Wednesday, 5 February 2025
Isuzu

บีโอไอ’ เผย อย่าเพิ่งเชื่อข่าวลือ ปม ‘อีซูซุ’ ย้ายฐานผลิตไปอินโดฯ ยัน!! ยังไม่ชัดเจน ต้องรอตรวจสอบข้อเท็จจริงจากบริษัทแม่ก่อน

วันที่ (8 มิ.ย. 66) กรณีค่ายรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น ‘อีซูซุมอเตอร์’ มีแผนจะย้ายการผลิตรถยนต์ จากโรงงานแห่งหนึ่งในประเทศไทย ไปยังประเทศอินโดนีเซีย โดยจะเริ่มการผลิตอย่างเร็วที่สุดในปี 2567 นั้น ล่าสุดได้มีการสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องนี้ไปยัง นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ระบุว่า 

จากกรณีข่าวการย้ายฐานการผลิตของ บริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บีโอไอกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลที่ชัดเจนไปยังบริษัทแม่ของอีซูซุมอเตอร์ว่า กรณีนี้เป็นจริงหรือไม่อย่างไร แต่ ณ ปัจจุบันบริษัทในไทยยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว 

“ตอนนี้ต้องรอเช็กข้อมูลให้แน่ใจก่อนว่าเป็นอย่างไร เพราะทางอีซูซุในไทยก็ยังไม่ทราบเรื่อง และคงต้องสอบถามไปยังบริษัทแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น และหากมีความคืบหน้าจะแจ้งข้อมูลมาอีกครั้ง” นายนฤตม์ ระบุ

เลขาธิการ บีโอไอ ยอมรับว่า ปัจจุบันบริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังลงทุนผลิตรถยนต์ในประเทศไทย และที่ผ่านมาก็ได้รับสิทธิประโยชน์ในด้านการส่งเสริมการลงทุนจากรัฐบาลได้ไปแล้ว โดยเฉพาะสิทธิประโยชน์การลงทุนเกี่ยวกับการผลิตรถยนต์บรรทุกและรถยนต์กระบะในประเทศไทย

สำหรับกรณีกระแสข่าวการย้ายการลงทุนของ ‘อีซูซุมอเตอร์’ ที่ผ่านมา เนื่องจากนายอากัส กูมิวัง คาร์ตาซัสมิตา รัฐมนตรีอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย ได้แถลงข่าวภายหลังพบหารือกับคณะผู้บริหารของบริษัทอีซูซุที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ 6 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา 

ทั้งนี้ รัฐมนตรีอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย ระบุว่า บริษัท อีซูซุ มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น มีแผนจะโยกย้ายการผลิตรถยนต์บางส่วนจากโรงงานแห่งหนึ่งในประเทศไทย ไปยังอินโดนีเซีย โดยจะเริ่มการผลิตอย่างเร็วที่สุดในปีหน้า ซึ่งอินโดนีเซียยินดีกับการตัดสินใจดังกล่าว และจะมอบสิทธิประโยชน์พร้อมให้การสนับสนุนการย้ายฐานการผลิต

ปัจจุบัน บริษัท อีซูซุมอเตอร์ มีโรงงานผลิตรถยนต์ 2 แห่งในประเทศไทย ที่จังหวัดสมุทรปราการและฉะเชิงเทรา โดยมีกำลังการผลิตรถยนต์รวมกัน 385,000 คันต่อปี และมีการจ้างงานพนักงานประมาณ 6,000 คน ส่วนในอินโดนีเซีย อีซูซุมีโรงงานผลิตรถยนต์ 1 แห่งที่เมืองคาราวัง

รายงานข่าวระบุด้วยว่า ปัจจุบันอินโดนีเซียเป็นฐานการผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นหลายค่าย อาทิ ฮอนด้า มิตซูบิชิ ซูซูกิ และอินโดนีเซียกำลังผลักดันตนเองให้ก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากมีวัตถุดิบในด้านดังกล่าวจำนวนมาก

‘อีซูซุ’ ยกระดับให้ กีฬาต่อสู้ประจำชาติไทย เพื่อสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ในชื่อ “Isuzu Thailand Championship”

