Friday, 16 May 2025
NewsFeed

อยู่อย่างไรให้รอด!!! พยาบาลสาวไทย ในสหรัฐฯ แนะวิธีเอาตัวรอดจากโรคร้ายโควิด-19 พร้อมแชร์ประสบการณ์ อยู่ท่ามกลางวิกฤตเชื้อระบาดกว่า 1 ปี

พยาบาลสาวไทย ในสหรัฐ อเมริกา โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ค ‘Ticky Tic’ เล่าประสบการณ์การเอาตัวรอด พร้อมแนะแนวทางการใช้ชีวิต ท่ามกลางโรคระบาด กว่า 1 ปีที่ผ่านมาว่า

การระบาดของโควิด-19 อย่างรวดเร็วอีกครั้งในประเทศไทย ทำให้คิดว่าควรต้องแชร์เรื่องราวความรู้จากประสบการณ์จริงของตัวเองที่ยืนแบบไม่งง ในดงโควิดระบาดอย่างหนักมาปีกว่าและถูกตรวจโควิดอาทิตย์ละ 2 ครั้งมาแรมปีรวมๆแล้วเป็น 100 ครั้งตั้งแต่มีการระบาดมาและรอดมาได้ทุกครั้ง รวมถึงการที่ต้องดูแลผู้ป่วยและผู้ใกล้ชิดในการทำงาน สติและสตังควรมีพร้อมๆกันในช่วงโควิดระบาด ทำอย่างไรให้ตัวเองรอดในภาวะวิกฤตในแบบฉบับของตัวเอง

1.) ให้คิดว่าทุกคนที่อยู่รอบตัวติดโควิดหมด เราจะได้ไม่ละเลยในการใส่หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง ดูแลตัวเอง เป็นเกราะป้องกันตัวเอง

2.) วิตามิน C, D น้ำมันตับปลา วิตามินรวมจัดมาให้ครบ ในส่วนตัวดื่มน้ำมะนาวสดๆผสมน้ำผึ้ง รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง ไข่ ปลา ผัก ภูมิคุ้มกันที่ดีเท่านั้นที่จะต้านโควิดได้

3.) หลีกเลี่ยงแหล่งอโคจรที่ชุมชนคนเยอะๆพาตัวเองไปรับอากาศบริสุทธิ์เข้าไว้ กลับเข้าบ้านล้างมือด้วยสบู่ทันที

4.) การฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว ยังมีโอกาศติดโควิดได้อีกเพียงแต่การแสดงออกของโรคจะไม่รุนแรงเท่านั้น เพราะฉนั้นอย่าการด์ตก ฉีดแล้วยังติดอีกได้

5.) ดื่มน้ำมาก ๆ ในแต่ล่ะวันเสริมด้วยน้ำผลไม้

6.) ออกกำลังกาย ตามเวลาที่เอื้ออำนวยให้เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันตัวเอง

7.) เครื่องใช้ที่นอน หมอนเสื้อผ้า แมสผ้าตากแดดอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าโควิดจะสายพันธุ์อะไร รุนแรงแค่ไหน แดดเมืองไทยเอาอยู่แน่นอน

8.) เป็นไปได้ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ กลั้วคอด้วยน้ำยาบ้วนปากเข้าเย็น ใช้สเปรย์พ่นในปากและลำคอจะช่วยลดและฆ่าเชื้อได้

9.) นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอให้ร่างกายได้สร้างภูมิคุ้มกันตัวเอง

10.) สังเกตตัวเองทุกวันด้วยสติไม่กังวลวิตกจนเกินเหตุ เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอย่างเข้าใจและแก้ไขตามสถานะการณ์

11.) ข้อนี้สำคัญ ต้องประหยัด ไม่มีใครรู้ว่าโควิดจะอยู่กับเราไปอีกนานสักแค่ไหน เราจะตกงานเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เราต้องไม่เป็นภาระของคนอิ่นและสังคม อย่าให้สิ่งที่มองไม่เห็นจับต้องไม่ได้แต่ติดได้ง่าย มาทำให้ชีวิตเรา ดิ่ง ดาวน์ และดับ เราจะผ่านวิกฤตโควิด ทุกสายพันธุ์ไปด้วยกันค่ะ...ด้วยความห่วงใยจาก พยาบาลต่างแดน


