Tuesday, 14 May 2024
NewFeed

ราคา ‘กาแฟ’ ทั่วโลกเตรียมพุ่ง หลัง ‘บราซิล’ ผลิตได้ลดลง เซ่นโลกร้อน

จากสภาพอากาศเลวร้ายแบบสุดขั้วที่กำลังเกิดขึ้นในโลก เริ่มส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตเมล็ดกาแฟในประเทศผู้ผลิตชั้นนำบางแห่งอย่างเด่นชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ‘บราซิล’

ยิ่งไปกว่านั้น ผลกระทบสืบเนื่องจากผลผลิตกาแฟที่ลดลงในบราซิล ซึ่งเป็นผู้ปลูกที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงเป็นประเทศที่ส่งออก กาแฟมากที่สุดในโลก ก็อาจจะทำให้ราคากาแฟทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ภายหลังจากสภาพอากาศเลวร้ายที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว รวมถึงต้นทุนปุ๋ย และพลังงานที่ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้เมื่อปีที่แล้ว บราซิลประสบกับ ‘ภัยแล้ง’ และ ‘ปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง’ ส่งผลให้ปริมาณการผลิตกาแฟในประเทศรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (ช่วงก.ค.64-65) อยู่ที่ 35.7 ล้านถุง น้อยกว่าในช่วงเดียวกันเมื่อสองปีที่แล้ว ที่ผลิตได้มากถึง 48.7 ล้านถุง

จากผลผลิตที่ลดลง กระทบต่อราคากาแฟที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีราคาอยู่ที่ 2.59 ดอลลาร์ต่อปอนด์ แพงกว่าปีที่แล้วถึง 18.06% แม้ราคาจะเริ่มลดลงมาบ้าง แต่ก็ยังอยู่ที่ค่าเฉลี่ยราว 2.23 ดอลลาร์ต่อปอนด์ 

อ.ปราโมทย์ เตือน!! พายุโนรู ไม่ธรรมดา!! คาด!! สภาพ กทม. อาจท่วมแบบปี 38

พายุโนรู ภัยพิบัติครั้งนี้ไม่ธรรมดา ต้องตื่นตัว!! หน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดับพื้นที่ต้องเร่งสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้พร้อมรับมือ พร้อมเตือนประชาชนในภาคอีสานที่อาศัยอยู่แนวพายุเตรียมยกของขึ้นที่สูง ส่วนคนกรุงมีลุ้น!! เสี่ยงน้ำท่วมเหมือนปี 2538 จากผลกระทบของพายุโนรู

หลังจาก ‘พายุไต้ฝุ่นโนรู’ ซึ่งพัดเข้าประเทศเวียดนามไปเรียบร้อย และส่งผลกระทบให้เกิดลมแรง ฝนตกหนัก จนประชาชนหลายแสนคนต้องเร่งอพยพด่วนนั้น ล่าสุดพายุโนรู กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยในวันที่ 29 กันยายน 2565 จากการพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา 

คำถาม คือ ไทยจะลดผลกระทบและความสูญเสียโดยภาพรวมจากพายุโนรูได้มากน้อยเพียงใด ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้สัมภาษณ์ อาจารย์ปราโมทย์ ไม้กลัด ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ถึงการรับมือภัยพิบัติจาก พายุโนรู ในครั้งนี้ โดยอาจารย์ปราโมทย์ได้แสดงความคิดเห็นว่า…

‘พายุโนรู’ ที่เคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยในครั้งนี้ ถือเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ไม่เคยเกิดขึ้นบ่อยนัก โดยส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเร่งด่วน ทำให้เตรียมตัวในการรับมือไม่ทัน อีกทั้งการสื่อสารมักไม่ถึงประชาชนอย่างทันท่วงที จนทำให้ผู้คนไม่เข้าใจถึงขั้นตอนในการเตรียมตัวรับมือพายุว่าจะต้องทำอย่างไร หรือเป็นไปในทิศทางไหน

“ปัจจุบันหน่วยงานต่าง ๆ หรือสื่อมวลชน ต่างนำเสนอแต่การเกิดของพายุ หรือแม้แต่เรื่องเส้นทางของพายุ โดยไม่ได้อธิบายว่า ประชาชนควรทำอย่างไร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ เช่น ระดับจังหวัด, ระดับอำเภอ หรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรนำข้อมูลพายุที่รับทราบมาขยายความ เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้เข้าใจเรื่องภัยพิบัติอย่างไรให้มากขึ้น”