(23 มี.ค.67) มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “อีซูซุได้จัดการแข่งขันมวยรอบถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ และยาวนานที่สุดของไทยมากกว่า 3 ทศวรรษ จนได้ชื่อว่า 'มวยไทยทางทีวีระดับตำนาน' ปีนี้เราได้ปรับปรุงรูปแบบใหม่ เป็นการแข่งขัน 18 สุดยอดนักมวยจากทั่วประเทศ เพื่อชิงแชมป์ประเทศไทย ซึ่งนับว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่อีกครั้ง ในชื่อ 'Isuzu Thailand Championship' ผู้ชนะเลิศการแข่งขันในปี 2024 นี้จะได้รับถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และรถปิกอัพอีซูซุ ดีแมคซ์ รุ่นใหม่ …เหนือลิมิต พิชิตโลก จำนวน 3 คัน พร้อมเข็มขัดแชมป์ และสิทธิ์ในการเป็นตัวแทนของประเทศไทยในการแข่งขัน THAI FIGHT 2024 อีกด้วย”

การแข่งขันมวย Isuzu Thailand Championship เป็นการยกระดับมวยไทยถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ให้สูงยิ่งขึ้น เพิ่มความสนุกเร้าใจตลอดเกมการแข่งขัน ด้วยเกมการต่อสู้ชิงไหวชิงพริบของนักสู้บนสังเวียนมวยไทย พร้อมความเดือดทะลุจอด้วยการเปลี่ยนจากมวยสวมนวมเป็นมวยคาดเชือกโดยการจัดแข่งขันชกมวยแบบ 'ยกทีมปะทะกัน' ซึ่งThai Fight International Boxing Association (TFIBA) หรือ สมาคมกีฬามวยไทยไฟท์นานาชาติ เป็นผู้รับรองการแข่งขัน ด้วยการนำนักมวยท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาค จัดเป็นทีม ๆ ละ 3 คน เป็นตัวแทนของภูมิภาค โดยแบ่งเป็น 6 ภูมิภาค นักมวย 18 คน ดังนี้

1. ภาคเหนือ
พิกัด 65 กิโลกรัม รุ่น เฟเธอร์เวต ได้แก่ กล้าศึก ส.รัตนพล
พิกัด 67 กิโลกรัม รุ่น ซูเปอร์เฟเธอร์เวท ได้แก่ ซามูไร สีโอปอล
พิกัด 69 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท ได้แก่ วรจักรเล็ก เกียรติฉัตรชัย

2. ภาคอีสานตอนบน
พิกัด 65 กิโลกรัม รุ่น เฟเธอร์เวต ได้แก่ ชัยบุรี ลูกสิงห์นำชัย
พิกัด 67 กิโลกรัม รุ่น ซูเปอร์เฟเธอร์เวท ได้แก่ เพชรตะวัน เกียรติเมืองปรางค์
พิกัด 69 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท ได้แก่ ศักดิ์ณรงค์ ป้ายนต์ผลไม้

3. ภาคอีสานใต้
พิกัด 65 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท ได้แก่ เพชรเอก บ้านไร่มณฑา
พิกัด 67 กิโลกรัม รุ่น ซูเปอร์เฟเธอร์เวท ได้แก่ ปูซาน ปราสาทหินพิมาย
พิกัด 69 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท ได้แก่ กิตติศักดิ์ ศิษย์ช่างเปา

4. ภาคตะวันออก + ตะวันตก
พิกัด 65 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท ได้แก่ ธงชัย เพชรรุ่งเรือง
พิกัด 67 กิโลกรัม รุ่น ซูเปอร์เฟเธอร์เวท ได้แก่ ฉลามดำ ที.บี.เอ็ม.ยิม
พิกัด 69 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท ได้แก่ สิบสองปันนา เกียรติวินัย

5. ภาคกลาง
พิกัด 65 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท ได้แก่ เพชรภาคใหม่ ช.ชนะมวยไทย
พิกัด 67 กิโลกรัม รุ่น ซูเปอร์เฟเธอร์เวท ได้แก่ ยอดเทวินทร์ ม.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง
พิกัด 69 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท ได้แก่ ชนะชัย ช.ชนะมวยไทย

6. ภาคใต้
พิกัด 65 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท ได้แก่ เมืองทรัพย์ เกียรติทรงฤทธิ์
พิกัด 67 กิโลกรัม รุ่น ซูเปอร์เฟเธอร์เวท ได้แก่ รักณรงค์ ช.ณรงค์ศักดิ์
พิกัด 69 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท ได้แก่ ยอดแสนชัย นายกเอท่าศาลา

