Monday, 9 June 2025
Canada

บริษัทแม่ 7-Eleven เล็งถอนหุ้น ทิ้งตลาดหลักทรัพย์โตเกียว แปรสภาพเป็นเอกชน

(13 พ.ย. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า Seven & i Holdings บริษัทญี่ปุ่นเจ้าของเครือร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ทั่วโลก กำลังพิจารณาซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุนเพื่อนำบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ซึ่งเป็นแผนป้องกันการเทกโอเวอร์จาก Alimentation Couche-Tard Inc. กลุ่มทุนค้าปลีกจากแคนาดาที่ได้ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการของ Seven & i เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยหากดีลนี้สำเร็จ คาดว่าจะเป็นมูลค่าการซื้อหุ้นคืนอาจสูงถึง 2 ล้านล้านบาท

นิกเคอิ เอเชีย รายงานเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2024 โดยอ้างแหล่งข่าวว่า Seven & i Holdings กำลังอยู่ในขั้นตอนการติดต่อสถาบันการเงินเพื่อจัดหาทุนสนับสนุนในการซื้อหุ้นคืน เพื่อป้องกันการเข้าครอบครองจาก Couche-Tard อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่านักลงทุนและครอบครัวผู้ก่อตั้งจะตอบรับข้อเสนอนี้หรือไม่

ด้าน  Bloomberg ระบุว่ามูลค่าของดีลนี้อาจสูงถึง 9 ล้านล้านเยน (ประมาณ 2.02 ล้านล้านบาท) และทางตลาดหลักทรัพย์โตเกียวได้ประกาศระงับการซื้อขายหุ้น Seven & i ชั่วคราวตั้งแต่เวลา 11.43 น. ของวันที่ 13 พฤศจิกายน เพื่อสอบถามข้อมูลและตรวจสอบความถูกต้องของข่าวการซื้อคืนหุ้น

ทั้งนี้ ราคาหุ้นของ Seven & i ปรับตัวสูงขึ้น 23% เมื่อซื้อขายผ่าน Japannext หลังปิดตลาดภาคเช้า ขณะที่นิกเคอิรายงานว่า หากดีลซื้อหุ้นคืนสำเร็จ จะกลายเป็นดีลซื้อกิจการที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

ทรัมป์เดินหน้าเก็บภาษีจีน 10% ชาติเพื่อนบ้านก็ไม่เว้น เม็กซิโก-แคนาดา เจอเก็บ 25% ในวันแรกที่รับตำแหน่ง

(26 พ.ย. 67) โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% และจากจีน 10% ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง โดยให้เหตุผลเรื่องการอพยพผิดกฎหมายและการค้ายาเสพติดผ่านพรมแดน ทรัมป์โพสต์บน *Truth Social* ว่า “ในวันที่ 20 มกราคม ผมจะลงนามคำสั่งเก็บภาษี 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา และ 10% สำหรับสินค้าจีน เพื่อแก้ปัญหานโยบายพรมแดนเปิดและการค้ายาเสพติด”  

มาตรการนี้ขัดต่อข้อตกลง *USMCA* ซึ่งทรัมป์เองเคยผลักดันในปี 2020 โดยเม็กซิโกและแคนาดาเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ  

นักวิเคราะห์ชี้ว่าภาษีจีนที่ 10% อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เพราะก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยขู่เก็บภาษีสูงถึง 60%  

ด้านจีนออกแถลงการณ์เตือนว่า “ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้า” และย้ำความร่วมมือกับสหรัฐในการปราบปรามการค้ายาเสพติด

จัสติน ทรูโด จ่อไขก๊อกลาออก หลังเป็นนายกฯ 9 ปี คาดแถลงในสัปดาห์นี้

(6 ม.ค. 68) สื่อรายงานอ้างแหล่งข่าวระบุว่า จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาจะประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีนิยม ซึ่งอาจเกิดขึ้นเร็วที่สุดในวันนี้ (6 มกราคม) ตามเวลาท้องถิ่น ท่ามกลางเสียงเรียกร้องให้ลาออกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพรรคที่เพิ่มมากขึ้น

รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า จัสติน ทรูโด (Justin Trudeau) นายกรัฐมนตรีแคนาดาจะประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีนิยมโดยเร็วที่สุดในวันนี้ (6 มกราคม) หลังจากดำรงตำแหน่งนี้และตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมา 9 ปี นับตั้งแต่ปี 2015 ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพรรคให้ลาออกเพิ่มขึ้น โดยมีการอ้างอิงจากรายงานของเดอะโกลบแอนด์เมลเมื่อวันที่ 5 มกราคม

