Tuesday, 14 May 2024
Hongkong

'สื่ออังกฤษ' เผย!! แกนนำม็อบฮ่องกง ตกอับ!! หลังขอลี้ภัยมาอยู่อังกฤษ

Sky News สำนักข่าวในสหราชอาณาจักร ได้เผยแพร่สกู๊ปข่าวพิเศษ กรณีที่ชาวฮ่องกงจำนวนมาก ย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ในกรุงลอนดอน โดยการที่มีกลุ่มผู้ย้ายถิ่นฐานจำนวนมากมายมหาศาลเช่นนี้ ทำให้หลายคนเริ่มวิตกกังวลว่า จะเกิดสภาวะการแย่งชิงทรัพยากรระหว่างคนท้องถิ่นดั้งเดิมกับชาวฮ่องกง และอาจเกิดความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติ 

ขณะเดียวกัน ฟากมุมของอดีตแกนนำม็อบฮ่องกงที่ได้มาลี้ภัยในกรุงลอนดอนนั้น กลับกลายเป็น 'คนไร้บ้าน' และอดีตแกนนำม็อบฮ่องกงผู้นี้ก็ได้ให้สัมภาษณ์ด้วยว่า รู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งและถูกหักหลัง ที่ต้องมาใช้ชีวิตแบบปากกัดตีนถีบในอังกฤษ

หลังจากเหตุการณ์การประท้วงและการก่อจลาจลในฮ่องกง จนรัฐบาลจีนต้องประกาศใช้กฎหมายความมั่นคง ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563 เพื่อระงับเหตุการณ์ความไม่สงบ ทำให้ชาวฮ่องกงจำนวนมากที่มีแนวคิดต่อต้านรัฐบาลจีน พากันอพยพไปยังประเทศอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหราชอาณาจักร ที่ประกาศเปิดรับชาวฮ่องกงที่ต้องการย้ายถิ่นฐาน โดยตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 เป็นต้นมา มีชาวฮ่องกงย้ายถิ่นฐานเข้ามาในสหราชอาณาจักร โดยเฉลี่ยสัปดาห์ละ 2.5 พันคน

นายริชาร์ด ชอย (Richard Choi) ชาวฮ่องกงที่ย้ายมาอยู่ในเขตสัตตัน (Sutton) กรุงลอนดอน ตั้งแต่ 13 ปีก่อน เผยว่า เขตสัตตัน เป็นเขตรอบนอกของกรุงลอนดอน และเป็นเขตที่มีชุมชนชาวฮ่องกงอาศัยอยู่ และกำลังมีจำนวนผู้ย้ายถิ่นฐานมาจากฮ่องกงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ 

ล็อกดาวน์อาคารในเขต​ 'เหย่าหม่าเต๋'​ หลังพบนักบินขนส่งสินค้าติด​ Omicron

เฟซบุ๊ก​ Thai​ HK ได้โพสต์ข้อความ​ ระบุว่า... 

ด่วน!! ล็อกดาวน์อาคารย่านเหย่าหม่าเต๋

ปิดล็อกดาวน์อาคาร Cheung Hing Building, Pitt Street, ในเขตเหย่าหม่าเต๋​ เพื่อทำการตรวจทดสอบผู้อยู่อาศัยในอาคารดังกล่าวให้เสร็จสิ้นก่อน 7:00 น.​ ของเช้าวันศุกร์

หลังพบว่าผลตรวจของนักบินเที่ยวบินขนส่งสินค้าของคาเธ่ย์ มีการติดเชื้อของสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron)

นิวยอร์ก ครองแชมป์!!

นิวยอร์ก ครองแชมป์!! 

