Tuesday, 22 April 2025
ไทยพีบีเอส

'อ.นิด้า' ทวงถามจริยธรรมสื่อดัง บิดเบือนกรณีปลากุเลา ชี้!! ทุกครั้งก็รับปากว่าจะแก้ไข แต่ก็ทำซ้ำเหมือนเดิม

เมื่อ (14 พ.ย. 65) ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA ได้ออกมาประณามช่อง ThaiPBS ซึ่งได้นำเสนอข้อมูลบิดเบือนใส่ร้ายเชฟชุมพล และประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพ APEC 2022 ด้วยการกุเรื่องว่า ‘ปลากุเลาเค็ม’ ที่ขึ้นโต๊ะอาหารผู้นำเอเปคไม่ได้มาจากตากใบ

โดยเป็นการนำเสนอหัวข้อข่าวชื่อ ‘จับโป๊ะ Soft Power 'ปลากุเลาเค็ม' ขึ้นโต๊ะผู้นำเอเปค ไม่ได้มาจากตากใบ’ ซึ่งเป็นการไปสัมภาษณ์ผู้ประกอบการร้านขายอาหารทะเลกลุ่มหนึ่ง เพื่อให้ได้บทว่า “ไม่มีใครมาซื้อปลากุเลาไปใช้ในงาน APEC” 

แต่ความจริงซึ่งถูกเปิดเผยโดยเชฟชุมพล แจ้งไพร เชฟมิชเชอร์ลินสตาร์ ที่เป็นหนึ่งในทีมทำอาหารเลี้ยงผู้นำเอเปค ก็คือ ทางทีมเชฟได้ซื้อปลามาจากร้าน ‘ปลากุเลาเค็มป้าอ้วนตากใบ’ ซึ่งอยู่ที่ 40/1 หมู่ที่ 3 ต.เจ๊ะเห อ.ตกใบ จ.นราธิวาส เบอร์โทรร้าน 086-9636422

ซึ่งทางร้านก็ได้ออกมาประกาศผ่าน Facebook ทางร้านว่า ร้านเป็นผู้จัดจำหน่ายปลากุเลาเค็ม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับ 5 ดาวของชุมชน โดยก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าที่มาซื้อปลากุเลาเค็มไป 1 ตัวเพื่อนำไปชิม และภายหลังมีการสั่งออนไลน์วันละหลายหมื่นบาทในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา

หลังข้อมูลปรากฏชัดเจน ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต ได้ตั้งคำถามว่าไทยพีบีเอสทำแบบนี้ ไม่แน่ใจว่าทีมข่าวเรียนจบวารสารศาสตร์และมีกอง บก.หรือไม่ ทำไมจึงพยายามสร้างเนื้อหาที่ไม่สมเหตุผล ด้วยการไปสัมภาษณ์ร้านที่ไม่ได้รับการติดต่อซื้อ แล้วไปสรุปว่า 'ไม่มีการซื้อจริง'

พร้อมระบุว่า ไทยพีบีเอส จะรับผิดชอบอย่างไรต่อชื่อเสียงของเชฟชุมพล และชื่อเสียงของประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพ APEC และไทยพีบีเอสยังเคยทำเรื่องแบบนี้มาหลายครั้ง และทุกครั้งก็รับปากว่าจะแก้ไข แต่ก็ทำซ้ำเหมือนเดิมเรื่อย ๆ จนมาถึงครั้งนี้

สุดท้ายประชาชนเสียเงินภาษีปีละ 2,000 ล้านบาทเลี้ยงช่องไทยพีบีเอส ก็ควรได้ช่องข่าวที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ไม่ใช่ได้ช่องทีวีที่ผลิต Fake News 

ข้อความของ ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต

“จับโป๊ะ” ใครกันแน่? 

กรณีการลงข่าวนี้ ข่าวไทยพีบีเอสจะ 'จับโป๊ะ' รัฐบาล หรือว่าข่าวไทยพีบีเอส จะถูก 'จับโป๊ะ' เสียเอง? 

