Friday, 16 May 2025
EducationNewsAgencyforAll

วิชาฟิสิกส์: เรื่อง ความร้อนสำหรับ ม.ต้น

THE STUDY TIMES X DekThai Online

????วันอังคารที่ 8 มิถุนายน วิชาฟิสิกส์: เรื่อง ความร้อนสำหรับ ม.ต้น

โดย คุณน้ำหวาน ภิรมณ กำเนิดมณี นักเรียนทุน พสวท. (ฟิสิกส์) ปริญญาตรี-ปริญญาเอก สหรัฐอเมริกา #สอนวิชาฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ เตรียมเข้าม.4

 #DekThaiOnline https://dekthai-online.com/instructor/P'NAMWAN 

.

.

วิชาภาษาไทย: เรื่อง ตัวอย่างข้อสอบวิชาสามัญ (ภาษาไทย)

THE STUDY TIMES X ClassOnline

????วันพุธที่ 9 มิถุนายน วิชาภาษาไทย: เรื่อง ตัวอย่างข้อสอบวิชาสามัญ (ภาษาไทย)

โดย ครูต้นคูน ดร.ณัฐพงศ์ ลาภบุญทรัพย์ ปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ (Ph.D. in Communication Arts) สาขาวิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช #สอนวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สังคม ระดับ ม.ต้น-ม.ปลาย

#ClassOnline https://www.classonline.co.th/ 

.

.

วิชาภาษาอังกฤษ: เรื่อง ตัวอย่างข้อสอบวิชาสามัญ (ภาษาอังกฤษ)

THE STUDY TIMES X ClassOnline

????วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน วิชาภาษาอังกฤษ: เรื่อง ตัวอย่างข้อสอบวิชาสามัญ (ภาษาอังฤษ)

โดย ครูพี่ทาม์ย ฐานุวัชร์ รินนานนท์ ศิลปศาสตร์บัณฑิต สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา (เรียนเน้นภาษาสเปน) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, อาจารย์ผู้สอนอบรม TOEIC ให้องค์กรภาครัฐและเอกชนระดับประเทศ #สอนวิชาภาษาอังกฤษ ระดับ ม.ต้น-ม.ปลาย

 #ClassOnline https://www.classonline.co.th/ 

.

.

วิชาสังคม: เรื่อง ตัวอย่างข้อสอบวิชาสามัญ (สังคม)

THE STUDY TIMES X ClassOnline

????วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน วิชาสังคม: เรื่อง ตัวอย่างข้อสอบวิชาสามัญ (สังคม)

โดย ครูต้นคูน ดร.ณัฐพงศ์ ลาภบุญทรัพย์ ปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ (Ph.D. in Communication Arts) สาขาวิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช #สอนวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สังคม ระดับ ม.ต้น-ม.ปลาย

#ClassOnline https://www.classonline.co.th/ 

.

.

คุณแองจี้ ธนธร ศิระพัฒน์ | THE STUDY TIMES STORY EP.31

บทสัมภาษณ์ คุณแองจี้ ธนธร ศิระพัฒน์ นักศึกษา คณะการแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัย SHANGHAI UNIVERSITY OF TRADITIONAL CHINESE MEDICINE
จากคนที่ไม่ชอบภาษาจีน แต่เพราะสนใจศาสตร์แพทย์จีน จึงก้าวข้ามอุปสรรคได้

ปัจจุบัน คุณแองจี้เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะการแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัย SHANGHAI UNIVERSITY OF TRADITIONAL CHINESE MEDICINE 

จุดเริ่มต้นจากคนไม่ชอบในภาษาจีน สู่นักศึกษาคณะการแพทย์แผนจีน
ตอนอยู่ชั้นม.ปลาย ด้วยความที่คุณแองจี้เป็นคนหน้าหมวยมาก และที่บ้านชอบพาไปเที่ยวที่ประเทศจีน ทุกคนคิดว่าต้องพูดภาษาจีนได้แน่นอน เกิดความไม่ชอบที่มีคนมาตัดสิน ทำให้ไม่ชอบภาษาจีน ไม่ชอบวัฒนธรรม จนลั่นวาจาไว้กับเพื่อนว่า จะไม่ขอเจอภาษาจีนอีกตลอดชีวิต 