จากการสำรวจ ‘ค่าครองชีพ’ ครั้งล่าสุดของ ‘ECA International’ ที่ทำการจัดอันดับ 207 เมือง ใน 120 ประเทศและเขตการปกครองทั่วโลก ผลปรากฏว่า ฮ่องกงหลุดจากอันดับ 1 ในการเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลกสำหรับชาวต่างชาติ

หลังจากติดอันดับ 1 ติดต่อกัน 4 ปี โดยถูกนิวยอร์กแซงหน้าขึ้นแท่นมาเป็นอันดับ 1 ในปีนี้ เนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่าและค่าเช่าที่ที่สูงขึ้นอย่างมากนั่นเอง
 

‘ฮ่องกง’ เตรียมประกาศเปิดรับแรงงานต่างชาติเพิ่ม แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน รองรับ GDP โตต่อเนื่อง

เมื่อไม่นานนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ‘ฮ่องกง’ ได้เตรียมเปิดรับแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศเพิ่ม โดยนายจอห์น ลี ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงกล่าวว่า ฮ่องกงจะผ่อนปรนกฎการเข้าเมืองสำหรับแรงงานต่างชาติ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานบนเกาะฮ่องกง ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงิน

รัฐบาลจะประกาศแผนการดึงดูดคนให้เข้ามาทำงานในภาคส่วนต่าง ๆ ที่ประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรง

ฮ่องกงกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคบริการและอุตสาหกรรมอื่นๆ ในขณะที่จำนวนธุรกิจเพิ่มมากขึ้น นับตั้งแต่มีการยกเลิกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้านนักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า ปัญหามาจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง ซึ่งรวมถึงแรงงานท้องถิ่นที่ลดลง และนโยบายการย้ายถิ่นฐานของฮ่องกงเองด้วย

เศรษฐกิจของฮ่องกงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในไตรมาสแรก โดยฟื้นตัวจากภาวะถดถอยขณะที่การเปิดพรมแดนได้ฟื้นฟูการใช้จ่าย โดยจากผลสำรวจล่าสุดของสำนักข่าวบลูมเบิร์กนั้น นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของฮ่องกงจะเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 4.6% ในปีนี้

แม้ว่านายลีไม่ได้ระบุรายละเอียดเฉพาะเจาะจงใดๆ ของแผนการแก้ไขปัญหาแรงงาน แต่ได้อ้างถึงปัญหาในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การเดินทาง การขนส่ง และการก่อสร้าง โดยฮ่องกงต้องการแรงงานก่อสร้างอย่างน้อย 10,000 คน และแรงงานในภาคการเดินทางและขนส่ง 8,000 คน
 

‘เทศกาลกลองฮ่องกง’ ชูแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมทางดนตรีจากทั่วโลก ปิดท้ายแสง-สี-เสียงแบบจัดเต็ม!! ประทับความสนุกในดวงใจผู้ชมไม่รู้ลืม

เมื่อไม่นานนี้ ‘ไชน่าเคม กรุ๊ป’ (Chinachem Group) ฮ่องกง ได้ร่วมจัดงานเทศกาลกลอง ภายใต้ธีม ‘One Beat, One World : Connecting Through The Drum’ และคอนเสิร์ตดนตรีสด 5G ในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี ของเทศกาลกลองฮ่องกง ซึ่งเป็นการแสดงที่หาชมได้ยากรายการหนึ่ง จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมเชิงบวก ผ่านพลังของการตีกลอง และทำให้ฮ่องกงเป็นที่รู้จักในฐานะ ‘เมืองหลวงแห่งการจัดงาน’

ศาสตราจารย์หยาน ฮุ่ยชาง ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ และผู้ควบคุมวง ฮ่องกงไชนีสออเคสตรา (Hong Kong Chinese Orchestra) กล่าวว่า วงฮ่องกงไชนีสออเคสตรา ได้นำเสนอการแสดงดนตรีสู่สาธารณชน เพื่อส่งเสริมเรื่องราวของศิลปะจีนและฮ่องกงที่วิจิตรงดงาม และสืบทอดมายาวนาน ผ่านเทศกาลกลองที่มีชื่อว่า ‘One Beat, One World : Connecting Through The Drum’ และคอนเสิร์ตดนตรีสด 5G ซึ่งได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ ศูนย์วัฒนธรรมอาร์ตปาร์ค เกาลูนตะวันตก โดยภายในงานได้มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การตั้งกลองสันติภาพขนาดยักษ์สูง 3.47 เมตรให้ทุกคนได้เล่น, การแสดงบนเวทีโดยทีมที่ชนะการแข่งขันกลอง Hong Kong Synergy, ขบวนพาเหรดที่แสดงโดยทีมตีกลองจำนวน 24 ทีม และการแสดงกลองที่ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรม หรือซอฟต์พาวเวอร์ของจีน ได้แก่ Yan'anCity An'sai Waist Drum Troupe จากมณฑลส่านซี, ทีม Chengnan Zhongjing Yingge จากซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง และคณะกลอง Shanxi Jiangzhou

