็น ผู้บัญชาการกองกฏหมายและคดี อรรถภูมิใจมาก เวลาทำงานเหมือนมีพ่อมาอยู่ใกล้ ๆ 

อาชีพของพ่อ นอกจากเป็นตำรวจแล้ว จะบอกว่าพ่อมีอาชีพเป็นพนักงานสอบสวนก็ได้ พ่อภูมิใจที่ได้เป็นพนักงานสอบสวนดีเด่นของ ตร. อรรถก็ภูมิใจที่ได้เป็น ผบช.กมค. ซึ่งถือเป็นเหล่าแม่ เป็นบ้านของพนักงานสอบสวน ในอุดมคติของอรรถ “ความยุติธรรม ต้องไม่มีธง ทุกอย่างต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน” จะเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมต้องมี 2 สิ่งประกอบกันคือ พยานและหลักฐาน จึงสามารถให้ศาลลงโทษผู้กระทำผิดได้ 

พยานหลักฐานนอกจากจะได้มาจากการสืบสวนและสอบสวนแล้ว ส่วนสำคัญที่สุดอีกส่วนก็คือ การพิสูจน์ว่าหลักฐานที่ได้มานั้นมีความถูกต้องแม่นยำมากแค่ไหน การนำพยานหลักฐานที่ได้มาตรวจพิสูจน์ยืนยันตัวผู้กระทำความผิด หรือนำพยานหลักฐานมาเชื่อมโยงเพื่อพิสูจน์เหตุการณ์ หรือคำให้การของผู้เกี่ยวข้องกับคดี ว่าจริงหรือเท็จ ซึ่งส่วนนี้ศาลจะให้น้ำหนักค่อนข้างมาก เพราะวัตถุพยาน หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ หรือทางเทคโนโลยีการสื่อสาร เป็นพยานที่ไม่พูดเท็จ ไม่กลับคำให้การ ดังนั้นสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน ต้องเป็นจรวดนำวิถีให้กับพนักงานสอบสวน คือต้องรวดเร็ว แม่นยำ และเข้าเป้า เป็นไม้ตายของกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น

การที่ผู้บังคับบัญชา ไว้วางใจให้อรรถมาอยู่ตรงนี้ (ผบช.สพฐ.) อรรถตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด อรรถมีหลาย ๆเรื่องที่อยากจะทำ กำลังพลที่นี่ดีมาก อรรถเคยสัมผัสมาตอนเป็น ผบก.ทว. เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีอุดมการณ์ ถ้าเขาไปอยู่ที่อื่น เขาจะได้ค่าตอบแทนมากกว่าเป็นตำรวจ แต่เขาเลือกที่จะอยู่กับเรา อรรถตั้งใจว่า เราจะมาช่วยกันพัฒนาหน่วยให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป เป็นที่ไว้วางใจและเชื่อถือของประชาชน

ก.แรงงาน ส่งเจ้าหน้าที่ชุดที่ 2 เพิ่มอีก 5 คน ขึ้นเครื่องกองทัพอากาศ ปฏิบัติภารกิจอพยพแรงงานจากอิสราเอลกลับไทย

วันที่ 18 ตุลาคม 2566 เวลา 09.00 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายภุชงค์ วรศรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ส่งทีมเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน เพิ่มเติมอีกจำนวน 5 คน จากชุดแรกที่ได้เดินทางไปเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา มุ่งหน้าสู่อิสราเอลด้วยเที่ยวบินพิเศษจากกองทัพอากาศ เพื่อสมทบการปฏิบัติภารกิจอพยพแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลกลับประเทศไทย ณ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 พร้อมด้วยเครื่องอุปโภคบริโภค ได้แก่ ข้าวสาร อาหารแห้ง ซึ่งผู้ประกอบการภาคเอกชนบริจาคสมทบให้กระทรวงแรงงานนำไปช่วยเหลือพี่น้องแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบในอิสราเอลและไม่สามารถออกมาทำงานได้ เนื่องจากต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่หลบภัย โดยมี พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้การต้อนรับ