ซึ่งในช่วงนั้นคุณแองจี้มีความสนใจอยากเรียนแพทย์ สมัครทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนจีนที่ประเทศไทย สอบติดทั้งสองที่ แต่ได้แพทย์แผนจีนก่อน คุณพ่อบอกให้ลองเรียนดูก่อนว่าชอบไหม จึงได้เข้าไปเรียนช่วงซัมเมอร์ระยะเวลาประมาณ 2 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่ได้ออกหน่วยอาสาแพทย์แผนจีนกับรุ่นพี่พอดี รู้สึกสนุก จนเกิดความชอบและประทับใจ

แพทย์แผนจีนจะเรียนในเรื่องของยาจีน ฝังเข็ม ครอบแก้ว ทุยหนา นวดแผนจีน เป็นหลักองค์ความรู้ในศาสตร์การแพทย์แผนจีน ซึ่งศาสตร์การแพทย์แผนจีน มีหลักความรู้ที่แตกต่างออกไปจากแพทย์แผนตะวันตก 
 
ช่วงแรกคุณแองจี้เรียนแพทย์แผนจีนอยู่ที่ประเทศไทย โดยปีแรกจะมีการส่งไปเรียนแลกเปลี่ยนด้านภาษาที่เมืองยู่หลิน玉林  YULIN NORMAL UNIVERSITY ก่อน เมื่อขึ้นชั้นปี 2 จะเรียนเกี่ยวกับเนื้อหา ซึ่งช่วงนั้นมีคนแนะนำให้ลองยื่นสมัครทุนเรียนต่อที่เซียงไฮ้ และคุณพ่อเป็นผู้ผลักดันให้ไป อย่างน้อยก็ได้ในเรื่องของภาษา สุดท้ายคุณแองจี้จึงตัดสินใจซิ่วขอทุนไปเรียนต่อ คณะการแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัย SHANGHAI UNIVERSITY OF TRADITIONAL CHINESE MEDICINE 

วิธีการเรียน SHANGHAI UNIVERSITY OF TRADITIONAL CHINESE MEDICINE มีความแตกต่างกับไทยคือ ที่จีนจะมีโรงพยาบาลที่มีทั้งแพทย์แผนจีนและแพทย์แผนตะวันตกรวมไว้ด้วยกัน และด้วยความที่มหาวิทยาลัยอยู่ติดกับโรงพยาบาล คุณแองจี้จึงมีโอกาสได้ไปฝึกงานที่โรงพยาบาล เจอคนไข้จริงมากกว่าที่ไทย ส่วนของเนื้อหาการเรียน จะเรียนเป็นภาษาจีน 100% 

ในเรื่องของการใช้ชีวิตที่ประเทศจีน คุณแองจี้เล่าว่า บรรยากาศที่เซียงไฮ้ทุกอย่างดูศิวิไลซ์ โทรศัพท์เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น บ้านเมืองสวยงาม ไม่มีขยะวางเกลื่อนกลาด

ออกจาก Comfort Zone สู่นักกิจกรรมตัวยง
ช่วงเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยที่ไทย คุณแองจี้มีความกังวลว่าการทำกิจกรรมจะส่งผลกระทบกับการเรียน จึงพยายามเอาตัวเองออกห่างจากกิจกรรม ทำให้กลายเป็นคนไม่ค่อยพูด ไม่กล้าแสดงออก แม้ในการไปเรียนเซียงไฮ้ปีแรก ยังคงติดอยู่ใน Comfort Zone อยู่แต่กับกลุ่มเพื่อนสังคมคนไทย จนรู้สึกว่าบางครั้งการที่เราอยู่ใน Comfort Zone มากเกินไป ไม่ได้หมายความว่าเราจะมีความสุขกับตรงนั้น ซึ่งคุณแองจี้เจอข้อความหนึ่งในเฟซบุ๊กว่า “อย่าละทิ้งความฝันของตัวเอง เพียงเพราะไม่มีคนไปเป็นเพื่อน” รู้สึกว่าทัชใจ จึงตัดสินใจเปิดตัวเองออกจาก Comfort Zone ไปหากิจกรรมต่างๆ ทำ ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ 