รูปแบบการแข่งขัน
ทำการแข่งขันชกในรูปแบบมวยคาดเชือก แข่งขันชกกัน 3 ยก จะมีทีมเข้าแข่งขัน 6 ทีม ตามภูมิภาคที่กำหนดไว้ และทำการแข่งขันแบบยกทีม ซึ่งนักมวยทั้ง 3 คน 3 รุ่นน้ำหนักของแต่ละทีม จะต้องแข่งขันชกเพื่อชัยชนะในการสะสมคะแนน ซึ่งทุกทีมจะแข่งขันแบบพบกันหมด ทั้ง 6 ทีม โดยทุกทีมจะทำการแข่งขันในรอบแรก ทีมละ 5 ไฟท์ รวมการแข่งขันในรอบแรก และมีการเก็บคะแนนแบบระบบ League โดยกำหนดการให้คะแนน ดังนี้
• ชนะน็อค ได้ 3 แต้ม
• ชนะคะแนน ได้ 2 แต้ม
• ในกรณีแข่งขันชกครบ 3 ยก ผลการตัดสินออกมา 'เสมอ' จะทำการแข่งขันชกกันต่อในยกที่ 4 ซึ่งจะเป็นยกตัดสิน เพื่อหาผู้ชนะ

เมื่อทุกทีมทำการแข่งขันครบทุกทีมแล้ว จะนำเอาทีมที่มีคะแนนรวมมากเป็นอันดับที่ 1 - 4 เข้ารอบสองต่อไป แล้วทำการแข่งขันกันต่อ เพื่อหาทีมที่ดีที่สุด

การแข่งขันรอบแรก จะมีจำนวนทีม 6 ทีม นำมาแข่งขันแบบพบกันหมด โดยทุกทีมจะทำการแข่งขันในรอบแรก ทีมละ 5 ไฟท์ แล้วเอาทีมที่มีคะแนนเก็บมากที่สุด 4 อันดับแรก นำเข้าสู่รอบสอง (รอบ 4 ทีมสุดท้าย)

การแข่งขันรอบสอง จะมีจำนวนทีม 4 ทีม นำมาแข่งขันแบบไขว้ทีม คือ ด้วยการนำเอาทีมที่มีคะแนนรวมมากเป็นอันดับที่ 1 มาแข่งขันกับทีมที่มีคะแนนรวมมากเป็นอันดับที่ 4 และนำทีมที่มีคะแนนรวมมากเป็นอันดับที่ 2 มาแข่งขันกับทีมที่มีคะแนนรวมมากเป็นอันดับที่ 3 ในกรณีที่ทีมมีคะแนนผลการแข่งขันรวมเท่ากัน ก็จะนำเอาผลการให้คะแนนย่อยในแต่ละยก ของแต่ละคู่ นำมารวมกันทั้ง 3 คู่ ออกมาเป็นคะแนนรวมตัดสิน ซึ่งจะทำการแข่งขันยกทีมเพียงแค่ 2 ไฟท์ ทีมใดแพ้จะตกรอบทันที และทีมที่ชนะจะได้เข้ารอบชิงชนะเลิศในสังเวียน THAI FIGHT และนักมวยทีมชนะเลิศ จะเป็นนักมวยในสังกัด THAI FIGHT โดยทีมที่เป็นแชมป์จะได้รับถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมเข็มขัดแชมป์ และรถปิกอัปอีซูซุดีแมคซ์ สปาร์ค 1.9 Ddi คนละ 1 คัน รวมทั้งหมด 3 คัน เป็นมูลค่ารวมกว่า 1,700,000 บาท พร้อมได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนนักชกไทยในสังเวียนมวยโลก THAI FIGHT 2024

ผลการแข่งขันในไฟท์ที่ 1
พิกัด 65 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท
ภาคกลาง - เพชรภาคใหม่ ช.ชนะมวยไทย [แพ้คะแนน] ภาคตะวันออก - ธงชัย เพชรรุ่งเรือง
ภาคเหนือ - กล้าศึก ส.รัตนพล [ชนะคะแนน] ภาคอีสานเหนือ - ชัยบุรี ลูกสิงห์นำชัย

