Monday, 2 December 2024
Grab

เซ็นทรัลรีเทล ทุ่ม 4,500 ล้าน ซื้อหุ้น Grab สตาร์ทอัพระดับ Decacorn ตัวแรกอาเซียน

บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (CRC) ประกาศปิดดีลใหญ่ เข้าซื้อหุ้น Grab ประเทศไทย ซึ่งเป็นเบอร์ 1 Super app ของอาเซียน ด้วยเงินลงทุน 4,500 ล้านบาท

CRC เข้าซื้อหุ้น Porto Worldwide Limited (“Porto W2W”) ในสัดส่วน 67% ซึ่งลงทุนในเซ็นทรัลซื้อแกร็บแท็กซี่ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด

การปิดดีลในครั้งนี้ถือเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญเพื่อต่อยอดให้ เซ็นทรัล รีเทล เป็น Digital Retail ที่สมบูรณ์แบบที่สุดของประเทศไทย และตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบวงจรตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง

ชื่นชม 'ไรเดอร์' ยกแบริเออร์เปิดทางให้รถฉุกเฉิน ยอมทำผิดกฎ เพื่อรักษาชีวิตคนบนรถ

ผู้ใช้ TikTok ชื่อ @thediary82 ได้โพสต์คลิปจากกล้องหน้ารถยนต์ของตัวเอง ซึ่งปรากฏภาพรถฉุกเฉินที่เปิดสัญญาณฉุกเฉินและต่อคิวจะกลับรถ แต่ด้านหน้ารถติดมาก จนกระทั่งมีไรเดอร์คนหนึ่งพยายามลากแบริเออร์เพื่อเปิดทางให้รถฉุกเฉินสามารถผ่านและกลับรถไปอีกฝั่งถนนได้อย่างรวดเร็ว 

โดยผู้ใช้ TikTok รายนี้โพสต์ข้อความว่า "ขอชื่นชมน้ำใจงามที่ไรเดอร์คนนี้ เห็นถึงความสำคัญของอีก 1 ชีวิตที่รอการช่วยเหลือ ยอมที่จะทำผิดกฎเพื่อรักษาชีวิตบนรถ นายคือ ฮีโร่ที่แท้จริงๆ #ไรเดอร์น้ำใจงาม #grab #ขอบคุณเจ้าหน้าที่กู้ภัย #ช่วยเหลือสังคม"

‘สนามมวยราชดำเนิน’ จับมือ ‘แกร็บ’ ทุ่มเงิน 100 ล้าน ปลุก ‘มวยไทย’ ดันซอฟต์เพาเวอร์ หนุนท่องเที่ยวเชิงกีฬา

(20 ก.ค. 66) นายเธียรชัย พิสิฐวุฒินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โกลเบิล สปอร์ต เวนเจอร์ส จำกัด หรือ ‘GSV’ กล่าวว่า…

“มวยไทยถือเป็นศิลปะการต่อสู้ประจำชาติที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานจนกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรม โดยปัจจุบันรัฐบาลได้ผลักดันให้เป็นหนึ่งใน Soft Power อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนามวยไทยให้สามารถเข้าถึงทุกคน และกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของคนทั่วโลก สนามมวยเวทีราชดำเนิน ซึ่งเป็นเวทีมวยไทยมาตรฐานแห่งแรกของโลก และเป็นต้นกำเนิดของมวยไทยอาชีพจึงได้มีการปรับภาพลักษณ์ใหม่ พร้อมจัดให้มีการแข่งขันหลากหลายรายการ ทุกวันตลอดทั้งสัปดาห์

รวมถึงการสร้างรายการใหม่ อย่างรายการ ‘ราชดำเนิน เวิลด์ ซีรีส์’ ที่มีการปรับกติกาและรูปแบบการแข่งขันให้เข้าใจง่ายและน่าติดตาม ด้วยโปรดักชันมาตรฐานระดับสากล โดยถ่ายทอดไปกว่า 200 ประเทศและเขตการปกครอง เพื่อรองรับกลุ่มคนดูใหม่ๆ พร้อมสร้างสีสันและยกระดับมาตรฐานวงการมวยไทยไปสู่ระดับสากล”

“หลังสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายกระแสความนิยมมวยไทยได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งมีสัดส่วนมากถึง 70% ของผู้ชมทั้งหมด โดยนักท่องเที่ยว 5 ชาติแรกที่เดินทางมาชมแมตช์การชกที่สนามของเรา คือ จีน, สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส และเยอรมนี ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาและปลุกกระแสมวยไทยให้เป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่องในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ล่าสุด GSV จึงจับมือร่วมกับ ‘แกร็บ’ ซึ่งเป็นแอพพลิเคชันเรียกรถยอดนิยมอันดับหนึ่ง ทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท เพื่อโปรโมตกีฬามวยไทยผ่านสื่อ และกิจกรรมการตลาดอย่างเต็มรูปแบบในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมมอบส่วนลด 10% สำหรับบัตรเข้าชมการแข่งขันมวยไทย ณ สนามมวยเวทีราชดำเนิน สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทุกวันจนถึงสิ้นปี”

นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า การเจาะตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของเราในปีนี้เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจ โดยเฉพาะบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันของแกร็บ

ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา แกร็บได้ดำเนินกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและพัฒนามาตรฐานบริการ เพื่อยกระดับประสบการณ์การเดินทาง โดยมีไฮไลต์สำคัญอย่างการปรับโฉมบริการ GrabCar Premium ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The Ultimate 5 Senses Experience’ รวมถึงการร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยทำแคมเปญ ‘อะเมซิ่งทั่วไทย มั่นใจไปกับ Grab’ และจัดทำไกด์บุ๊ก Grab&Go เพื่อแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับชาวต่างชาติโดยเฉพาะ

สำหรับการผนึกความร่วมมือกับสนามมวยเวทีราชดำเนินในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจที่จะช่วยส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยโดยใช้ Soft Power อย่างมวยไทยมาเป็นจุดขายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยนอกจากการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อและกิจกรรมการตลาดในช่องทางต่างๆ แล้ว แกร็บยังมอบส่วนลดพิเศษ 30% สำหรับผู้ใช้บริการ GrabCar Premium และ GrabSUV เมื่อเดินทางไปยังสนามมวยเวทีราชดำเนินเพียงใส่รหัส RAJADAMNERN ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2566

‘foodpanda’ ถอดใจไม่ขอไปต่อ เตรียมขายกิจการในอาเซียนให้ ‘Grab’

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า Delivery Hero บริษัทแม่ของ Foodpanda (ฟู้ดแพนด้า) ซึ่งตั้งอยู่ในเยอรมนี ยืนยันการเจรจาเกี่ยวกับการขายธุรกิจในเอเชียบางส่วน ซึ่งได้แก่ สิงคโปร์, กัมพูชา, ลาว, มาเลเซีย, พม่า, ฟิลิปปินส์ และไทย โดยเสริมว่ามูลค่าของข้อตกลงยังอยู่ระหว่างการเจรจา

โดยมีข่าวว่าผู้ที่จะมาซื้อกิจการต่อก็คือ Grab ซึ่งบริษัทแม่นั้นตั้งอยู่ในสิงคโปร์ ขณะที่นิตยสารธุรกิจ Wirtschaftswoche รายงานว่า Grab สิงคโปร์ สามารถจ่ายเงินมากกว่า 1.07 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อกิจการ

ทั้งนี้ Delivery Hero นั้นมุ่งเน้นไปที่การทำกำไรในขณะที่ยังคงรักษาการเติบโตไว้ แต่ทว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนในบริษัทเริ่มลดลงตั้งแต่โควิดระบาด

