Monday, 29 April 2024
8ปีที่เปลี่ยนไป

‘บัตรทอง’ ยุคลุงตู่ ยกระดับสู่ ‘บัตรพรีเมี่ยม’ เพิ่มสิทธิประโยชน์ครอบคลุม สะดวกทุกที่

รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้มุ่งเน้นด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังใส่ใจด้านคุณภาพชีวิตประชาชนอีกด้วย นับเป็นความมุ่งมั่นของรัฐบาล ที่จะดูแลสุขภาพของประชาชนอย่างดีที่สุด รวมทั้งยกระดับมาตรฐานด้านสาธารณสุขที่ได้รับการชื่นชมจากทั่วโลก รวมถึงองค์การอนามัยโลก นำไปสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และดูแลรักษาสุขภาพโลก และยังพัฒนาต่อไปตามนโยบายยุทธศาสตร์ชาติ โดยมีหลักยึดที่สำคัญ คือ เราจะเดินหน้าไปพร้อมกัน และ ‘ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง’ ภายใต้คำขวัญ ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ร่างกายแข็งแรง เศรษฐกิจประเทศแข็งแรง’ เพื่อให้เห็นภาพรวมในการพัฒนาด้านสาธารณสุข ขอสรุปให้เห็นเป็นรูปธรรมดังนี้

- ยกระดับและต่อยอดบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค ไปเป็น ‘บัตรทองพรีเมี่ยม’ เพิ่มสิทธิประโยชน์ เพิ่มคุณภาพบริการ

- บัตรทองพรีเมี่ยม รักษาโควิดฟรี

- ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2565 ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองสามารถเข้ารักษาในหน่วยบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศโดยที่หน่วยบริการจะไม่มีการเรียกให้กลับไปรับใบส่งตัวมาเหมือนในอดีตที่เคยเป็นปัญหา

- บัตรทองทำให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้

- บัตรทองให้สิทธิ์การย้ายหน่วยบริการ ได้สิทธิทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน

- ผู้ถือบัตรทองได้สิทธิฟอกไตฟรี 

- มาตรการลดการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 มีการรณรงค์เพื่อการเพิ่มระยะห่างทางสังคม (และส่งเสริมการทำงานที่บ้าน รวมถึงกลไกในการทำงานที่ขันแข็งของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กว่าหนึ่งล้านคนทั่วประเทศ

- ระบบประกันสุขภาพครอบคลุมประชาชนเท่าเทียม

- พัฒนาระบบบริการสาธารณสุข แพทย์สมัยใหม่ และแพทย์แผนไทย

- พัฒนาและยกระดับความรู้อาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บ้าน (อสม.)

- ลดภาระการเดินทางไปสถานพยาบาลของประชาชน

- ลดความแออัดในโรงพยาบาลขนาดใหญ่

- รับยาที่ร้านขายยาแผนปัจจุบันใกล้บ้านสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หืด จิตเวช และโรคเรื้อรังอื่นๆ 

- ส่งยา/เวชภัณฑ์ถึงบ้านทางไปรษณีย์ การบริการสาธารณสุขระบบทางไกล (Telehealth/Telemedicine) และการตรวจทางห้องปฏิบัติการนอกโรงพยาบาล

'อัษฎางค์' ยก 15 ผลงานใหญ่ '8 ปี ประยุทธ์' ก้าวไปไกล จนก้าวไกล ก้าวตามไม่ทัน

นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก 'เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค' โดยระบุว่า...

8 ปีประยุทธ์ ก้าวไปไกลจนก้าวไกล ก้าวตามไม่ทัน 

อัษฎางค์ ขอยก 15 ผลงานเรื่องใหญ่ๆ ที่รัฐบาลประยุทธ์สร้างสรรค์เอาไว้ จนก้าวไปไกลสุดสายตา จนพรรคชื่อก้าวไกลแต่ย่ำอยู่กับที่ก้าวไม่ไปไหนไกลและคนใจบอด 3 นิ้วไม่สามารถจะเห็นได้

15 ผลงานรัฐบาลประยุทธ์
•1 First S-curve การส่งเสริม 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย การต่อยอด-ยกระดับ 5 อุตสาหกรรมเดิมที่ไทยมีศักยภาพ

•2 EEC โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อเป็นพื้นที่การลงทุนและแหล่งบ่มเพาะ 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ 

•3 EECi พัฒนาเมืองแห่งนวัตกรรม หรือเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ให้เป็น 'ซิลิคอนวัลเลย์' 'เมืองใหม่อัจฉริยะ' ด้วยนวัตกรรมของเมืองไทย