พิกัด 67 กิโลกรัม รุ่น ซูเปอร์เฟเธอร์เวท
ภาคเหนือ - ซามูไร สีโอปอล [ชนะน็อค ยก 2] ภาคอีสานเหนือ - เพชรตะวัน เกียรติเมืองปรางค์
ภาคกลาง - ยอดเทวินทร์ ม.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง [เสมอ] ภาคตะวันออก - ฉลามดำ ที.บี.เอ็ม.ยิม

พิกัด 69 กิโลกรัม รุ่น มินิ มิดเดิลเวท
ภาคกลาง - ชนะชัย ช.ชนะมวยไทยยิม [ชนะคะแนน] ภาคตะวันออก - สิบสองปันนา เกียรติวินัย
ภาคเหนือ - วรจักรเล็ก เกียรติฉัตรชัย [ชนะคะแนน] ภาคอีสานเหนือ - ศักดิ์ณรงค์ ป้ายนต์ผลไม้

แฟนมวยสามารถติดตามรายการ 'Isuzu Thailand Championship' ทุกวันอาทิตย์ ทางช่อง 8 และ YouTube ช่อง THAI FIGHT OFFICIAL ตั้งแต่เวลา 18.00 – 20.00 น. ถ่ายทอดสดจาก THAI FIGHT ARENA @BEAT ACTIVE ไบเทค บางนา

‘อีซูซุ’ จัดเต็ม ‘รถแต่ง-รถแข่ง-รถโมดิฟาย’ ในงาน ‘Auto Salon’ เอาใจสายมอเตอร์สปอร์ตในคอนเซ็ปต์ ‘Racing Spirit’ ที่เมืองทองธานี

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่บูธ ‘อีซูซุ’ ภายในงาน ‘Bangkok Auto Salon 2024’ กลุ่มตรีเพชร โดยคุณวิชัย สินอนันต์พัฒน์ กรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า Bangkok Auto Salon 2024 เป็นมหกรรมแสดงและจำหน่ายยนตรกรรม พร้อมอุปกรณ์แต่งรถยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน ในปีนี้อีซูซุได้นำรถมาจัดแสดงมากมาย 

นำทีมโดย รถอเนกประสงค์ NEW! MU-X ‘THE NEXT PEAK’ ที่เพิ่งออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา กับรุ่น RS ที่มาพร้อมชุดแต่ง RS Design รอบคัน ผ่านเส้นสายที่มีความ Dynamic สปอร์ต หรูหรา มาโชว์ ในงาน พร้อมด้วยรถแต่งพิเศษจากโรงงานและโมดิฟายช็อปชั้นนำ เอาใจสายเรซซิ่งไปอีก ด้วยรถแข่งแชมป์ 2 ปีซ้อน รุ่น Super Truck ในรายการแข่งขัน Thailand Super Series และ PT Maxnitron Racing Series มาจัดแสดงในงานเพื่อต่อยอดสำหรับประชาคมอีซูซุที่ชื่นชอบการแต่งรถและสร้างสรรค์การทำงานแบบเป็นทีมในกิจกรรมรูปแบบมอเตอร์สปอร์ต

ทั้งนี้อีซูซุได้นำทัพยนตรกรรมแต่งพิเศษและแบบมาตรฐาน มาร่วมจัดแสดงในงาน Bangkok Auto Salon 2024 รวมทั้งสิ้น 9 คัน