นายไพโรจน์ โชติกเสถียร  ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงแรงงาน ได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดแรกเดินทางไปปฏิบัติภารกิจรับพี่น้องแรงงานไทยกลับบ้านที่อิสราเอลร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพอากาศ นั้น เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานได้เริ่มปฏิบัติภารกิจการอพยพ ช่วยเหลือแรงงานไทยในทันทีที่เดินทางถึงสนามบินนานาชาติ Ben Gurion อิสราเอล ซึ่งขณะนี้สามารถอพยพแรงงานไทยในจุดต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่อันตรายมาอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้ว แต่อย่างไรก็ดี เนื่องจากปัจจุบันมีผู้แจ้งความประสงค์ขอกลับประเทศไทยเข้ามาจำนวนมากเกือบ 8,000 คน จึงทำให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ยังต้องการเจ้าหน้าที่สนับสนุนภารกิจ และเป็นกำลังเสริม ดังนั้นเพื่อให้การช่วยเหลือแรงงานไทยเป็นไปด้วยความรวดเร็ว และคล่องตัวมากยิ่งขึ้น กระทรวงแรงงานจึงส่งเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานในสังกัดเพิ่มเติมอีก 5 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่เหล่านี้เป็นผู้มีจิตอาสาและสมัครใจไปปฏิบัติภารกิจ ที่มีเจตนารมย์เดียวกันที่ต้องการให้แรงงานไทยที่ต้องการกลับบ้านได้เดินทางกลับอย่างปลอดภัยและสามารถดำเนินการอพยพให้เร็วที่สุด

นายไพโรจน์ ยังกล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานชุดที่ 2 นี้ จะไปสมทบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานชุดแรกจำนวน 5 คน รวมเป็น 10 คน ซึ่งปฏิบัติงานในพื้นที่จุดอพยพต่างๆ รวมทั้งที่สนามบิน เพื่อทำหน้าที่ในการประสาน อำนวยความสะดวกด้านเอกสาร รวมถึงการรวบรวมแรงงานไทย นอกจากนี้ ยังได้นำเครื่องอุปโภคบริโภคไปเพิ่มเติม ได้แก่ ข้าวสาร อาหารแห้ง ที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ประกอบการ ภาคเอกชน สมาคม ตลอดจนห้างร้านต่างๆ ไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานครั้งนี้ด้วย เพื่อมอบให้กับทูตแรงงานที่อิสราเอล นำไปแจกจ่ายให้กับแรงงานไทยที่พักพิงอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น 

“ ท่านพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมีความห่วงใยแรงงานไทยที่ไปทำงานที่อิสราเอลทุกคน และให้ความสำคัญกับภารกิจการช่วยเหลือพี่น้องแรงงานไทยในครั้งนี้  ผมและเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานทุกคนจะดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถและขอให้เชื่อมั่นว่าพวกเราจะสามารถพาแรงงานไทยทั้งหมดกลับมาได้อย่างปลอดภัย” นายไพโรจน์ กล่าวท้ายสุด

สำหรับรายชื่อทีมเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานชุดที่ 2 จำนวน 5 คน ที่เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจในการอพยพแรงงานไทยที่อิสราเอลกลับประเทศไทยในครั้งนี้ ได้แก่1) จ่าเอก พันธ์ชิต กิจหวัง ผู้อำนวยการกลุ่มงานช่วยอำนวยการ กองกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน 2) นายธีระศักดิ์ อยู่เพชร นักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ กองพัฒนามาตรฐานและทดสอบฝีมือแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน 3) นายธนัตถ์ ช่างสาน นักทรัพยากรบุคคลชำนาญการพิเศษ กองการเจ้าหน้าที่ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน 4) นายเบญจรงค์ ว่องจรรยากุล หัวหน้าสำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี สาขาบางละมุง สำนักงานประกันสังคมและ 5) นางสาวบุษบัญชลี ภู่แก้วเผือก นักวิชาการแรงงานชำนาญการ สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน

กลุ่ม ปตท. จัดงาน ‘PTT Group CG Day 2023’ ครั้งที่ 15 ผนึกกำลังยกระดับความโปร่งใสสู่การเป็น ‘วัฒนธรรมองค์กร’

เมื่อไม่นานมานี้ นายนพดล ปิ่นสุภา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) พร้อมด้วยผู้บริหารบริษัทในกลุ่ม ปตท. ประกอบด้วย บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP), บริษัท พีทีที  โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC), บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP), บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC), บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) และ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) ร่วมแสดงพลังขับเคลื่อนธุรกิจด้วยหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ในงาน PTT Group CG Day 2023 ครั้งที่ 15 ภายใต้แนวคิด ‘Good to Great : CG Empowering for the Future ผสานพลังร่วม รวมพลังสร้าง สู่อนาคตยั่งยืน’ ซึ่งเป็นการแสดงพลังร่วมของกลุ่ม ปตท. ที่ให้ความสำคัญและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล และต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ

นายนพดล เปิดเผยว่า กลุ่ม ปตท. ร่วมกันจัดงาน PTT Group CG Day อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นเวทีแสดงพลังร่วมของกลุ่ม ปตท. ในการมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจด้วยความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล พร้อมส่งเสริมบุคลากรในกลุ่ม ปตท. ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชันในทุกรูปแบบ และนำหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีไปปรับใช้ในการทำงานทั้งภายในและภายนอกองค์กร  

นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันของกลุ่ม ปตท. ลูกค้า คู่ค้า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี เตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจสู่อนาคตที่ยั่งยืน และสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน

ทั้งนี้ งาน PTT Group CG Day 2023 จัดขึ้นในรูปแบบ Hybrid เพื่อตอบสนองต่อรูปแบบการทำงานในปัจจุบัน มีผู้ร่วมงาน ณ ห้อง Synergy Hall ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ อาคาร C กว่า 400 คน และมีผู้ร่วมงานผ่านระบบออนไลน์จากทั่วประเทศ โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การแสดงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารระดับสูงของกลุ่ม ปตท. การประกวดผลงานด้าน CG ของพนักงานกลุ่ม ปตท. และการเสวนาหัวข้อ CG Talk : Great of Trust โดย ผศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมือง คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ 

นอกจากนี้ ภายในงานมีการจัดนิทรรศการ รวมไปถึงกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้ด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี แก่ผู้บริหาร พนักงาน คู่ค้า ลูกค้า แขกรับเชิญจากหน่วยงานต่าง ๆ และสื่อมวลชน อีกด้วย

ประโยคชวนคิดจาก ‘สี จิ้นผิง’

ประโยคชวนคิดจาก ‘สี จิ้นผิง’ ประธานาธิบดีจีน ที่ได้กล่าวสุนทรพจน์ ณ พิธีเปิดการประชุมหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ (BRF) ครั้งที่ 3 

“เมื่อคุณมอบดอกกุหลาบให้ผู้อื่น กลิ่นหอมยังคงติดตรึงอยู่ที่มือคุณ”

'รัดเกล้า' ย้ำ!! ภารกิจใหญ่รัฐบาล ดันไทย 'ศูนย์กลางอาหารฮาลาล' เล็งเดินหน้า 8 มาตรการ พาอาหารฮาลาลไทยสู่เวทีโลก

(18 ต.ค. 66) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) พร้อมมุ่งหน้าผลักดันนโยบายหลักด้านความมั่นคงทางอาหาร รวมถึงการทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางสำหรับอุตสาหกรรมฮาลาลโลก ซึ่งไทยมีความพร้อมทั้งด้านวัตถุดิบและมีศักยภาพ ที่จะเดินหน้าสู่การเป็นแหล่งผลิตอาหารฮาลาลเติมเต็มความต้องการของหลายประเทศทั่วโลก

นางรัดเกล้ากล่าวว่า ตลาดอาหารฮาลาลเป็นตลาดที่มีศักยภาพ มีมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตเฉลี่ย 13.5% ตามสัดส่วนประชากรมุสลิมโลกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย อก. ได้จัดทำ 8 มาตรการสำคัญ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลของไทยสู่ตลาดโลก โดยเชื่อมโยงกับ Soft Power ในท้องถิ่น ได้แก่

