Monday, 21 April 2025
NBC

อัยการ 14 รัฐในสหรัฐรุมฟ้อง TikTok หวั่นอันตรายต่อเด็ก-เยาวชน ด้าน TikTok สวนอัยการเลือกฟ้องข้อหาหนัก แทนร่วมมือกันแก้ปัญหา

(9 ต.ค. 67) อัยการสูงสุดของ 14 รัฐในสหรัฐอเมริกา นำทีมโดย รัฐนิวยอร์ก และ แคลิฟอร์เนียได้ยื่นฟ้องต่อศาลประจำรัฐเมื่อวันอังคาร (8 ต.ต. 67) กล่าวหา TikTok โซเชียลมีเดียชื่อดังสัญชาติจีน เป็นอันตรายต่อสุขภาพจิตของผู้ใช้งานกลุ่มเด็กและ เยาวชน รวมถึงละเมิดกฎหมายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวผู้เยาว์ที่เก็บข้อมูลของผู้ใช้งานเด็กโดยไม่ได้รับอนุญาต

นับเป็นอีกครั้งที่มีการใช้กฎหมายโจมตีโซเชียลมีเดียชื่อดัง ที่เกิดจากการผสานความร่วมมือจากทั้ง 2 พรรคการเมืองใหญ่สหรัฐฯ ใน 14 รัฐ ด้วยข้อกล่าวหาว่า TikTok กระทำผิดกฎหมาย ด้วยคำเคลมที่ระบุว่าแพลทฟอร์มของตนมีความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งานเด็ก และ เยาวชน 

เลติเทีย เจมส์ อัยการสูงสุดของนิวยอร์ก หนึ่งในทีมอัยการรัฐที่ยื่นฟ้อง TikTok กล่าวว่า ในความเป็นจริงนั้น ห่างไกลจากสิ่งที่ทางผู้ให้บริการได้เคลมไว้มาก เนื่องจาก มีกรณีผู้ใช้ TikTok รุ่นเยาว์ ในสหรัฐฯ จำนวนมาก กำลังทุกข์ทรมานจากปัญหาสุขภาพจิตที่เป็นผลจากการใช้งานโซเชียลมีเดียดังกล่าว 

คดีฟ้องร้องมุ่งเน้นไปที่ฟีเจอร์ที่ก่อให้เกิดอาการเสพติดโซเชียล รวมถึงการแจ้งเตือนความเคลื่อนไหวตลอด 24 ชั่วโมง และการเล่นวิดีโอต่อเนื่องอัตโนมัติ กิจกรรมเกม "challenges" ในแพลทฟอร์มที่เป็นอันตราย และการเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานที่อายุต่ำกว่า 13 ปีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง ซึ่งละเมิดกฎหมายความเป็นส่วนตัวออนไลน์ของรัฐบาลกลาง

ไบรอัน ชวาล์บ อัยการสูงสุดจากวอชิงตัน ดี.ซี. กล่าวว่า เป้าหมายของการดำเนินคดีเพื่อต้องการให้ TikTok ต้องรับผิดชอบต่อผลกระทบที่มีต่อสภาพจิตใจของเด็ก และวัยรุ่น ที่ถูกแรงกระตุ้นให้ใช้ TikTok ส่งผลต่อความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล โรคนอนไม่หลับ และความผิดปกติของร่างกายอื่นๆ โดย อัยการ ชวาล์บ ยังกล่าวอีกว่า TikTok ทำให้เกิดอาการเสพติดโซเชียล ที่เรียกว่า “ดิจิทัลนิโคติน”  หากรัฐไม่เข้ามาควบคุม เด็กรุ่นใหม่ของสหรัฐฯ ก็จะตกเป็นเหยื่อ จนนำไปสู่สังคมที่เสื่อมทรามและอ่อนแอ 

ด้านโฆษกของ TikTok ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า “เราไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับข้อกล่าวหาเหล่านี้ และมีหลายประเด็นที่ไม่ถูกต้อง และก่อให้เกิดความเข้าใจผิด"  

อีกทั้งย้ำว่า TikTok มีมาตรการดูแลการใช้งานของเด็ก และเยาวชนอย่างเข้มงวดมาตลอด และมีการลบบัญชีผู้ใช้งานที่ต้องสงสัยว่าต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดอยู่เสมอ และเพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย ที่สามารถจำกัดเวลาตั้งค่าหน้าจอเริ่มต้นได้ จับคู่ใช้งานกับคนในครอบครัวได้ หรือ ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้เยาว์ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี  

และตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมา ทีมงาน TikTok ก็ให้ความร่วมมือกับทางสำนักงานอัยการอย่างดี แต่มาวันนี้รู้สึกผิดหวังที่ทางอัยการเลือกที่จะดำเนินคดีกับ TikTok แทนที่จะหาทางทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกแพลทฟอร์มอย่างสร้างสรรค์ 

ปัจจุบันมากกว่าครึ่งของเด็กวัยรุ่นสหรัฐ ที่มีอายุ 13-17 ปี เล่น TikTok แอปพลิเคชั่นที่มียอดผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านบัญชีทั่วโลก จากจุดเริ่มต้นของการให้บริการแชร์คลิปวิดีโอสั้น จนถึงปัจจุบันมีฟีเจอร์ให้บริการมากมาย ทั้งการไลฟ์สด ซื้อขายสินค้า ทำธุรกรรมผ่านโซเชียล เป็นช่องทางการพบปะไอดอล บริการส่งเหรียญ และ สติกเกอร์ของขวัญให้กับศิลปินคนโปรด และกิจกรรมชาเล้นจ์ชิงรางวัลมากมาย ที่สร้างรายได้ให้แก่แพลตฟอร์มแตะระดับหมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2023 ที่ผ่านมา 