กระทั่งเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้คุณแองจี้ต้องเดินทางกลับมาอยู่ที่ประเทศไทย มีรุ่นพี่ที่รู้จักชวนไปออกหน่วยอาสา เป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่แวดวงอาสา โดยเหตุผลที่เลือกทำกิจกรรมอาสานั้น เพราะรู้สึกว่าได้รับมามากพอแล้ว หลายคนพูดว่าอย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว ต้องทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้ว ซึ่งคุณแองจี้มองว่า นอกจากเรียนรู้ที่จะทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้วแล้ว ต้องเรียนรู้ที่จะนำน้ำที่มีเทไปให้คนอื่นต่อ แล้วเราค่อยเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ เข้ามา 

เป้าหมายของคุณแองจี้ คือ อยากทำให้คนรู้จักในแพทย์แผนจีนมากขึ้น สิ่งที่มีอยู่เป็นประโยชน์กับทุกๆ คนได้ ในส่วนของการทำอาสาอยากให้ทุกคนมีจุดศูนย์กลางที่จะมารวมตัวกัน และอยากทำเป็นจิตอาสาแบบต่อเนื่อง พัฒนาคุณภาพชีวิตคน 

นอกจากนี้ คุณแองจี้ยังทำช่อง YouTube กูรูวัยเก๋า ซึ่งเป็นรายการที่ทำร่วมกับกรมกิจการผู้สูงอายุ จะพาไปพูดคุยกับกูรูที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องต่างๆ อีกทั้งเป็นการลดช่องว่างระหว่างวัย แลกเปลี่ยนความรู้กัน รวมทั้งตีแผ่เรื่องของสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม

คุณแองจี้ฝากทิ้งท้ายสำหรับคนที่อยากเริ่มทำจิตอาสาว่า มันจะง่ายมาก ถ้ามีความรู้สึกว่าอยากทำ แล้วออกไปทำ เริ่มที่อยากจะทำอะไรสักอย่าง อาสาไม่ได้หมายความว่าจะลงแรงเพียงอย่างเดียว อาจจะช่วยได้ในหลายช่องทาง ถ้าใจเรามา อยากทำอะไรเราทำได้เลย 

.

.

.

โรงเรียนกวางตง จ. สุโขทัย จัดการเรียนการสอนรูปแบบออนไลน์ จูงใจเด็กสนุกไปกับกิจกรรมที่น่าสนใจ ไม่เบื่อการเรียน

นางสมใจ สุจริต ผู้อำนวยการโรงเรียนกวางตง โรงเรียนประถมศึกษารูปแบบการเรียนการสอนภาษาต่างชาติและภาษาจีนชื่อดังของจังหวัดสุโขทัย ได้จัดวิถีการเรียนการสอนรูปแบบ โรงเรียนกวางตง savesukhothai และขอความร่วมมือแจ้งเรียนผู้ปกครองทุกท่าน เนื่องด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โรงเรียนกวางตง มีความพร้อมในการวางมาตรการ การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในสถานศึกษา และปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงศึกษาธิการ และศบค. อย่างเคร่งครัด 

ในระหว่างเด็กๆ อยู่ที่บ้าน โรงเรียนเลื่อนการเปิดเทอม โรงเรียนกวางตงได้จัดการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ ผ่านโปรแกรม Zoom เด็กๆ จะได้เรียนรู้สื่อประกอบการเรียนรู้ 3 ภาษา เช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน สนุกไปกับกิจกรรมที่น่าสนใจ กิจกรรมศิลปะ การทดลองวิทยาศาสตร์ การออกกำลังกาย ในแต่ละกิจกรรม เด็กๆ และผู้ปกครองสามารถร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมได้ ด้วยความห่วงใยจากโรงเรียนกวางตง ร่วมกับเด็กๆ และผู้ปกครอง ห่างไกลโควิด กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ และเข้มงวดในการสวมใส่แมสป้องกันให้เป็นระบบและมีความปลอดภัย

คณะครูและผู้บริหารโรงเรียนกวางตง มีความพร้อมในการเปิดภาคเรียน ปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยทั้งเด็ก ครู บุคลากร และผู้ปกครอง โดยมีคณะผู้บริหาร ที่ปรึกษา กรรมการสถานศึกษา สมาคมฯ ที่คอยกำกับดูแล คอยเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด และขอขอบพระคุณที่ผู้ปกครองที่ไว้วางใจนำบุตรหลานมาเรียนโรงเรียนกวางตง โรงเรียนกวางตงจะดูแลบุตรหลานของท่านด้วยใจ