1.ขับเคลื่อน Soft Power ยกระดับอาหารฮาลาลท้องถิ่นภาคใต้ของไทย เป็นอาหารแนะนำเสิร์ฟบนเครื่องบิน 

2. เชื่อมโยงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฮาลาล กับแหล่งอาหารฮาลาลในพื้นที่ พร้อมร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แนะนำ และขึ้นทะเบียนเมนูอาหาร ตลอดจนส่งเสริมอาหารฮาลาลในเทศกาลต่าง ๆ 

3.ลดข้อจำกัด และอุปสรรคเกี่ยวกับการขอรับรองตราสัญลักษณ์ฮาลาล โดยร่วมกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพื่อลดข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาในการรับรอง 

4.เจรจาความตกลง (MOU) เพื่อเปิดตลาดสินค้าอาหารฮาลาลใหม่ ๆ ในต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สาธารณรัฐทูร์เคีย

5.พัฒนาผู้ผลิตอาหารฮาลาลไทย ให้สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคมุสลิมรุ่นใหม่ 

6.สร้างเครือข่ายความร่วมมืออาหารฮาลาลไทยกับประเทศเป้าหมาย โดยร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์เดินสาย road show ในตลาดศักยภาพ อาทิ อาเซียน ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ 

7.พัฒนานิคมอุตสาหกรรมฮาลาลของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เพื่อยกระดับศูนย์พัฒนาสินค้าอาหารของสถาบันอาหารในจังหวัดสงขลา 

8.พัฒนาและจัดทำต้นแบบ (Role Model) ในแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร เพื่อยกระดับสถานประกอบการอุตสาหกรรมอาหาร ให้ได้มาตรฐานฮาลาลเพื่อการส่งออก รวมทั้งพัฒนาสายพันธุ์วัวใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพสูง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการส่งออกสู่ประเทศที่มีกำลังซื้อสูง

“นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน เน้นย้ำเสมอถึงความสำคัญของความมั่นคงทางอาหาร ไทยมีวัตถุดิบ และมีศักยภาพในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และพัฒนาคุณภาพของอาหารได้ (Food Technology) เพื่อเป็นแหล่งผลิตอาหารฮาลาลของหลายประเทศ เชื่อมตลาดไทยสู่ตลาดโลก ปูทางสู่การเป็นศูนย์กลางสำหรับอุตสาหกรรมฮาลาลของไทย” นางรัดเกล้ากล่าว

‘ตอลิบาน’ เข้าร่วมการประชุม ‘หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง’ ที่กรุงปักกิ่ง ตอกย้ำมิตรภาพ ‘จีน-อัฟกานิสถาน’ หนุนค้าขายกับนานาชาติ-ฟื้น ศก.

เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 66 ผู้แทนของรัฐบาลตอลิบานอัฟกานิสถาน คาดว่า จะเข้าร่วมการประชุมเวที ‘ความริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง เพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ’ (Belt and Road Forum for International Cooperation : BRF) ในกรุงปักกิ่ง ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์

บรรดาผู้เชี่ยวของจีนเชื่อว่า การมาปรากฏตัวของ ‘ตอลิบาน’ ในการประชุม ซึ่งเป็นเวทีระหว่างประเทศที่เปิดกว้างและครอบคลุมครั้งนี้ คือ ‘สิ่งตอกย้ำ’ ถึงความสัมพันธ์ที่กำลังเติบโตระหว่างจีนกับรัฐบาลอัฟกานิสถาน และตอกย้ำการสนับสนุนของจีน ในการนำพาประเทศที่ยับเยินจากสงครามมาเข้าร่วมในประชาคมโลก

ตามรายงานสำนักข่าวรอยเตอร์ ซึ่งอ้างโฆษกกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของอัฟกานิสถานนั้น ‘นายฮาจี นูรุดดิน อาซีซี’ (Haji Nooruddin Azizi) รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม พร้อมคณะจะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งเพื่อเข้าร่วมการประชุมหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง โดยคาดว่า ผู้แทนรัฐบาลตอลิบานคณะนี้ ต้องการเชิญชวนให้นักลงทุนเข้ามายังอัฟกานิสถาน