ที่มา : Ticky Tic https://www.facebook.com/100000715995503/posts/4486929658007523/

ผลวิจัยจากอิตาลี ชี้ผู้ชายติดเชื้อโควิด-19 เสี่ยง ‘นกเขาไม่ขัน’ เพิ่มเกือบ 6 เท่า แนะหากมีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ให้กักตัว - ตรวจโควิดทันที

เว็บไซต์ webmd.com รายงานเมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา อ้างผลวิจัยของนักวิจัยมหาวิทยาลัยในอิตาลี ตีพิมพ์ในวารสารแอนโดรโลยี (Andrology) เผยแพร่เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา ระบุว่า ชายที่ติดเชื้อโควิด-19 จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือโรคอีดี (Erectile dysfunction) หรืออวัยวะเพศไม่แข็งตัวพอที่จะมีสัมพันธ์ทางเพศได้

งานวิจัยดังกล่าว นำโดย ศาสตราจารย์เอ็มมานูเอลเล่ เอ. ยานนีนี ผู้เชี่ยวชาญด้านต่อมไร้ท่อและการแพทย์ด้านเพศวิทยา มหาวิทยาลัยโรม ทอร์เวอร์กาต้า กรุงโรม ประเทศอิตาลี ทำการสำรวจผ่านทางระบบออนไลน์ Sex@COVID ในประเทศอิตาลี ระหว่างวันที่ 7 เมษายน ถึงวันที่ 4 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยมีผู้เข้าร่วมทำแบบสอบถามจำนวน 6,821 คน อายุ 18 ปีขึ้นไป แบ่งเป็นชาย 2,644 คน หญิง 4,177 คน

ผลการวิจัยพบว่ามีชายที่เคยติดเชื้อโควิด-19 แสดงอาการของโรคอีดี คิดเป็นสัดส่วนถึง 28% มากกว่า ผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อโควิด-19 ที่พบอยู่ที่ 9.33 % หรือนับว่าเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดอาการอีดี 5.66 เท่า

นอกจากนี้ ตัวเลขเบื้องต้นยังชี้ให้เห็นด้วยว่า ผู้ที่มีอาการของโรคอีดีนั้น เพิ่มความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิด-19 อีกด้วย โดยมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 5 เท่าที่จะติดเชื้อโควิด

ทั้งนี้ นักวิจัยระบุว่า ผู้ที่เคยมีอาการอีดี หรือมีอาการอีดีที่หนักกว่าเดิมควรเข้ารับการกักตัวและตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพื่อความปลอดภัย และตั้งสมมุติฐานว่า ไวรัสโควิด-19 อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการอีดี หรือทำให้อาการอีดีนั้นแย่ลงได้

และในทางกลับกัน ใครที่มีอาการอีดี ควรระลึกเอาไว้ว่า อาการอีดีเป็นสัญญาณที่เป็นไปได้ว่าอาจจะติดเชื้อโควิด-19 เข้าไปแล้วด้วยเช่นกัน


ที่มา : https://www.matichon.co.th/foreign/news_2673300

ไบเดนเคาะฤกษ์ 9/11 ถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน จบสงครามสหรัฐ-อาฟกัน ที่ยาวนานถึง 20 ปี

โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศชัด จะถอนทหารสหรัฐให้หมดก่อนวันที่ 11 กันยายน 2021 ที่เป็นวันครบรอบ 20 ปี เหตุการณ์ 9/11 การก่อการร้ายที่ตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ในสหรัฐอเมริกา ในปี 2001 ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจนำกองทัพสหรัฐบุกอัฟกานิสถานในสมัยของอดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช เพื่อตอบโต้ ล้างแค้นกลุ่มก่อการร้าย อัลกออิดะห์ นำโดย โอซามา บิน ลาเดน ที่สหรัฐเชื่อว่าได้แฝงตัวอยู่กับกลุ่มตาลีบันในอัฟกานิสถาน และเป็นตัวการในการก่อการร้าย