คุณแกม อนัญญา เอกอุรุ | THE STUDY TIMES STORY EP.32

บทสัมภาษณ์ คุณแกม อนัญญา เอกอุรุ นักศึกษาแพทย์ ชั้นปีที่ 3 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วินัยและไม่ผัดวันประกันพรุ่ง ทำให้พื้นฐานในการเรียนแน่น โดยไม่ต้องกดดันตัวเองเกินไป

ช่วงมัธยมศึกษาตอนปลาย คุณแกมเป็นนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา รุ่น 79 ห้องคิง คุณแกมเล่าว่า ตอนช่วงม.ต้น ไม่ได้เก่งเลขเลย แต่อยากสอบติดและเป็นคนที่เก่งเลข จึงฝึกฝนโดยการทำโจทย์ข้อเดิมซ้ำๆ จนกว่าจะทำได้ ส่วนวิชาวิทยาศาสตร์ และอังกฤษ จะไปเรียนพิเศษและอ่านทบทวนเอง จนสามารถสอบติดสายวิทย์-คณิต บริหาร ห้องคิง โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เป็นรุ่นที่ 79 

แรงบันดาลใจเลือกเรียนต่อ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยของคุณแกมมาจากความที่ชอบวิทย์-คณิตมาตั้งแต่เด็ก ไม่ได้ชอบทางด้านภาษา พยายามหาอาชีพที่เกี่ยวข้องกับวิทย์-คณิต จนได้ดูซีรีส์ที่เกี่ยวกับหมอ แล้วรู้สึกอิน มีอารมณ์ร่วม เกิดเป็นแรงบันดาลใจให้อยากเป็นหมอมาตั้งแต่เด็ก 

เทคนิคการเตรียมตัวสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ของคุณแกม คือ พยายามเรียนเนื้อหาม.ปลายให้จบภายใน ม.4-5 พอถึงช่วงเปิดเทอมขึ้นม.6 จะเริ่มเรียนคอร์สเอนท์ ไปจนถึงม.6 เทอม 1 รวมทั้งต้องแบ่งเวลาอ่านหนังสือ เตรียมโจทย์ไปทำที่โรงเรียน  พยายามทำการบ้านคอร์สเอนท์ให้หมด ไม่ค้างไว้ ในช่วงปิดเทอมสั้นม.6 จะเริ่มเรียนคอร์สตะลุยโจทย์ต่างๆ และช่วงม.6 เทอม 2 เริ่มเรียนคอร์สความถนัดแพทย์ ตะลุยโจทย์วิชาที่เหลือ และเน้นอ่านเองเป็นหลัก

สังคมที่เตรียมฯ เพื่อนทุกคนจะพากันเรียน หลังเลิกเรียนแยกย้ายกันไปเรียนพิเศษ มีอะไรสงสัยสามารถถามกันได้ เพื่อนๆ ช่วยกันเรียน คุณแกมเป็นคนมีวินัยในการเรียน พยายามไม่ออกนอกลู่นอกทาง ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง อาจไม่ได้เที่ยวเล่นมาก เพราะมีจุดมุ่งหมายคือการสอบติดคณะแพทย์ จึงพยายามเรียนไม่เล่นเยอะ

กิจกรรมในรั้วมหาวิทยลัย 
ครั้งแรกที่คุณแกมเข้าไปเรียนที่จุฬาฯ มีกิจกรรมค่ายรับน้อง เป็นค่ายที่ทำให้รู้จักเพื่อนใหม่ รุ่นพี่ สังคมใหม่ๆ ค้นพบว่าคณะแพทย์จุฬาฯ อบอุ่นมาก ต่อมาคือค่ายเฟรชชี่ และค่ายอยากเป็นหมอ ช่วยแนะแนวทางการศึกษาแพทย์ให้กับน้องม.ปลาย การร่วมกิจกรรมต่างๆ เกิดเป็นแรงบันดาลใจในการทำกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัยเรื่อยมา