โดยที่ผ่านมา รัฐบาลตอลิบานอัฟกานิสถานได้มีการหารือกับจีนอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการทำเหมืองทองแดง และแผนการก่อสร้างถนนในภาคเหนือของอัฟกานิสถาน เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางขนส่งกับจีนโดยตรง

‘นายจู หย่งเปียว’ ผู้อำนวยการศูนย์อัฟกานิสถานศึกษาของมหาวิทยาลัยหลันโจว ระบุว่า การเข้าร่วมการประชุมของตอลิบานเท่ากับเป็น ‘สปอตไลต์’ ฉายส่องความพยายามของจีน ในการเปิดเวทีให้รัฐบาลตอลิบานอัฟกานิสถานได้มีโอกาสคบค้าสมาคมกับนานาชาติมากขึ้น และแสวงหาโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ตลอดจนชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยทั้งรัฐบาลตอลิบานและรัฐบาลชุดก่อนของอัฟกานิสถาน ซึ่งชาติตะวันตกหนุนหลัง ต่างก็ชื่นชอบความริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative : BRI) เนื่องจากคาดหวังว่า จะดึงให้จีนมาลงทุนในโครงการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ในประเทศได้นั่นเอง

การประชุม BRF ครั้งที่ 3 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-18 ต.ค. ในกรุงปักกิ่ง มีผู้แทนจากกว่า 130 ประเทศ และ 30 องค์กรระหว่างประเทศเข้าร่วม โดยคาดว่า BRF จะเป็นเวทีที่เน้นย้ำถึงความสำเร็จอันน่าทึ่งของการก่อสร้างเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานภายใต้ BRI

‘นายอิ้น กัง’ นักวิจัยสถาบันเอเชียตะวันตกและแอฟริกาศึกษาแห่งสถาบันสังคมศาสตร์จีน ระบุว่า บริษัทจีนบางรายกลับมาดำเนินโครงการในอัฟกานิสถานอีกครั้งตั้งแต่ปี 2565 เช่น การขุดเจาะน้ำมัน และคงจะดีมาก หากการประชุม BRF ครั้งนี้ มีความคืบหน้าในการหารือเกี่ยวกับการทำเหมืองแร่ทองแดงขนาดใหญ่ทางภาคตะวันออกของอัฟกานิสถาน และการกลับมาดำเนินความร่วมมือในโครงการอื่นๆ มากขึ้น

‘โตโต้’ ไล่บี้ถาม ‘กทม.’ ละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือไม่? หลังปล่อยตลาดนัดเถื่อน ‘ซุกพนัน-ไร้ใบอนุญาต’

(18 ต.ค.66) ที่รัฐสภา นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงถึงความคืบหน้าการเปิดตลาดนัดสัญจรที่มีการพนันอยู่เบื้องหลังในพื้นที่เขตบางนา ว่า เรื่องนี้เป็นมากกว่าการพนัน แต่เป็นขบวนการต้มตุ๋นประชาชนที่อาศัยพื้นที่ในตลาดดังกล่าว เพื่อหลอกลวงทรัพย์สินจากประชาชนเป็นจำนวนมากต่อเนื่องหลายเดือนติดต่อกัน ซึ่งประชาชนในพื้นที่ทราบดีว่าทุกๆ เดือน บ่อนเหล่านี้จะมาตลาดเดือนละ 10 วัน และเวียนไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่เขตบางนา เชื่อว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเขตอื่นๆ อีก รวมถึงปริมณฑลด้วย ดังนั้นปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยในเขตบางนาเท่านั้น และจะต้องมีผู้มีอิทธิพลหรือผู้มีสีอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน เนื่องจากเราได้ติดตามและร้องเรียนกับทุกหน่วยงานของรัฐ เริ่มจากสำนักงานเขตบางนา โดยตนทำหนังสือร้องเรียนไปเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ซึ่งทางสำนักงานเขตฯ ตอบกลับมาว่า ตลาดกำลังขออนุญาตแต่ยังไม่ได้รับอนุญาต ตนจึงขอตั้งคำถามว่า 1. ตลาดเปิดได้อย่างไร 2. สำนักงานเขตฯ ชี้แจงว่า ได้มีการเปรียบเทียบปรับไปแล้ว แต่เมื่อตนดูในเอกสารเป็นเอกสารที่ปรับแค่เรื่องการสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ไม่ได้ปรับตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สาธารณะว่าด้วยเรื่องตลาด และข้อบัญญัติของกรุงเทพฯ ว่าด้วยเรื่องการอนุญาตตั้งตลาด