รถแต่งพิเศษ 6 คัน ได้แก่

• รถแข่งจากสนามเซอร์กิต รถแข่งคันแรกผลงานแชมป์ประเทศไทย 2 ปีซ้อน ถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 รายการ Thailand Super Series รุ่น Super Pick-up ทีม Nexzter MK Sport HYB BRC Flex Speedoil Repsol Motul โดย อู๊ด & อ๋อง ระยอง โดยมี NEW! ISUZU D-MAX SPARK ขับโดยเบสท์เทอร์โบยำ แท็กทีมมาพร้อมกับ NEW! ISUZU D-MAX SPACECAB จากหนุ่ม เม้งการยาง ชลบุรี รถแข่งทั้ง 2 คันโมดิฟายจัดเต็มแพ็คคู่ แต่งสเต็ปเดียวกัน เครื่องยนต์ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ปรับให้มีกำลังสูงสุดถึง 524 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,100 นิวตัน-เมตร จุดประกายความแรงด้วยกล่องพ่วงเพิ่มแรงม้า ECU Shop หัวฉีดแต่งจากโอ๊ต-อู่ช่างขวัญ เทอร์โบ Flex ชุดลูกสูบ ก้านสูบ ข้อเหวี่ยง MRX คลัชต์ BRC เพิ่มความมั่นใจด้วยชุดช่วงล่าง Penske setup บุญยางชลบุรี ล้อMK SPORT หนุ่มเม้ง การยางชลบุรี พร้อมยาง Hankook 275/40 R18 ระบบเบรก Nexzter ส่วนบอดี้จัดสเต็ปแต่งเต็มรอบคันด้วยชุดกันชนหน้า กระจังหน้า ฝากระโปรงหน้า แก้มหน้าซ้าย-ขวา ประตูซ้าย-ขวา สเกิร์ตรอบคัน ฝาปิดท้ายกระบะ ปีกหลังพร้อมดิฟฟิวเซอร์เป็นงานคาร์บอนคอมโพสิตที่ออกแบบและสร้างทั้งคันโดย ปืน AKANA CARBON เบื้องหลังการทำรถแข่งทั้ง 2 คันโดย อู๊ด & อ๋องระยอง และควบคุมการสร้างรถแข่งโดย โน๊ต & นัท ออโต้คาร์ ระยอง

• ใหม่! MU-X ‘THE NEXT PEAK’ รุ่น ACTIVE เครื่องยนต์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ สีขาวมุกโดโลไมท์ (Dolomite White Pearl) กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน /เมตร เกียร์อัตโนมัติ 6 Speed พร้อมโหมด Rev Tronic เสริมลุคสไตล์สปอร์ตด้วยล้ออัลลอย MK Sport M-1 ขนาด 9.5x20 นิ้ว คู่กับยางสปอร์ต Toyo Tires รุ่น ST-3 ขนาด 265/50 R20 เพิ่มความหนึบด้วยชุดโช้คอัพ และสปริงโหลด Profender รุ่น Tune Series พร้อมชุดปีกนกบน Profender รวมมูลค่าชุดแต่ง 191,899 บาท

• NEW! ISUZU D-MAX SPACECAB เครื่องยนต์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เกรด S สีเงินโบฮีเมียน เมทัลลิก (Bohemian Silver Metallic) เพิ่มพลังให้ขับสนุกขึ้นด้วยกล่องพ่วงเพิ่มแรงม้า Alpha Tech ทำให้เครื่องยนต์เดิมมีแรงม้าสูงสุดที่ 197 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 530นิวตัน-เมตร ตกแต่งพิเศษด้วยฝากระโปรงหน้าคาร์บอนคอมโพสิตจาก Monza Factory เสริมความเท่ด้วยล้ออัลลอย MK Sport M-10 ขนาด 9.0x18 นิ้ว คู่กับยางสปอร์ต Nitto Tires รุ่น NT-420SD ขนาด 255/50 R18  จัดทรงด้วยชุดโช้คอัพ สปริงโหลดจาก Profender รุ่น Queen Series รวมมูลค่าชุดแต่ง 110,590 บาท

• NEW! ISUZU V-CROSS 4X4 เครื่องยนต์ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ สีส้มนามิบูไมก้า (Namibu Orange Mica) จัดเต็มสไตล์แคมปิ้งด้วยชุดแต่ง TJM รอบคัน เท่ลงตัวด้วยชุดแต่งจาก TJM ยกคัน ดุดันด้วยล้ออัลลอย TJM รุ่น KONG ขับสนุกทุกสภาพถนนด้วยยาง BRIDGESTONE Dueler AT002 ขนาด 265/60 R18 เพิ่มประโยชน์ใช้สอยด้วยฝาปิดกระบะท้ายแบบไฟฟ้า AEROKLAS E-ROLLER LID รวมมูลค่าชุดแต่ง 384,820 บาท