ความชื่นชอบในค่ายเฟรชชี่ตอนตัวเองเป็นรุ่นน้อง คุณแกมจึงสมัครเป็นฝ่ายประสานงานของค่าย พอทำแล้วรู้สึกชอบมาก เนื่องจากตอนเรียนมัธยมไม่ค่อยได้ทำกิจกรรม เพราะมีจุดมุ่งหมายคืออยากเข้าเรียนคณะแพทย์ ทำให้เรียนหนัก แต่เมื่อสอบติดแล้วทำให้รู้สึกว่าไม่มีอะไรต้องเครียด ลองทำกิจกรรมมากขึ้น ทำให้รู้ว่า ชีวิตไม่ได้มีแค่การเรียน การทำกิจกรรมฝึกพัฒนาตัวเองได้เยอะมาก เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหาได้จากการเรียน

ติวเตอร์สอนพิเศษ
ช่วงที่สอบมหาวิทยาลัยติดแล้ว คุณแกมมีเวลาว่างจึงเริ่มสอนพิเศษวิชาคณิตศาสตร์และชีววิทยา แต่ต่อมาเน้นสอนคณิตศาสตร์อย่างเดียว ชอบที่ได้ถ่ายทอดความรู้ไปให้น้องๆ รู้สึกแฮปปี้ การสอนบ่อยๆ ทำให้เริ่มผูกพันธ์กับงานสอน เหมือนเป็นความเคยชิน ทำให้สอนเรื่อยมาตั้งแต่ปี 1

คุณแกมฝากทิ้งท้ายเป็นกำลังใจสำหรับคนที่เตรียมตัวสอบไว้ว่า ไม่ต้องเครียดมาก พยายามทำให้ดีที่สุด มีวินัยกับตัวเอง  พยายามเตรียมตัวเรื่อยๆ ไม่จำเป็นต้องกดดันตัวเอง เพราะการกดดันตัวเอง เป็นการเพิ่มความเครียดให้ตัวเอง ทำให้ทำอะไรไม่ได้ดีสักอย่าง


.

.

.

10 อันดับ Best Business Schools จาก Top MBA ทั่วโลกปี 2022

เช็ค 10 อันดับ Best Business Schools จาก Top MBA ทั่วโลกปี 2022 พร้อมเช็คคะแนนค่าเฉลี่ย GMAT

1.) Stanford University
Stanford, CA

2.) University of Pennsylvania (Wharton) 
Philadelphia, PA

3.) University of Chicago (Booth)
Chicago, IL

4.) Northwestern University (Kellogg)
Evanston, IL

5.) Harvard University
Boston, MA

5.) Massachusetts Institute of Technology (Sloan) 
Cambridge, MA

7.) Columbia University
New York, NY

7.) University of California--Berkeley (Haas)
Berkeley, CA

9.) Yale University
New Haven, CT

10.) Dartmouth College (Tuck)
Hanover, NH

10.) New York University (Stern)
New York, NY

ขอบคุณข้อมูลจาก U.S. News Ranking


ที่มา: https://www.facebook.com/1842580962422694/posts/4644392138908215/?d=n
 

คุณเจน ดร. เจนนิเฟอร์ ชวโนวานิช | THE STUDY TIMES STORY EP.33

บทสัมภาษณ์ คุณเจน ดร. เจนนิเฟอร์ ชวโนวานิช ปริญญาโท จิตวิทยาอุตสาหกรรมองค์การ Roosevelt University, สหรัฐอเมริกา และปริญญาเอก จิตวิทยาข้ามวัฒนธรรม Brunel University, สหราชอาณาจักร
เพราะมนุษย์ทุกคนไม่ใช่ขาวและดำ แต่เป็นสีเทา สีที่ทำให้เราเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างเข้าอกเข้าใจ

ปัจจุบันคุณเจนเป็นอาจารย์ประจำอยู่ที่คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยจุดเริ่มต้น แรงบันดาลใจในการเลือกเรียน ‘จิตวิทยา’ มาจากตอนแรกคุณเจนสนใจเรื่องสืบสวน วิทยาศาสตร์ ร่างกายมนุษย์ ตอนนั้นเรียนอยู่ที่อเมริกา เริ่มจากเรียนคณะ Biology เพราะอยากเป็นหมอ แต่เมื่อเรียนได้ 1 ปีรู้สึกว่าไม่ใช่ทาง มีโอกาสได้เรียนจิตวิทยาตอนไฮสคูล ทำให้รู้สึกชอบความเป็นจิตวิทยาที่ไม่มีคำตอบผิดถูกตายตัว สนใจความเป็นเทาของมนุษย์ ที่บางทีก็มีด้านดี บางทีก็มีด้านลบ เลยเบนสายย้ายคณะมาเรียนจิตวิทยาตอนปี 2