นายปิยรัฐ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ตนได้ทำหนังสือสอบถามไปยังกรมการปกครอง จนขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมา และยังไม่ได้รับคำรับรองว่าจะดำเนินการอย่างไรจากกระทรวงมหาดไทย ตนจึงไปตั้งคำถามในสภาฯ เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา คิดว่าเรื่องที่จะได้รับการแก้ไขแต่ปรากฏว่า ได้มีการตั้งตลาดอีกครั้งในวันที่ 13 ต.ค. ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 23 ต.ค. โดยประชาชนได้มีการร้องเรียนมายังตน ประชาชนรายที่เสียหายหนักที่สุดเป็นเงินมากถึง 3 แสนกว่าบาท ตนก็ถูกตราหน้าว่าส.ส. มีส่วนรู้เห็นหรือไม่ เพราะร้องเรียนไปหลายครั้งแล้วก็ไม่ได้รับการแก้ไข จึงเป็นปรากฏการณ์ที่ตนต้องไปยืนเตือนประชาชนที่จะเข้าไปใช้พื้นที่ตลาด จึงเป็นประเด็นที่ต้องมาถกเถียงกันในวันนี้

นายปิยรัฐ กล่าวต่อว่า ดังนั้นตนขอชี้แจงเพิ่มเติม 2 ประเด็น ประเด็นแรกตลาดไม่ได้มีการจัดในรูปแบบทั่วไป เนื่องจากมีกฎหมายระบุว่า ตามพ.ร.บ.สาธารณสุข ซึ่งการตั้งตลาดนัดจะต้องมีการอนุญาตจากท้องถิ่น ถึงจะสามารถจัดตั้งได้ ดังนั้นเมื่อทางกทม. ไม่ได้อนุญาต แล้วมีการจัดตั้งตลาดได้อย่างไร ล่าสุดทางกทม. ได้ออกมาแถลงว่า ไม่ได้มีการปรับในรอบล่าสุดเพราะตลาดขออนุญาตอย่างถูกต้องในปี 2564 ตนจึงตั้งคำถามว่า ใครเป็นคนขออนุญาต และขอตั้งแต่เมื่อไหร่ รูปแบบผังเป็นอย่างไร เรื่องนี้เป็นข้อผิดพลาดของกทม. หรือไม่ เป็นการละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ประเด็นที่สอง ตลาดลักษณะนี้ไม่ได้เป็นไปตามผังตลาดอย่างแน่นอน เนื่องจากการทำตลาดนัดต้องมีผังชัดเจน ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนที่อาศัยข้างเคียง ซึ่งตลาดดังกล่าวกระทบแน่นอน ทั้งเสียง การจราจร นี่คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ตนยืนยันว่าตลาดล่าสุดที่เกิดขึ้นซึ่งใช้พื้นที่เอกชน ไม่ได้ขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย สำนักงานเขตฯ ต้องชี้แจงเรื่องนี้ หลังออกมาแถลงว่าไม่มีการปรับรอบนี้ ตนถือว่ารอบนี้มีปัญหา

