Saturday, 10 May 2025
ไล่ชิงเต๋อ

จับตา ‘ไล่ ชิงเต๋อ’ สาบานตนเป็น ‘ปธน.ไต้หวัน’  สื่อจีนเตือนสัมพันธ์ข้ามช่องแคบส่อตึงเครียดหนัก

(20 พ.ค.67) รอยเตอร์ รายงานว่า ไล่ ชิงเต๋อ (Lai Ching-te) ได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันอย่างเป็นทางการวันนี้ (20 พ.ค.) ท่ามกลางท่าทีข่มขู่จากจีนซึ่งมองว่า ไล่ เป็นพวกจ้อง ‘แบ่งแยกดินแดน’ ขณะที่ความแตกแยกกับกลุ่มฝ่ายค้านในสภาส่อเค้ากลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบริหารของรัฐบาลชุดใหม่

พิธีสาบานตนถูกจัดขึ้นที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงไทเป ซึ่งเป็นอาคารเก่าแก่ที่สร้างตั้งแต่สมัยที่เกาะไต้หวันตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น โดย ไล่ ก้าวขึ้นรับไม้ต่อจากประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน หลังจากที่เคยทำหน้าที่เป็นรองประธานาธิบดีตลอด 4 ปีที่ผ่านมา 

เจ้าหน้าที่อาวุโสของไต้หวันระบุว่า ไล่ เตรียมกล่าวสุนทรพจน์ที่แสดงความมีไมตรีจิตต่อจีน และเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายร่วมกันแสวงหาสันติภาพ

ไล่ เดินเข้าสู่ห้องพิธีในชุดสูทผูกเนกไทสีม่วงซึ่งเป็นสีของผีเสื้อประจำถิ่นชนิดหนึ่งของไต้หวัน และติดเข็มกลัดรูปดอกมัสตาร์ดสีเหลือง ซึ่งเป็นพืชสามัญที่พบได้ทั่วไปตามท้องทุ่งบนเกาะแห่งนี้

ไล่ ได้รับมอบตราสัญลักษณ์แทนอำนาจของประธานาธิบดี จำนวน 2 ชิ้น จากประธานรัฐสภา ได้แก่ ตราแห่งสาธารณรัฐจีน (seal of the Republic of China) และตรา Seal of Honour โดยตราทั้งสองนี้ได้ถูกนำมายังไต้หวันระหว่างที่รัฐบาลสาธารณรัฐจีนหลบหนีมายังเกาะแห่งนี้ หลังพ่ายแพ้สงครามกลางเมืองให้แก่พรรคคอมมิวนิสต์ของเหมา เจ๋อตง ในปี 1949

พิธีสาบานตนของ ไล่ ชิงเต๋อ มีอดีตเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หลายคนซึ่งถูกส่งไปร่วมงานโดยประธานาธิบดี โจ ไบเดน รวมถึงสมาชิกรัฐสภาจากบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เยอรมนี แคนาดา และยังมีผู้นำจากอีก 12 ประเทศที่ยังคงมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันอยู่ เช่น ประธานาธิบดี ซันติอาโก เปญา แห่งปารากวัย เป็นต้น

แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้มีถ้อยแถลงแสดงความยินดีต่อ ไล่ ชิงเต๋อ โดยระบุว่าสหรัฐฯ รอคอยที่จะได้ทำงานร่วมกับเขา “เพื่อยกระดับผลประโยชน์และค่านิยมร่วม กระชับความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นทางการให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ตลอดจนร่วมกันธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพภายในช่องแคบไต้หวัน”

ล่าสุด สื่อรัฐบาลจีนยังไม่ได้มีการรายงานข่าวพิธีสาบานตนของ ไล่ ชิงเต๋อ แต่อย่างใด 

ปักกิ่งถือว่าไต้หวันซึ่งปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตนเอง และไม่เคยปฏิเสธทางเลือกใช้กำลังทหารเพื่อนำไต้หวันมาอยู่ภายใต้การควบคุม ขณะที่ ไล่ ยืนยันว่าอนาคตของไต้หวันมีเพียงประชาชนไต้หวันเท่านั้นที่จะตัดสินได้ และเคยยื่นข้อเสนอเจรจากับจีนมาแล้วหลายครั้ง แต่ถูกปฏิเสธตลอด

ไต้หวันเผชิญแรงกดดันจากจีนหนักขึ้นกว่าเก่า ทั้งการส่งเครื่องบินรุกล้ำเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) และการทำกิจกรรมทางทหารเฉียดใกล้เกาะ หลังจากที่ ไล่ วัย 64 ปี ชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา

กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุวันนี้ (20) ว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาจีนได้ส่งเครื่องบิน 6 ลำข้ามเส้นมัธยฐาน (median line) ซึ่งถือกันว่าเป็นเส้นแบ่งเขตแดนจีน-ไต้หวันอย่างไม่เป็นทางการ ทว่าปักกิ่งไม่ยอมรับการมีอยู่ของเส้นที่ว่านี้ โดยมีเครื่องบินจีนอย่างน้อย 1 ลำที่เข้าไปใกล้เมืองท่าจีหลง (Keelung) ทางตอนเหนือของเกาะไต้หวันในระยะเพียง 80 กิโลเมตร