บริษัท ระบุว่าช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ ได้บรรลุผลกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่ปรับปรุงแล้ว หลังจากขาดทุน 323 ล้านยูโรในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม Delivery Hero ไม่ได้ระบุว่าครึ่งปีแรกนี้ได้กำไร (EBITDA) เท่าไหร่

เมื่อเดือนที่แล้ว Niklas Oestberg ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า เอเชียเป็นกลุ่มที่บริษัทมองเห็นโอกาสในการลงทุนมากที่สุด

สำหรับ Grab ในสิงคโปร์ประกาศรายได้ครึ่งปีแรกอยู่ที่ 567 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะคุ้มทุนได้ในไตรมาสนี้ ทั้งนี้ Grab สร้างรายได้ส่วนใหญ่จากธุรกิจจัดส่งอาหาร และเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้เห็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในธุรกิจเรียกรถ

'มือเศรษฐกิจจุลภาค' ชี้!! Delivery รายเล็กน่าห่วง หาก Food Panda ขายกิจการในไทยให้ Grab

(23 ก.ย.66) นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ มือเศรษฐกิจจุลภาค อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Ta Plus Sirikulpisut' เกี่ยวกับกรณี Food Panda เตรียมขายกิจการในไทยและอาเซียนให้ Grab โดยระบุว่า...

"Grab ซื้อกิจการ Food Panda ในไทย ฝาก ท่านคณะกรรมการ กขค พิจารณาด้วยครับ"

ทั้งนี้ เมื่อมีคำถามว่าซื้อไม่ได้หรืออย่างไร? เพราะอะไร? นายพลัฏฐ์ กล่าวว่า "ก็ต้องดูสัดส่วน ส่วนแบ่งตลาด ว่ามีอำนาจเหนือตลาดหรือไม่" พร้อมทั้งชี้ให้เห็นด้วยว่า "หากขายให้รายอื่น เช่น Robinhood, Line Man จะไม่น่ากังวล เช่นนี้ แต่ถ้าหากขายให้คนตัวใหญ่สุด จะกลายเป็น Grab มีอำนาจเหนือตลาดไปในทันที"

‘แกร็บ’ จับมือ ‘เอเชีย แค็บ’ เปิดให้บริการแอปฯ เรียกรถ ‘CABB’ ต้นฉบับแบบแท็กซี่ลอนดอน หวังเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม

‘แกร็บ’ ผนึกพันธมิตร ‘เอเชีย แค็บ’ ผู้ผลิตและผู้ให้บริการ CABB รถแท็กซี่วีไอพีต้นฉบับแบบลอนดอนแท็กซี่ เปิดตัวบริการ ‘Taxi VIP’ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเรียกใช้บริการรถแท็กซี่ CABB ผ่านแอปพลิเคชัน Grab นำร่องให้บริการแล้วในกรุงเทพฯ และภูเก็ต เล็งขยายพื้นที่การให้บริการในเมืองท่องเที่ยว อาทิ พัทยาและเชียงใหม่

(27 ก.ย. 66) นางสาวเมธิณี อนวัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจการเดินทางและบริหารพาร์ตเนอร์คนขับ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำแพลตฟอร์มเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แกร็บมุ่งพัฒนาบริการและเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง พร้อมนำเสนอบริการการเดินทางผ่านยานพาหนะที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้โดยสารในแต่ละกลุ่ม ซึ่งรวมถึงลูกค้าพรีเมียม โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายหลักที่จะช่วยสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจการเดินทางของแกร็บในปีนี้ โดยในช่วงที่ผ่านมาเราได้ปรับปรุงบริการ ตลอดจนดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อยกระดับการให้บริการกับลูกค้ากลุ่มนี้ อาทิ การปรับโฉมบริการเดินทางแบบพรีเมียมเพื่อสร้างความประทับใจผ่าน 5 ประสาทสัมผัส และการเพิ่มช่องทางการชำระเงินเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าชาวต่างชาติ”