เรื่องนี้ อ.ปราโมทย์ จึงได้ให้ข้อแนะนำแก่ประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่อีสานไว้แบบเร่งด่วนว่า “พายุที่เข้ามานี้ มันทั้งด่วนและรวดเร็วมาก ฉะนั้นชุมชนต้องรวมตัวกัน และชาวบ้านต้องมีผู้นำที่มีความเข้าใจสภาพพื้นที่เป็นอย่างดี ที่จะบอกได้ว่าจุดไหนน้ำท่วม จุดไหนน้ำไม่ท่วม เมื่อพายุมาจะสามารถเก็บข้าวของเครื่องใช้ไว้ที่สูงได้ทันการณ์ อย่างประชาชนที่อาศัยในลุ่มน้ำภาคอีสานทั้งหมดไม่ว่าลุ่มน้ำเล็กหรือใหญ่ ก็ต้องเตรียมตัวได้ทันทีภายใต้ชุมชนที่ต้องร่วมปรึกษาและแก้ไขปัญหาด้วยกัน”

ในด้านของกรุงเทพฯ จะได้รับผลกระทบจากพายุโนรูในครั้งนี้หรือไม่? อ.ปราโมทย์ กล่าวว่า “อาจจะไม่ส่งผลกระทบตรงมาถึงโดยตรง แต่กรุงเทพฯ จะได้รับผลกระทบจากพายุฝนที่ตกหนักแบบข้ามวันข้ามคืน ขณะเดียวกันก็จะได้รับผลกระทบจากน้ำที่รวมตัวมาจากแม่น้ำปิง, แม่น้ำวัง, แม่น้ำยม, แม่น้ำน่าน และแม่น้ำป่าสัก ซึ่งไม่รู้ว่ามีมวลน้ำรวมตัวกันมาเท่าไร เพราะแนวทางพายุโนรูพัดผ่านมาทางภาคอีสาน เคลื่อนผ่านชัยภูมิ, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, กำแพงเพชร, ตาก และเข้าสู่ประเทศพม่า ซึ่งพายุโนรูได้เคลื่อนตัวผ่านสายน้ำหลักที่รวมตัวเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อพายุพัดเข้าสู่เพชรบูรณ์ แม่น้ำป่าสักก็ต้องรับน้ำเต็มที่ และไหลลงมาด้านล่างที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่ดักน้ำไว้ และเมื่อเขื่อนมีการปล่อยน้ำออกมา น้ำก็จะไปรวมตัวที่พระนครศรีอยุธยา คาดว่าจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน

‘ชัยวุฒิ’ รุด ‘สมุย’ ตรวจสถานีพยากรณ์อากาศ พบเสียหายนับ 10 ปี และฝืนตั้งสถานีบนที่ราบ

‘ชัยวุฒิ’ ลงพื้นที่สมุย ตรวจ สถานีเรดาร์ พยากรณ์อากาศ หลังชาวบ้านร้องเรียน เสียนานนับ 10 ปี พบพิรุธ ฝืนตั้งสถานีบนที่ราบทั้งที่รู้ว่าใช้งานไม่ได้ ส่อทุจริต เร่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ 

(23 ม.ค.66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม นำคณะลงพื้นที่เกาะสมุย ตรวจสถานีเรดาร์ ตรวจอากาศ หลังจากที่ชาวบ้านร้องเรียนว่าไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งการลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งนี้ เนื่องจากเรดาร์เป็นหัวใจสำคัญของการตรวจสอบ เมฆฝน พายุ จึงปัจจัยสำคัญในการพยากรณ์อากาศ และแจ้งเตือนประชาชน โดยสถานีแห่งนี้ ก่อสร้าง และ ติดตั้งอุปกรณ์ ตั้งแต่ปี 2553 และ ระหว่างใช้งานก็เสียหายต่อเนื่อง จนกระทั้ง ปี 2556 ต้องหยุดใช้งาน เพราะหมดอายุประกัน ทำให้ไม่มีเรดาร์บนเกาะสมุยตรวจอากาศในอ่าวไทยจนถึงปัจจุบัน และการลงพื้นที่ครั้งนี้จะก็หาแนวทางแก้ไข 

