จากประท้วงเงียบ สู่ สงกรานต์เงียบ
การประท้วงในเมียนมาเริ่มมีการปรับเปลี่ยนจากการเคลื่อนไหวที่เรียกว่าอารยะขัดขืนจนมาถึงการตอบโต้กับเจ้าหน้าที่จนวันหนึ่งมีการผุดไอเดียประท้วงเงียบ 1 วันโดยใครที่ไม่เอากับกองทัพให้ทำการ CDM หรืออารยะขัดขืนโดยการปิดห้างร้านไม่ออกไปทำงาน ไม่ขายของ แต่นั่นคือ 1 วันแต่ล่าสุดมีการประชาสัมพันธ์มาอีกแล้วว่าให้ประท้วงเงียบในช่วงสงกรานต์ (Thingyan Silent Strike) โดยอ้างว่าเป็นการไว้อาลัยแก่คนที่เสียชีวิตไปในการประท้วงไปจนถึงบางคนบอกว่าหากใครเล่นน้ำจะเป็นพวกสนับสนุนเผด็จการ……เอาอย่างนี้กันเลยเหรอ
เทศกาลสงกรานต์หรือเทศกาลตะจ่านในเมียนมาเป็นวันหยุดยาวและมีความหมายของคนเมียนมามาก แต่ไม่ใช่เพราะการเล่นน้ำแต่เป็นการกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวและมีกิจกรรมทางศาสนา หลายครอบครัวมีกิจกรรมร่วมกันในการเดินทางไปเที่ยวยังสถานที่อื่น ๆ หรือเข้าวัดทำบุญหรือไปนั่งวิปัสสนากรรมฐาน การเล่นน้ำนั้นถือเป็นหนึ่งกิจกรรมในครอบครัวและเป็นหนึ่งกิจกรรมของเพื่อนที่เล่นสนุกกัน แม้วันที่เขียนนี้วันที่ 12 เมษายนในเมียนมาตามเมืองใหญ่ ๆ จะมีการตั้งเวทีให้เล่นน้ำแต่ปีนี้ก็ยังไม่เห็นมีการตั้งเวทีกิจกรรมแต่อย่างใด
เอาเป็นว่าแม้จะมีกระแสข่าวที่บอกว่ากองทัพจะไม่มีการใช้อาวุธตราบใดที่ไม่มีการประท้วงแต่กองทัพก็ไม่ได้อำนวยความสะดวกให้มีเวทีเล่นน้ำเหมือนที่เคยเป็นในช่วงก่อนโควิดเช่นกัน ดังนั้นการประท้วงสงกรานต์เงียบครั้งนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากช่วงสงกรานต์โควิดเมื่อปีที่แล้วที่ทำให้เมืองใหญ่ ๆ ในเมียนมาเสมือนเมืองร้างไร้ผู้คน
คำถามคือไม่ใช่คนทุกคนที่เอาด้วยกับการประท้วงแม้จะไม่เห็นด้วยกับกองทัพก็ตาม แต่การที่จะเล่นน้ำสงกรานต์ในปีนี้ ในภาวะการณ์แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่สมควรที่จะเอาตัวเองหรือครอบครัวเข้ามาเสี่ยงเพราะในเมียนมาการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ก็ยังไม่ได้ครอบคลุมและคนส่วนใหญ่ในเมียนมาก็เลือกแล้วที่จะไม่ฉีดวัคซีน ดังนั้นไม่มีทางใดที่จะป้องกันอันตรายทั้งจากทหารและโควิด-19 ได้ดีกเท่ากับการอยู่บ้านซึ่งดูเหมือนว่าฝ่ายกองทัพก็ต้องการแบบนั้นเช่นกัน เพราะไม่เช่นนั้นกองทัพคงให้ในแต่ละเขตทำการสร้างเวทีสำหรับเล่นน้ำสงกรานต์ไปแล้ว
ที่มา: AYA IRRAWADEE