และก็กลายเป็นสงครามอัฟกานิสถานที่ยืดเยื้อที่สุดของสหรัฐ กินเวลามานานถึงเกือบ 20 ปี ที่ยังไม่สามารถเอาชนะได้ แม้ว่าการโจมตีของสหรัฐจะสร้างความเสียหายแก่อัฟกานิสถานอย่างมหาศาล สังหารกองทหารกลุ่มตาลีบัน และกลุ่มก่อการร้าย อื่นๆ อย่างอย่างอัลกออิดะห์ และ ISIS กว่า 75,000 คน รวมถึงชาวบ้านอัฟกานิสถานผู้บริสุทธิ์อีกไม่น้อยกว่า 38,000 ชีวิต

นอกจากนี้ยังเป็นสงครามที่ผลาญงบประมาณมากที่สุดครั้งหนึ่งของสหรัฐ เป็นรองเพียงสงครามโลกครั้งที่ 2 หากพิจารณาจากระยะเวลาที่เสียไป และผลลัพธ์จากสงครามที่จนถึงวันนี้สหรัฐก็ยังไม่สามารถพิชิต หรือเอาชนะกลุ่มตาลีบันได้

มีการประเมินจาก Brown University ว่า สหรัฐสูญเสียงบประมาณไปแล้วไม่น้อยกว่า 9.75 แสนล้านดอลลาร์ในสงครามอัฟกานิสถาน แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็มองว่า ค่าเสียหายน่าจะบานปลายเกิน 1 ล้านล้านเหรียญไปแล้ว และยังมีค่าใช้จ่ายแอบแฝงจำนวนมหาศาล จากกองทุนฟื้นฟูสภาพจิตใจ และชดเชยให้กับครอบครัวของทหารที่บาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากสงครามอัฟกานิสถาน

จึงเป็นที่มาของการถอนทหารสหรัฐทั้งหมดของสหรัฐในวันนี้ ที่โจ ไบเดนประกาศว่าจะใช้วันครบรอบ 20 ปีเหตุการณ์ 9/11 เป็นฤกษ์ปิดสงครามสหรัฐ-อัฟกานิสถานอันยาวนาน

แต่หากจะให้เครดิตของนโยบายนี้จริงๆ ผู้ที่สมควรได้รับคืออดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เป็นผู้เริ่มต้นนโยบายถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานตัวจริง และสามารถบรรลุข้อตกลงสันติภาพอันยากลำบากในยุคของเขา เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2020

ซึ่งอันที่จริง ข้อตกลงเดิมของทรัมป์จะต้องถอนทหารสหรัฐให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2021 นี้ด้วยซ้ำไป แต่ด้วยปัญหากหลายอย่าง และเกิดการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลจากทรัมป์ สู่ไบเดน จึงเกิดความล่าช้า ไม่สามารถทำให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเดิมได้ โจ ไบเดนจึงขอเลื่อนกำหนดการณ์มาอีก 4 เดือน จนถึงกันยายน

โดยสหรัฐจะยังคงเหลือกองกำลังเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับสถานทูตและสำนักงานของเจ้าหน้าที่สหรัฐอื่นๆในกรุงคาบูล ส่วนกองกำลังที่ประจำในฐานทัพสหรัฐ จะถอนออกทั้งหมด ที่ยังคงเป็นที่ถกเถียงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับรัฐบาลอัฟกานิสถานที่สหรัฐเป็นผู้สนับสนุนเพื่อโค่นล้มรัฐบาลตาลีบันต่อจากนี้

นับเป็นการยอม Cut Loss ตัดจบสงครามอัฟกานิสถานอันยืดเยื้อของสหรัฐ แต่จะเป็นการสิ้นสุดสงครามภายในของอัฟกานิสถานด้วยหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ไม่มีใครตอบได้ แม้แต่ชาวอัฟกานิสถานเองก็ตาม


อ้างอิง

https://edition.cnn.com/2021/04/14/politics/joe-biden-afghanistan-announcement/index.html

https://www.france24.com/en/asia-pacific/20210413-all-us-troops-to-withdraw-from-afghanistan-by-september-11

https://www.usatoday.com/story/money/2019/06/13/cost-of-war-13-most-expensive-wars-in-us-history/39556983/

https://en.m.wikipedia.org/wiki/War_in_Afghanistan_(2001%E2%80%93present)

ถอดแบบความเสื่อม 3 นิ้ว ไทย-เมียนมา ถอดแบบม็อบจากไทย ตั้งใจทำให้เหมือน?