ซึ่งภายในคอนเสิร์ตการแสดงสด 5G ในรอบชิงชนะเลิศสุดอลังการนี้ ยังมีการแสดงกลองอันโดดเด่นจากทั่วโลก นำโดย ยาน ฮุยชาง (Yan Huichang ) ผู้นำวงฮ่องกงไชนีสออเคสตรา (Hong Kong Chinese Orchestra) ร่วมกับศิลปินที่มีชื่อเสียงจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งได้แก่ โดริ (Dori) จากประเทศสาธารณรัฐเกาหลี, โยสุเกะ โอดะ (Yosuke Oda) จากประเทศญี่ปุ่น, อะซากูโน (Azaguno) จากประเทศแอฟริกา, แอปบอส กรุ๊ป (Abbos Group) จากประเทศอุซเบกิสถาน และแอนโทนี เฟอนันเดส (Anthony Fernandes) ผู้มีชื่อเสียงด้านกลองระดับโลก

โดยการแสดงแต่ละชุดได้สะท้อนถึงประเพณีการตีกลองอันยาวนานจากทั่วโลก ที่ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนดนตรีและวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงตีกลองของญี่ปุ่นที่ทรงพลังและสะเทือนอารมณ์ โดนใจผู้ชมอย่างลึกซึ้ง, ซามุล โนริ (Samul nori) เครื่องเคาะจังหวะแบบดั้งเดิมของเกาหลี ที่มีลักษณะเด่นอยู่ที่จังหวะอันทรงพลัง, การเคลื่อนไหวของร่างกายที่กระฉับกระเฉง, การแสดงที่มีชีวิตชีวา และกลุ่มเครื่องเพอร์คัชชัน ของแอปบอสกรุ๊ป จากอุซเบกิสถาน ที่ทำให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วม สร้างบรรยากาศโดยรวม ซึ่งรวมถึงกลุ่มเอ้อหูที่ได้จัดแสดงงิ้วกวางตุ้ง ‘The Floral Princess’ ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมอย่างมาก

ซึ่งในคอนเสิร์ตครั้งนี้ได้มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ผ่านเทคโนโลยี 5G ที่ได้ดึงดูดให้มีผู้เข้าชมสดและผู้ชมออนไลน์จำนวนกว่า 16,000 ราย เพื่อดื่มด่ำไปกับโลกแห่งเครื่องเพอร์คัชชันอันน่าหลงใหล น่าตื่นเต้น และจังหวะที่น่าเร้าใจบนเวที ซึ่งผู้เข้าชมสดจะได้รับกลองสีน้ำตาล สำหรับการเล่นโต้ตอบกับวงออเคสตราและนักเพอร์คัชชัน ถือเป็นการปิดท้ายคอนเสิร์ตที่เต็มไปด้วยความหลงใหล และมีชีวิตชีวามากที่สุด

ซึ่งในการจัดงานครั้งต่อไป ก็หวังว่าจะมีการแสดงกลองจากประเทศไทย อาทิ กลองสะบัดชัย หรือกลองยาว เดินทางไปร่วมภายในงาน จึงขอฝากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ไปพิจารณากันด้วย

โดยผู้สนใจจะสามารถชมวิดีโอย้อนหลังได้ที่ https://www.youtube.com/live/rohXU0OI8UQ?si=YE-OTyvxwOOnMNv0 ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดติดต่อ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทรศัพท์ 062-7341267 และ 086-4978941

‘ฮ่องกง’ เผชิญวิกฤติ ‘นักท่องเที่ยวจีนหด-ยอดจับจ่ายลดฮวบ’ หลังขาชอปกระเป๋าหนักเริ่มเอือม เปลี่ยนจุดหมายไปไหหลำแทน