•4 EECd เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล

•5 5G โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ครอบคลุมถึงการพัฒนาเทคโนโลยี 5G ทั่วประเทศ เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัล โดยในปี 2564 ความเร็วเฉลี่ยอินเตอร์เน็ตบ้านของไทย ที่ 308 ล้านบิทต่อวินาที (Mbps) ถือว่าแรงเป็นอันดับ 1 ของโลก 

•6 Digital Government การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยมุ่งเป้าการเปลี่ยนแปลงสู่ 'รัฐบาลดิจิทัล' เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของภาครัฐ โครงการเน็ตหมู่บ้าน 74,987 หมู่บ้าน ทั้งประเทศ โครงการสายเคเบิ้ลใต้น้ำ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยมุ่งเป้าการเปลี่ยนแปลงสู่รัฐบาลดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของภาครัฐ 

•7 Prompt Pay พัฒนาระบบ 'พร้อมเพย์' เพื่อสนับสนุนการชำระเงินและโอนเงินแบบทันที พัฒนาระบบพอร์ทัลกลางเพื่อประชาชน (Citizen Portal) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ในการติดต่อขอรับบริการผ่านช่องทางออนไลน์ 

ภาพรวมและกำหนดเสร็จ 'โครงข่ายรถไฟความเร็วสูงของไทย'

อีกไม่นานเกินรอ!!

โครงข่ายทางรถไฟความเร็วสูงของไทยถูกวางแผนไว้ว่าจะใช้รางเกจมาตรฐาน 1,435 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นเกจมาตรฐานที่ทางรถไฟส่วนใหญ่ของโลกเลือกใช้ แบ่งออกได้ทั้งหมด 4 เส้นทาง มีระยะทางทั้งหมดรวมกัน 2,700 กิโลเมตร ดังนี้

=======
สายอีสาน กรุงเทพ-นครราชสีมา-หนองคาย เชื่อมโยงประเทศลาว
====

โครงการทางรถไฟความเร็วสูงสายอีสาน รองรับรถไฟความเร็วสูง มีความเร็วปกติ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง แบ่งออกเป็น 2 ระยะ 

ระยะที่  1 เส้นทางกรุงเทพ-นครราชสีมา โครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง มีระยะทาง 250 กิโลเมตร เชื่อม 6 สถานีคือ บางซื่อ-ดอนเมือง-อยุธยา-สระบุรี-ปากช่อง-นครราชสีมา กำหนดเปิดให้บริการ พ.ศ. 2569

ระยะที่ 2 เส้นทางนครราชสีมา-หนองคาย โครงการอยู่ในขั้นตอนการวางแผน มีระยะทาง 357 กิโลเมตร เชื่อม 6 สถานีคือ นครราชสีมา-บัวใหญ่-บ้านไผ่-ขอนแก่น-อุดรธานี-หนองคาย กำหนดเปิดให้บริการ พ.ศ. 2572 – 2573  

รถไฟสายนี้ จะเป็นเส้นทางที่เชื่อมโยงไปยังเส้นทางรถไฟลาว-จีน

=======
สายตะวันออก กรุงเทพ-ตราด
====

โครงการทางรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออก รองรับรถไฟความเร็วสูง มีความเร็วปกติ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง แบ่งออกเป็น 2 ระยะ 

ระยะที่  1 เส้นทางกรุงเทพ-อู่ตะเภา โครงการอยู่ในขั้นตอนการเตรียมงานก่อสร้าง มีระยะทาง 220 กิโลเมตร เชื่อม 9 สถานีคือ ดอนเมือง-บางซื่อ-มักกะสัน-สนามบินสุวรรณภูมิ-ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-ศรีราชา-พัทยา-สนามบินอู่ตะเภา คาดว่าจะเสร็จ พ.ศ. 2572

รัฐบาลประยุทธ์ ยกระดับ ‘บัตรทองพรีเมียม’ ขึ้นแท่นเบอร์ 1 คุณภาพระบบสุขภาพอาเซียน

‘ทิพานัน’ ชี้รัฐบาล ‘พล.อ.ประยุทธ์’ ยกระดับ ‘บัตรทองพรีเมียม’ ลดเหลื่อมล้ำ สะดวก รวดเร็วมีคุณภาพ  เพิ่มสิทธิรักษาโรคร้ายฟรี  ย้ายสิทธิก็ง่าย  เพิ่มบริการครอบคลุมทุกกลุ่ม เป็นอันดับ 1 ของอาเซียน ระบบสุขภาพที่มีคุณภาพ

