Friday, 9 May 2025
BBC

‘Dr. Husam Zomlot’ หัวหน้าคณะผู้แทนปาเลสไตน์ประจำสหราชอาณาจักร ผู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้ชาวปาเลสไตน์ และการต่อสู้กับอคติของสื่อตะวันตก

‘Dr. Husam Zomlot’ หัวหน้าคณะผู้แทนปาเลสไตน์ประจำสหราชอาณาจักร
ตอบโต้คำถามและการสัมภาษณ์ที่มีอคติของ BBC สื่อตะวันตกอย่างดุเดือด

‘Dr. Husam Zomlot’ หัวหน้าคณะผู้แทนปาเลสไตน์ประจำสหราชอาณาจักร ต้องเผชิญหน้ากับคำถามและการสัมภาษณ์อย่างมีอคติจากสื่อตะวันตก โดยเฉพาะ BBC โดยพยายามให้ความกระจ่างเกี่ยวกับความโหดร้ายที่บีบคั้นหัวใจ ซึ่งเกิดขึ้นโดยกองทัพอิสราเอลต่อพลเรือนชาวปาเลสไตน์ผู้บริสุทธิ์

Dr. Zomlot ได้ตอกย้ำความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของชาวปาเลสไตน์ในการยุติการยึดครองอันโหดร้ายที่คุกคามชีวิตของพวกเขามายาวนานเกินไป อิสราเอลซึ่งแต่เดิมตั้งใจที่จะยุติการขยายถิ่นฐานและการยึดครอง แต่กลับวนเวียนอยู่ในวงจรแห่งความทุกข์ทรมานของชาวปาเลสไตน์

เขาท้าทายความพยายามของผู้สัมภาษณ์ที่จะถือข้างผู้ครอบครอง โดยเน้นว่านี่ไม่ใช่สงครามระหว่างความเท่าเทียมกัน หลักการทางการทหารที่มีมายาวนานของอิสราเอลมุ่งเป้าไปที่พลเรือน ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายอย่างนับไม่ถ้วน Dr. Zomlot เรียกร้องอย่างกระตือรือร้นให้ยุติวงจรแห่งความตายนี้ การเผชิญหน้ากับความหน้าซื่อใจคดของผู้สัมภาษณ์ โดยเน้นย้ำถึงการขาดความรับผิดชอบต่ออาชญากรรมสงครามของอิสราเอลในการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ เขาตั้งคำถามว่า เหตุใดเจ้าหน้าที่อิสราเอลจึงไม่ถูกกดดันให้ประณามตนเอง โดยเน้นย้ำถึงอคติที่มักสร้างความเสียหายให้ปาเลสไตน์จากการรายงานข่าวของสื่อตะวันตก

Dr. Zomlot ปฏิเสธที่จะเล่าเรื่องที่บิดเบือน โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดการที่ต้นตอของความขัดแย้ง แทนที่จะคาดหวังให้ชาวปาเลสไตน์ประณามตนเองอย่างต่อเนื่อง เขาตั้งคำถามกับการรายงานแบบเลือกข้างของสื่อ โดยถามว่าพวกเขาเคยเชิญให้ Dr. Zomlot ออกมาพูดเมื่อชาวปาเลสไตน์ถูกสังหารหรือเมื่อมีการยั่วยุจากฝั่งอิสราเอลหรือไม่? เนื่องจากประชากรในฉนวนกาซาถูกจับเป็นตัวประกันโดยอิสราเอล Dr. Zomlot จึงเรียกร้องให้เปลี่ยนจากการใช้วาทกรรมและให้ยอมรับความจริงอันน่ารังเกียจนี้

เมื่อถามถึงแนวทางแก้ไข เขาเน้นย้ำถึงการใช้กฎหมายระหว่างประเทศอย่างเท่าเทียมกัน กฎของสันนิบาตแห่งชาติ และมติของสหประชาชาติ ซึ่งเป็นหลักการที่ขาดหายไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อพูดถึงการกระทำของอิสราเอลในฐานะกองกำลังผู้ยึดครอง