เจ้าของธุรกิจร้านค้า แบรนด์เนมหรูในฮ่องกง ถึงคราวต้องเปลี่ยนกลยุทธ์หนีตาย หลังพบยอดนักท่องเที่ยวจีนระดับไฮ-เอนด์ ลดฮวบ ยอดจับจ่ายไม่ตรงตามเป้า คาด พิษเศรษฐกิจจีนยังซบเซา อีกทั้งนักท่องเที่ยวจีนแผ่นดินใหญ่เริ่มเอือมฮ่องกง หนีไปเที่ยว ‘เกาะไหหลำ’ แทน

คาดการณ์ผิด ธุรกิจเปลี่ยนทันที สำหรับฮ่องกง ที่เคยขึ้นชื่อเรื่องแหล่งชอปปิงสุดฮิตติดลมบนของชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ที่นิยมมาจับจ่ายซื้อสินค้าหรู แบรนด์เนมกันทีละมากๆ ดั่งสำนวนที่ว่า “shop till you drop - ไม่ล้มละลาย ไม่เลิก”

แม้แต่ช่วงก่อน Covid-19 ที่ตลาดสินค้าแบรนด์เนมทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอตัว ก็ยังมีฮ่องกงที่ยังคึกคักไปด้วยลูกค้ากระเป๋าหนักจากจีนอย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งเกิดวิกฤติ Covid-19 ที่ทางการฮ่องกงต้องใช้มาตรการ Lockdown ปิดเกาะ คัดกรองชาวต่างชาติ และชาวจีนนานแรมปี จนทำให้ร้านค้าในฮ่องกงจำนวนมากต้องยุติกิจการไป

แต่หลังจากวิกฤติ Covid-19 ผ่านพ้นไป ทางการฮ่องกงเคยคาดว่า การท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคักได้ดังเดิมภายในเวลา 1 ปี รวมถึงยอดจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยว ที่อั้นไว้นานตั้งแต่ช่วงปิด Covid-19 แต่ยอดนักท่องเที่ยวกลับไม่เป็นไปตามเป้า โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ ที่มาน้อยลงกว่าที่คาด แถมยอดการจับจ่ายซื้อของต่อคนที่เคยหวือหวา ตอนนี้ลดเหลือเพียง 18-55% จากค่าเฉลี่ยในปี 2018 ก่อนเกิน Covid-19

สัญญาณเตือนแรงมาจากการเริ่มทยอยปิดร้านบางสาขาของร้านค้าแบรนด์หรูในฮ่องกง ทั้ง Valentino, Burberry, Louis Vuitton และล่าสุด Harvey Nichols ห้างหรูสัญชาติอังกฤษก็ประกาศคืนพื้นที่เช่า ปิดกิจการสาขาใหญ่ ในเขต Central ในห้าง Landmark Store ในปลายปี 2023 นี้แล้วเช่นกัน เนื่องจากยอดการจับจ่ายซื้อสินค้าของนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลหยุดยาวของจีนไม่เข้าเป้า การลดสาขาจึงเป็นทางออกที่ดีกว่าในการรักษาระดับผลกำไร จากการขายสินค้าแบรนด์หรูในสถานการณ์ที่ลูกค้ามีจำนวนลดลง

นักวิเคราะห์ด้านการตลาดมองว่า ปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดลง แถมยอดจับจ่ายต่อหัวก็ลดลงตามไปด้วย เป็นเพราะพิษเศรษฐกิจของจีน ที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เหมือนก่อนช่วง Covid-19

แต่บางส่วนมองว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเริ่มลดลงตั้งแต่เข้าปี 2019 แล้ว จากผลพวงของเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดนในฮ่องกง ที่ลุกลามจนเกิดกระแส ‘ปลดปล่อยฮ่องกง’ เมื่อมีกลุ่มผู้ประท้วงจำนวนไม่น้อยออกมาแสดงออกในเชิงเหยียด ไม่ต้อนรับชาวจีนแผ่นดินใหญ่อีกต่อไป ซึ่งเป็นเหตุการณ์ก่อนที่จะเกิดวิกฤติ Covid-19 เสียอีก