เวลาที่เอย่ามองไปที่ม็อบสามนิ้วที่ไทยทีไรจะมีเรื่องให้แปลกใจทุกครั้ง  ตั้งแต่การเปิดตัวออกมาเดินขบวนอย่างกับเทศกาลคานิวาลในบราซิล  จนมาถึงเรื่องคอสตูมบันลือโลก จนเอย่าเคยสงสัยว่านี่มันเอาคนกำกับม๊อบไทยมาทำม๊อบที่เมียนมา หรือว่าตั้งใจจะก๊อปร้อยให้เป็นแบบไทยกันแน่
    
ประมวลภาพประท้วงแฟนซีในเมียนมา
   
ประมวลภาพประท้วงแฟนซีในไทย

   
ประท้วงโดยชูข้อความหาคู่แบบเดียวกัน (ซ้าย) เมียนมา (ขวา) ไทย
   
ภาพการแต่งกายมาประท้วงอย่างล่อแหลม (ซ้าย) ไทย (ขวา)  เมียนมา
   
ภาพคอสตูมว่าถูกทำร้าย (บน) ไทย (ล่าง) เมียนมา

และมีสิ่งหนึ่งที่ฝ่ายม็อบในเมียนมาก็มีแต่ระบาดในโซเชียลมีเดียในขณะนี้คือการมีเพจหรือเว็บไซต์ที่บอยคอตหรือแบนธุรกิจของกองทัพ  อารมณ์มาแบบเดียวกันกับเพจ No Salim Shopping List ของฝั่งสามนิ้วไทย โดยบางเพจก็ยังแอคทีฟอยู่แต่บางเพจก็เงียบไม่มีการโพสต์อะไรใหม่ตั้งแต่เดือนเมษาเป็นต้นมา  ส่วนเนื้อหาที่เข้าไปเช็คนั้นบางธุรกิจก็เป็นของทหารจริงแต่บางธุรกิจก็ไม่ใช่และสร้างความเสียหายให้แก่เจ้าของธุรกิจตัวจริงเป็นอันมาก 

อย่างไรก็ดีในช่วงที่ผ่านมามีข่าวการวางเพลิงบ่อยครั้งและภาพที่เห็นมาแล้วคือการวางเพลิงห้าง Ruby Mart และ Grandamar Wholesale ในย่างกุ้ง  แม้จะมีข่าวว่าทั้งสองธุรกิจนั้นทำธุรกิจกับกองทัพ เพราะเช่าพื้นที่ของกองทัพในการทำห้างแต่ผู้ได้รับผลกระทบตัวจริงไม่น่าจะใช่กองทัพแต่เป็นผู้ประกอบการและผู้ลงทุนเสียมากกว่า
    
สภาพตึกไฟไหม้ห้างสรรพสินค้าที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของกองทัพเมียนมา (ซ้าย) ห้างรูบี้มาร์ท  (ขวา) ห้างค้าส่งแกรนดามาร์

คนเมียนมาหลายคนบอกว่าการเผาห้างครั้งนี้เจ้าของห้างทั้งสองไม่ได้รับผลกระทบเพราะมีประกันอัคคีภัยอยู่แล้ว  แต่ในกรณีนี้การเผาห้างแบบนี้ไม่ได้เข้าข่ายในการประกันอัคคีภัย แต่เป็นอัคคีภัยที่เกิดจากการก่อการร้าย ซึ่งไม่อยู่ในขอบข่ายของการประกันอัคคีภัยโดยทั่วไป  เช่นเดียวกันกับตอนห้างเซ็นทรัลเวิลด์ในกรุงเทพโดนเผาเมื่อหลายปีก่อนนั้นแล