เนื้อหาข่าวไทยพีบีเอส เป็นการให้สัมภาษณ์ของผู้ประกอบการในพื้นที่ตากใบ 'บางคน' ที่ให้ข้อมูลว่าไม่เห็นรู้เรื่องว่ามีการซื้อปลากุเลาเค็มจากร้านใดร้านหนึ่งใน 9 ร้านที่ได้ขึ้นทะเบียน GI ของจังหวัดไปเลย จึงสรุปได้ว่า ที่รัฐบาลโปรโมตว่าจะนำเอาปลากุเลาเค็มไปทำอาหารในการประชุมเอเปคนั้น 'ไม่จริง'

ซึ่งต่อมาเชฟชุมพล และรองโฆษกรัฐบาล ก็ออกมาให้ข้อเท็จจริงว่า เชฟชุมพลซื้อปลากุเลาเค็มมาจากตากใบจริง จากร้านป้าอ้วน เพราะเป็นร้านเดียวที่ผ่านมาตรฐาน ซึ่งต่อมาเฟซบุ๊กของร้านป้าอ้วนก็ออกมายืนยันว่ามีการสั่งซื้อไปจริง แต่ด้วยการที่ร้านขายจำนวนมาก ก็ไม่รู้ว่าใครซื้อไปบ้าง (แล้วก็คงบอกกันไปในกลุ่มว่า ไม่รู้เรื่องที่ขายปลาเค็มไปทำอาหารเอเปค เพราะไม่เห็นมีใครมาติดต่อแจ้งอย่างนั้น)

ผมไม่แน่ใจว่านักข่าวที่ทำข่าวนี้ เรียนจบวารสารศาสตร์มาหรือไม่ หรือบก. ที่ตรวจข่าวนี้ (มีไหม) ใช้หลักการอะไรในการปล่อยให้ข่าวนี้ออกมาได้ แต่ในฐานะที่ผมเป็นอาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ ผมก็มีคำถามที่คนทั่วไปก็น่าจะสงสัยเหมือนกัน คือ ทำไมนักข่าวที่ทำข่าวนี้ถึง ... 

1.) เชื่อมั่นว่าไม่มีการซื้อจริง ด้วยคำบอกเล่าของร้าน (บางคน) ทำไมไม่คิดว่า คนที่ไปสัมภาษณ์นั้น เขารู้จริงหรือไม่ เข้าใจผิดหรือไม่ รู้ได้อย่างไรว่าไม่มีคนซื้อไปทำอาหารเอเปค การหาข้อเท็จจริงที่มีหลักฐานนี่คือหลักการวารสารศาสตร์เบื้องต้นเลย

2.) ถ้าไม่แน่ใจว่าร้านค้าจะรู้ข้อมูลหรือไม่ ทำไมไม่ทำสิ่งที่ง่ายที่สุด ก็คือถามไปที่ต้นตน นั่นคือเชฟชุมพล หรือทางสำนักนายกก็ได้ ว่าซื้อจริงไหม ซื้อยังไง ใครซื้อ การหาข้อมูลจากอีกฝั่ง ก็เป็นหลักวารสารศาสตร์เบื้องต้นสุด ๆ เช่นกัน (ถ้าติดต่อไม่ได้ ก็ระบุไปว่ายังไม่ได้รับคำตอบ) 

แต่ไม่ครับ นักข่าวที่ทำข่าวนี้ ไม่ได้ทำทั้งสองข้อ แล้วก็ลงข่าวพร้อมพาดหัวเลยว่า 'จับโป๊ะ' ที่แปลว่า 'จับโกหก'

เพจดัง ชี้!! Thai PBS สื่อจากภาษีคนไทย ที่นำเสนอความจริง 'ยังทำไม่ได้'

(17 พ.ย. 65) เพจ 'ฤๅ - Lue History' จากกรณีที่ Thai PBS เสนอข่าวเพื่อจับโป๊ะรัฐบาลเรื่อง 'ปลากุเลาตากใบ' ที่ถูกเลือกเป็นหนึ่งในเมนูอาหารสำหรับงานเลี้ยงกาลาดินเนอร์แก่ผู้นำต่างชาติในงานประชุม APEC 2022 ว่าไม่ได้เป็นปลาที่มาจากตากใบ ซึ่งเป็นการไปเอาข้อมูลสัมภาษณ์มาจากคนในพื้นที่ (บางคน) โดยไม่ได้สืบสาวต้นตอข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง

สุดท้าย Thai PBS โป๊ะแตกเอง เมื่อเชฟใหญ่ที่รับผิดชอบเมนูอาหารครั้งนี้ยืนยันด้วยตัวเองว่า ได้ซื้อวัตถุดิบปลากุเลาจากร้านค้าในพื้นที่ตากใบจริง พร้อมแสดงใบเสร็จสั่งซื้อชัดเจน

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แค่เมนูอาหาร แต่มันสร้างผลกระทบถึงเศรษฐกิจภาพรวมของตากใบ รวมไปถึงภาพลักษณ์การประชุมระดับโลกที่ถูกด้อยค่า ที่จะต้องมาตามแก้ไขความเท็จที่ไม่ควรเกิดขึ้นจากการทำงานของสื่อไร้จรรยาบรรณ

จริง ๆ แล้วการสืบค้นหาข้อมูลจากต้นตอของแหล่งข่าว ถือเป็นพื้นฐานของการทำงานสื่อมวลชนด้วยซ้ำ ซึ่งในเคสนี้แค่ไปสอบถามข้อเท็จจริงจากหน่วยงาน หรือผู้รับผิดชอบโดยตรงก็จบแล้ว

แต่มาตราฐานแบบนี้กลับไม่มีเลยในการทำงานของ Thai PBS

ซ้ำร้ายยังมีข้อมูลมาด้วยว่า สื่อนี้มีการสนับสนุนช่องทางของขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเปิดเผยอีกด้วย ซึ่งเราจะนำประเด็นนี้มาพูดคุยในครั้งต่อไป

เปิดรายได้ 6 ปี 'สุทธิชัย หยุ่น' โกย 318 ล้าน กำไรกว่า 151 ล้าน พบ 20 สัญญากว่า 20 ล้าน มาจาก 'ไทยพีบีเอส' จ้าง 'บ.กาแฟดำ'

(14 มิ.ย. 67) จากกรณีที่นายชูวัส ฤกษ์ศิริสุข อดีตผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี กล่าวผ่านรายการประชาทอล์ค ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของสำนักข่าวประชาไท ชี้แจงกรณีที่อดีตผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ซึ่งปิดกิจการไปเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา เช่น นายธีรัตถ์ รัตนเสวี นางสาวลักขณา ปันวิชัย หรือคำ ผกา ไปผลิตรายการข่าวเช้าให้กับสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) กรมประชาสัมพันธ์ ในนามบริษัท คำดี จำกัด กล่าวว่า รายการดังกล่าวมีพิธีกร 3 คนดำเนินรายการ จ่ายค่าดำเนินรายการ 3 คน แล้วผู้ดำเนินรายการจ่ายค่าช่างแต่งหน้า และค่าโปรดิวเซอร์ที่มาช่วยทำข้อมูลให้ ต่างจากนายสุทธิชัย แซ่หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส และนายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ จัดรายการให้สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสยังไง

"การเข้าข้างกัน เชียร์กัน มีสื่อเชียร์รัฐบาลไม่ใช่เรื่องผิด และการมีกลุ่มคนที่เห็นด้วยกับรัฐบาลก็ไม่ใช่เรื่องผิด เขาก็อยากจะอธิบายแทนรัฐบาล เพราะที่ผ่านมามีคนถล่มรัฐบาล กระทั่งรับปัญหามา ก็รู้สึกมีปมเรื่องนี้ว่าทำไมไม่พยายามอธิบายในสิ่งที่รัฐบาลทำบ้าง เมื่อสื่อส่วนใหญ่เข้าข้างฝ่ายค้าน ทำไมสื่อส่วนหนึ่งจะอธิบายสิ่งที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเหมือนกันไม่ได้" นายชูวัสกล่าว