มิหนำซ้ำ การเติบโตของการซื้อสินค้าออนไลน์ และสถานที่ท่องเที่ยวคู่แข่งอย่างเกาะไหหลำ ที่รัฐบาลจีนหมายมั่นปั้นให้เป็น ‘เกาะฮาวายแห่งประเทศจีน’ ด้วยนโยบายเกาะปลอดภาษี ที่ให้ชาวจีนและนักท่องเที่ยวสามารถมาชอปปิงสินค้าแบรนด์หรูปลอดภาษีได้ไม่อั้น จนทำให้มีร้านค้ามาเปิดกิจการแล้วมากกว่า 3,000 แบรนด์ และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากถึง 28.6 ล้านคน ภายในแค่ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ จึงถูกมองว่าเป็นคู่แข่งที่มาแรงของเกาะฮ่องกง

‘โรแซนนา ถัง’ ผู้บริหารของห้าง Cushman & Wakefield ในฮ่องกงมองว่า ตอนนี้กระแสการท่องเที่ยวในฮ่องกงเริ่มเปลี่ยนจากจุดหมายปลายทางของการชอปปิง ไปสู่การท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์มากขึ้น หากดูจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ที่นิยมไปเช็กอินตามจุดถ่ายรูป จุดชมวิวสวยๆ ที่สามารถแชร์ลงสื่อโซเชียลได้ จนกลายเป็นคำศัพท์บัญญัติใหม่ว่า ‘Instragramable places’

กิจการ ร้านค้าหลายแห่งต้องปรับเปลี่ยนบรรยากาศร้านใหม่ หรือขยายไปจับธุรกิจร้านน้ำชา คาเฟ่ ร้านนั่งชิล ร้านอาหารที่ขายบรรยากาศ ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวหลากหลายกลุ่มมากกว่า

รัฐบาลฮ่องกงก็เล็งเห็นกระแสการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปเช่นกัน และพยายามที่จะผลักดันโปรเจกต์ส่งเสริมการท่องเที่ยวฮ่องกงในรูปแบบใหม่ เช่น การจัดงานเทศกาลประจำฤดู งานวัฒนธรรมท้องถิ่นที่สำคัญ โปรโมตการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ แบบ ‘Unseen Hong Kong’ ที่ไม่ใช่แค่จุดหมายเรื่องการชอปปิง แต่สามารถมาท่องเที่ยวแบบ Outdoor ปีนเขา ล่องทะเลได้ด้วย

แต่ก็ต้องใช้เวลา และทุนสนับสนุนไม่ใช่น้อยทีเดียว ในการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับฮ่องกง เมื่อเกาะสวรรค์แห่งการชอปปิงสินค้าหรูกำลังสิ้นมนต์ขลัง เพราะคู่แข่งในย่านเอเชียที่มาแรงอย่างเกาะไหหลำของจีน การปรับลุคใหม่เพื่อเรียกลูกค้าเก่าจากแผ่นดินใหญ่ให้กลับมาอีกครั้ง นับเป็นโจทย์หินที่ท้าทายอย่างมากจริงๆ

เรื่อง : ยีนส์ อรุณรัตน์

‘Ho Yik-king’ นักเคลื่อนไหวเรียกร้องเอกราชฮ่องกง ปลิดชีพตนในอังกฤษ หลังชีวิตในแดนผู้ดี แทบไม่มีอะไรดั่งฝัน ‘ต่ำชั้นกว่าพลเมืองในประเทศ’

นักเคลื่อนไหวเรียกร้องเอกราชฮ่องกง… ฆ่าตัวตายในอังกฤษ!!

เรื่องราวที่น่าสะเทือนใจอันเป็นชีวิตจริงของหญิงสาวนักเคลื่อนไหว ผู้เรียกร้องเอกราชฮ่องกงจากจีน ‘Ho Yik-king’ (โฮ ยิก-คิง) ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยและระหว่างการศึกษาในมหาวิทยาลัยฮ่องกง เธอประพฤติตัวดีเสมอมา หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาเอเชียศึกษาและนานาชาติ ด้วยความชื่นชอบในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เธอจึงได้ศึกษาเพิ่มเติมในมหาวิทยาลัยเจนีวาจนสำเร็จปริญญาโท

