Friday, 6 June 2025
MDES

MDES เตือนภัย!! มิจฉาชีพหากินบนความโศกเศร้า เปิดรับบริจาคร่วมทำบุญญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงฯ

นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุการณ์คนร้ายกราดยิง ภายในศูนย์เด็กเล็ก ที่จังหวัดหนองบัวลำภู จนทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย ได้สร้างความสะเทือนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะครอบครัวของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ จึงขอให้ระวังผู้ไม่หวังดีแอบอ้างใช้โอกาส เปิดรับบริจาคทำบุญครอบครัวผู้เสียชีวิต ผ่านบัญชีธนาคาร จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนตรวจสอบแหล่งที่มาของผู้รับบริจาคก่อนโอนเงินให้ความช่วยเหลือใดๆ เนื่องจากขณะนี้มีมิจฉาชีพใช้โอกาสนี้ ในการหลอกลวงประชาชน 

ทั้งนี้ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังผ่านช่องทางต่างๆ เช่น Facebook /YouTube /IG และประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้กระทำความผิดต่อไป 

'ดีอีเอส' ประสาน 'Play Store-App Store' จัดการแอปอันตราย แนะ ปชช. ไม่โหลดแอปแปลกปลอม ป้องกันมิจฉาชีพดูดเงิน

ดีอีเอส เปิดรายชื่อแอปอันตรายมีมากกว่า 200 แอปเตือน ประชาชน อย่าหลงเชื่อ อย่าโหลด อาจสูญเงินและข้อมูลส่วนตัวได้

เมื่อไม่นานมานี้ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ร่วมกับ สกมช. แจงกรณีแอปดูดเงินอันตราย หลังพบประชาชนได้รับผลกระทบจากการติดตั้งแอปพลิเคชันอันตรายลงในโทรศัพท์มือถือ แล้วทำให้กลุ่มมิจฉาชีพเข้ามาดูดเงินออกไปเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้าง

นายชัยวุฒิ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการแพร่ระบาดของมัลแวร์อันตราย ที่มาในรูปแบบของแอปพลิเคชัน ซึ่งดีอีเอส และสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ได้มีการตรวจสอบมาโดยตลอด โดยพบปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยเฉพาะผู้ใช้งานโทรศัพท์ที่ติดตั้งแอปพลิเคชันที่ถูกระบุว่าสามารถขโมยข้อมูล หรือควบคุมเครื่องโทรศัพท์ได้ โดยในปี 2022 มีการเผยแพร่รายชื่อแอปพลิเคชันอันตรายเหล่านี้ ซึ่งมีมากกว่า 200 รายการ ทั้งในระบบ iOS และ Android ตามที่ปรากฎใน Facebook ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ Facebook ของ สกมช. (NCSA THAILAND) จึงขอให้ผู้ใช้งานทำการตรวจสอบ หากพบแอปพลิเคชันดังกล่าวให้ถอนการติดตั้งโดยทันที และควรอัปเดตระบบของเครื่องโทรศัพท์ของตนเองให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ

‘ทรู-ดีแทค’ ขานรับ ‘กสทช.’ ผนึกกำลังสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพิ่มมาตรการระงับเบอร์โทรต้องสงสัย เสริมเกราะป้องกันให้ลูกค้า

(13 ธ.ค. 66) จากกรณีภัยคอลเซ็นเตอร์และกลโกงทางไซเบอร์ ทำความเสียหายให้กับคนไทยเป็นอย่างมาก ‘ทรู คอร์ปอเรชั่น’ มีความห่วงใยและพร้อมเดินหน้าร่วมแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ กับทุกภาคส่วน โดยร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ ‘กสทช.’ สนับสนุนมาตรการขจัดภัยไซเบอร์ของรัฐบาล โดยมุ่งไปที่เบอร์โทรต้องสงสัยที่โทรออกเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่มีความผิดปกติ โดยจะดำเนินการส่ง SMS ไปยังหมายเลขต้องสงสัยทั้ง ‘ทรูมูฟ เอช’ และ ‘ดีแทค’ พร้อมระงับการใช้เบอร์ทันที เพื่อให้ติดต่อกลับยืนยันตัวตน ว่าเป็นผู้ใช้งานจริงและดูแลไม่ให้ได้รับผลกระทบในการใช้บริการ โดยสามารถติดต่อกลับที่คอลเซ็นเตอร์ทรู 1242 ดีแทค 1678 หรือทรูชอป และศูนย์บริการดีแทค