เอย่าได้ทราบมาพอสมควรว่าการที่กลุ่ม CRPH มีสมาชิกบางส่วนลดลงไม่ได้มาจากทหารแต่มาจากการแบนสินค้าหรือบริการที่โดนแอบอ้างว่าสนับสนุนหรือค้าขายกับกองทัพ ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ค้าขายแค่กับกองทัพเท่านั้น  หลายคนค้าขายทั้งกองทัพและรัฐบาลซูจีมาก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์รัฐประหารเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นเมื่อเกิดรัฐประหารขึ้นแม้คนกลุ่มนี้จะสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่ม CRPH แต่เมื่อโดนโจมตีจากคู่แข่งที่ใช้ฐานกำลังจากผู้สนับสนุน CRPH มาถล่มแบบไม่ยั้ง  คนเหล่านี้ก็เลือกที่จะอยู่เฉยๆไม่เข้าข้างใครเลยดีกว่า เพราะสุดท้ายแม้เขาจะให้การสนับสนุนกลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตยแต่กลับถูกมองเป็นตัวร้ายอยู่ดี และคนเมียนมาก็พร้อมจะเชื่อโดยไม่ค้นหาเหตุผลอะไรก่อนเสียด้วย  ผิดจากการทำธุรกิจของไทยที่เลือกจะไม่นำอุดมการณ์หรือความเห็นต่างทางการเมืองเข้ามาแบ่งฝักแบ่งฝ่าย  
 
แอดมินเพจชาเขียว อิโตเอ็น บอกนโยบายชัดเจนว่าไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง 

เพราะธุรกิจเป็นเรื่องของปากท้องไม่ใช่เรื่องของประชาธิปไตย  การทำลายธุรกิจคือการทำลายช่องทางทำมาหากินใน  คนที่ได้รับผลกระทบไม่ใช่มีเพียงแต่เจ้าของกิจการแต่รวมไปถึงพนักงานทุกคนที่อาจจะเป็นผู้ร่วมสนับสนุนอุดมการณ์ของพวกคุณก็เป็นได้

ขอบคุณภาพจาก
IRRAWADDEE NEWS
FRONTIER MYANMAR
MYANMAR NOW
THE SPECTRUM
สำนักข่าวไทย
Page No Salim Shopping List

โดย : AYA IRRAWADEE

กระทรวงอุตสาหกรรม สั่งข้าราชการและเจ้าหน้าที่ให้ Work From Home ลดความเสี่ยงการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ยืนยันไม่กระทบต่องานบริการประชาชน เริ่มตั้งแต่ 16 เม.ย.-30 เม.ย.64

นายกอบชัย สังสิทธิ์สวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 รอบใหม่ ที่มีการแพร่ระบาดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และหลายจังหวัดทั่วประเทศ ส่งผลให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยพบการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนในหลายจังหวัด ในการนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยข้าราชการและเจ้าหน้าที่ จึงขอความร่วมมือให้หัวหน้าส่วนราชการกำชับข้าราชการในสังกัดให้ปฏิบัติตามมาตรการส่วนบุคคล โดยการสวมหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างทางสังคม และล้างมืออย่างเคร่งครัดในทุกกิจกรรม ส่วนบุคคลที่เคยเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงหรือมีกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อดังล่าว ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการกักกันตนเอง ( self quarantine ) อย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในสถานที่สาธารณะ และปฏิบัติตามมาตรการในสถานที่ทำงาน และขอให้เพิ่มจำนวนผู้ปฏิบัติงาน Work from Home โดยให้มีผลถึง 30 เมษายน 2564 เพื่อลดการสัมผัสในที่ทำงานหรือสถานศึกษา และลดความคับคั่งในการเดินทางกลับจากต่างจังหวัดหลังเทศกาลสงกรานต์

กระทรวงอุตสาหกรรม  ได้ดำเนินการตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ในกากรป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด -19 โดยให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัด (ส่วนกลาง) ปฏิบัติงาน ณ ที่พักอาศัย (WFH) อย่างเต็มขีดความสามารถ ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2564 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค จะผ่อนคลาย โดยในส่วนของการดำเนินงานจะนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้ อาทิ การประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์  วิดีโอคอล แอปพลิเคชันไลน์ หรืออีเมล์ มาเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงานเพื่อไม่ให้มีข้อติดขัดหรือเกิดปัญหากับการบริการประชาชน

"การรับมือการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ ผมได้เน้นความปลอดภัยของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ขณะเดียวกันยังช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อและช่วยดูแลตัวเอง ดูแลสังคม ด้วยการหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ชุมชน ลดการสัมผัสใกล้ชิด ซึ่งจะช่วยบรรเทาและลดการติดเชื้อเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ขอให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ปฏิบัติตามมาตรการกักกันตนเอง ไม่ประมาท การ์ดอย่าตก พร้อมกับติดตามคำสั่งจากทางราชการและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด” ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวปิดท้าย