ต่อมานายสุทธิชัยโพสต์ข้อความในแพลตฟอร์ม X บัญชี @suthichai ว่า "ขอใช้สิทธิพาดพิงครับ ความแตกต่างที่ชัดที่สุดคือ รัฐบาลสั่ง NBT ได้ แต่สั่ง ThaiPBS ไม่ได้ครับ (ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลลุงตู่หรือรัฐบาลนี้)"

ล่าสุดเฟซบุ๊ก ‘ซึ่งต้องพิสูจน์’ โพสต์อินโฟกราฟิก หัวข้อ ‘เว็บฯ ระบบข้อมูลการใช้จ่ายภาครัฐ (ภาษีไปไหน)’ ระบุ ตั้งแต่ปี 62 ถึงปี 67 TPBS จ้าง ‘บริษัท กาแฟดำ’ (ที่มี ‘สุทธิชัย หยุ่น’ เป็น 1 ในกรรมการ) 20 โครงการ มูลค่า 20.86 ล้านบาท’ โดยเรียงลำดับตามมูลค่าโครงการดังนี้

1. วันที่ลงนามในสัญญา 14 ส.ค. 62 องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) จ้างผลิตและจัดหารายการ ฟังเสียงประเทศไทย คำตอบอยู่ในหมู่บ้าน ไตรมาส 3-4/2562 จำนวน 26 ตอน โดยวิธีเฉพาะเจาะจง 3.25 ล้านบาท

2. วันที่ลงนามในสัญญา 6 พ.ย. 62 องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) จ้างผลิตรายการ ตั้งวงคุย กับสุทธิชัย หยุ่น โดยวิธีเฉพาะเจาะจง 2.57 ล้านบาท

3. วันที่ลงนามในสัญญา 30 ธ.ค. 63 องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) จ้างผู้ดำเนินรายการฟังเสียงประเทศไทย จำนวน 19 วัน โดยวิธีเฉพาะเจาะจง 1.52 ล้านบาท

4. วันที่ลงนามในสัญญา 9 ก.ค. 63 องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) จ้างผู้ดำเนินรายการ ฟังเสียงประเทศไทย (จำนวน 17 วัน) โดยวิธีเฉพาะเจาะจง 1.36 ล้านบาท

5. วันที่ลงนามในสัญญา 10 มี.ค. 63 องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) จ้างผู้ดำเนินรายการ ฟังเสียงประเทศไทย (ไตรมาสที่ 1-2/2563) โดยวิธีเฉพาะเจาะจง 1.12 ล้านบาท

6. วันที่ลงนามในสัญญา 30 มิ.ย. 65 องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) จ้างผู้ดำเนินรายการตอบโจทย์ (วันศุกร์) ไตรมาสที่ 3-4/2565 โดยวิธีเฉพาะเจาะจง 1.11 ล้านบาท

7. วันที่ลงนามในสัญญา 28 ม.ค. 63 องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) จ้างผู้ดำเนินรายการตอบโจทย์ ไตรมาสที่ 1-2/2563 (จำนวน 26 ตอน) โดยวิธีเฉพาะเจาะจง 1.11 ล้านบาท

8. วันที่ลงนามในสัญญา 16 ก.ค. 63 องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) จ้างผู้ดำเนินรายการตอบโจทย์ (ไตรมาสที่ 3-4/2563) จำนวน 26 ตอน โดยวิธีเฉพาะเจาะจง 1.11 ล้านบาท

9. วันที่ลงนามในสัญญา 30 มิ.ย. 66 องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) จ้างผู้ดำเนินการรายการตอบโจทย์ (วันศุกร์) ไตรมาสที่ 3-4/2566 โดยวิธีเฉพาะเจาะจง 1.11 ล้านบาท

10. วันที่ลงนามในสัญญา 27 ธ.ค. 64 องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) จ้างผู้ดำเนินรายการตอบโจทย์ (วันศุกร์) จำนวน 25 ตอน โดยวิธีเฉพาะเจาะจง 1.07 ล้านบาท

11. วันที่ลงนามในสัญญา 31 ม.ค. 67 องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) จ้างผู้ดำเนินรายการคุยนอกกรอบ กับ สุทธิชัย หยุ่น (เดือนกุมภาพันธ์-เดือนมิถุนายน 2567) โดยวิธีเฉพาะเจาะจง 941,600.00 บาท