นายชัยวุฒิ ยอมรับว่า ตั้งแต่รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ไม่เคยได้รับรายงานเรื่องนี้ จนกระทั่งมาตรวจสอบงบประมาณการจัดซื้อเรดาร์ ถึงพบปัญหา จึงให้ตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีที่ไหนเสียหายอีกบ้างเพื่อแก้ไข

ไทย รับมอบวัคซีนโควิดรุ่นใหม่จากเกาหลีใต้กว่า 5 แสนโดส เตรียมฉีดเป็นเข็มกระตุ้น จนท.ด่านหน้า ปลาย ก.พ.นี้

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รับมอบวัคซีนไฟเซอร์ bivalent จำนวน 501,120 โดส จากรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลี ในโอกาสครบรอบ 65 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เกาหลี เตรียมจัดสรรให้ทุกจังหวัดและกรุงเทพมหานคร สิ้นเดือน ก.พ. นี้ ใช้ฉีดเป็นเข็มกระตุ้นในเจ้าหน้าที่ด่านหน้า อาสาสมัครสาธารณสุขกลุ่ม 608  ที่เสี่ยงเกิดอาการป่วยรุนแรง

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข รับมอบวัคซีนโควิด 19 รุ่นใหม่ ไฟเซอร์ bivalent จำนวน 501,120 โดส จากรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลี 

โดยมี นาย มุน ซึงฮยอน (Moon Seoung-hyun) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทย นาย จอน โจยอง (Jeon Joyoung) อัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี ประจำประเทศไทย และคณะ เป็นผู้แทนส่งมอบ นายอนุทิน กล่าวว่า ในนามรัฐบาลไทย และกระทรวงสาธารณสุข ขอขอบคุณรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีที่มีความปรารถนาดีให้กับประเทศไทยเสมอมา รวมทั้งความร่วมมือด้านสาธารณสุขในการแก้ไขสถานการณ์โรคโควิด 19

โดยสาธารณรัฐเกาหลีเคยสนับสนุนวัคซีนแอสตราเซนเนก้าให้กับไทยเป็นครั้งแรก เมื่อเดือนตุลาคม 2564 จำนวน 470,000 โดส ช่วยลดการป่วยหนักและเสียชีวิตให้กับคนไทยและคนเกาหลีที่ทำงานและอาศัยอยู่ในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี สำหรับวัคซีนที่สนับสนุนเป็นครั้งที่ 2 ในครั้งนี้ เป็นวัคซีนรุ่นใหม่ของไฟเซอร์ ชนิด bivalent ซึ่งจะเป็นล็อตแรกของประเทศไทยที่จะนำมาใช้สร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้กับกลุ่มเสี่ยงและประชาชน

ล้างคอรอดู!! ‘ตรีชฎา’ โว!! นโยบาย พท. ทำคนลืมบัตรคนจนได้แน่ สวน ‘ทิพานัน’ อย่าดิสเครดิต พท.ล้มบัตรสวัสดิการ

(10 มี.ค.66) น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีที่ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ และสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้ข่าวพาดถึงพรรคพท.ทำนองว่าคนเป็นผู้นำไม่ใช่แค่หาเงินเป็นอย่างเดียว แต่ต้องรักษาเงินเป็นและต้องไม่โกงว่า หาก น.ส.ทิพานันทำหน้าที่ทีมโฆษกรัฐบาลได้ดี ไม่บกพร่อง เหมือนกับโฆษกคนอื่นๆ แถลงข่าวที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน คงจะดีและคุ้มค่ากับภาษีของพี่น้องประชาชนมากกว่านี้ แต่ประโยคที่ น.ส.ทิพานัน พยายามจะสื่อเพื่อเอาใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะกลายเป็นภาพที่จำติดตาว่า การทำหน้าที่รองโฆษกรัฐบาลครั้งสุดท้าย ผลงานที่เห็นเป็นประจักษ์ คือการสรรเสริญเยินยอ พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้นใช่หรือไม่