สำหรบคุณเจน มองว่าเสน่ห์ของจิตวิทยา คือการตกหลุมรักการวิเคราะห์สถานการณ์ วิเคราะห์พฤติกรรมของมนุษย์ที่ไม่มีความสิ้นสุด ทำให้ตั้งคำถามต่อไปได้เรื่อยๆ 

คุณเจนเรียนปริญญาตรี จิตวิทยา ที่ DePaul University ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ไปอยู่หอ เรียนรู้ที่จะดูแลตัวเอง อยู่กับเพื่อนที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน ปรับตัวค่อนข้างเยอะ แต่รู้สึกสนุกที่ได้ใช้ชีวิตที่นั่น 

การเรียนจิตวิทยาที่ DePaul University เน้นที่การตั้งคำถาม คิดวิเคราะห์ ทำงานวิจัย และเน้นการ Discussion ค่อนข้างเยอะ สิ่งที่ได้เรียนรู้ คือ การไม่อายที่จะตั้งคำถาม ในส่วนของอาจารย์ จะให้ทำกิจกรรมค่อนข้างเยอะ เช่น วิชาการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ ได้เป็นอาสาสมัครทำงานกับคนไร้บ้านทั้งเทอม ต้องคอยอัพเดทให้อาจารย์ฟังตลอด มีการพูดคุยและช่วยให้มองต่างมุม และสรุปว่าเราได้เรียนรู้อะไรบ้าง

หลังจากจบปริญญาตรี คุณเจนตัดสินใจเรียนต่อด้านจิตวิทยาจนจบปริญญาเอก เหตุผลคือ ด้วยสายของจิตวิทยาเป็นอาชีพที่ต้องลงลึก ต้องมีความเชี่ยวชาญมาก จึงเหมือนการบังคับให้ต่อปริญญาโทในสาขาที่สนใจ เพื่อที่จะได้ออกมาทำงานที่ต้องการได้ และด้วยความรู้สึกสนุกในการทำงานวิจัย อยากได้คำตอบของคำถามที่มี หลังจากนั้นจึงเรียนต่อปริญญาเอกที่ประเทศอังกฤษ

คุณเจนเรียนปริญญาโท จิตวิทยาอุตสาหกรรมองค์การ ที่ Roosevelt University ประเทศสหรัฐอเมริกา สนใจเรื่องของบุคลากรในองค์กร ทำอย่างไรให้คนทำงานมีความสุข มีแรงจูงใจในการทำงาน และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนของปริญญาเอก จิตวิทยาข้ามวัฒนธรรม ที่ Brunel University สหราชอาณาจักร สนใจว่าคนในแต่ละประเทศมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันอย่างไร มีวัฒนธรรมอะไรที่มาอธิบายการกระทำของคนได้บ้าง ถ้าเราย้ายประเทศไปทำงานหรือไปเรียนที่อื่นจะมีวิธีการปรับตัวอย่างไร

การได้ไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ ทำให้คุณเจนเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ทำอะไรจะพยายามด้วยตัวเองก่อน ส่วนตัวคุณเจนชอบสภาพแวดล้อมที่ชิคาโก เพราะมีความหลากหลาย คนเปิดรับวัฒนธรรมที่แตกต่าง มีการผสมผสานทางวัฒนธรรมค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับแคลิฟอร์เนียร์ อังกฤษก็จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ขึ้นอยู่กับบริบทของรัฐในประเทศนั้นๆ 

หลังเรียนจบกลับมาเมืองไทย คุณเจนสอนอยู่ที่ มศว. ก่อนหนึ่งปีครึ่ง ก่อนจะย้ายมาเป็นอาจารย์คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีจุดเริ่มต้นมาจาก หลังกลับมาด้วยความที่เรียนจิตวิทยาในการทำงาน วางแผนอยากทำงานในบริษัท Consult แล้วค่อยทำงานพาร์ทไทม์เป็นอาจารย์ แต่พบว่าอาจารย์พาร์ทไทม์หายากมาก จึงตัดสินใจเป็นอาจารย์ประจำ