“สำหรับการผนึกความร่วมมือกับ CABB ซึ่งถือเป็นผู้นำในตลาดแท็กซี่ระดับพรีเมียมในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มตัวเลือกที่หลากหลายในการเดินทาง ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะช่วยเติมเต็มประสบการณ์การเดินทางให้กับลูกค้าในกลุ่มพรีเมียมของแกร็บให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ด้วยรูปลักษณ์ของรถแท็กซี่ที่มีดีไซน์โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ บริการและฟังก์ชันเหนือระดับภายในรถ รวมถึงมาตรฐานของคนขับที่ได้รับการอบรมเป็นพิเศษ โดยผู้ใช้บริการ Grab สามารถเรียกรถ CABB ได้แล้วผ่านเมนู Taxi VIP ในแอปพลิเคชันของเรา ซึ่งได้นำร่องให้บริการในจังหวัดภูเก็ตตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา และเริ่มขยายการให้บริการในกรุงเทพฯ ในเดือนสิงหาคม ซึ่งคาดว่าจะเชื่อมต่อระบบและสามารถให้บริการได้เต็มรูปแบบภายในไตรมาส 4 ของปีนี้”

นายภาสกร ดารารัตนโรจน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย แค็บ จำกัด กล่าวว่า “CABB เปิดให้บริการในประเทศไทยครั้งแรกในปี 2563 ปัจจุบันเรามีรถแท็กซี่ CABB ให้บริการในกรุงเทพฯ และภูเก็ตรวมกว่า 400 คัน โดยลูกค้าหลักของเราคือกลุ่มลูกค้าพรีเมียมที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ความสะดวกสบาย และเชื่อมั่นในบริการที่มีความปลอดภัย ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ที่ผ่านมาเราให้บริการผ่านทั้งช่องทางออฟไลน์ โดยลูกค้าสามารถเรียกรถ CABB ได้ตามจุดให้บริการต่างๆ และช่องทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน CABB ซึ่งมีสัดส่วนราว 40%”

“เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ เราจึงได้ร่วมมือกับ แกร็บ ซึ่งถือเป็นผู้นำแพลตฟอร์มเรียกรถผ่านแอปฯ เพื่อขยายฐานลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเราจะเปลี่ยนช่องทางการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน CABB ไปอยู่ที่แอปพลิเคชัน Grab เพียงช่องทางเดียว ทั้งนี้ เราตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนรถแท็กซี่ CABB เป็น 600 คันภายในสิ้นปี พร้อมเตรียมขยายบริการไปยังเมืองท่องเที่ยวสำคัญ อาทิ พัทยา และเชียงใหม่ โดยเราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยให้บริการของ CABB สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น และช่วยส่งมอบบริการขนส่งสาธารณะที่มีคุณภาพให้กับคนไทยและชาวต่างชาติ”

Grab จับมือพาร์ตเนอร์ให้กู้ซื้อรถอีวี BYD 'ไม่ดูประวัติการเงิน-เงินดาวน์' ขอแค่ประวัติขับ Grab และหักผ่อนรายวันจากค่าบริการ เริ่มต้นปี 67

(30 ต.ค. 66) เมธิณี อนวัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจการเดินทางและบริหารพาร์ตเนอร์คนขับ แกร็บ ประเทศไทย เปิดเผยว่า แกร็บเตรียมผนึกความร่วมมือกับ Moove ผู้ให้บริการด้านสินเชื่อยานยนต์ และ Rever Automotive ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BYD 

เปิดโอกาสให้พาร์ตเนอร์คนขับสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อใช้ให้บริการรับส่งผู้โดยสารในโปรแกรม 'ผ่อนขับรับรถ' (Drive-to-Own)

ทั้งนี้ไม่ต้องใช้ประวัติทางการเงิน แต่จะพิจารณาอนุมัติสินเชื่อจากประวัติในการให้บริการกับแกร็บ คือ พาร์ตเนอร์คนขับไม่ต้องวางเงินดาวน์ และสามารถผ่อนจ่ายได้แบบรายวันผ่านการหักรายได้จากการให้บริการในแต่ละวัน