แหล่งข่าวกล่าวกับเดอะโกลบแอนด์เมล (The Globe and Mail) ว่าสื่อท้องถิ่นว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ทรูโดจะประกาศลาออกเมื่อไร แต่คาดว่าจะเกิดขึ้นก่อนการประชุมใหญ่ของพรรคที่มีกำหนดจัดขึ้นในวันพุธที่ 8 มกราคมนี้ ซึ่งจะมีการหารือเกี่ยวกับอนาคตของนายทรูโดและอนาคตของพรรค

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่า ทรูโดจะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที หรือจะยังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปจนกว่าจะมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่

หลังจากการรายงานของเดอะโกลบแอนด์เมล แหล่งข่าวใกล้ชิดกับทรูโดกล่าวกับรอยเตอร์ว่า ทรูโดมีแนวโน้มที่จะประกาศลาออกมากขึ้น แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย

เสียงเรียกร้องให้ทรูโดลาออกเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากที่นายกรัฐมนตรีทรูโดพยายามปลดคริสเทีย ฟรีแลนด์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดในคณะรัฐมนตรีของเขาออกจากตำแหน่ง เมื่อเธอคัดค้านข้อเสนอของเขาที่จะเพิ่มการใช้จ่าย ต่อมา ฟรีแลนด์ลาออกและเขียนจดหมายกล่าวหาทรูโดว่ามีกลอุบายทางการเมืองแทนที่จะมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ

แม้ว่ารัฐบาลแคนาดาจะทุ่มเงินมหาศาลเพื่อปกป้องผู้บริโภคและธุรกิจจนทำให้ขาดดุลงบประมาณเป็นประวัติการณ์ แต่ก็ไม่สามารถทำให้ความโกรธแค้นของประชาชนหายไปได้ เนื่องจากราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น อีกทั้งนโยบายผู้อพยพที่ล้มเหลวทำให้มีผู้คนหลายแสนคนอพยพเข้ามา ส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยที่ร้อนแรงอยู่แล้วตึงเครียด

ทรูโด อายุ 53 ปี ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเสรีนิยมในปี 2013 เมื่อพรรคเผชิญปัญหาหนักและถูกลดที่นั่งในสภาสามัญชน หรือสภาล่าง เหลือสถานะเพียงพรรคอันดับสามเป็นครั้งแรก จนกระทั่งสามารถนำพรรคขึ้นสู่อำนาจในฐานะพรรครัฐบาลได้สำเร็จเมื่อปี 2015 และทรูโดขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยคำมั่นสัญญาตามแนวทางนโยบายก้าวหน้าที่ส่งเสริมสิทธิสตรี

การลาออกของทรูโดจะทำให้พรรคเสรีนิยมไม่มีหัวหน้าพรรคถาวรในช่วงเวลาที่โพลสำรวจความคิดเห็นประชาชนแสดงให้เห็นว่า สมาชิกพรรคเสรีนิยมจะพ่ายแพ้ให้กับพรรคอนุรักษนิยม ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักในการเลือกตั้งที่คาดว่าจะจัดขึ้นภายในปลายเดือนตุลาคมนี้

การลาออกของทรูโดอาจกระตุ้นให้เกิดการเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว เพื่อให้รัฐบาลสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายใต้การบริหารของรัฐบาลสหรัฐในยุคโดนัลด์ ทรัมป์

แหล่งข่าวกล่าวว่า ทรูโดได้หารือกับนายโดมินิก เลอบลองค์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ถึงการที่จะให้เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคชั่วคราวและนายกรัฐมนตรี หรือไม่ โดยเสริมว่าการดำเนินการดังกล่าวจะไม่สามารถทำได้ หากนายเลอบลองค์มีแผนที่จะลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำ

'ทรูโด' ลาออกนายกแคนาดา หลังคะแนนนิยมร่วง สมาชิกพรรคไม่หนุน

(6 ม.ค. 68) นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ประกาศลาออกจากตำแหน่งหลังดำรงตำแหน่งมานานเกือบ 10 ปี โดยเขาเผชิญกับกระแสความไม่พอใจจากประชาชนเกี่ยวกับค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงปัญหาราคาอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งทะยาน นอกจากนี้ แคนาดายังประสบวิกฤตผู้อพยพและปัญหาความวุ่นวายภายในรัฐบาล ซึ่งเห็นได้จากการลาออกอย่างกะทันหันของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ พรรคฝ่ายค้านถึง 3 พรรคได้ประกาศชัดเจนว่าจะร่วมกันลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลในการประชุมสภาครั้งหน้า