“ส่วนสน.และตำรวจจะอ้างว่าไม่พบการพนันที่เกิดขึ้นหลังตรวจสอบแล้ว ตนมองว่าเป็นเรื่องปกติ ตำรวจมักจะไม่เจออะไรในสิ่งที่ตำรวจไม่อยากเจอ นี่คือข้อเท็จจริง เมื่อตำรวจไม่อยากเจอ เขาก็สามารถบันดาลว่าไม่เจอได้ ขอความเห็นใจจากประชาชนเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และฝากว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นในพื้นที่ของท่านหลายพื้นที่ อยู่ที่ว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะเห็นความสำคัญในเรื่องนี้หรือไม่“นายปิยรัฐ กล่าว

เมื่อถามว่า มูลค่าความเสียหายที่รวบรวมได้ขนาดนี้มีมูลค่าเท่าไหร่ นายปิยรัฐกล่าวว่า ที่มีการร้องเรียนมาถึงตนเองรวมๆ ก็เกือบล้าน รายเดียวก็ 3 แสนกว่า และรายอื่นๆ คนละ 2-5 หมื่นบาท ทั้งนี้จะเป็นคดีความหรือไม่ต้องแล้วแต่ความสะดวกผู้ร้องทุกข์ เนื่องจากรู้ว่านี่คือกลุ่มผู้มีอิทธิพล

“ผมคงไม่สามารถไประบุชัดเจนว่าเป็นบุคคลใดหรือสีไหน เพียงแต่ว่าหน่วยงานรัฐทุกหน่วยงานที่ผมไปร้องเรียน และดำเนินการไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย สำนักงานเขต สถานีตำรวจ ก็ไม่ได้ดำเนินการอย่างจริงจัง แม้เราจะมีความพยายามแล้ว โดยเฉพาะตนได้มีการตั้งคำถามหารือผ่านประธานสภาไปตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. ยังปล่อยให้มีลักษณะนี้อีก ผมก็ไม่รู้ว่าผู้ยิ่งใหญ่จะเป็นใคร และจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน” นายปิยรัฐ กล่าว

เมื่อถามว่า จะมีการไปร้องเรียนกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ นายปิยรัฐ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (19 ต.ค.) ตนวางแผน และปรึกษาหารือกับพรรคว่าจะตั้งกระทู้ถามสดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หวังว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะเข้ามาตอบกระทู้ถามสดนี้ของตนเกี่ยวกับประเด็นนี้

เมื่อถามถึงกรณีที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ระบุว่า ถ้ามีเบาะแสหรือหลักฐาน ก็ยินดีที่จะรับเรื่องไว้ จะมีการไปพูดคุยกับนายชาดาหรือไม่ นายปิยรัฐ กล่าวว่า ตนได้ส่งเรื่องไปที่กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่เข้ารับตำแหน่งก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร ถ้านายชาดาต้องการเพิ่มเติม ตนก็พร้อมให้ความร่วมมือ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่มีที่เขตบางนาเท่านั้น ดังนั้นในฐานะตนที่เป็นโฆษกและกรรมาธิการความมั่นคงฯ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับความมั่นคงซึ่งจะนำเข้าหารือในที่ประชุมกมธ.ในวันพรุ่งนี้ด้วย

ส่องชะตากรรมพันธมิตรฯ ไม่คิดหลบหนีคดี ล้มละลายไม่พอ ตามลุ้นอาญาคดีสนามบินต่อ

หะแรก...ตั้งใจจะตามไปดูเรื่อง 'ซูเปอร์ แอป' ที่จะรองรับมหกรรมกระตุกเศรษฐกิจด้วยวงเงิน 5.6 แสนล้านบาทกับเขาหน่อย แต่ฟังว่าวันที่ 19 ต.ค.นี้ ท่าน รมช.คลัง 'จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์' จะนั่งหัวโต๊ะประชุมอนุกรรมการขับเคลื่อนพิจารณาเรื่องนี้กันอีกหน ก็ขอยกยอดไปว่ากันวันเสาร์ก็ละกัน 

แต่ถึงยังไงฟังการสัมภาษณ์ข้ามประเทศมาจากจีนแผ่นดินใหญ่...นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ก็ยอมรับว่าจะมีแอปฯ ใหม่ แต่ไม่ลงทุนเวอร์วังอลังการระดับ 1.2 หมื่นล้านแต่ประการใด และขอรับรองอีกต่างหากว่าเครือแสนสิริของท่านไม่เกี่ยวข้อง...