• NEW! ISUZU V-CROSS 4X4 เครื่องยนต์ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เกรด M สีเทาไอลาย์ โอเพค (Islay Gray Opaque) มาพร้อมชุดแต่ง IRONMAN 4×4 ตอบโจทย์นักเดินทางสายลุย ด้วยชุดแต่ง ดังนี้  กันชนหน้าแบบสามเขาพร้อมไฟสปอร์ตไลท์ LED รอกไฟฟ้าขนาด 9,500 ปอนด์ ไซเรียลการ์ดพร้อมบันไดข้าง กันชนหลังแบบเต็มรองรับเซ็นเซอร์และโซน่าด้านหลัง  ชุดขาจับพร้อมแร็คหลังคาอะลูมิเนียม Atlas  ชุดขาจับพร้อมไฟสปอร์ตไลท์รอบคัน  หลังคาอะลูมิเนียม Alu Cab คุณภาพสูง  ขาจับพร้อมแม่แรงไฮลิฟท์แจ็ค เต๊นท์หลังคาอะลูมิเนียม Orion  ยาง BRIDGESTONE DUELER AT002 ขนาด 285/60 R18 และล้อ Lenso รุ่น MX Cezar ขนาด 18 นิ้ว โดยรถคันดังกล่าวโชว์ ณ โซน Camping

พร้อมด้วยรถอีซูซุมาตรฐานทั้งหมด 3 คัน ได้แก่

• ISUZU X-SERIES รุ่น SPEED 4 ประตู เครื่องยนต์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สีขาวไซบีเรียน (Siberian White) ปิกอัพสปอร์ตดีไซน์ใหม่ ชุดแต่ง The X Package กระจังหน้าโทนเข้มตัดแดง Garnet Red สติกเกอร์ Dual Stripes คาดหน้า-หลัง พร้อมสเกิร์ตหน้า-หลังสไตล์ Integrated สเกิร์ตข้างดีไซน์เฉพาะตัว ล้ออัลลอย 16 นิ้ว สี Gloss Black พร้อมดีไซน์หน้าปัดแสดงข้อมูลสไตล์เรซซิ่ง สะท้อนตัวตนผ่านโลโก้ X หน้าจอ Infotainment 8 นิ้ว ระบบสัมผัส ดีไซน์สปอร์ตโทนแดง รองรับระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay คอนโซลดีไซน์แบบ Flaming Wing ให้ความเร้าใจ

• ISUZU X-SERIES รุ่น HI-LANDER 4 ประตู เครื่องยนต์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด สีดำบาวาเรียน (Bavarian Black Mica) ปิกอัพสปอร์ตยกสูง กระจังหน้าโทนเข้มตัดแดง Garnet Red สติกเกอร์ Dual Stripes คาดหน้า-หลัง พร้อมสเกิร์ตหน้า-หลังสไตล์ Integrated พร้อม Aerodynamic Sport Bar เหนือกระบะท้าย ล้ออัลลอย 18 นิ้ว สี Gloss Black ห้องโดยสารโทนดำ-เทา หน้าจอแสดงข้อมูล Integrated MID 7 นิ้ว โทนแดงให้อารมณ์สปอร์ตพรีเมียม พร้อมโลโก้ X หน้าจอ Infotainment 8 นิ้ว ระบบสัมผัส รองรับระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay พร้อม Sequential Paddle Shift ที่พวงมาลัย

• NEW! MU-X THE NEXT PEAK รุ่น RS สีเทา ไอเกอร์ โอเพค (Eiger Gray Opaque) เครื่องยนต์ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน/เมตร สุดยอดรถอเนกประสงค์ ใหม่ภายใต้นิยาม ‘จุดสูงสุดใหม่...กับชีวิตที่เหนือกว่า’ ดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกจดภายใน พร้อมกล้องรอบคัน 360 องศา (360° Surround View Camera) เพิ่มความมั่นใจเหนือกว่าด้วยมุมมองใต้ท้องรถ ขับสบาย มั่นใจด้วยพวงมาลัยไฟฟ้า และเสริมความปลอดภัยเหนือขั้น ด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS Generation ล่าสุด! มาพร้อมกับระบบช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกเลน (LDP) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในสถานการณ์ฉุกเฉิน (ELK) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKAS) ระบบช่วยควบคุมทิศทางของรถตามคันหน้า (TJA) ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย (RCTB) และระบบอื่นๆมากถึง 17 ระบบ

ผู้ที่สนใจสามารถมาชมไอเดียการแต่งรถ สัมผัส และทดลองขับรถสปอร์ตตัวจริงจากอีซูซุได้ในงาน ‘บางกอก ออโต ซาลอน 2024’ มหกรรมแสดงและจัดจำหน่ายยนตรกรรม พร้อมอุปกรณ์แต่งรถ ระหว่างวันที่ 26 – 30 มิถุนายน นี้ ณ อาคาร ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