นายทรูโดระบุว่า เขาจะยุติบทบาทนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเสรีนิยมคนใหม่เสร็จสิ้น โดยยืนยันว่าเขาไม่สามารถทำหน้าที่หัวหน้าพรรคในการเลือกตั้งครั้งต่อไปได้ เนื่องจากความขัดแย้งภายในพรรค

“ผมไม่ใช่คนที่ยอมถอยง่ายๆ โดยเฉพาะในเรื่องที่มีความสำคัญต่อพรรคและประเทศชาติ” ทรูโดกล่าวในแถลงการณ์ “แต่ผมเชื่อว่าผมได้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีเพื่อประชาชนและส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยอย่างเต็มที่แล้ว ผมเชื่อมั่นว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่จะสานต่อคุณค่าและอุดมการณ์ของพรรคเสรีนิยมเพื่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป”

ความเห็นจากพรรคเสรีนิยมและฝ่ายค้าน

นายซาชิต เมห์รา ประธานพรรคเสรีนิยม กล่าวขอบคุณนายทรูโดสำหรับบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศด้วยนโยบายสำคัญ เช่น นโยบายดูแลเด็กในราคา 10 ดอลลาร์ต่อวัน โครงการดูแลสุขภาพฟัน และแผนการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมระบุว่า พรรคจะจัดการประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าคนใหม่ในสัปดาห์หน้า

ด้านนายปิแอร์ ปัวลีแวร์ ผู้นำพรรคอนุรักษนิยม โพสต์วิดีโอบน X (เดิมชื่อ Twitter) ระบุว่า “ชาวแคนาดารู้สึกเหมือนได้หลุดพ้นจากยุคมืด” พร้อมตำหนิผู้สมัครรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีนิยมว่าเป็นผู้ร่วมมือกับทรูโดในการทำลายประเทศในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน นายจักมีต ซิงห์ ผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ใหม่ กล่าววิจารณ์ว่า “ไม่สำคัญว่าใครจะขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคเสรีนิยม เพราะพวกเขาทั้งหมดจะทำให้ประชาชนผิดหวัง พรรคเสรีนิยมไม่ควรได้รับโอกาสอีกต่อไป”

การลาออกของทรูโดนับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเวทีการเมืองแคนาดา ซึ่งต้องจับตาดูว่าพรรคเสรีนิยมจะสามารถฟื้นตัวและนำพรรคเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไปได้หรือไม่

ทรัมป์ได้ทีชวนแคนาดาร่วมเป็นรัฐที่ 51 หลังทรูโดลาออกจากนายกฯ

(7 ม.ค. 68) ไม่นานหลังจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้แสดงความคิดเห็นว่า แคนาดาควรเข้ามาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาประกาศลาออกจากตำแหน่ง

ทรูโดได้ประกาศลาออกในวันจันทร์ที่ 6 มกราคม โดยอ้างถึง "การต่อสู้" ภายในพรรคลิเบอรัลของเขา แต่จะยังคงดำรงตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีไปจนกว่าจะมีการเลือกผู้นำพรรคคนใหม่ ซึ่งจะเข้ามาทำหน้าที่ในช่วงเลือกตั้งทั่วไปที่มีกำหนดจัดขึ้นปลายเดือนตุลาคม

"ผู้คนจำนวนมากในแคนาดาต้องการให้ประเทศของพวกเขากลายเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ" ทรัมป์โพสต์ผ่านโซเชียลแพลตฟอร์มของตัวเองในช่วงบ่ายวันจันทร์ "สหรัฐฯ อาจไม่สามารถทนกับการขาดดุลการค้าขนาดใหญ่และการอุดหนุนที่จำเป็นเพื่อให้แคนาดายังคงอยู่ได้อีกต่อไป และจัสติน ทรูโดก็รู้เรื่องนี้ดี"

"หากแคนาดารวมเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ จะไม่มีการเก็บภาษี แคนาดาจะจ่ายภาษีที่ต่ำลง และจะได้รับการปกป้องเต็มรูปแบบจากภัยคุกคามของกองเรือรัสเซียและจีนที่คอยคุกคามพวกเขา" ทรัมป์กล่าว "เมื่อรวมกันแล้วมันจะกลายเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่"

การลาออกของทรูโดเกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันภายในพรรค ซึ่งส่วนหนึ่งเชื่อว่าเป็นผลมาจากการคุกคามของทรัมป์ที่จะเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก โดยทรัมป์ได้กล่าวหาว่าผู้อพยพ, อาชญากร และพวกค้ายาได้ลักลอบเข้ามาในอเมริกา ขณะเดียวกันก็มีการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ผ่านการละเมิดสนธิสัญญาการค้าเสรี

