Monday, 21 April 2025
KickOff

ม.แม่โจ้ Kick Off เตรียมจัด 'ศึกกำปั้นสะท้านโลก' เฉลิมฉลอง 90 ปี มหาวิทยาลัยแม่โจ้

วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จัดกิจกรรม Kick Off 'ศึกกำปั้นสะท้านโลก' ร่วมเฉลิมฉลอง 90 ปี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อประชาสัมพันธ์ความคืบหน้า เตรียมพร้อมการจัดการแข่งขันชกมวย 'ศึกกำปั้นสะท้านโลก' ร่วมเฉลิมฉลอง 90 ปี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งจะจัดให้มีขึ้นในวันที่ 21 เมษายน 2566 ณ เวทีมวยชั่วคราว มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยมี ดร.อำนวย ยศสุข นายกสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ดร.สมชาย  เขียวแดง นายกสมาคมศิษย์เก่าแม่โจ้ ดร.เอกรัฐ ไชยโชติช่วง โปรโมเตอร์ ดร.ประภาส ปาระมีสัก โปรโมเตอร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พาวิน มะโนชัย รองอธิการบดี เลขานุการกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย ผู้แทน ดร.องอาจ กิตติคุณชัย  บริษัท ซันสวีท จำกัด(มหาชน) กรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย ผู้สนับสนุนหลักการจัดงาน ร่วมแถลงความคืบหน้าการจัดกิจกรรม ณ อาคารแผ่พืชน์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้

ดร.อำนวย ยศสุข นายกสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า 'มวย' เป็นกีฬาที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ทั้งมวยไทย และมวยสากล เป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีมาแต่โบราณ ช่วงแรกที่มวยสากลเข้าสู่ประเทศไทย เมื่อปี 2455 เราเรียกว่า 'มวยฝรั่ง' จากนั้นกีฬามวยสากลก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น มีนักมวยสากลชาวไทยชกชนะสร้างชื่อเสียงอยู่เนือง ๆ แล้วเมื่อพูดถึง 'มวยไทย' เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของประเทศเลยก็ว่าได้ทุกวันนี้มวยไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และการส่งเสริมให้มวยเป็นกีฬาที่สร้างมูลค่าเชิงเศรษฐกิจคู่กับสังคมไทย ดังนั้น 'ศึกกำปั้นสะท้านโลก ฉลองแม่โจ้ 90 ปี ซึ่งมีการจัดการแข่งขันหลากหลายรูปแบบ ทั้งมวยป้องกันแชมป์ IBF การแข่งขันชิงแชมป์โลกมวยไทย และมวยอื่น ๆ อีกหลายรายการ จึงเป็นการส่งเสริมศิลปะการต่อสู้ ทั้งในรูปแบบมวยไทย และมวยสากล ร่วมส่งเสริมวงการกีฬามวยของไทยให้ก้าวไกลในระดับสากล”

“การจัดการแข่งขันชกมวย 'ศึกกำปั้นสะท้านโลก' ร่วมฉลอง 90 ปี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ในครั้งนี้  เป็นกิจกรรมหนึ่งในการประชาสัมพันธ์ งานเกษตรแม่โจ้ 90 ปี  : เกษตร อาหาร สุขภาพ เป็นการส่งเสริมศักยภาพ 5 F คือ 1) Food (อาหาร)  2) Film (ภาพยนตร์และวีดีทัศน์)  3 ) Fashion (การออกแบบแฟชั่นไทย) 4) Fighting (ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย) และ 5) Festival (เทศกาลประเพณีไทย)  อีกทั้งเป็นการเผยแพร่องค์ความรู้ นวัตกรรม ของมหวิทยาลัยที่ได้สั่งสมมายาวนาน ให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย โดยเราจะจัดงานใหญ่ปลายปี ระหว่างวันที่ 16 – 24 ธันวาคม 2566 ณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ขอเชิญชวนเครือข่ายทุกภาคส่วนมาร่วมสนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้อย่างยิ่งใหญ่ โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย นำเข้ามูลนิธิพัฒนามหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อใช้ในการพัฒนาวงการศึกษา และสร้างคุณประโยชน์คืนสู่สังคมต่อไป”
 
สำหรับการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ มีรายการหลัก 6 คู่ มีการประกบคู่เอก รายการป้องกันแชมป์ IBF แพนแปซิฟิกรุ่นไลต์เวท ระหว่าง เผด็จศึก จีพีพีเรือใบไข่มุก (แชมป์ IBF แพนแปซิฟิก) พบกับ อัล ทูยูกอน (ผู้ท้าชิงชาวฟิลิปปินส์) นอกจากนั้นยังจัดการแข่งขันชิงแชมป์โลกมวยไทย IBF รุ่นเฟเธอร์เวท, การแข่งขันมวยหญิง กำปั้นล่าฝันรุ่นแบนตั้มเวท กำหนด 4 ยก , การแข่งขันกำปั้นล่าฝัน มุ่งสู่บัลลังก์โลก รุ่นฟลายเวท กำหนด 6 ยก, กำปั้นล่าฝันรุ่นจูเนียร์แบนตั้มเวท กำหนด 6 ยก และ กำปั้นล่าฝันรุ่นมิดเดิ้ลเวท กำหนด 6 ยก รวมถึงการชกมวยไทยดาวรุ่ง และมวยคาดเชือก อีกหลายคู่ ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสด ทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง JKN18 และรับชมผ่าน เฟสบุ๊คเพจ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ตั้งแต่เวลา 21.00 – 23.00 น.

คู่ที่ 1 กำปั้นล่าฝัน มุ่งสู่บัลลังก์โลก รุ่นฟลายเวท กำหนด 6 ยก
ฟ้าคำราม จีพีพีเรือใบไข่มุก Vร ฉัตรชัย ก.ลำพูน 
 
คู่ที่ 2 ป้องกันแชมปิ IBF แพนแปซิฟิก รุ่นไลต์เวท กำหนด 12 ยก
เผด็จศึก จีพีพีเรือใบไข่มุก Vร อัล ทูยูกอน (ชาวฟิลิปปินส์) 
 
คู่ที่ 3 ชิงแชมป์โลกมวยไทย IBF รุ่นเฟเธอร์เวท กำหนด 5 ยก
ทองธวัช เพชรเหรียญทอง VS โจเดวิด ศิษย์ไทยแลนด์ (ชาวสหรัฐฯ) 

‘สธ.’ คิกออฟ!! ฉีดวัคซีน HPV สกัดมะเร็งปากมดลูกทั่วประเทศ ตั้งเป้า 1 ล้านโดส ใน 100 วัน ‘หญิงไทย’ ต้องปลอดภัยจากมะเร็ง

(8 พ.ย. 66) ที่โรงเรียนไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายแทพย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นาย Jos Vandelaer ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย, นายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.), นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.), นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค, แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการแพทย์ และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ร่วมเปิดกิจกรรมความร่วมมือขับเคลื่อนนโยบายมะเร็งครบวงจร ‘Kick Off’ การรณรงค์สร้างภูมิ HPV นักเรียนไทยสุขภาพดี ปลอดมะเร็ง ‘Save Our Children by 1 Million HPV Vaccines’ โดยจัดฉีดวัคซีน HPV ให้นักเรียนหญิงประมาณ 700 คน เพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูกด้วย

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ปีงบประมาณ 2567 สธ.ได้กำหนดนโยบาย ‘มะเร็งครบวงจร’ ที่ครอบคลุมทั้งด้านการส่งเสริม ป้องกัน คัดกรอง วินิจฉัย รักษา และดูแลฟื้นฟูกายใจ โดยเฉพาะมะเร็งที่เป็นปัญหาสำคัญ 5 ชนิด ได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง มะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นมะเร็งที่สามารถป้องกันและตรวจคัดกรองความเสี่ยงได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เช่น การฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส HPV ในอายุ 11-20 ปี, การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยตัวเอง อายุ 30 ปีขึ้นไป ส่วนในกลุ่มผู้อายุ 40 ปีขึ้นไป สามารถเข้ารับการอัลตราซาวนด์คัดกรองมะเร็งท่อน้ำดี และการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซี ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของมะเร็งตับ เป็นต้น

“โดยการขับเคลื่อนควิกวิน (Quick Win) 100 วันแรก จะมีการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV ที่ก่อมะเร็งปากมดลูก ในหญิงไทยอายุ 11-20 ปี จำนวน 1 ล้านโดส เริ่มคิกออฟสำหรับนักเรียนหญิงในสถานศึกษาพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงวัคซีนในกลุ่มนักเรียน ให้มีภูมิคุ้มกัน ลดอาการป่วย และการเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกในอนาคต สำหรับนักศึกษาและบุคคลทั่วไปที่อายุไม่เกิน 20 ปี สามารถรับวัคซีน HPV ได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 เป็นต้นไป เพื่อป้องกันมะเร็งในสตรีไทย ตามสโลแกน ‘สวย เริด เชิด สู้มะเร็ง’ หรือ ‘Women Power No Cancer’ ซึ่งหากพบว่าป่วยจะได้รับการรักษาทันท่วงที ช่วยลดการเสียชีวิต รวมถึงเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนทุกคน และปกป้องระบบสาธารณสุขของประเทศ” นพ.ชลน่าน กล่าว