ในปี 2018 ฮ่องกงต้องประสบกับการประท้วงอันความสับสนอลหม่านภายใน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเสนอให้แก้ไขกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ของกลุ่มบุคคลหัวรุนแรงในฮ่องกง ซึ่งต่อต้านรัฐบาลจีน และเพื่อเป็นการแสดงออกถึงการคัดค้านการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว กลุ่มบุคคลหัวรุนแรงเหล่านี้ จึงได้จัดการประท้วงอย่างต่อเนื่องบนท้องถนนย่านใจกลางเมืองฮ่องกง และเมื่อไม่มีการตอบโต้จากรัฐบาลฮ่องกง กลุ่มผู้ประท้วงจึงได้เพิ่มความรุนแรงในการประท้วงของพวกเขา โดยหันไปใช้วิธีทำลายล้าง หรือแม้แต่โจมตีต่อประชาชนชาวฮ่องกงทั่วไป

ในช่วงเวลานี้ ภายใต้อิทธิพลของบรรดาเพื่อนร่วมงานของเธอ ‘Ho Yik-king’ ได้รับการปลูกฝังในเรื่องการเรียกร้องเอกราชของฮ่องกงโดยสมบูรณ์ และได้เข้าร่วมขบวนการต่อต้านการส่งผู้ร้ายข้ามแดนอย่างแข็งขัน ที่สุดเธอจึงกลายเป็นบุคคลสำคัญในหมู่คนหัวรุนแรงเหล่านี้ โดยใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อแสดงมุมมองที่รุนแรง และมีส่วนร่วมในการเผชิญหน้ากับรัฐบาลฮ่องกง เชื่อกันว่า เธอได้การสนับสนุนจากรัฐบาลอังกฤษในการเรียกร้องเอกราชให้ฮ่องกง และเธอถูกรัฐบาลฮ่องกงพยายามจับกุม

หลังจากเธอขายทรัพย์สินทั้งหมดของตัวเองในฮ่องกงแล้ว ด้วยความช่วยเหลือของรัฐบาลอังกฤษ โดยเธอได้รับพาสปอร์ต ‘BNO’ (British National Overseas) อย่างไรก็ตาม หลังจากเธอเดินทางไปอยู่ในอังกฤษแล้ว เธอแทบไม่ได้รับการดูแลอะไรจากรัฐบาลอังกฤษเลย จะไปหางานทำ หรือเปิดบัญชีธนาคารก็ทำไม่ได้ เพราะพาสปอร์ต BNO ไม่สามารถทำให้เธอมีสิทธิเช่นเดียวกับพลเมืองอังกฤษ และสิ่งที่ทำให้เธอต้องประหลาดใจที่สุด คือ เธอไม่สามารถจ่ายค่าเช่าห้องอันแสนแพงได้ ทั้งยังต้องดำรงชีวิตอยู่ด้วยการทานอาหารเพียงวันละมื้อเดียว ภายใต้แรงกดดันมหาศาล ในที่สุด เธอก็ตัดสินใจจบชีวิตตนเองด้วยการฆ่าตัวตาย และได้ทิ้งจดหมายลาตายเอาไว้

ชีวิตของ Ho Yik-king จึงเป็นเพียงแค่เบี้ยตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง ที่รัฐบาลอังกฤษไม่ได้ให้ค่า ครั้นเธอจะกลับฮ่องกงก็จะต้องติดคุก ปริญญา 2 ใบของเธอ ไม่ได้ช่วยให้เธอได้ตาสว่างแต่อย่างใด ด้วยเพราะตำราที่เธอเรียนจนได้ปริญญา 2 ใบนั้น เขียนโดยชาติตะวันตกทั้งสิ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับบุคคลที่มีภูมิทางการศึกษาดี แต่เลือกเส้นทางและความเชื่อในทางที่ผิด และเมื่อสืบค้นเรื่องราวของเธอใน Google แล้วจะพบเพียงหนึ่งเรื่องใน YouTube คือ https://www.youtube.com/watch?v=vFbjcZEfxFY และใน X มีผู้ใช้ชื่อว่า Richard Seeto @richseeto ได้นำเรื่องราวของเธอใน YouTube ไปลง สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นราวกับว่า เธอไม่เคยมีตัวตนปรากฏอยู่เลย

เรื่อง : ดร.ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top