Monday, 12 May 2025
NewsFedd

สภากาชาดไทยผนึกกำลัง 'รัฐ -​ เอกชน'​ ให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้าน (Home Isolation)

จากสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวนมาก ทำให้การบริการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลไม่เพียงพอต่อการดูแล สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จึงได้เปิดระบบดูแลผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเขียวที่บ้าน (Home Isolation: HI) แต่เนื่องจากมีผู้ลงทะเบียนเป็นจำนวนมาก ทำให้พบว่ายังคงมีบางส่วนที่ลงทะเบียนแล้วแต่ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งผู้ป่วยบางส่วนที่รอการติดต่อเป็นระยะเวลานาน กลายเป็นผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดงและบางส่วนก็เสียชีวิตแล้ว

สภากาชาดไทย โดยสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ เล็งเห็นความสำคัญในส่วนนี้ จึงประสานความร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 (ศบค.) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข สำนักอนามัย ศูนย์เอราวัณ แพทยสภา กรุงเทพมหานคร และทีมอาสาสมัครภาคเอกชน ผนึกกำลังร่วมดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้าน (Home Isolation) หลังลงทะเบียนในระบบ Home Isolation ในกรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ และปทุมธานี และได้ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการ Home Isolation กับ สปสช.

ทั้งนี้ สปสช. สภากาชาดไทย ร่วมกับทีมงานจิตอาสา เช่น Let’s be heroes หมอริทช่วยโควิด Thai CoCare HICV และอาสาสมัครของสภากาชาดไทยเอง ได้รับผู้ป่วยมาอยู่ในการดูแลในเบื้องต้น จำนวน 3,163 ราย ซึ่งผู้ป่วยจำนวนดังกล่าว ได้ลงทะเบียนในระบบ Home Isolation แล้ว โดยมีสถานีกาชาดที่ 11 วิเศษนิยม กรุงเทพฯ เป็นผู้ประสานงานหลักกับ สปสช. ในการให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้าน ซึ่งหลังจากผู้ป่วยผ่านการติดต่อประสานงาน ประเมินและคัดกรองอาการแล้ว ผู้ป่วยจะได้รับการประเมินอาการทางโทรศัพท์วันละ 2 ครั้ง (Telemedicine) อาหาร 3 มื้อ ปรอทวัดไข้แบบดิจิตอล เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ยา Favipiravir ยาฟ้าทะลายโจร และยาพื้นฐานอื่นๆ โดยด่วน

ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม – 5 สิงหาคม 2564  สำนักงานบรรเทาทุกข์ฯ สภากาชาดไทย ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้าน (Home Isolation) ตามการประเมินและคัดกรองอาการของผู้ป่วยดังนี้... 

1. ลงทะเบียนผู้ป่วยและรับเข้าระบบรักษาพยาบาล จำนวน 3,163 ราย

2. ประเมินอาการทางโทรศัพท์วันละ 2 ครั้ง (Telemedicine) โดยทีมแพทย์ พยาบาลอาสาสมัคร จาก Let’s be heroes หมอริทช่วยโควิด Thai CoCare HICV และอาสาสมัครของสภากาชาดไทย จำนวน 2,778 ราย

3. ส่งชุดอาหารพร้อมรับประทาน จำนวน 1,600 ราย ถึงบ้านผู้ติดเชื้อโควิด-19 เบื้องต้นก่อนที่จะได้รับอาหารกล่อง

4. ส่งอาหารกล่อง 3 มื้อ จำนวน 1,383 ราย ถึงบ้านผู้ติดเชื้อโควิด-19 ตลอดระยะเวลา Home Isolation

5. ส่งปรอทวัดไข้แบบดิจิตอล จำนวน 1,012 ราย ถึงบ้านผู้ติดเชื้อโควิด-19

6. ส่งเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว.จำนวน 868 ราย ถึงบ้านผู้ติดเชื้อโควิด-19

7. ส่งยา Favipiravir และยาอื่น ๆ จำนวน 1,400 ราย ถึงบ้านผู้ติดเชื้อโควิด-19

โดยมีอาสาสมัครจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกสภากาชาดไทย ได้ให้การสนับสนุนงานด้าน Telemedicine โทรศัพท์คัดกรองข้อมูลผู้ป่วย และจัดส่งอาหาร ยา เวชภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการติอต่อ ดูแล และรักษาพยาบาลได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

‘ศักดิ์สยาม’ คิกออฟรถเมล์ EV สาย 38 และ 48 เติมอากาศบริสุทธิ์ ช่วยสังคม กทม.ไร้มลพิษ

‘ศักดิ์สยาม’ เปิดตัว รถโดยสารพลังงานไฟฟ้าสาย 38 และสาย 48 ช่วยคนกรุงใช้บริการทันสมัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หลังกลุ่มบริษัทไทย สมายล์ กรุ๊ป จับมือกับ สมาร์ทบัส เปลี่ยนรถเมล์ NGV เป็น EV 100%

(30 ม.ค. 66) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิด ให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าสาย 38 เส้นทางมหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตบางนา – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และสาย 48 เส้นทางมหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตบางนา – ท่าช้าง ภายใต้แนวคิด Thai Smile Bus Change For The Better เปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า ณ ไทย สมายล์ บัส สาขา รามคำแหง 2

ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้แสดงความเชื่อมั่นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของระบบขนส่งมวลชนไทย ทั้งการเปลี่ยนรถโดยสาร NGV ของบริษัท สมาร์ทบัส จำกัด มาเป็นรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ของกลุ่มบริษัท ไทย สมายล์ กรุ๊ป พร้อมทั้งเปลี่ยนระบบการเก็บค่าโดยสารจากตั๋วแบบกระดาษ มาเป็น HOP CARD ซึ่งเป็นบัตรโดยสารอิเล็คทรอนิคส์ สำหรับใช้ในโครงข่ายรถและเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ของ ไทย สมาย กรุ๊ป ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่พี่น้องประชาชนให้มีความทันสมัย สะดวกสบาย ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของกลุ่มบริษัท ไทย สมายล์ กรุ๊ป เปิดเผยว่าปัจจุบัน ไทย สมายล์ กรุ๊ป กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า (Change For The Better) ประการแรก คือ ไทย สมายล์ กรุ๊ป ได้ผนึกกำลังกับ บริษัท สมาร์ทบัส จำกัด และจะทำการเปลี่ยนรถโดยสาร NGV ของสมาร์ทบัส ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ให้กลายเป็นรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า 100% และประการที่สอง คือ ไทย สมายล์ กรุ๊ป จะยกเลิกการใช้ตั๋วแบบกระดาษ เปลี่ยนไปใช้ HOP Card ชำระค่าโดยสารตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป 

นอกจากจะเป็นการอำนวยความสะดวกแก่พี่น้องประชาชนด้วยระบบสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ผู้โดยสารที่ใช้ HOP Card ยังสามารถใช้แพ็คเกจ เดลิ แมกซ์ แฟร์ (Daily max fare) ทั้ง 2 แพ็คเกจ คือ แพ็คเกจที่หนึ่ง เหมาจ่ายค่าโดยสารไม่เกิน 40 บาทต่อวัน โดยไม่จำกัดสาย และไม่จำกัดจำนวนเที่ยว ในโครงข่ายรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ไทย สมายล์ กรุ๊ป กว่า 120 เส้นทาง แพ็คเกจที่สอง เหมาจ่ายค่าโดยสารไม่เกิน 50 บาทต่อวัน โดยไม่จำกัดสาย และไม่จำกัดจำนวนเที่ยวต่อวัน ในโครงข่ายรถและเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า ไทย สมายล์ กรุ๊ป 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top