สาวไทยในนิวยอร์ก แชร์ประสบการณ์ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ฯ เข็มแรก ใช้ทหารดูแล บริหารจัดการเป็นระบบ เผยฉีดแล้วต้องพกบัตรรับรองติดตัว เป็นใบเบิกทางบางสถานที่

สาวไทยในนิวยอร์ก สหรัฐ อเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว 'Pui Rattanopas' บอกเล่าประสบการณ์การฉีดวัคซีนต้านโควิด ของไฟเซอร์ ไบโอเอ็นเทค เข็มแรก โดยระบุว่า

ไปรับวัคซีนต้านโคบ้ามาแล้ว...เป็นโดสแรก โดสที่สองอีกสามอาทิตย์ การหาวันเวลานัดฉีดวัคซีนด้วยตัวเองในแมนฮัตตันหายากมาก จิ้มเข้าไปที่ไหนก็ไม่มี จนสุดท้ายต้องพึ่งอาสาสมัครของซิตี้หาให้ วันเดียวได้เลย 

จุดที่ไปฉีดไปที่จาวิทส์เซ็นเตอร์ เป็นเหมือนศูนย์จัดงานขนาดใหญ่ จุดนี้ดำเนินการโดยซิตี้เอง (ที่นี่จะมีให้ฉีดตามร้านขายยาด้วย แต่หาให้ตายก็ไม่มีว่าง) พนักงานดำเนินการทั้งคนฉีดคนตรวจเอกสารคือคนของซิตี้....แต่การจัดการจัดระเบียบภายในทำโดยทหาร ตั้งแต่ทางเข้ายันทางออก คอยอำนวยความเป็นระเบียบ ชี้ทางเดิน ช่องเข้าให้ ทุกอย่างเลยเป๊ะๆ เรียบร้อย เงียบมาก แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป

วันนี้ตัวเลขที่เขียนบอกไว้....ฉีดวันนี้วันเดียวที่จาวิทส์เซ็นเตอร์สี่พันคน....ฉีดแล้วก็จะได้บัตรรับรองการฉีดวัคซีน ซึ่งบัตรนี้ต่อไปก็ต้องพกติดตัว เป็นใบเบิกทางสำหรับการเดินทางไปในบางสถานที่ที่อนุญาตให้เข้าเฉพาะคนฉีดวัคซีนแล้ว....เงื่อนไขการดำเนินชีวิตเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง

แต่....การฉีดวัคซีนไม่ได้หมายความว่า ป้องกันไม่ให้ติดนะ ฉีดแล้วก็ยังติดได้...วัคซีนแค่ช่วยให้เราไม่ป่วยหนัก แต่เราก็ยังแพร่เชื้อให้คนอื่นได้อยู่ดีถ้าติดขึ้นมาทั้งที่มีวัคซีนแล้วก็เหอะ เพราะฉะนั้นหน้ากากติดหน้ากันต่อไป วัคซีนช่วยให้คนป่วยหนักน้อยลง ตายน้อยลง โรงพยาบาลไม่ต้องทำงานหนักกับโรคนี้....แต่มันจะไม่หายไปจากโลกนี้นะจ๊ะ

ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10221533088375959&id=1214452974

รร.นายเรือ ประกาศเลื่อนการสอบภาควิชาการ พร้อมการสอบรอบสองในการรับสมัคร และสอบคัดเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร หลังสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดหนัก

เมื่อวันที่ 15 เม.ย.พล.ร.ท.ไกรศรี เกษร ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ เปิดเผยว่า  ตามที่โรงเรียนนายเรือมีประกาศโรงเรียนนายเรือ ลงวันที่ 15 มกราคม 2564 เรื่อง รับสมัครบุคคลพลเรือนเพื่อสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพเรือ ประจำปีการศึกษา 2564 โดยได้กำหนดการสอบภาควิชาการ ในวันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และการสอบรอบสอง ระหว่างวันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม 2564 ถึง วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม 2564 นั้น เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน ยังพบว่ามีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) และมีผู้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวกระจายตัวออกไปหลายพื้นที่ทั่วประเทศ

ดังนั้น เพื่อเป็นการระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) และลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสดังกล่าวของผู้สมัครสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพเรือ ประจำปีการศึกษา 2564 โรงเรียนนายเรือ จึงขอเลื่อนการสอบภาควิชาการ และการสอบรอบสอง ออกไปก่อนโดยไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) จะคลี่คลาย      