สำหรับความพิเศษของโปรแกรมสินเชื่อที่มีระยะเวลาผ่อนนานสูงสุด 72 เดือนนี้ และยังมีสิทธิประโยชน์เสริมอื่น ๆ อาทิ ฟรีค่าซ่อมบำรุงรถ รวมถึงครอบคลุมการทำประกันรถยนต์ ประกันสุขภาพและประกันชีวิตให้กับพาร์ตเนอร์คนขับ

อย่างไรก็ตาม โปรแกรมดังกล่าวจะเริ่มเปิดให้พาร์ตเนอร์คนขับแกร็บสามารถจองรถยนต์ไฟฟ้าจาก BYD ได้ในได้ในช่วงต้นปี 2567 และคาดว่าจะทำให้พาร์ตเนอร์คนขับสามารถเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าได้ทั้งสิ้น 5,000 คันภายในปี 2568 

‘แกร็บ’ ชวนคนไทยเชียร์ ‘นักกีฬาไทย’ สู้ศึกโอลิมปิก-พาราลิมปิกเกมส์ 2024 พร้อมเตรียมรางวัลอัดฉีดผู้คว้าเหรียญทอง สามารถใช้บริการฟรีตลอดทั้งปี

(18 ก.ค.67) แกร็บ ประเทศไทย ประกาศสนับสนุน การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ผุดแคมเปญใหญ่ ‘Grab Your Goal มากกว่าเส้นชัย คือกำลังใจจากคุณ’ เพื่อส่งแรงใจเชียร์ทัพนักกีฬาทีมชาติไทยสู้ศึกการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และพาราลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 โดยเตรียมจัดขบวนพาเหรด พร้อมด้วยอาหารร้านดังจาก #GrabThumbsUp บน GrabFood และบัตรกำนัล GrabGift เพื่อต้อนรับและแสดงความยินดีกับนักกีฬาทีมชาติไทยหลังเดินทางกลับจากการแข่งขัน เสริมทัพด้วยรางวัลอัดฉีดให้กับนักกีฬาไทยที่คว้าเหรียญทอง ด้วยการมอบบัตรกำนัลมูลค่ากว่า 180,000 บาท เพื่อใช้บริการแกร็บฟรีตลอดปี

นอกจากนี้ ยังชวนคนไทยร่วมส่งแรงเชียร์นักกีฬาทีมชาติด้วยการมอบโค้ดส่วนลดพิเศษสำหรับการสั่งอาหาร ซื้อสินค้า และการเดินทางผ่านแอปพลิเคชัน Grab ตลอดระยะเวลาการแข่งขัน ระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม-11 สิงหาคม 2567 

ด้าน นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “แกร็บ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสนับสนุนการกีฬาแห่งประเทศไทย ในการจัดเตรียมการเฉลิมฉลองต้อนรับนักกีฬาทีมชาติไทยหลังจบเกมส์การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และพาราลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 นักกีฬาทีมชาติไทยทุกคนถือเป็นตัวแทนประเทศและเป็นไอดอลคนสำคัญที่ได้สร้างความหวังและแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย ทั้งยังมีส่วนในการสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในระดับโลก ในฐานะแพลตฟอร์มที่มุ่งมั่น ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน แกร็บขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการยกย่องและสนับสนุนบุคคลตัวอย่างเหล่านี้ โดยเราเตรียมจัดขบวนรถต้อนรับทัพนักกีฬาไทยอย่างยิ่งใหญ่ ที่มาพร้อมเซตอาหารไทยจากสุดยอดร้านอาหารจาก #GrabThumbsUp บน GrabFood ไม่ว่าจะเป็น Emily’s เส้นหมี่ไก่ฉีกที่เป็นกระแสไวรัล เจ๊แดง ส้มตำไก่ย่างร้านเด็ด Easy Buddy ข้าวกะเพราวัตถุดิบคุณภาพ ร้านโคตรยำ ยำสุดแซ่บ และ HAAB ขนมไข่เตาถ่านเจ้าดังสูตรต้นตำรับจากสงขลา พร้อมด้วยบัตรกำนัล GrabGift เพื่อให้นักกีฬาสามารถนำไปใช้บริการต่างๆ ของแกร็บได้ นอกจากนี้ เรายังได้เตรียมรางวัลพิเศษให้กับนักกีฬาที่คว้าเหรียญทองกลับมา ด้วยการมอบบัตรกำนัลมูลค่ากว่า 180,000 บาท เพื่อนำไปใช้เรียกรถและสั่งอาหารผ่านแกร็บได้ฟรีตลอดทั้งปี”