ทราบแล้วเปลี่ยน!!

จากเรื่องหมื่นล้านมาพูดถึงเรื่องพันล้านดีกว่า...เรื่องนี้ แรกเริ่มนั้นการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยหรือทอท.ฟ้องเรียกค่าเสียหายแค่ 522 ล้าน แต่ผ่านมาหลายปีดอกเบี้ยบานตอนนี้จะร่วมพันล้านบาทแล้ว และจำเลยที่ถูกฟ้อง 12 คน (เสียชีวิตไป 1 คน คือ อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์) ก็ถูกศาลล้มละลายกลางสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ตามประกาศในราชกิจจา เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2566 ที่ผ่านมา..

ครับ...'เล็ก เลียบด่วน' ขอบันทึกคดีประวัติศาสตร์นี้ไว้ให้ปรากฏในตำนานข่าว...กับเขาด้วยคน โดยใคร่สรุปว่าคดีนี้คือ คดีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ไปชุมนุมขับไล่รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยคุณทักษิณ ชินวัตร ที่หน้าอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อปลายเดือน พ.ย.2551 

จบการชุมนุมพันธมิตรฯ ถูกฟ้องคดีอาญาข้อหาก่อการร้าย, ปลุกปั่น, ยุยง ฯลฯ 98 คน และถูกฟ้องคดีแพ่งจากการบินไทย, วิทยุการบินและ ทอท.จำนวนหลายคน  

จำเพาะที่ถูกฟ้องโดย ทอท.12 คน ก็ดังที่กล่าวไปแล้ว...ส่วนคดีที่การบินไทยและวิทยุการบินฟ้องแพ่งนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณา...

แต่ที่น่าระทึกใจและมาช้ากว่าคดีแพ่งของ ทอท.ก็คือคดีอาญาของ 98 ผู้ต้องหา ตั้งแต่ระดับแกนนำอย่าง 'จำลอง-สนธิ' จนมาถึงชาวบ้านที่ช่วยเคาะกะละมังประกอบวงดนตรี คาดว่าน่าจะมีการตัดสินในปลายปีนี้หรือไม่ก็ต้นปีหน้า ซึ่งว่ากันตามหน้าเสื่อหน้าไพ่...ไม่ได้ก้าวล่วงศาลแต่ประการใด ก็น่าจะอนุมานได้ว่าต้องมีจำนวนหนึ่งที่ถูกตัดสินลงโทษจำคุก...และที่ต้องลุ้นกันแบบประมาทไม่ได้ แม้ศาลชั้นต้นจะยกฟ้องก็คือคดีชุมนุมหน้ารัฐสภา 7 ตุลา 2551 ซึ่งศาลอุทธรณ์นัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 2 พ.ย.2566 นี้...

ผิดถูกอย่างไรก็ว่ากันไป...ทุกคนต้องเคารพการตัดสินของศาล และกระบวนการยุติธรรม ซึ่งต้องชื่นชมกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ไม่มีใครคิดหลบหนีคดี จนต้องประสบชะตากรรม อย่างที่เห็นและเป็นไป...

'เล็ก เลียบด่วน'...ไม่ได้มาซ้ำเติมชะตากรรม แต่ขอขานชื่อด้วยความคารวะต่อ 11 ท่านที่ศาลพิทักษ์ทรัพย์ ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายพิภพ ธงไชย, นายสุริยะใส กตะศิลา, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, นายอมร อมรรัตนานนท์, นายสำราญ รอดเพชร, นายศิริชัย ไม้งาม, นางมาลีรัตน์ แก้วก่า และนายเทิดภูมิ ใจดี...

ส่วนเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมคดีเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมืองของพรรคก้าวไกลไปถึงไหนอย่างไร ค่อยว่ากันวันหลัง แต่ในชั้นนี้ฟังมาว่าไม่ค่อยเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ซักเท่าใดนัก...เอวัง!!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top