การสอนจิตวิทยาในประเทศไทย คุณเจนเล่าว่า สิ่งแรกที่ต้องปรับตัวคือเรื่องของภาษา เพราะเรียนเนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษมาทั้งหมด แต่ต้องมาสอนเป็นภาษาไทย ต้องทำการบ้านหนักมากในตอนเริ่ม ในส่วนของเนื้อหา การเรียนที่ต่างประเทศอาจจะลงลึกกว่า แต่ที่ไทยด้วยความที่เรียนจบ 4 ปีสามารถไปทำงานได้เลย จึงอาจจะไม่ลงลึกเท่าของอเมริกา 

คุณเจนกล่าวว่า จิตวิทยามีสองส่วน ส่วนแรกคือศึกษาพฤติกรรมและวิธีคิดของมนุษย์ อีกส่วนหนึ่งคือใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เข้ามาใช้ในการศึกษาพฤติกรรมและความคิดของมนุษย์ 

คนส่วนใหญ่เมื่อพูดถึงจิตวิทยามักนึกถึงโรคทางจิตก่อน คุณเจนอยากจะสร้างความเข้าใจให้คนส่วนใหญ่ ว่าจิตวิทยาสามารถทำอะไรได้มากมาย อย่างเช่น นักข่าวก็สามารถใช้จิตวิทยาได้ การพัฒนาการมนุษย์ การเลี้ยงดูเด็ก เรียกง่ายๆ ว่าจิตวิทยาอยู่รอบตัวเรา จิตวิทยาอธิบายว่าทำไมคนถึงทำแบบนั้น ถ้าเราเข้าใจว่าทำไม สิ่งที่ตามมาคือ เราสามารถปรับเปลี่ยน พัฒนา หรือลดปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมได้

.

.

.

คุณปิ่น ธัญชนก ปการัตน์ | THE STUDY TIMES STORY EP.34

บทสัมภาษณ์ คุณปิ่น ธัญชนก ปการัตน์ ปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ (เกียรตินิยมอันดับ 1) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไอดอลและนักแสดงวัยรุ่น

การเรียนรัฐศาสตร์ทำให้การมองโลกเป็นระบบมากขึ้น เอามาใช้กับการทำงานในวงการบันเทิงได้เป็นอย่างดี

คุณปิ่นเรียนจบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยแรงบันดาลใจในการเลือกเรียนคณะรัฐศาสตร์ มาจากช่วงม.ปลายเรียนสายวิทย์-คณิต เป็นคนเรียนดีปกติ แต่ยังค้นหาตัวเองไม่เจอ จนได้ไปเข้าค่ายค้นหาตัวตน ในคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล แต่เมื่อไปพบสิ่งที่ได้เรียนกลับรู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่ชอบ จึงตัดสินใจไม่เลือกคณะวิทยาศาสตร์แน่ๆ จากนั้นได้ไปอ่านวิชาเรียนของรัฐศาสตร์ รู้สึกอยากเข้าไปเรียน อยากรู้มากกว่านี้ จึงตัดสินใจแอดมิดชันเข้าคณะรัฐศาสตร์ สาขาสังคมวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

เพราะคำพูดของอาจารย์ที่กล่าวว่า “คนเรียนแพทย์ จบไปเป็นหมอรักษาคน แต่คนเรียนรัฐศาสตร์ จบไปเป็นหมอรักษาสังคม” เกิดเป็นแรงบันดาลใจให้คุณปิ่นตั้งใจเรียนในสายสังคมวิทยา เพราะรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา ส่งผลกระทบทั้งกับตนเอง ระดับสังคม ระดับประเทศ ไปจนถึงระดับทวีป สิ่งที่เรียนสามารถนำไปคิดต่อยอดได้เยอะมาก