น.ส.ตรีชฎา กล่าวต่อว่า น.ส.ทิพานันอย่าพยายามกล่าวหาผู้อื่นว่าโกง เพราะการโกงที่แย่ที่สุด คือการโกงอำนาจจากประชาชนใช่หรือไม่ การที่พล.อ.ประยุทธ์ทำรัฐประหาร น.ส.ทิพานันคิดว่าเป็นการปล้นอำนาจหรือไม่ การรัฐประหารมีความผิดฐานกบฎ มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต หากไม่มีความผิดจะเขียนนิรโทษกรรมทำไม การรัฐประหารคือต้นเหตุของความขัดแย้งในหลายปีที่ผ่านมา น.ส.ทิพานันยังพาดพิงไปถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่าว้าเหว่ โดดเดี่ยว ขาดความอบอุ่น การกล่าวเช่นนี้นึกถึงสำนวนไทย สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล หากเป็นคนว้าเหว่โดดเดี่ยวจริง เหตุใดยังมีประชาชนรักและคิดถึงจนถึงทุกวันนี้ ขณะที่คนที่อยู่ในประเทศมา 8 ปี จนสื่อตั้งฉายา 8 ปีที่แปดเปื้อน คนกลับเอือมระอา น.ส. ทิพานันไม่ต้องห่วงนายทักษิณ ไปห่วง พล.อ.ประยุทธ์เมื่อพ้นตำแหน่งดีกว่า เกรงว่าจะเดินบนถนนเหมือนปกติชนได้หรือไม่ 

"เชียงราย"ฉก.ทัพเจ้าตาก จัดกิจกรรมโครงการหมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนานตามแนวชายแดน ไทย - เมียนมา"

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 เวลา 09.00 นาฬิกา พลตรี ศุภฤกษ์ สถาพรผล ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง พร้อมด้วย พันเอก ณฑี ทิมเสน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก, นายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่อำเภอแม่สาย เข้าร่วมกิจกรรมโครงการหมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนานตามแนวชายแดน ไทย - เมียนมา ซึ่งจัดโดย หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก ร่วมกับอำเภอแม่สาย และหน่วยงานในพื้นที่

โดยโครงการฯ ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเจ้าหน้าที่ และราษฎรของทั้งสองประเทศ ร่วมกันแก้ปัญหาภัยคุกคามความมั่นคงในเรื่องยาเสพติด การค้ามนุษย์ อาชญากรรมข้ามชาติ แรงงานผิดกฎหมาย สร้างชุมชนให้เข้มแข็ง มีความเชื่อมโยงทางด้านชาติพันธุ์ ชนเผ่า และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ระหว่างกัน อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรให้ดีขึ้นอีกด้วย

โดยวันนี้ได้จัดกิจกรรม ในคู่หมู่บ้านระหว่าง บ้านป่าแดง ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย กับ บ้านดินดำ เมืองพง จังหวัดท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ณ จุดผ่อนปรนการค้า ท่าดินดำ บ้านป่าแดงฯ

กิจกรรมที่จัดขึ้น ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการของส่วนราชการ, กิจกรรมตลาดวิถีชุมชนภูมิปัญญาท้องถิ่น, การแสดงศิลปวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้าน, กิจกรรมปล่อยปลา, การแข่งขันกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ และการให้บริการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ โดยบรรยากาศของกิจกรรม ผู้เข้าร่วมกิจกรรมของทั้ง 2 ประเทศ มีความสุขสนุกสนาน มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน พร้อมจะให้ความร่วมมือกันในทุก ๆ ด้าน

สันติ วงศ์สุนันท์/ผู้สื่อข่าวเชียงราย

ผบช.ภ.5 สั่งจับชาวจีนพร้อมแก๊งหลอกทำบุญออนไลน์ กลางเมืองเชียงราย

ตามนโยบายของ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ในเรื่องการปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตำรวจภูธรภาค 5 โดย พล.ต.ท. ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 ได้นำนโยบายมาสู่การปฏิบัติ

โดยเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาได้รวม 12 คน ซึ่งกระทำความผิดหลอกลวงผู้อื่นทางอินเตอร์เน็ตได้ที่อาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย 

สำหรับการจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 ได้สั่งการให้ บก.สส.ภ.5 ทำการสืบสวนเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ภ.5 ต่อมา บก.สส.ภ.5 ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มคนมีพฤติกรรมรับสมัครพนักงานทำงานในลักษณะหลอกลวงเอาทรัพย์สินของผู้อื่น โดยใช้อาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงรายเป็นสถานที่ทำงาน 