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพประชาชน และการเข้าถึงบริการภาครัฐของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ ได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขทำการพัฒนา บัตรทอง หรือบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า ให้เป็น ‘บัตรทองพรีเมี่ยม’ เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ เพิ่มคุณภาพและบริการ โดยผู้ถือบัตรทองสามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกที่ในโรงพยาบาลรัฐที่เป็นโรงพยาบาลปฐมภูมิทั่วประเทศ นอนโรงพยาบาลโดยไม่ต้องมีใบส่งตัว  นโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติมีสิทธิทุกที่ ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ได้รับการคุ้มครองสิทธิในการเข้าถึงบริการอย่างปลอดภัย ไม่มีเงื่อนไขในการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล ภายใน 72 ชั่วโมง หรือพ้นภาวะวิกฤติ เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการรักษาพยาบาล สามารถเปลี่ยนสิทธิรักษามีผลทันทีไม่ต้องรอ 15 วัน  ผ่านแอปพลิเคชันของ สปสช. หรือสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด สะดวกสบาย ประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายและเวลาการเดินทางไปรักษา  

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ผู้มีสิทธิบัตรทองใน ช่วง รัฐบาล พลเอกประยุทธ์  หลายท่านยังไม่ทราบว่า มีการเพิ่มสิทธิการรักษาและการดูแลด้านสาธารณสุขเพิ่มขึ้นมาก เช่น ได้รับสิทธิในการรักษาโรคร้าย โดยผู้ป่วยมะเร็งสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเฉพาะทาง และรักษามะเร็งได้ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกที่ ได้รับสิทธิฟอกไตฟรี รักษาโควิดฟรี เพิ่มบริการสำหรับแม่และเด็ก เช่น การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก การเพิ่มวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก คัดกรองภาวะ Down Syndrome ในหญิงตั้งครรภ์ (อายุไม่เกิน 35 ปี) ผ่าตัดฝังประสาทหูเทียมสำหรับเด็กหูหนวก และการให้บริการแว่นตาเด็ก

เปิด 20 ผลงาน 'รัฐบาลลุงตู่' 8 ปีที่พัฒนา 'ภาคกลาง'

ตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเข้ามาบริหารประเทศ เกิดการพัฒนาทั่วทุกภาคของประเทศ ทั้งการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐาน การปฏิรูปคุณภาพชีวิตในชุมชน แก้ไขปัญหาสะสมเรื่องความไม่สงบในประเทศ ออกมาตรการทางเศรษฐกิจ มีการจัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  มารดาประชารัฐ โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการชิมช็อปใช้ โครงการต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนจับต้องได้ทั้งสิ้น และคนที่ได้รับประโยชน์คือประชาชนไทยทุกคน

ในส่วนภาคกลาง มีการประกาศระเบียงเศรษฐกิจภาคกลาง-ตะวันตก ประกอบด้วยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดนครปฐม จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อผลักดันการลงทุนของภาครัฐและเอกชนเพื่อเป็นศูนย์กลางขนส่งและโลจิสติกส์ เชื่อมโยงระหว่างภาคตะวันออกและตะวันตก และภาคตะวันตกกับภาคใต้ตอนบน ภาคเหนือตอนล่าง รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน

เน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมการแปรรูปอาการเกษตร การท่องเที่ยว และการพัฒนาอุตสาหกรรมมูลค่าสูง โดยสามารถพัฒนาศักยภาพในการเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจหลักของประเทศและระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC  มีโครงการที่สามารถจับต้องและเอื้อประโยชน์ต่อชาวภาคกลางดังนี้

1. โครงการทางพิเศษสายศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหาคร เพื่อขยายโครงข่ายทางพิเศษไปทางตะวันตกของ กทม

2. โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน – นครราชสีมา

3. โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี

4. โครงการก่อสร้างทางหลวงชนบท สาย ฉ และ ค ผังเมือง รวมเมืองชัยนาท จ.ชัยนาท 

5. โครงการถนนสาย ค ผังเมืองรวมเมืองนครสวรรค์ (บริเวณถนนมหาเทพ) 

6. โครงการขยายถนนราชพฤกษ์ระยะที่ 2 (ตอนที่ 2) ซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 - คลองมหาสวัสดิ์)

7. โครงการถนนต่อเชื่อมถนนราชพฤกษ์ – ถนนกาญจนาภิเษก (แนวเหนือ - ใต้) ตอน NS1

รัฐบาลปลื้ม ผลการสำรวจรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ประจำปี 2022 ไทยได้ปรับอันดับขึ้นหลายดัชนี อยู่ในกลุ่มที่มีการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลในระดับสูงมากพร้อมก้าวเป็นรัฐบาลดิจิทัลเต็มรูปแบบ