Dr. Zomlot เปิดเผยความจริงอันโหดร้ายที่พลเรือนปาเลสไตน์ต้องเผชิญอย่างเด็ดเดี่ยว และเรียกร้องความยุติธรรม และความรับผิดชอบต่อความอยุติธรรมนับครั้งไม่ถ้วนที่ชาวปาเลสไตน์ต้องเผชิญ Dr. Zomlot ได้โต้ตอบผู้สื่อข่าวของ BBC อย่างไม่เกรงใจ เนื่องจากความมีอคติของผู้สัมภาษณ์ที่ชัดเจนต่อชาวปาเลสไตน์อิสราเอล โดยเปิดเผยถึงความโหดร้ายอันน่าสยดสยองที่กองทัพอิสราเอลกระทำต่อพลเรือนชาวปาเลสไตน์ผู้บริสุทธิ์

อย่างไรก็ตาม กลุ่มฮามาสไม่ใช่รัฐบาลหรือกองทัพอย่างเป็นทางการของชาวปาเลสไตน์ จึงไม่สามารถถือเอากลุ่มฮามาสเป็นตัวแทนของชาวปาเลสไตน์ได้ Dr. Zomlot เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นแน่วแน่ของชาวปาเลสไตน์ที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการแห่งการยึดครองที่ยืดเยื้อยาวนาน เขาเน้นย้ำว่า จุดประสงค์เดิมของอิสราเอล คือการยุติการขยายตัวของการตั้งถิ่นฐานและการยึดครอง แต่อิสราเอลได้หลงไปไกลจากเส้นทางนี้ และทิ้งร่องรอยแห่งความทุกข์ทรมานไว้

ด้วยการท้าทายความพยายามของผู้สัมภาษณ์ที่จะเปรียบเทียบผู้กดขี่กับผู้ถูกกดขี่ Dr. Zomlot โต้แย้งอย่างกระตือรือร้นว่านี่ไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างความเท่าเทียมกัน เขากล่าวหาอิสราเอลว่าปฏิบัติตามหลักคำการทางทหารที่น่ากังวลซึ่งมุ่งเป้าไปที่พลเรือน ซึ่งสร้างความเจ็บปวดแก่ชาวปาเลสไตน์อย่างไม่สามารถประเมินได้ Dr. Zomlot เรียกร้องให้ยุติวงจรความรุนแรงซึ่งมีแต่การทำลายล้างนี้

Dr. Zomlot ขอให้ผู้สัมภาษณ์ตอบข้อกล่าวหาว่ามีอคติ โดยตั้งคำถามตรง ๆ ไปว่า ทำไมเจ้าหน้าที่อิสราเอลจึงไม่รับผิดชอบต่อการกระทำของพวกเขาในรายการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ เขาท้าทายความล้มเหลวของสื่อในการเรียกร้องให้อิสราเอลประณามตัวเอง โดยแสดงให้เห็นถึงการมีสองมาตรฐานโดยสิ้นเชิง

Dr. Zomlot ยืนกรานที่จะต้องจัดการกับสาเหตุที่แท้จริงของความขัดแย้ง เขาตั้งคำถามที่ถูกต้องเกี่ยวกับการรายงานข่าวของสื่อ โดยถามว่าพวกเขาส่งคำเชิญถึงตัวเขาเมื่อชาวปาเลสไตน์ถูกสังหารหรือเมื่อมีการยั่วยุของอิสราเอล เพราะว่ามีชาวปาเลสไตน์กว่าสองล้านคนถูกอิสราเอลจับเป็นตัวประกันในฉนวนกาซา