ด้าน ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กล่าวเสริมว่า “การกีฬาแห่งประเทศไทย มีพันธกิจสำคัญในการพัฒนานักกีฬาไทยเพื่อยกระดับขึ้นไปเทียบเท่าระดับสากล โดยในปีนี้ ประเทศไทยส่งตัวแทนนักกีฬาทีมชาติ เพื่อเข้าร่วมการแข่งโอลิมปิกเกมส์ จำนวน 17 ชนิดกีฬา อาทิ เทควันโด มวยสากล และยกน้ำหนัก ในส่วนของพาราลิมปิกเกมส์ จำนวน 13 ชนิดกีฬา อาทิ ยิงธนู แบดมินตัน และจักรยาน นอกจากเสียงเชียร์จากคนไทยนับล้านที่คอยให้กำลังใจนักกีฬาทุกคนระหว่างการแข่งขันแล้ว การสนับสนุนจากทุกภาคส่วนก็ถือเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยพัฒนาและส่งเสริมวงการกีฬาไทย กกท. ขอขอบคุณหน่วยงานภาคเอกชนอย่าง แกร็บ ประเทศไทย ที่ได้ให้การสนับสนุนนักกีฬาในครั้งนี้ ทั้งอาหารที่ช่วยให้นักกีฬาได้ฟื้นฟูกำลังอย่างเต็มที่ และขบวนพาเหรดที่จะต้อนรับนักกีฬาอย่างอบอุ่น  ซึ่งถือเป็นการสร้างกำลังใจและความภาคภูมิใจให้กับกองทัพนักกีฬาไทยได้เป็นอย่างดี”

นอกจากนี้ เพื่อต้อนรับกระแสเชียร์กีฬาระดับโลก แกร็บชวนคนไทยร่วมส่งแรงใจเชียร์ทัพนักกีฬาไทยในศึกการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และพาราลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 ด้วยการมอบส่วนลดสุดพิเศษสำหรับผู้ใช้บริการ เพียงใส่โค้ด ‘CHEERTHAI’ เมื่อใช้บริการ GrabFood รับส่วนลดสูงสุด 100 บาท บริการ GrabMart รับส่วนลดทันที 30 บาท และบริการการเดินทาง อาทิ JustGrab และ GrabCar รับส่วนลดสูงสุด 50 บาท ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม - 11 สิงหาคม 2567 นี้ 

อย่างไรก็ตาม แกร็บ (Grab) คือ ผู้นำซูเปอร์แอปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งให้บริการทั้งด้านเดลิเวอรี บริการการเดินทางและบริการทางการเงินดิจิทัล ครอบคลุมกว่า 700 เมืองใน 8 ประเทศ อันได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ในทุก ๆ วันแกร็บได้ช่วยอำนวยความสะดวกผู้คนนับล้านให้สามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ ได้ภายในแอปพลิเคชันเดียว ไม่ว่าจะเป็น การสั่งอาหาร การสั่งซื้อสินค้าและของชำ การจัดส่งพัสดุเอกสาร การเรียกรถรับ-ส่งหรือแท็กซี่ ไปจนถึงการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ ทั้งการขอสินเชื่อและการทำประกัน ทั้งนี้ แกร็บก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2555 ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งขับเคลื่อนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปข้างหน้า ผ่านการสร้างโอกาสและส่งเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจให้กับทุกคน และยึดมั่นเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างผลประกอบการที่แข็งแกร่งให้กับผู้ถือหุ้น ควบคู่ไปกับการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมทั่วทั้งภูมิภาค