12. วันที่ลงนามในสัญญา 30 ธ.ค. 63 องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) จ้างผู้ดำเนินรายการตอบโจทย์ (จำนวน 21 ตอน) โดยวิธีเฉพาะเจาะจง 898,800.00 บาท

13. วันที่ลงนามในสัญญา 16 ก.ย. 64 องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) จ้างผู้ดำเนินรายการคุยให้คิด โดยคุณสุทธิชัย หยุ่น จำนวน 15 ตอนความยาวตอนละ 50 นาที โดยวิธีเฉพาะเจาะจง 600,000.00 บาท

14. วันที่ลงนามในสัญญา 26 ก.ย. 65 องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) จ้างค่าผู้ดำเนินรายการ รายการ คุยให้คิด ไตรมาส 4/2565 โดยวิธีเฉพาะเจาะจง 520,000.00 บาท

15. วันที่ลงนามในสัญญา 2 มิ.ย. 64 องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) จ้างค่าผู้ดำเนินรายการ คุยให้คิด ไตรมาส 2-3/2564 โดยวิธีเฉพาะเจาะจง 520,000.00 บาท

16. วันที่ลงนามในสัญญา 2 ก.ค. 66 องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) จ้างผู้ดำเนินรายการ คุยให้คิด (ไตรมาส 3/2566) โดยวิธีเฉพาะเจาะจง 520,000.00 บาท

17. วันที่ลงนามในสัญญา 2 ต.ค. 66 องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) จ้างผู้ดำเนินรายการ คุยให้คิด ไตรมาส 4/2566 โดยวิธีเฉพาะเจาะจง 520,000.00 บาท

18. วันที่ลงนามในสัญญา 6 มิ.ย. 65 องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) จ้างผู้ดำเนินรายการ คุยให้คิด โดยวิธีเฉพาะเจาะจง 480,000.00 บาท

19. วันที่ลงนามในสัญญา 31 มี.ค. 64 องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) จ้างผลิตหนังสือ ฟังเสียงประเทศไทย จำนวน 1,000 เล่ม โดยวิธีเฉพาะเจาะจง 270,000.00 บาท

20. วันที่ลงนามในสัญญา 3 ธ.ค. 63 องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) จ้างผู้ดำเนินรายการ ฟังเสียงประเทศไทย (จำนวน 3 วัน) โดยวิธีเฉพาะเจาะจง 240,750.00 บาท

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า บริษัท กาแฟดำ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2561 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ มีกรรมการบริษัท ประกอบด้วย นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น นายปราบดา หยุ่น นางนันทวัน แซ่หยุ่น และนายธวัช ยวงตระกูล เมื่อตรวจสอบงบการเงิน พบว่าผลประกอบการตลอด 6 ปีที่ผ่านมามีดังนี้

-ปี 2561 มีรายได้รวม 36,915,808.69 บาท กำไรสุทธิ 15,323,028.29 บาท
-ปี 2562 มีรายได้รวม 60,815,894.44 บาท กำไรสุทธิ 31,155,133.00 บาท
-ปี 2563 มีรายได้รวม 54,988,606.30 บาท กำไรสุทธิ 26,936,460.39 บาท
-ปี 2564 มีรายได้รวม 59,608,001.44 บาท กำไรสุทธิ 31,570,541.86 บาท
-ปี 2565 มีรายได้รวม 55,033,712.89 บาท กำไรสุทธิ 23,615,549.80 บาท
-ปี 2566 มีรายได้รวม 51,281,671.04 บาท กำไรสุทธิ 22,773,065.39 บาท