‘อีซูซุ’ ยกขบวน!! ยนตรกรรม สุดล้ำ ขุมพลังดีเซล แห่งอนาคต 2.2 Ddi MAXFORCE โชว์ตัวครั้งแรก ในงาน Motor Expo 2024

(30 พ.ย. 67) อีซูซุจำลองบรรยากาศสนามแข่งรถ ยกขบวนยนตรกรรมสุดยอดสมรรถนะเครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต ใหม่! 2.2 Ddi MAXFORCE The FORCE of FUTURE พลังใหม่…กำหนดโลก โดยนำ อีซูซุ ดีแมคซ์ และ มิว-เอ็กซ์ ใหม่!! ภายใต้ชื่อเครื่องยนต์  MAXFORCE ร่วมโชว์งานแรกใน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41 (The 41st Thailand International Motor Expo 2024) ณ อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์  เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน - 10 ธันวาคม 2567 

กลุ่มตรีเพชร โดย มร. ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า อีซูซุได้เปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต ใหม่!! ISUZU 2.2 Ddi MAXFORCE พลังใหม่…กำหนดโลก ซึ่งเป็นขุมพลังที่แรงขึ้น เร็วขึ้น ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดน้ำมันกว่าเดิม และมีค่า CO2 ต่ำที่สุดในรถระดับเดียวกัน สามารถรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือทำงานควบคู่กับพลังงานทางเลือกอื่น ๆ ในอนาคต พร้อม ใหม่! ISUZU 3.0 Ddi MAXFORCE ที่มี ใหม่!! ECM แบบ MULTI-CORE โดยมีให้เลือกทั้งในอีซูซุ ดีแมคซ์ และ มิว-เอ็กซ์ ซึ่งจะเริ่มจำหน่ายวันแรกในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 และได้นำรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลแห่งอนาคต ใหม่! 2.2 Ddi MAXFORCE และ ใหม่!! 3.0 Ddi MAXFORCE The FORCE of FUTURE พลังใหม่…กำหนดโลก ร่วมโชว์ครั้งแรกในงาน Motor Expo 2024 โดยจำลองบรรยากาศของสนามแข่งรถ พร้อม ISUZU SAFETY CAR และกิจกรรม MAXFORCE 360° XPERIENCE ผ่าน VR มุมมอง 360 องศา เพื่อสัมผัสประสบการณ์ความแรงและเร็วเสมือนนั่งกับนักแข่งรถในสนามจริง นอกจากนี้ยังได้นำอีซูซุ เอ็กซ์-ซีรี่ส์ 1.9 Ddi Blue Power ไลฟ์สไตล์ปิกอัพสายพันธุ์สปอร์ต และรถแต่งหลากหลายสไตล์มาร่วมโชว์ รวมทั้งสิ้น 15 คัน ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลของโลก และตอบโจทย์ครบครันด้านความอเนกประสงค์ที่เหนือกว่าทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและไลฟ์สไตล์

ใหม่! ISUZU 2.2 Ddi MAXFORCE พลังใหม่…กำหนดโลก ได้รับการพัฒนาใหม่ ให้เป็นเครื่องยนต์แห่งอนาคต ตอบโจทย์การใช้งานมากยิ่งขึ้น ด้วยพละกำลังสูงขึ้นแรงสุดถึง 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดถึง 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,400 รอบ/นาที  ออกตัว เร่งแซงเร็วขึ้น กับแรงบิดช่วงออกตัวสูงขึ้นถึง 56%  แต่ประหยัดน้ำมันยิ่งกว่าเดิมสูงสุด 10% และมีค่า CO2  ต่ำที่สุดในรถระดับเดียวกัน  ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานอีซูซุเป็นระยะทางเทียบเท่า 2.2 ล้านกิโลเมตร จนมั่นใจว่าเครื่องยนต์นี้มีความแรง ทนทาน และประหยัดน้ำมันเหมาะสมกับตลาดรถยนต์เมืองไทยมากที่สุด พร้อมที่จะถ่ายทอดสมรรถนะอันยอดเยี่ยมในทุก ๆ ด้าน ถือเป็นเทคโนโลยีดีเซลที่จะกำหนดอนาคตแห่งการขับเคลื่อนอย่างแท้จริง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top