นอกจากนี้ มาตรการเก็บภาษีของทรัมป์ยังเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ คริสเตียน ฟรีแลนด์ รองนายกรัฐมนตรีแคนาดาลาออก และส่งผลให้เกิดความตึงเครียดในพรรคลิเบอรัลมากขึ้น

ผู้นำแคนาดาได้พยายามหารือเรื่องนี้กับทรัมป์โดยตรง ถึงขั้นเดินทางไปพบทรัมป์ที่มาร์อาลาโกในช่วงต้นเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ได้กล่าวติดตลกว่า ทรูโดควรจะเป็น "ผู้การรัฐ" และว่าแคนาดาควรเข้าร่วมเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ

ทรัมป์ยังได้พูดถึงความเป็นไปได้ที่แคนาดาอาจถูกแบ่งเป็นสองรัฐ โดยรัฐหนึ่งจะเป็นรัฐเสรีนิยมและอีกรัฐจะเป็นรัฐอนุรักษนิยม นอกจากนี้ เขายังเคยพูดถึงการซื้อเกาะกรีนแลนด์ที่อยู่ในอาร์กติก ซึ่งเป็นดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์กและตั้งอยู่ใกล้กับชายฝั่งแคนาดา

ถึงแม้ว่าผู้บริหารของออตตาวาจะปฏิเสธข้อเสนอในการรวมชาติตามที่ทรัมป์พูดถึง แต่เควิน โอเลียรี นักลงทุนและดาราดังของแคนาดา ได้กล่าวว่า ราวครึ่งหนึ่งของชาวแคนาดาให้การสนับสนุนแนวคิดนี้

โพสต์ล่าสุดของทรัมป์เกี่ยวกับแคนาดามีขึ้นไม่นานก่อนที่สภาคองเกรสจะรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2024 โดยยืนยันว่าเขาจะสาบานตนเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า

นักวิชาการชี้แผนยึดกรีนแลนด์-คลองปานามา โอกาสทองจีนได้แต้มต่อครองใจนานาชาติ

(9 ม.ค. 68) ว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ดูเหมือนต้องการขยายอิทธิพลของสหรัฐฯ ด้วยการออกมาเผยความต้องกรของตนในการควบคุมกรีนแลนด์ ปานามา และแคนาดา ซึ่งถือเป็นแนวคิดการปรับแผนที่ของซีกโลกตะวันตกแบบใหม่อย่างแท้จริง

ชอว์น นาริน ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเซนต์โธมัสในแคนาดากล่าวกับ Sputnik  

"กรณีของกรีนแลนด์กลาวว่า กรีนแลนด์เป็นความหลงใหลที่แปลกประหลาดของเขาในอดีต ผมคิดว่าสำหรับเขา กรีนแลนด์เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติล้วน ๆ" นารินอธิบาย โดยชี้ว่าความหมกมุ่นนี้อาจเกี่ยวข้องกับการแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ และจีนในเรื่องแร่หายากและเส้นทางลอจิสติกส์ที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ 

นารินชี้ว่า แม้สหรัฐจะครอบครองกรีนแลนด์ได้จริง เพื่อหวังควบคุมห่วงโซอุปทาน แต่ก็ไม่สามารถแซงหน้าจีนในด้านนี้ได้ ในฐานะที่จีนเป็นชาติที่ควบคุมห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงการแปรรูปทั้งหมด โดยเฉพาะในด้านทรัพยากรธรรมชาติที่ทรัมป์หวังได้จากกรีนแลนด์
 
ขณะที่คลองปานามา ทรัมป์เคยอ้างเหตุผลในการทวงคืนคลองปานามา โดยว่าพื้นที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของจีน ทำให้เก็บค่าผ่านทางอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งชอว์น นาริน กล่าวว่า "ไร้สาระสิ้นดี" นารินตอบโต้ "มันไม่มีความแตกต่างอะไรเลยต่อสหรัฐฯ ว่าจะควบคุมคลองนี้หรือไม่ ไม่มีใครพยายามขัดขวางการเดินเรือของอเมริกาผ่านคลองนี้"  

ขณะที่ประเด็นแคนาดาจากการที่ทรัมป์ต้องการให้แคนาดา กลายเป็นมลรัฐที่ 51 ของสหรัฐ พร้อมกับการขู่เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม ได้สร้างความกังวลให้ชาวแคนาดา นารินกล่าวว่าคำพูดดังกล่าวเป็นเรื่อง "ไร้สาระ" และเปรียบเสมือนการขู่กรรโชก  