ต่อมาวันที่ 3 มิ.ย.66  เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดเชียงรายเพื่อเข้าตรวจค้นที่อาคารหลังดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบ  คนไทย จำนวน 8 คน ทำหน้าที่เป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์และมีหน้าที่ทำเฟซบุ๊กปลอมแชทกับเหยื่อ คนไทย จำนวน 1 คน เป็นผู้จัดการ/ล่าม และ คนจีน จำนวน 1 คน เป็นนายจ้างคอยสั่งการและตรวจสอบไม่มีเอกสารหนังสือเดินทาง จึงได้ทำการตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ และจับกุมผู้กระทำความผิดนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้ ผู้ต้องหากลุ่มนี้มีรูปแบบในการกระทำความผิด คือ คนจีนจะให้พนักงานคนไทย สมัครเฟซบุ๊กปลอม ให้มีโปรไฟล์ดี หน้าตาดี และทำกลุ่มในโปรแกรมเฟซบุ๊กชื่อ ทำบุญออนไลน์ และเพจทัวร์บุญ พนักงานคนไทยจะใช้โปรไฟล์ปลอมเข้าไปคุย ไปกดไลด์ในกลุ่มดังกล่าว เพื่อเป็นการล่อเหยื่อคือบุคคลทั่วไปที่เข้ามาเกิดความเชื่อถือ และพูดคุยกับเหยื่อในแนวทางชู้สาวจนสนิทใจกันแล้ว จะหลอกเหยื่อที่เข้ามาคุย ให้โอนเงินทำบุญตามสถานที่ต่างๆ และให้ดาวโหลดแอพพลิเคชั่น APP.SHAOXIANG.CFD ซึ่งมีการเอาภาพสถานที่ศักดิ์สิทธิต่างๆในจังหวัดเชียงรายเอามาใส่ในแอพพลิเคชั่น เพื่อหลอกให้คนทำบุญออนไลน์ด้วย และจากนั้น จะหลอกคุยกับเหยื่อเรื่อยๆ เพื่อหลอกให้โอนเงินเข้าแอพพลิเคชั่น โดยผ่านบัญชีธนาคาร(บัญชีม้า) ซึ่งจะมีคนจีนคอยใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมดูแลหลังบ้านของแอพพลิเคชั่นดังกล่าว 
         
สำหรับความผิดของผู้ต้องหากลุ่มนี้ เป็นความผิดฐาน ซ่องโจร,ฉ้อโกงประชาชน และ นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ส่วนคนจีนที่เป็นนายจ้างไม่มีหลักฐานการเดินทางเข้าประเทศไทยนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากพบว่าได้เข้าประเทศมาโดยผิดกฎหมายจะถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมและนำส่ง ตม.เพื่อผลักดันตามกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการขยายผลการจับกุมสู่ผู้รับจ้างเปิดบัญชีม้า ซิมโทรศัพท์ม้า ผู้ให้การช่วยเหลือ ผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด และผู้สั่งการต่อไป

‘ซาอุฯ’ หวังร่วมมือกับ ‘จีน’ ไม่ขอเป็นคู่แข่ง ลุยลงทุน 'ด้านการค้า-พลังงานหมุนเวียน'

📌 (12 มิ.ย. 66) เจ้าชายอับดุลอาซิซ บิน ซัลมาน รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยว่า ซาอุดีอาระเบียต้องการความร่วมมือกับจีนให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ในด้านการลงทุนทางการค้าและการไหลเวียนของพลังงาน แทนที่จะแข่งขันกับจีน โดยรับรู้ถึงความเป็นจริงในปัจจุบันว่าขณะนี้จีนกำลังนำอยู่ และจะยังคงเป็นผู้นำต่อไป จึงไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับจีน โดยได้กล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี ระหว่างการประชุมธุรกิจอาหรับ-จีน เมื่อวันอาทิตย์ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา

เจ้าชายบิน ซัลมาน ได้กล่าวเสริมว่า การทำงานกับจีนนั้นมีคุณค่า เพราะจีนเป็นผู้นำในการหาโรงงานผู้ผลิตที่เหมาะสม โดยเฉพาะในด้านพลังงานหมุนเวียน และจะไม่กลับไปเล่นเกมที่มีฝ่ายใดเป็นผู้ได้หรือเสียอีก

เมื่อต่อข้อคำถาม ทำไมซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกโอเปกจึงได้มุ่งความสนใจไปที่จีน