รวม 6 ปีมีรายได้รวม 318,643,694.80 บาท กำไรสุทธิรวม 151,373,778.83 บาท

สำหรับนายสุทธิชัย แซ่หยุ่น ปัจจุบันอายุ 77 ปี เคยเป็นผู้ก่อตั้งและบรรณาธิการอำนวยการสื่อเครือเนชั่น เจ้าของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น กรุงเทพธุรกิจ คมชัดลึก และสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี ก่อนยุติบทบาทเมื่อเดือน มี.ค. 2561 หันมาเปิดบริษัทชื่อว่ากาแฟดำ จัดรายการผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และเขียนบทความให้กับหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ โดยใช้นามปากกา ‘กาแฟดำ’ ภายหลังจึงได้มาจัดรายการโทรทัศน์ผ่านสถานีโทรทัศน์ต่าง ๆ เช่น สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที กรมประชาสัมพันธ์ สถานีโทรทัศน์พีพีทีวี สถานีโทรทัศน์เอ็มคอต เอชดี เป็นต้น

‘ไทยพีบีเอส’ น้อมรับคำติเตียน – พร้อมทบทวนข้อผิดพลาดปมเสนอบทความ “เผด็จการสร้างชาติ ผู้นำเข้มแข็งเศรษฐกิจรุ่ง”

(5 มี.ค. 68) สำนักข่าวไทยพีบีเอส ชี้แจง บทความ “เผด็จการสร้างชาติ ผู้นำเข้มแข็งเศรษฐกิจรุ่ง” ถอดทิ้งทุกแพลตฟอร์มข่าวแล้ว

จากกรณี สำนักข่าวไทยพีบีเอส ได้นำเสนอบทความเรื่อง เผด็จการสร้างชาติ ประชาชน “อาวรณ์” ผู้นำเข้มแข็ง-เศรษฐกิจรุ่ง ซึ่งได้สร้างความไม่สบายใจให้หลายฝ่ายและมีการท้วงติงถึงการนำเสนอดังกล่าว อาทิ นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ได้โพสต์ข้อความท้วงติง ระบุว่า บทความนี้ตั้งแต่พาดหัวและเนื้อหา ทำให้คนเข้าใจว่าไปได้ว่า ไทยพีบีเอสสนับสนุนระบอบเผด็จการ ไม่ได้พูดด้านร้ายของระบอบเผด็จการ ในฐานะกัลยาณมิตรจำต้องท้วงติง เพราะไม่เห็นด้วยกับการสร้างบรรยากาศโหยหาเผด็จการ ซึ่งจะเท่ากับเป็นการปูทางและสร้างความชอบธรรมให้กับการยึดอำนาจครั้งต่อไป

อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการท้วงติงจากหลายฝ่าย ในเวลาต่อมา ทางข่าวออนไลน์ สำนักข่าวไทยพีบีเอส ทนกระแสไม่ไหว จึงได้ทำหนังสือชี้แจง พร้อมถอดบทความชิ้นดังกล่าวออกจากทุกแพลตฟอร์ม โดยข้อความในหนังสือชี้แจงระบุว่า

คำชี้แจงกรณีการนำเสนอบทความ "เผด็จการสร้างชาติ ผู้นำเข้มแข็งเศรษฐกิจรุ่ง"

ข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์ ขอขอบคุณทุกเสียงสะท้อน จาก กรณีการนำเสนอบทความ "เผด็จการสร้างชาติ ผู้นำเข้มแข็งเศรษฐกิจรุ่ง" พร้อมกับน้อมรับคำติเตียนเพื่อนำไปทบทวนถึงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น และปรับปรุงการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อไป 

ตามที่มีการนำเสนอบทความ "เผด็จการสร้างชาติ ผู้นำเข้มแข็งเศรษฐกิจรุ่ง" เผยแพร่เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา (ปรับปรุงเนื้อหาล่าสุด วันที่ 4 มีนาคม 2568) ทางเว็บไซต์ www.thaipbs.or.th/news และ สื่อสังคม Thai PBS News ซึ่งเป็นการนำเสนอที่ไม่รอบด้านเพียงพอ อาจสร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อน นำไปสู่การโต้เถียงและเป็นเครื่องมือทางการเมืองโดยที่ไทยพีบีเอสไม่ได้มีเจตนา 

จึงขอนำบทความดังกล่าวออกจากทุกแพลตฟอร์มข่าวไทยพีบีเอส โดยจะดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างโปร่งใสและแจ้งให้ทราบต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top