ทั้งนี้ โรงเรียนนายเรือจะประกาศแจ้งวัน เวลา สถานที่สอบให้ทราบอีกครั้ง ทาง Internet ที่เว็บไซต์โรงเรียนนายเรือ http:/www.rtna.ac.th หรือเว็บไซต์กองทัพเรือ https:/www.navy.mi.th หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 024753995 , 0 24757435 ในระหว่างเวลา 08.00 - 16.00 น.  ทุกวันราชการ หรือ email : [email protected]

 

​​​​​​​สำนักนายกฯ ปรับช่องทางให้บริการรับเรื่องราวร้องทุกข์ ใช้ 4 ช่องทางรับเรื่อง ทางไปรษณีย์ -สายด่วน 1111- เว็บไซต์ www.1111.go.th -แอปพลิเคชัน (PSC 1111) ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19

เมื่อวันที่15 เม.ย.นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.)ได้ปรับเปลี่ยนช่องทางการให้บริการประชาชนเพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์ เนื่องจากปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ระลอกใหม่ ซึ่งมีผู้ติดเชื้อภายในประเทศเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากและกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้การควบคุมการแพร่ระบาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยคำนึงถึงคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

สปน.จึงขอปรับเปลี่ยนช่องทางการให้บริการรับเรื่องราวร้องทุกข์ และรับคำขอแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภค จากช่องทางที่ประชาชนต้องเดินทางมาด้วยตนเอง เป็นการให้บริการผ่าน 4 ช่องทาง ประกอบด้วย ตู้ไปรษณีย์ 1111 โทรศัพท์สายด่วนของรัฐบาล 1111 เว็บไซต์ www.1111.go.th และโมบายแอปพลิเคชัน (PSC 1111) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย.นี้ เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด-19 จะลดลง หากสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ จะได้แจ้งการเปิดให้บริการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชน ที่จุดบริการประชาชน 11111 ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ให้ทราบโดยเร็วต่อไป

นายธีรภัทร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการรับเรื่องราวร้องทุกข์และรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน โดยสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ทุกกระทรวงต้องรับฟังและเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้เร็วที่สุด ดังนั้น การปรับช่องทางการรับเรื่องราวร้องทุกข์และข้อคิดเห็นจากประชาชนทั้ง 4 ช่องทางนั้น สำนักนายกรัฐมนตรี จะดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้แล้วและจะเร่งรัดดำเนินการประสานงานทุกหน่วยงานในการแก้ไขปัญหาของประชาชนให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ตามแนวทางชีวิตวิถีใหม่เชิงรุก สำนักนายกรัฐมนตรีจะอยู่เคียงข้างและช่วยเหลือประชาชนทุกสถานการณ์

‘บิ๊กตู่’ กังวลโควิด แพร่ไม่หยุด เรียกถก ศบค.ขุดใหญ่พรุ่งนี้ เตรียมออกมาตรการชั้นสูงสุดป้องกัน หวั่น หลังสงกรานต์คนกลับจากภูมิลำเนาขยายวงกว้างอีก

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระรอกเดือนเมษายน ทำให้มีผู้ติดเชื้อในประเทศไทยขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งขณะนี้ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับจากภูมิลำเนาหลังเทศกาลสงกรานต์ ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความกังวล จะเกิดการแพร่ระบาดต่อเนื่อง ได้มีการพูดคุยและหารือกับกระทรวงสาธารณสุขและ ศบค. เตรียมกำหนดมาตรการเข้มงวดและประกาศใช้โดยเร่งด่วน ทั้งนี้ในเวลา 13.30 น. วันที่ 16 เมษายน 2564 นี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เรียกประชุม คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ครั้งที่ 5/2564 ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล

สำหรับการประชุม วาระแรกเป็นการรับรองรายงานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ครั้งที่ 4/2564 จากนั้นศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด - 19 กระทรวงสาธารณสุขรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ และที่น่าจับตาคือศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เสนอการยกระดับมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อโควิด - 19 ในการระบาดระลอกเมษายน 2564 และแผนการให้บริการวัคซีนโควิด - 19 ของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด - 19 ของกระทรวงสาธารณสุข