นาย มนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ด้วยภัยคุกคามจากมิจฉาชีพที่มาในหลากหลายรูปแบบ สร้างความเดือดร้อนในวงกว้าง จึงเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วนที่ต้องร่วมกันขจัดภัยอย่างจริงจัง ทรู คอร์ปอเรชั่น ในฐานะผู้ให้บริการโทรคมนาคม ตระหนักถึงภารกิจสำคัญในการดูแลลูกค้าทุกคนให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามที่มาจากยุคดิจิทัล และต้องการร่วมแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนกับทุกภาคส่วน จึงพร้อมเป็นอย่างยิ่งที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐฯ ร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงาน กสทช. สนับสนุนมาตรการขจัดภัยไซเบอร์ของของภาครัฐ ที่กำหนดให้ระงับการใช้เบอร์โทรต้องสงสัยที่มีการใช้งานโทรออกมากผิดปกติ ซึ่งทั้งดีแทค และทรูมูฟ เอช มีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ จะดำเนินการส่ง SMS และระงับการใช้งานเบอร์ที่ต้องสงสัยทันที ซึ่งเป็นเลขหมายแบบเติมเงินเท่านั้น ไม่รวมถึงเลขหมายแบบรายเดือน หรือเบอร์ที่ลงทะเบียนภายใต้หน่วยงานหรือองค์กร

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการปกป้องสิทธิเสรีภาพของผู้ใช้บริการ พร้อมดูแลลูกค้าคนสำคัญเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการดังกล่าว โดยกรณีที่เป็นผู้ใช้งานจริงและใช้งานอย่างถูกต้อง สามารถติดต่อกลับที่คอลเซ็นเตอร์ดีแทค 1678 หรือทรู 1242 และ ทรูชอป หรือศูนย์บริการดีแทค เพื่อยืนยันตัวตน ให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าว สอดคล้องกับความมุ่งมั่นตั้งใจของทรู คอร์ปอเรชั่น ที่จะเดินหน้ายกระดับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อยับยั้งความเสียหายได้อย่างทันท่วงที เสริมเกราะป้องกันลูกค้าและคนไทยไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ”

เลิกกั๊ก!! โอกาสปล่อยของมาแล้ว

#1212ETDA ชวนมาปล่อยของ ประลองไอเดีย กับโครงการ IGNITE CREATIVITY CHALLENGE ปี2 

ขอท้าคนมีหัวคิดมาร่วมประกวดวิดีโอความยาวไม่น้อยกว่า 30 วินาที และไม่เกิน 2 นาทีภายใต้หัวข้อ “รู้เท่าทันทุกกลโกง” ชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 170,000 บาท  
เปิดโอกาสให้ทุกคนมาสร้างสรรค์ผลงานที่มาพร้อมกับความรู้และ แนวทางในการป้องกันภัยจากมิจฉาชีพ ด้วยแนวคิดที่สร้างสรรค์ และทันสมัยผ่านคลิปวิดีโอ

รายละเอียดการรับสมัคร

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถกรอกใบสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ - 9 มิถุนายน 2568 ได้ที่ https://docs.google.com/.../1FAIpQLSfgnPSzPKmQIN.../viewform 

คุณสมบัติผู้เข้าประกวด
* ผู้สมัครจะต้องมีสัญชาติไทย ไม่จำกัดอายุ

กติกาในการเข้าร่วมประกวด
* ผู้สมัครสามารถส่งผลงานแบบเดี่ยว หรือทีมต่อหนึ่งชิ้นงาน
* ในกรณีสมัครเป็นทีมจำนวนสมาชิกในแต่ละทีมต้องไม่เกิน 5 คน 
* ผู้สมัครจะต้องจัดทำสื่อในรูปแบบ Storyboard พร้อมแนบไฟล์นำเสนออธิบายแนวคิดผลงานตามแบบฟอร์มที่กำหนด โดยชิ้นงานนั้น ๆ ต้องพร้อมต่อยอดในการผลิตเป็นรูปแบบวิดีโอภายหลังจากการคัดเลือกเข้ารอบสุดท้าย เพื่อเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ ความยาวไม่น้อยกว่า 30 วินาที และไม่เกิน 2 นาที ภายใต้หัวข้อ “รู้เท่าทันทุกกลโกง” ไม่จำกัดรูปแบบผลงาน (แนวตั้งหรือแนวนอน)

รางวัลสำหรับผู้ชนะการประกวด
* รางวัลชนะเลิศ เงินรางวัล 60,000 บาท
* รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 50,000 บาท
* รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 40,000 บาท
* ผลงานที่ได้รับรางวัล 1 เงินรางวัล 10,000 บาท
* ผลงานที่ได้รับรางวัล 2 เงินรางวัล 10,000 บาท

นอกจากนั้นผู้ที่ชนะการประกวดจะได้รับเกียรติบัตร และโล่รางวัล
แล้วมาร่วมปล่อยของ ประลองไอเดียไปด้วยกันกับโครงการ IGNITE CREATIVITY CHALLENGE ปีที่2 กันนะครับ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top