เทคนิคการเรียนให้ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งของคุณปิ่น คือ พยายามตั้งใจในหัวข้อที่สำคัญ อ่านชีทล่วงหน้า ตั้งคำถามไว้ก่อนที่อาจารย์จะสอน การบ้านเป็นสิ่งสำคัญ เหมือนการทวนไปในตัว สิ่งไหนที่ไม่รู้สามารถไปหาเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ คุณปิ่นจะมีเช็คลิสต์จัดลำดับสิ่งที่ต้องทำทุกวัน และพยายามทำให้ครบตามที่วางแผนไว้

คุณปิ่นแนะหลักในการทำข้อสอบของรัฐศาสตร์ คือ ต้องมองมุมกว้าง อธิบายถึงสิ่งที่เป็นหลักก่อน แล้วค่อยย่อยหัวข้อออกมา พร้อมทั้งยกตัวอย่างสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสังคม มาเชื่อมโยงอย่างมีเหตุมีผล

คุณปิ่นกล่าวว่า สิ่งที่ได้จากการเรียนรัฐศาสตร์ คือ การมองโลกเปลี่ยนไป ไม่ตัดสินอะไรง่ายๆ มองทุกอย่างในมุมกว้างมากขึ้น พยายามตั้งคำถามกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น มีทักษะ Critical Thinking เพิ่มขึ้น สามารถนำจุดนี้มาใช้ได้กับทุกเรื่อง

นอกจากนี้คุณปิ่นยังได้ทำกิจกรรมมากมายในรั้วมหาวิทยาลัย เช่น กิจกรรมค่ายสอนหนังสือเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย ให้กับนักเรียนมัธยมที่ต่างจังหวัด การทำกิจกรรมครั้งนั้นพบว่า โรงเรียนที่ไปมีความกันดารมาก น้องๆ มีความรู้พื้นฐานไม่ตรงตามระดับชั้นที่เรียน ไม่มีความฝัน พี่ๆ ในค่ายจึงต้องพยายามสอนน้อง ปรับ mindset ใหม่ จนจบค่ายน้องมาขอบคุณพี่ๆ และบอกว่าตัวเองมีความฝันแล้วว่าอยากจะเข้าเรียนต่อในคณะอะไร ทำให้คุณปิ่นเกิดความตื้นตันใจมาก

จากความเหลื่อมล้ำที่พบเจอมา ทำให้คุณปิ่นอยากผลักดันด้านการศึกษาในประเทศไทย โดยมองว่า การศึกษาควรเริ่มที่บุคลากร คุณครูผู้สอน นอกจากสอนในเรื่องเนื้อหาแล้ว ควรสอนในเรื่องของการใช้ชีวิต สอนให้เด็กสามารถนำเนื้อหาที่เรียนมาประยุกต์ใช้กับชีวิตจริงได้

คุณปิ่นเคยอยู่ในวงดนตรีไอดอล ตำแหน่งมือกีตาร์ไฟฟ้า เนื่องจากมีความสนใจ อยากมีงานแสดงเป็นของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก เมื่อมีคนมาชักชวนจึงตกลง ซึ่งต้องไปฝึกเล่นกีตาร์ไฟฟ้าใหม่ทั้งหมด โดยประสบการณ์ที่ได้ คือ เรื่องของการแบ่งเวลา ต้องแบ่งเวลาซ้อมและเวลาเรียน และอย่าลืมที่จะพักผ่อน คุณปิ่นกล่าวว่า ส่วนใหญ่เวลาที่ทำอะไรหลายๆ อย่าง เราต้องตั้งเป้าหมายที่ต้องการไว้ ว่าเราทำไปเพื่ออะไร นอกจากนี้ การเป็นไอดอลจะมีกลุ่มแฟนคลับที่คอยสนับสนุน สอนให้รู้จักการวางตัว และต้องพัฒนาตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ 

ปัจจุบันคุณปิ่นมุ่งสู่สายอาชีพนักแสดง มีความตั้งใจอยากแสดงซีรีส์ ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงของการถ่ายทำ รวมทั้งยังเป็นสตรีมเมอร์ เล่นเกมให้คนอื่นเข้ามาดู ซึ่งแต่ละคนจะมีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกัน คุณปิ่นมองว่า เกมเป็นตัวเชื่อมที่ทำให้ได้ติดต่อกับคนที่มีความชื่นชอบเหมือนกัน มีคนคอยแนะนำ เหมือนได้เล่นเกมกับเพื่อน ไม่ได้เล่นอยู่คนเดียว

.

.

.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top