สัปดาห์ที่แล้ว สำนักงานกิจการไต้หวันของจีนระบุว่า ไล่ ซึ่งฝ่ายจีนเรียกว่าเป็น “ผู้นำคนใหม่ของภูมิภาคไต้หวัน” จำเป็นต้องเลือกให้ชัดเจนระหว่างการพัฒนาอย่างสันติ (peaceful development) หรือการเผชิญหน้า (confrontation) ขณะที่หนังสือพิมพ์โกลบอลไทม์สซึ่งเป็นสื่อของทางการจีนก็รายงานเมื่อวานนี้ (19) ว่า ไล่ “อาจจะแสดงพฤติกรรมยั่วยุมากขึ้นเรื่อยๆ” หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งผู้นำไทเป

“ดังนั้นในระยะยาว ความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบคงจะไม่เป็นไปในเชิงบวก” บทความของโกลบอลไทม์ส ระบุ

นอกจากภัยคุกคามจากจีนแล้ว คาดว่ารัฐบาล ไล่ ชิงเต๋อ ยังจะต้องเผชิญกับความท้าทายในประเทศอีกไม่น้อย หลังจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ของเขาสูญเสียเสียงข้างมากในสภาจากผลของศึกเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือน ม.ค.

สัญญาณความวุ่นวายเริ่มปรากฏให้เห็นตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว (17) เมื่อ ส.ส.ไต้หวันเกิดทะเลาะวิวาทชกต่อยและตะโกนด่าทอกันไปมาในสภา สืบเนื่องมาจากกฎหมายปฏิรูปสภาที่ฝ่ายค้านพยายามผลักดัน และคาดว่าอาจจะมีศึกกลางสภาอีกรอบหลังจากที่บรรดา ส.ส.เปิดการอภิปรายอีกครั้งในวันอังคารนี้ (21)

ผู้นำไต้หวัน หมดหวังพึ่ง ‘ทรัมป์’ ชวน 'จีน' หันหน้าพูดคุยสร้างสันติภาพ

(3 ก.พ. 68) ประธานาธิบดี ไล่ ชิงเต๋อ แห่งไต้หวัน ระบุวันนี้ว่า ไต้หวันและจีนจำเป็นต้องหันหน้าพูดคุยกันเพื่อให้เกิดสันติภาพ หลังบริบทการเมืองโลกเกิด “การเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อน” ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณชวนปักกิ่งรอมชอมมากกว่าที่จะเผชิญหน้ากันต่อไป

ไล่ ซึ่งถูกรัฐบาลจีนตราหน้าว่าเป็น “นักแบ่งแยกดินแดน” พยายามยื่นข้อเสนอขอพูดคุยกับปักกิ่ง ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีมานี้ได้ยกระดับกดดันไต้หวันทั้งในทางการเมืองและทหารเพื่อบีบให้ไทเปยอมรับในอำนาจอธิปไตยของจีน

อย่างไรก็ตาม เวลานี้ทั้งจีนและไต้หวันต่างก็เผชิญแรงบีบจากรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งนอกจากจะสั่งรีดภาษีสินค้านำเข้าจีนแล้ว ยังขู่จะใช้มาตรการเดียวกันกับเซมิคอนดักเตอร์นำเข้าซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมหลักของไต้หวันด้วย

ระหว่างกล่าวปาฐกถาต่อผู้แทนภาคธุรกิจไต้หวันที่เข้าไปลงทุนในจีน ไล่ ชี้ว่าไต้หวันและจีนต่างมี “ศัตรูร่วม” ก็คือภัยธรรมชาติ และมี “เป้าหมายร่วม” อยู่ที่การสร้างความอยู่ดีกินดีให้ผู้คนทั้ง 2 ฝั่งช่องแคบ

“ดังนั้น ในห้วงเวลาที่สถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างซับซ้อนเช่นนี้ เราทั้ง 2 ฝั่งช่องแคบจึงยิ่งควรที่จะพูดคุยและแลกเปลี่ยนกันด้วยดี เพื่อให้เกิดสันติภาพ” เขากล่าว

ผู้นำไต้หวันเอ่ยเสริมว่า รัฐบาลของเขาเต็มใจที่จะเปิดเจรจากับจีนบนพื้นฐานของความเท่าเทียมที่ไร้เงื่อนไข และอยากให้ทั้งสองฝ่ายหันหน้าพูดคุยมากกว่าเผชิญหน้า แต่ขณะเดียวกันก็ย้ำว่าอนาคตของไต้หวันมีเพียงประชาชนไต้หวันเท่านั้นที่จะตัดสินใจ

อย่างไรก็ตาม สำนักงานกิจการไต้หวันของจีนยังไม่ออกมาให้ความเห็นต่อคำพูดของ ไล่ ชิงเต๋อ ทว่าที่ผ่านมาจีนเรียกร้องให้ไต้หวันยอมรับว่าดินแดน 2 ฝั่งช่องแคบคือส่วนหนึ่งของ “จีนเดียว” (One China) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ ไล่ และรัฐบาลพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ไม่เอาด้วย

ไล่ ยังกล่าวด้วยว่า ไต้หวันไม่ควรมี “ภาพลวงตา” เกี่ยวกับสันติภาพ และจำเป็นต้องแสวงหาสันติภาพผ่านความเข้มแข็งด้วยการเสริมเขี้ยวเล็บของตนเอง และยืนหยัดเคียงข้างรัฐประชาธิปไตยอื่นๆ อย่างสง่าผ่าเผย

“ประเทศจะคงอยู่ได้ก็ต่อเมื่อมีอธิปไตย และเพราะมีไต้หวันเท่านั้นจึงมีสาธารณรัฐจีน” ไล่ กล่าว โดยเอ่ยถึงชื่ออย่างเป็นทางการของเกาะไต้หวัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top