เจ้าชายบิน ซัลมาน เชื่อว่าอุปสงค์ด้านน้ำมันของจีนยังคงเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นเรื่องสำคัญที่ซาอุดีอาระเบียจะต้องคว้าโอกาสนี้ไว้

ทั้งนี้ จีนเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก และซาอุดีอาระเบียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันให้จีนมากที่สุดในเดือนเมษายน แม้ว่าน้ำมันรัสเซียที่ถูกคว่ำบาตรจะราคาถูกกว่าก็ตาม

และในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัทซาอุดี อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ได้ประกาศข้อตกลงโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ 2 ฉบับ ซึ่งจะส่งออกน้ำมัน 690,000 บาร์เรลต่อวัน ให้กับบริษัทหร่งเซิง ปิโตรเคมิคอล (Rongsheng Petrochemical) และบริษัทเจ้อเจียง ปิโตรเคมิคอล (Zhejiang Petrochemical) โดยข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2565 ที่ผ่านมา

นี่ไม่ได้หมายความว่าซาอุฯ จะไม่ร่วมมือกับประเทศอื่น ยังมีประเทศกลุ่มประเทศอื่นที่ซาอุดีอาระเบียมีความสัมพันธ์ทางการค้าด้วย ไม่ว่าจะเป็นยุโรป เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหรัฐ และลาตินอเมริกา

อย่างไรก็ตาม การประชุมในกรุงริยาดนั้น จัดขึ้นท่ามกลางความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการทูตของจีนและซาอุดีอาระเบียที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในขณะเดียวกันจีนและซาอุดีอาระเบียมีความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับชาติตะวันตก
 

" สตูล ศรชล.ภาค 3 บูรณาการตรวจเรือในทะเลร่วมกับหน่วยงานรัฐในพื้นที่จังหวัดสตูล ”

ที่ สถานีเรือละงู ตำบลแหลมสน อำเภอละงู จังหวัดสตูล พล.ร.ท.อาภากร อยู่คงแก้ว ผอ.ศรชล.ภาค 3 เป็นประธานในพิธีเปิดการปฏิบัติการบูรณาการตรวจเรือในทะเลพื้นที่ จังหวัดสตูลพร้อมด้วย พล.ร.ต.สุชาติ เปรมประเสริฐ รอง ผอ.ศรชล.ภาค 3 และคณะฯ เดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติการตรวจสอบพื้นที่เพื่อเพิ่มแระสิทธิภาพ พื้นที่ จังหวัดสตูล โดยมีน.อ.ณฐพงศ์  เศวตรักต  ผบ.มว.เรือ ศรชล.ภาค 3 กล่าวรายงานและนายชาตรี  ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วย น.อ.แสนย์ไท บัวเนียม รอง ผอ.ศรชล.จว.สตูล (ผบ.หน่วย เฉพาะกิจพื้นที่ด้านใต้)และหัวหน้าส่วนราชการร่วมให้การต้อนรับพลเรือโท อาภากร อยู่คงแก้ว ผู้อํานวยการ ศรชล. ภาค 3และคณะ

ทั้งนี้ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3ได้จัดชุดตรวจเรือเคลื่อนที่ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานรัฐของ ศรชล.ภาค 3 นั้นกำหนดบูรณาการตรวจเรือในทะเลร่วมกับหน่วยงานรัฐในพื้นที่ จังหวัดสตูลโดยมี พล.ร.ต.สุชาติ เปรมประเสริฐ  รอง ผอ.ศรชล.ภาค 3 เป็นหัวหน้าชุด พร้อมกำลังทางเรือในบัญชีกำลังหมวดเรือเฉพาะกิจ ศรชล.ภาค 3พร้อมกำลังพลประกอบด้วย ร.ล.ประจวบคีรีขันธ์ , เรือ ต.996 เรือ ต.273  เรือ ตรน.520  เรือตรวจการณ์เจ้าท่า 188 เรือศุลกากร 701 เรือตรวจประมงทะเล 329 และกำลังพลจากศรชล.จังหวัดสตูล, ศคท.จังหวัดสตูล หน่วยงานรัฐพื้นที่ จังหวัดสตูล และชุดสหวิชาชีพ รวมทั้งสิ้นจำนวน 40 นาย