Dr. Zomlot จึงเรียกร้องให้ละทิ้งวาทกรรมที่ปั้นแต่งขึ้น เพื่อเผชิญหน้ากับความจริงของสถานการณ์ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข เมื่อถามถึงแนวทางแก้ไข เขาเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการใช้กฎหมายระหว่างประเทศอย่างเท่าเทียมกัน ตลอดจนการปฏิบัติตามกฎของสันนิบาตแห่งชาติและมติของสหประชาชาติ ซึ่งเป็นหลักการที่อิสราเอลดูเหมือนได้เคยยอมรับและนำมาปฏิบัติมานานหลายทศวรรษ

‘สหรัฐฯ’ หยุดจ่ายเงิน!! ‘BBC’ หันมาชม!! ‘จีน’

(15 ก.พ. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘ลึกชัดกับผิงผิง’ โพสต์ข้อความระบุว่า …

หลายวันก่อน อีลอน มัสก์ปิดองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา (USAID)โดยตรง มิเพียงแต่เลิกจ้างพนักงานทั่วโลกจำนวนกว่าหมื่นคนเท่านั้น และยังตัดงบประมาณที่มียอดกว่า 50,000ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี 

เรื่องนี้ทำให้ BBC โกรธมาก และหันมาชมจีนอย่างเต็มที่ ทีมงานของอีลอน มัสก์เปิดโปงว่าแต่ละปี สื่อจำนวนมากของสหรัฐอเมริกาและยุโรปล้วนได้เงินไม่น้อยจาก USAID ส่วน BBC ที่บอกว่าตัวเองเป็นสื่ออิสระและเป็นกลางนั้น ก็มีค่าตอบแทนเช่นกัน โดยแต่ละปีจะได้รับจากUSAIDหลายสิบล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อ 1 เดือนก่อน สารคดีของ BBC ส่วนใหญ่บอกว่าจีนแย่แล้ว จีนจะพังแล้ว แต่หลังจากวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่อีลอน มัสก์ตัดงบฯ แล้ว ทำให้ BBC โกรธมาก จึงเร่งพนักงานผลิตสารคดีเรื่อง 'โครงการเมดอินไชน่า 2025' ภายในเวลาไม่กี่วัน และออกอากาศด้วย 

สารคดีเรื่องนี้ชมจีนอย่างเต็มที่ อย่างเช่นโดรนทันสมัยนำหน้าของจีน รถยนต์พลังงานใหม่ของ BYD โครงการโซลาร์เซลล์ และ Deepseek เป็นต้น โดยไม่มีคำตำหนิใส่ร้ายใด ๆ มีแต่พูดเรื่องดี ๆ เท่านั้น 

สุดท้าย พิธีกรได้คำสรุปว่า 'โครงการเมดอินไชน่า 2025' ของจีนประสบความสำเร็จอย่างบริบูรณ์ สาเหตุคือ ระบบของจีน ความอดทนและการวางแผนระยะยาวของรัฐบาลจีน 

BBC ชอบรายงานจีนในเชิงลบ กระทั่งสร้างข่าวปลอมเกี่ยวกับจีน อย่างเช่นเหตุการณ์ผ้าฝ้ายซินเจียง แต่หลังจากอีลอน มัสก์ตัดงบฯ แล้ว BBC เปลี่ยนท่าทีจากผู้ต้านจีนมาเป็นผู้สนิทกับจีนทันที 

ดิฉันคิดว่า BBC ทำสารคดีดังกล่าว คงไม่ใช่สนิทกับจีนจริง ๆ แต่เป็นการเตือนสหรัฐฯ ว่า ถ้าไม่จ่ายเงินต่อ วันหลังก็จะไม่ทำตามคำสั่งอีกแล้ว ทีมงานของอีลอน มัสก์โพสต์ข้อความและยืนยันว่า USAIDให้เงินสนับสนุนแก่ผู้สื่อข่าวจำนวนกว่า 6,200 คน สื่อ 707 แห่ง และองค์การภาคเอกชน 279 แห่งของ 30 ประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top