ด้าน นพ.โอภาส กล่าวว่า โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ทำให้ประชากรสูญเสียการมีคุณภาพชีวิตที่ดี และยังส่งผลต่อระบบสาธารณสุข รวมถึงระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ การลดอัตราป่วยและเสียชีวิตจากโรคมะเร็งต้องทำในทุกมิติ ตั้งแต่การป้องกันโรค ตรวจคัดกรอง พัฒนาวิธีการรักษา และการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง

“สำหรับการจัดกิจกรรมคิกออฟวันนี้ ได้ร่วมกับ สพฐ. ให้บริการฉีดวัคซีน HPV สำหรับนักเรียน พร้อมให้ความรู้เรื่องมะเร็งปากมดลูกสำหรับประชาชนทั่วไป การคัดกรองโรคมะเร็งต่างๆ สำหรับประชาชนตามช่วงวัย จะใช้รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน รวมถึงมีบริการเอกซเรย์ตรวจคัดกรองมะเร็งปอด และบริการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซี ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้าถึงบริการฉีดวัคซีนและตรวจคัดกรองมะเร็งได้สะดวกยิ่งขึ้น ถือเป็นตัวอย่างการดำเนินงานและการนำร่องให้บริการในชุมชน” นพ.โอภาส กล่าว

ขณะที่ พญ.ปรียาพร คงจรรักษ์ นายแพทย์ชำนาญการ โรงพยาบาล (รพ.) ไทรน้อย จ.นนทบุรี กล่าวว่า วันนี้ รพ.ไทรน้อยได้จัดฉีดวัคซีน HPV ชนิด 2 สายพันธุ์ คือ 16 และ 18 ให้กับนักเรียนกว่า 700 คน โดยมีการจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับการฉีดวัคซีนของเด็กนักเรียนกว่า 50 คน เป็นทั้งเจ้าหน้าที่การแพทย์ฉุกเฉิน แพทย์ รพ.ไทรน้อย อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งจะมีขั้นตอนตั้งแต่การลงทะเบียนฉีดวัคซีน การคัดกรองสุขภาพก่อนฉีด จุดฉีดวัคซีนและจุดพักสังเกตอาการ 15-30 นาที

ทั้งนี้ จากการติดตามผลหลังฉีด ยังไม่มีนักเรียนที่เกิดอาการแพ้วัคซีน จะมีเพียงอาการปวดบริเวณจุดที่ฉีด โดยการฉีดวัคซีน HPV จะต้องฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 6 เดือน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการป้องกันโรคสูงสุดควรมารับวัคซีนเข็มที่ 2 ตามกำหนดเวลา

“สำหรับ รพ.ไทรน้อย จะมีการประกาศให้ผู้หญิงไทยอายุ 11 – 20 ปี เข้ารับการฉีดวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลประมาณเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะรวมทั้งนักเรียนที่อยู่ในระบบและนอกระบบการศึกษา สามารถไปลงทะเบียนฉีดที่โรงพยาบาลได้เลย” พญ.ปรียาพร กล่าว

ด้าน น.ส.พิมพ์ณดา เลิศโกสิตรุจ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เข้ารับการฉีดวัคซีน HPV กล่าวว่า ในวันนี้เป็นการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV เพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูกเป็นครั้งแรกของตน โดยที่ผ่านมาตนยังไม่เคยเข้ารับการตรวจคัดกรองหาเชื้อ HPV มาก่อน แต่เมื่อทางโรงเรียนเปิดให้สมัครใจฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ให้กับเด็กนักเรียนหญิงอายุ 11 ปี จนถึงนักเรียนหญิงชั้น ม.6 โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตนเลยตัดสินใจมาฉีดเพื่อความปลอดภัยในอนาคต ซึ่งส่วนตัวคิดว่าการได้ฉีดวัคซีนฟรีเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะครอบคลุมไปถึงคนที่ไม่มีทุนทรัพย์ในการไปเสียเงินฉีดเอง ส่วนอาการหลังฉีดก็มีรู้สึกปวดที่แขนเล็กน้อยเหมือนกับการฉีดวัคซีนโควิด-19


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top