แต่การขยายตัวของ TikTok ในตลาดสหรัฐอเมริกากลายเป็นประเด็นทางการเมือง เมื่อรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการครอบงำจากรัฐบาลจีนผ่านแอปพลิเคชั่น TikTok 

จนกระทั่งเมื่อเดือน มีนาคม 2024 ที่ผ่านมาสภาคองเกรซได้ลงมติอย่างท่วมท้น บีบให้ ByteDance บริษัทแม่ผู้พัฒนา TikTok ในจีน ขายกิจการ TikTok ให้แก่ผู้ประกอบการในสหรัฐฯ ภายในวันที่ 19 มกราคม 2025 มิฉะนั้นจะถูกแบนการใช้งานในสหรัฐฯ อย่างถาวร   

นักลงทุนผวา!! อนาคตของอเมริกา กับ ‘วิกฤตด้านความเชื่อมั่น’ การย้ายฐานการผลิตทั้งหมดกลับประเทศ ต้องใช้ทั้ง ‘เงิน-เวลา’

(12 เม.ย. 68) Stephanie Ruhle นักวิเคราะห์ข่าวเศรษฐกิจของ NBC หนึ่งในสถานีโทรทัศน์หลักของสหรัฐอเมริกา ได้วิเคราะห์ว่า ...  

สิ่งที่ฉันอยากจะพูดก็คือ ผ่านไปกว่าสัปดาห์แล้ว นับตั้งแต่เกิดหายนะทางการค้านี้ขึ้น และฉันได้ใช้เวลาทั้งสัปดาห์นั้นในการพูดคุยกับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และสิ่งที่ฉันรู้สึกว่ามากที่สุดในคืนนี้คือความกลัว

ความกลัวที่เรากำลังเผชิญอยู่คือวิกฤตด้านความเชื่อมั่น ความเชื่อมั่นในตัวเราเอง ในสหรัฐอเมริกา หรือฉันไม่ได้ยินจากใครเลยในบรรดาคนที่ฉันพูดคุยด้วย คือสิ่งที่อาจฟื้นคืนความเชื่อมั่นนั้นในสหรัฐอเมริกาได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ ใช่แล้ว ตลาดปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวานนี้ แต่เป็นเพราะเราสามารถหลีกเลี่ยงการนำเข้าด้วยภาษีนำเข้ากว่า 50 เปอร์เซ็นต์ทั่วโลกได้เท่านั้น

แต่ความจริงได้เกิดขึ้นในวันนี้แล้ว เพราะเรายังคงมีภาษีนำเข้าที่เหลือ และตลาดก็ยังคงตกต่ำ ทั้งตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพื้นฐานที่เราใช้เจรจาการค้าไม่ได้หยั่งรากลึกในความจริง และสำหรับผู้ที่เชื่อว่าประเทศต่าง ๆ กำลังดิ้นรนเพื่อทำข้อตกลงเพราะพวกเขาตื่นตระหนกมากเกี่ยวกับภาษีนำเข้าจำนวนมหาศาล และตอนนี้ภาษีนำเข้าก็ลดลงมาก

คำถามของฉันก็คือ ข้อตกลงนั้นคืออะไร คุณคิดว่าประเทศอย่างเวียดนามสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อลบล้างการขาดดุลการค้าของเรา คุณรู้ไหมว่าคำตอบคืออะไร พวกเขาทำไม่ได้ และถ้าคุณต้องการนำการผลิตทั้งหมดของเรากลับประเทศ นั่นก็จะ... หากคุณต้องการทำสิ่งนั้นตามที่ Peter Navarro พูดถึง Howard Lutnick พูดถึง คุณต้องการทำเช่นนั้นไหม? เพราะ จะต้องใช้เงินหลายล้านล้านดอลลาร์และเวลา 20 ปีในการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกและนำทั้งหมดกลับมาผลิตในอเมริกา

และสำหรับพันธมิตรของเราในตะวันตก ประเทศที่พัฒนาแล้วเหล่านั้น พวกเขาไม่ได้รีบร้อนที่จะร่วมมือกับเราอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่หัวเราะออกทีวีระดับประเทศ และบอกว่า พวกเขากำลังประจบประแจงฉัน (จูบก้นฉัน) เราสามารถพูดได้อย่างปลอดภัยว่าตำแหน่งที่เราและความพิเศษเฉพาะตัวของอเมริกาเคยยึดครองไว้ แม้กระทั่งเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาได้ลดลงอย่างแน่นอน

เรามีรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรที่บอกให้เราสร้างเล้าไก่ในสวนหลังบ้านเพราะไข่แพง เรามีรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมที่เผยแพร่ความลับทางทหารในกลุ่มแชท เราอาจกำลังไล่พนักงานของรัฐบาลออกหลายพันคนอย่างผิดกฎหมาย และตัดงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ขณะที่ซื้อสกุลเงินดิจิทัล เราสูญเสียความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจไปเป็นจำนวนมาก

แต่สิ่งที่ทำให้ฉันกลัวคือนักลงทุนทุกคนที่ฉันพูดคุยด้วย แม้แต่บางคนที่สนับสนุนประธานาธิบดีคนนี้ ต่างก็ส่งข้อความเดียวกันถึงฉันว่า หากตลาดพันธบัตรยังคงร่วงลงเรื่อย ๆ คุณก็รู้ว่ามันจะไปจบลงที่ไหน มันจะทำให้ประเทศนี้ล้มละลาย ซึ่ง โดนัลด์ ทรัมป์ รู้เรื่องนี้ดีทีเดียว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top