พล.ร.ท.อาภากร อยู่คงแก้ว ผอ.ศรชล.ภาค 3 กล่าวว่าวัตถุประสงค์การบูรณาการในครั้งนี้ เพื่อให้เรือในหมวดเรือเฉพาะกิจ ศรชล.ภาค 3 ในเขตพื้นที่ จังหวัดสตูล มีความพร้อมทั้งในด้านองค์บุคคล องค์วัตถุ และองค์ยุทธวิธี อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติภารกิจของเรือร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐให้ดียิ่งขึ้น ในการป้องปรามการกระทำความผิดทางทะเล และภัยคุกคามในพื้นที่ทางทะเลของ จังหวัดสตูล

นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดสตูล

การประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ ๕ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖

วันอังคารที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๐.๑๕ นาฬิกา กองบัญชาการกองทัพไทย จัดการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ ๕ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖ โดยมี พลเอก เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน พร้อมด้วย ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น ๒ อาคาร ๑ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

ในโอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้มอบนโยบายให้เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖ อย่างเต็มขีดความสามารถและสมพระเกียรติ พร้อมทั้งปลูกฝังกำลังพลทุกนาย ให้มีความจงรักภักดี ปกป้อง พิทักษ์รักษา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนให้ทุกหน่วยบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ในการเสริมสร้างความมั่นคง ความปลอดภัย และความสงบสุขให้กับประชาชนในประเทศ 

ในวันนี้ ที่ประชุมฯ ได้รับทราบผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ และแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพในด้านต่าง ๆ ดังนี้ 

กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ชี้แจงแนวทางดำเนินการด้านการพัฒนาประเทศเพื่อความมั่นคงและช่วยเหลือประชาชนของกองทัพไทย โดยด้านการพัฒนาประเทศในปัจจุบัน ยึดถือตามนโยบายและแผนความมั่นคงที่ ๑๗ การเสริมสร้างความมั่นคงเชิงพื้นที่ของนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๖๖-๒๕๗๐ รวมถึงแนวทางการบริหารจัดการเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงเชิงพื้นที่ พ.ศ.๒๕๖๖-๒๕๗๐ ของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งกองบัญชาการกองทัพไทย มีกลไกการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ กรมกิจการชายแดนทหาร รับผิดชอบงานด้านการจัดระบบป้องกันและการสื่อสาร เพื่อจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน รวมถึงการรักษาความมั่นคงชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน และหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา รับผิดชอบงานด้านการพัฒนาประเทศร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน สำหรับการช่วยเหลือประชาชน เมื่อเกิดภัยพิบัติ มีศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกระทรวงกลาโหม เป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับทุกภาคส่วน โดยกองทัพไทย มีศูนย์บัญชาการทางทหาร ทำหน้าที่ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพไทย รับผิดชอบด้านการอำนวยการ ประสานงาน สั่งการ และกำกับดูแลการปฏิบัติของศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบัญชาการกองทัพไทย และศูนย์บรรเทาสาธารณภัยเหล่าทัพ เพื่อให้การเตรียมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่รับผิดชอบ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทันต่อสถานการณ์ 

กองทัพบก ได้ชี้แจงแนวทางการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในสถานการณ์ภัยพิบัติ โดยได้เตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างและแผนปฏิบัติการ ด้วยการปรับปรุงแผนบรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ให้มีความทันสมัย และสอดคล้องกับแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๖๔-๒๕๗๐ รวมถึงแผนบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๖๔ ตลอดจนเตรียมความพร้อมด้านกำลังพล โดยการให้ความรู้ พัฒนาขีดความสามารถกำลังพล รวมถึงสนับสนุนกำลังพลในการเข้ารับการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในทุกระดับการเกิดภัย อาทิ การเตรียมความพร้อมชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็วและการฝึกแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญด้านการดับไฟป่า (Bush Fire SMEE 2023) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการเตรียมความพร้อมด้านยุทโธปกรณ์ โดยการจัดหายุทโธปกรณ์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของกำลังพลในการปฏิบัติงาน รวมถึงการจัดทำโครงการเสริมสร้างชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็ว ให้มีขีดความสามารถในการค้นหาและกู้ภัยเบื้องต้น เป็นมาตรฐานสากลสามารถปฏิบัติงานร่วมกับฝ่ายพลเรือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