‘แอนโทนี่ ตัน’ ซีอีโอ Grab ทำงานหนัก วันละ 20 ชั่วโมง ด้วยเงินทุน 8 แสนบาท สร้าง ‘ยูนิคอร์น’ ตัวแรกของอาเซียนได้สำเร็จ กวาดรายได้ปีละ 6.6 หมื่นล้านบาท

(13 ต.ค. 67) ‘แกร็บ’ (Grab) สตาร์ทอัพเล็กๆ ในมาเลเซีย ที่เริ่มต้นด้วยบริการแอปพลิเคชันเรียกรถแท็กซี่ จากเงินทุนก้อนแรก 8 แสนบาท ก้าวสู่การเป็น ‘ยูนิคอร์น’ บริษัทแรกของอาเซียนในเวลาเพียงไม่กี่ปี 

เพียงเพราะ ‘แอนโทนี่ ตัน’ เด็กหนุ่มทายาทตระกูลร่ำรวยที่อยากพิสูจน์ตัวเอง จนสร้าง ‘ซูเปอร์แอป’ ที่มีรายได้ปีละ 2 พันล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 6.6 หมื่นล้านบาท ด้วยธุรกิจเจาะกลุ่ม ‘ฐานของปิรามิด’ และทำงานหนักเพื่อสร้างแอปที่ใช้งานได้จริง 

แอนโทนี่ ตัน โตมากับตำแหน่งทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลแทน  จากการทำธุรกิจผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ข้ามชาติ บริษัทตันชงมอเตอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศมาเลเซีย จนไม่จำเป็นต้องแสวงหาความร่ำรวยแล้ว 

ในปี 2552  แทนได้เข้าศึกษาต่อที่ Harvard Business School และพบกับ โฮย หลิง ตัน เพื่อนชาวมาเลเซียในชั้นเรียน ‘การทำธุรกิจในตลาดที่เป็นฐานของปิรามิด’ 

จนกระทั่งปีในปี 2554 ทั้งคู่ได้พูดคุยกันถึงปัญหาความปลอดภัยของระบบแท็กซี่ในมาเลเซีย โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิง ซึ่งจุดประกายให้พวกเขาตัดสินใจที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

จุดเริ่มต้นของธุรกิจ Grab หลังจากที่ทั้งคู่ได้ร่วมกันร่างแผนธุรกิจเพื่อเข้าร่วมการประกวดสตาร์ทอัพในมหาวิทยาลัย และสามรถคว้ารางวัลรองชนะเลิศพร้อมเงินรางวัล 25,000 ดอลลาร์ หรือราวๆ 8 บาทเท่านั้น

จากสตาร์ทอัพเล็กๆ ได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและได้รับการสนับสนุนจากบริษัทชั้นนำอย่าง SoftBank จนมีมูลค่าตลาดสูงถึง 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่เส้นทางการสร้างบริษัทให้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

ความคาดหวังของครอบครัวที่อยากให้ตันสานต่อธุรกิจที่บ้าน มำให้ไอเดียการสร้าง Grab ถูกปฏิเสธ พ่อของเขาพูดว่า “ฉันไม่คิดว่ามันจะสำเร็จ” ประโยคกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ทันมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ตัวเอง

เมื่อขอเงินทุนจากพ่อไม่สำเร็จ ทันหันขอเสนอแผนธุรกิจนี้กับแม่ ซึ่งเห็นความเป็นไปได้ในธุรกิจนี้และตัดสินใจสนับสนุนเงินทุนให้เป็นคนแรก ด้วยเงินทุนที่ได้มา ทันจึงเริ่มต้นธุรกิจ Grab ภายใต้ชื่อ MyTeksi ในเดือนมิถุนายน ปี 2555 
.
ช่วงเริ่มต้นของ Grab นั้นเต็มไปด้วยความท้าทาย ตันและทีมงานต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องงบประมาณที่จำกัดในการสร้างระบบแท็กซี่ใหม่ให้กับมาเลเซีย