"คุณไม่ต้องการให้คนที่ไม่มีเสถียรภาพและคาดเดาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจ เพราะมันสร้างความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจและการเมืองในความสัมพันธ์ที่ควรจะเป็นผู้ใหญ่" เขาเน้นย้ำ  

ในขณะที่ทรัมป์มองว่าจีนเป็นคู่แข่งสำคัญระดับโลกของสหรัฐฯ และพยายามโดดเดี่ยวจีน นารินชี้ว่า กลยุทธ์ในการเปลี่ยนแผนที่โลกเหล่านี้อาจผลักดันให้ประเทศอื่น ๆ เข้าใกล้ปักกิ่งมากขึ้น  

"จีนมีความน่าเชื่อถือและคาดการณ์ได้มากกว่าทรัมป์" เขากล่าว "นโยบายของปักกิ่งตรงไปตรงมา จีนละเมิดกฎหมายนานาชาติน้อยกว่าสหรัฐฯ หลีกเลี่ยงการแทรกแซง และใช้วิธีการทางเศรษฐกิจในการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศอื่น ๆ พร้อมเน้นย้ำถึงผลประโยชน์ร่วมกันเสมอ"  

คริสเตีย ฟรีแลนด์ อดีตรองนายกฯ แนะแคนาดาจับมือพันธมิตร NATO หวังพึ่งอาวุธนิวเคลียร์รับมือการคุกคามอธิปไตยจากทรัมป์

(5 มี.ค. 68) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นางคริสเตีย ฟรีแลนด์ อดีตรองนายกฯ แคนาดา และผู้สมัครผู้นำพรรคเสรีนิยมคนใหม่ มีแนวคิดให้แคนาดาสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับสหราชอาณาจักรและพันธมิตร NATO มากขึ้น เพื่อใช้อาวุธนิวเคลียร์ปกป้องประเทศจากโดนัลด์ ทรัมป์ หลังถูกมองคุกคามอธิปไตย

โดยก่อนหน้านี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยกล่าวไว้ว่า ประเทศเพื่อนบ้านที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา อย่างแคนาดาอาจเป็น ‘รัฐที่ 51’ ของแดนมะกัน อีกทั้งยังมีการขึ้นภาษีนำเข้ากับ แคนาดา และ เม็กซิโก 25% ซึ่งมีผลไปแล้วตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา (4 มี.ค.)

ส่งผลให้ จัสติน ทรูโด นายกฯ แคนาดา ไม่อยู่เฉยประกาศตอบโต้ทันที ด้วยการเก็บภาษี 25% กับสินค้าสหรัฐฯ ตีเป็นมูลค่า 155 พันล้านเหรียญแคนาดา (ราว 107 พันล้านเหรียญสหรัฐ) โดยจะเริ่มเก็บภาษีร้อยละ 25 กับสินค้าจากสหรัฐฯ ในมูลค่า 30 พันล้านเหรียญแคนาดาทันที และจะเก็บภาษีกับสินค้าจากสหรัฐฯ มูลค่า 125 พันล้านเหรียญแคนาดา หลังจากนี้ 21 วัน

และครั้งหนึ่ง เจสซี่ มาร์ช ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติแคนาดา แสดงอาการไม่พอใจเช่นเดียวกัน พร้อมกับออกมาตอบโต้ กับวาทะของทรัมป์ ที่บอกว่าแคนาดาอาจเป็น ‘รัฐที่ 51’ ของสหรัฐฯ โดยกุนซือรายนี้ระบุว่า 

“ในฐานะคนอเมริกัน ผมอยากพูดถึงการอภิปรายเกี่ยวกับ 'รัฐที่ 51' ผมคิดว่านี่คือการดูหมิ่น แคนาดาเป็นประเทศที่เข้มแข็งและเป็นอิสระ มีรากฐานที่ลึกซึ้งในความเหมาะสม เป็นสถานที่ที่ให้ความสำคัญกับจริยธรรมและความเคารพสูง แตกต่างจากบรรยากาศที่แบ่งแยก ไม่เคารพ และมักเต็มไปด้วยความเกลียดชังในสหรัฐอเมริกา”

อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอที่ให้แคนาดาใกล้ชิดอังกฤษ เพื่อใช้อาวุธนิวเคลียร์รับมือทรัมป์ ของนางคริสเตีย ฟรีแลนด์ กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง โดยนางแดเนี่ยลล์ สมิธ (Danielle Smith) นายกรัฐมนตรีรัฐแอลเบอร์ตา จากพรรคอนุรักษนิยมกล่าวว่า ‘นี่คือคำพูดที่บ้าคลั่ง เพราะสหรัฐฯ คือพันธมิตรและมิตรแท้ด้านความมั่นคงของเรา"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top