กองทัพเรือ ได้นำเสนอขีดความสามารถของเรือหลวงช้างในการบรรเทาภัยพิบัติและช่วยเหลือประชาชนซึ่งถือเป็นเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ มีขีดความสามารถในการปฏิบัติการยุทธสะเทินน้ำสะเทินบก การขนส่งลำเลียง การเป็นเรือบัญชาการ การค้นหาและกู้ภัยทางทะเล รวมทั้งสนับสนุนการช่วยเหลือกู้ภัยเรือดำน้ำ มีความสามารถในการช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัย การอพยพประชาชน สนับสนุนการป้องกันและต่อต้านการก่อการร้ายในทะเลและท่าเรือ โดยมีกำลังพลประจำเรือทั้งสิ้น ๑๙๖ นาย มีคุณลักษณะความยาวตลอดลำ ๒๑๓ เมตร ความกว้าง ๒๘ เมตร กินน้ำลึก ๗ เมตร ระวางขับน้ำสูงสุด ๒๐,๐๐๓ ตัน ทำความเร็ว ๒๓ นอต ทนแรงคลื่นสูงกว่า ๑๔ เมตร มีความเหมาะสมในภารกิจช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ อาทิ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางอากาศ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ การพักอาศัย การประกอบอาหาร และการช่วยเหลือทางการแพทย์ โดยมีห้องปฏิบัติการแพทย์ จำนวน ๑๑ ห้อง ห้องผู้ป่วย ๓ ห้อง ส่วนรักษา ๘ ห้อง แบ่งเป็นห้อง X-ray ห้องทันตกรรม ห้องศัลยกรรม ห้องตรวจโรค ห้องยา ห้อง LAB ห้องฆ่าเชื้อ และห้องผ่าตัด ซึ่งสามารถรองรับการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามระดับ ๒ บนเรือได้ เรือหลวงช้างจึงเป็นกำลังสำคัญของกองทัพเรือในการป้องกันประเทศในยามสงครามและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาประเทศ และช่วยเหลือประชาชนในยามสงบได้อย่างสมบูรณ์ 

กองทัพอากาศ ได้ชี้แจงเรื่องการช่วยเหลือประชาชนของกองทัพอากาศ ซึ่งปัจจุบันกองทัพอากาศกำหนดทิศทางการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมผ่านแผนปฏิบัติราชการซึ่งมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.๒๕๖๑ ถึง พ.ศ.๒๕๘๐ ด้านการช่วยเหลือประชาชน และบรรเทาสาธารณภัย โดยบูรณาการความร่วมมือกับส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและลดผลกระทบจากภัยพิบัติต่าง ๆ รวมทั้งพัฒนาศักยภาพ และขีดความสามารถของกำลังพล เครื่องมือ และยุทโธปกรณ์ให้เป็นมาตรฐานสากล เพื่อให้การสนับสนุน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือกับมิตรประเทศและองค์การระหว่างประเทศในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการบรรเทาภัยพิบัติทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ได้แก่ การสนับสนุน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือกับมิตรประเทศและองค์การระหว่างประเทศในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการบรรเทาภัยพิบัติทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ได้แก่ การสนับสนุนอากาศยานปฏิบัติภารกิจฝนหลวง การสนับสนุนอากาศยานเพื่อปฏิบัติการควบคุมไฟป่า การสนับสนุนอากาศยานในการค้นหาอากาศยานและเรือที่ประสบภัย และการสนับสนุนอากาศยานในการลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศ 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รายงานผลการปฏิบัติของ ตำรวจจราจรตามโครงการพระราชดำริ ในการช่วยเหลือประชาชนในด้านต่าง ๆ อาทิ การให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ ผู้ประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนการนำส่งผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ หญิงใกล้คลอดส่งโรงพยาบาล ช่วยคลอดฉุกเฉิน แก้ปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน รวมถึงการเป็นวิทยากรให้ความรู้ในการปฐมพยาบาลเบื้องต้น การกู้ชีพขั้นพื้นฐาน ความรู้จราจรเบื้องต้น ความปลอดภัยบนท้องถนน ให้แก่เยาวชนและประชาชน ตลอดจนการจัดชุดเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในสถานการณ์ฉุกเฉิน เหตุภัยพิบัติ และน้ำท่วมขังบนพื้นผิวจราจร โดยตำรวจจราจรตามโครงการพระราชดำริได้ทุ่มเทกำลง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top