เมื่อวันที่ 2 ต.ค.นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้วยการดำเนินงานตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่งผลให้ สหประชาชาติได้เปิดเผยผลการสำรวจรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ประจำปี 2022 โดยไทยได้รับการปรับอันดับขึ้นในหลายดัชนี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้วางแนวทาง สนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้ไทยก้าวเป็นรัฐบาลดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ 

“องค์การสหประชาชาติ ได้ประกาศผลการสำรวจรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ประจำปี 2022 หรือ UN E-Government Survey 2022 ที่จัดทำโดย สำนักงานกิจการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Department of Economic and Social Affairs – UN DESA) โดยจัดการประเมินทุก 2 ปี สำรวจจาก 193 ประเทศสมาชิกองค์การสหประชาชาติ พิจารณาจาก 3 ปัจจัยที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government Development Index: EGDI)  ดัชนีการมีส่วนร่วมทางอิเล็กทรอนิกส์ของประชาชน (e-Participation Index: EPI) และดัชนีให้การบริการออนไลน์ภาครัฐส่วนท้องถิ่น (Local Online Service Index: LOSI)”นายอนุชากล่าว

10 ปีผ่านไป!! เส้นทางรถไฟฟ้ากรุงเทพฯ เปลี่ยนไปแค่ไหน?

โครงข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ต่อเนื่อง เป็นระบบขนส่งทางรางในเขตเมืองในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เริ่มเปิดให้บริการเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2542 ในเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสุขุมวิท (สถานีหมอชิต-สถานีอ่อนนุช) และรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสีลม (สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ-สถานีสะพานตากสิน) 

นับเป็นระยะเวลากว่า 23 ปีที่ ประเทศไทยมีโครงข่ายรถไฟฟ้าฯ แต่หากย้อนกลับไปดู จะพบว่า ในช่วง 10 ปี หลังสุด เป็นช่วงที่มีการพัฒนาโครงข่ายเส้นทางอย่างก้าวกระโดด โดยในปัจจุบันมีรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้วทั้งสิ้น 8 สาย 141 สถานี ครอบคลุมระยะทางกว่า 211.94 กิโลเมตร 

และในช่วงต้นปี 2566 จะเปิดให้บริการอีก 2 สาย นั่นคือสายสีชมพู และสายสีเหลือง อีกทั้งจะมีรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพ และรถไฟความเร็วสูง ในเส้นทางต่างจังหวัด ทยอยเปิดให้บริการอีกหลายสายหลังจากนี้ 

‘โซเชียล’ ชูผลงาน ‘บิ๊กตู่’ ตอกหน้า ‘ผู้บริหารอสังหาฯ ดัง’ หลังวิจารณ์ ‘ผู้นำไทย’ ไม่พาประเทศไปสู่เวทีโลก

เมื่อวานนี้ (17 พ.ย. 65) เพจเฟซบุ๊ก ‘สายตรงข่าวกรอง’ ได้โพสต์ข้อความตอบโต้กรณีที่ ‘นายเศรษฐา ทวีสิน’ ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เคยกล่าวไว้ว่า 6-8 ปีที่ผ่านมาผู้นำของเราไม่ได้นำประเทศไทย ไปมีจุดยืนในเวทีโลกเลย ผู้นำคนต่อไปผมว่าต้องกล้า ที่จะเดินออกไปสู่เวทีโลก โดยระบุว่า…

เราอยู่ในโลก...ใบเดียวกับเขามั๊ย?
หรืออยู่คนละ #universe 

***ฝากบอกเขาหน่อยนะ
#ลุงตู่ ใช่ไหม? ที่ฟื้นความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบีย ที่ห่างหายมานานกว่า 30 ปี ได้สำเร็จ

***และ 8 ปีที่ผ่านมา
#ลุงตู่ เดินทางเยือนต่างประเทศ และเข้าร่วมการประชุมระหว่างประเทศ อย่างเป็นทางการ เกือบทุกภูมิภาคของโลก รวม 75 ครั้ง (ไม่นับรวมการประชุมผ่านระบบทางไกล ในช่วงโควิดระบาดอีก 13 การประชุม) 

#ลุงตู่ ให้การต้อนรับผู้นำต่างประเทศที่เดินทางมาเยือนไทย อย่างเป็นทางการ 29 ครั้ง 

#ลุงตู่ เป็นประธานการประชุมระหว่างประเทศมาแล้ว โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ 5 การประชุม...

(1) ความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS) ปี 2557 
(2) ความร่วมมือเอเชีย (ACD) ปี 2559 
(3) ความร่วมมืออิรวดี-เจ้าพระยา–แม่โขง (ACMECS) ปี 2561 
(4) การประชุมสุดอาเซียน (ASEAN) ปี 2562 อีก 2 ครั้ง 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top