สำนักงานเดิมของ Grab ตั้งอยู่ในห้องเล็กๆ ในกัวลาลัมเปอร์ เป็นห้องทำงานเล็กๆ ที่ขาดแคลนสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานอย่างเครื่องปรับอากาศขณะที่อากาศร้อนตลอดปี และไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตขนาดต้องใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตจากมือถือ

นอกจากนี้ ข้อจำกัดด้านงบประมาณทำให้เป็นเรื่องยากที่ทำให้ Grab ดึงคนขับมาเป็นพาร์ทเนอร์บนแพลตฟอร์ม ดังนั้นพวกเขาจึงต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ

ในการเริ่มต้นธุรกิจ Grab ในช่วงแรก ๆ แทนได้เดินทางไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อโน้มน้าวให้พนักงานขับรถแท็กซี่มาลองใช้บริการ Grab

ตันสังเกตเห็นพฤติกรรมของคนขับแท็กซี่ในโฮจิมินห์ซิตี้ที่มักแวะดื่มกาแฟที่ปั๊มน้ำมันในช่วงเช้า จึงนำไปสู่ไอเดียแจกกาแฟฟรีตอน ตี 4 เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีและชักชวนให้พวกเขามาร่วมงานกับ Grab นั่นเป็นวิธีเดียวที่ทำให้เค้าเข้าถึงกลุ่มไรเดอร์

ส่วนที่มะนิลา แทนใช้เวลาช่วงเช้ามืดไปทำความรู้จักกับคนขับแท็กซี่อย่างใกล้ชิด นั่งคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวชีวิตพร้อมกับดื่มเบียร์เย็นๆ เพื่อให้เข้าใจถึงปัญหาและความต้องการของพวกเขาอย่างลึกซึ้ง

ปี 2561  เป็นปีที่ตลาดบริการเรียกรถในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อ Uber ยักษ์ใหญ่ด้านการเรียกรถบริการจากสหรัฐตัดสินใจขายธุรกิจในภูมิภาคนี้ให้กับ Grab คู่แข่งรายสำคัญ โดยแลกกับหุ้นใน Grab ถึง 27.5% และ Dara Khosrowshahi ซีอีโอของ Uber เข้าร่วมคณะกรรมการของ Grab 

การตัดสินใจครั้งนี้ถือเป็นการสิ้นสุดสงครามการแข่งขันที่ดุเดือดและยาวนาน ทำให้ Grab กลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในตลาด และมีอิทธิพลต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมการขนส่งในภูมิภาคอย่างมาก

แม้ว่า Grab จะประสบความสำเร็จในการสร้างฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและขยายธุรกิจไปทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่บริษัทก็ต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาเรื่องการผูกขาดตลาดจากทั้งนักวิจารณ์และหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตอย่างรวดเร็วและการครอบคลุมตลาดในหลายประเทศ 

Grab ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตประจำวันของผู้คนไปแล้ว เช่นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเดินทาง และเพิ่มโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้คนในทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้มีรายได้น้อยหรือที่เรียกว่า ‘ฐานของปิรามิด’

ตอนนี้นอกจาก Grab จะให้บริการเรียกแล้ว ยังขยายธุรกิจไปสู่บริการจัดส่งอาหารและสินค้า รวมถึงบริการทางการเงิน เช่น การชำระเงิน การให้กู้ยืมและธนาคารดิจิทัล ปัจจุบันแกร็บให้บริการลูกค้ากว่า 35 ล้านคน และสร้างงานอิสระกว่า 13 ล้านตำแหน่งใน 8 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top