ทั้งนี้ ในที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ เตรียมออกประกาศและคำสั่งที่เกี่ยวข้อง อาทิ การประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 11), ประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ , การประกาศ เรื่อง การให้ข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ

นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 ที่ 4/2564   เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548

ในช่วงท้าย การประชุม กองบัญชาการกองทัพไทย จะเสนอแนะแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด - 19 ตามแนวชายแดน

กรมการขนส่งทางบก เตือน!!! รถโดยสารสาธารณะอย่าฉวยโอกาส ต้องให้บริการด้วยความเป็นธรรม และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ภาพรวมการเดินทางช่วงสงกรานต์พบว่าปริมาณการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะต่ำกว่าการคาดการณ์ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ประชาชนส่วนใหญ่จึงให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการงดเว้นการเดินทาง แต่สำหรับประชาชนที่มีความจำเป็นในการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ กรมการขนส่งทางบก ได้กำชับหน่วยงานในส่วนกลางและสำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่ง จัดผู้ตรวจการลงพื้นที่อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยตามสถานีขนส่งผู้โดยสาร จุดจอด รวมถึงจุดที่มีประชาชนเรียกใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ

 

ด้านความปลอดภัยให้ดำเนินการเข้มข้นรถโดยสารและพนักงานขับรถต้องมีความพร้อมสำหรับการบริการตามมาตรการด้านความปลอดภัย ปฏิบัติตามเงื่อนไขการเดินรถ ห้ามบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวนที่กำหนด ห้ามเรียกค่าโดยสารเกินอัตราที่กำหนด สภาพรถต้องมีความพร้อม และความปลอดภัยในการใช้งานบนท้องถนน พนักงานขับรถต้องไร้สารเสพติด แอลกอฮอล์ต้องเป็นศูนย์และขับรถไม่เกินชั่วโมงการทำงานตามที่กฎหมายกำหนด พบฝ่าฝืนลงโทษหนักทุกกรณี กรณีรถแท็กซี่ รถจักรยานยนต์สาธารณะ ปฏิเสธผู้โดยสาร ไม่ส่งผู้โดยสารตามสถานที่ที่ได้ตกลงกันไว้ แสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ ไม่ใช้มาตรค่าโดยสาร ใช้รถป้ายดำรับส่งผู้โดยสารปรับสูงสุดทุกกรณี และหากเป็นการกระทำความผิดซ้ำซาก ความผิดอาญา กระทำอนาจาร ทำลายภาพลักษณ์ประเทศ ลงโทษพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถทันที

 

พร้อมกำชับมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในรถโดยสารสาธารณะ และสถานีขนส่งผู้โดยสารให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันขั้นสูง เพื่อให้การเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะของประชาชนปลอดภัย ห่างไกลจากโควิด จัดให้มีมาตรการคัดกรองผู้โดยสารและตรวจวัดอุณหภูมิ ตรวจคัดกรองพนักงานขับรถและผู้ให้บริการ เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสภายในรถ ภายในสถานีขนส่งผู้โดยสาร งดการให้บริการอาหารบนรถในระหว่างการเดินทาง กำกับดูแลให้พนักงานขับรถ ผู้ให้บริการ สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดการเดินทาง และดูแลให้ผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดการเดินทาง

 

.

 

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการขนส่งทางบกมีศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน 1584 ชั่วคราว ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารทุกแห่งทั่วประเทศ และเพิ่มจำนวนคู่สายโทรศัพท์สายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับเรื่องร้องเรียนและให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท ตามนโยบายของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ทั้งนี้ ขอเน้นย้ำผู้ประกอบการขนส่ง และพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท ต้องให้บริการด้วยมาตรฐานคุณภาพ สะดวก ปลอดภัย และเป็นธรรม ทั้งนี้ หากประชาชนพบรถโดยสารสาธารณะเอาเปรียบสามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1584 หรือศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน 1584 ในช่วงเทศกาล ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารทุกแห่งทั่วประเทศ, ผ่านทางเว็บไซต์ที่ http://ins.dlt.go.th/cmpweb/, ผ่านทาง E-mail ที่ [email protected], เฟซบุ๊ก ชื่อ “ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน 1584”, LINE @1584dlt


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top