Tuesday, 22 April 2025
แปลงสัญชาติ

'อนุพงษ์' ลงนามแปลงสัญชาติ 'ตู้ ห่าว' ตามขั้นตอน เหตุถูกชงชื่อก่อนนั่ง มท.1 และต้องทำหน้าที่ตาม กม.

เมื่อวันที่ (28 พ.ย. 65) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่ได้ปรากฏข่าวเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย โดยปรากฏสำเนาเอกสารประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 131 ตอนพิเศษ 245 ง ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2557 ระบุชื่อบุคคลลำดับที่ 35 นายหาว เจ๋อ ตู้ เอกสารหนังสือสำคัญการแปลงสัญชาติเป็นไทย ลงวันที่ 26 มกราคม 2558 ของ นายหาวเจ๋อ ตู้ และปรากฏข้อความระบุว่า ‘อนุพงษ์ เผ่าจินดา คือ ผู้ที่ให้สัญชาติไทยแก่ ตู้ห่าว’

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า นายหาวเจ๋อ ตู้ แต่เดิมเป็นบุคคลสัญชาติจีน มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในพื้นที่แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ได้ยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ต่อกองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2554 ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ กรณีเป็นสามีของบุคคลสัญชาติไทย และกองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณา กระทรวงมหาดไทยได้ทำการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารหลักฐานและคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขอฯ และนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการขอแปลงสัญชาติเป็นไทย การขอถือสัญชาติไทยตามสามี และการขอกลับคืนสัญชาติไทย ในการประชุมครั้งที่ 2/2556 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2556 ซึ่งมีรองอธิบดีกรมการปกครองเป็นประธาน ผู้แทนกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ผู้แทนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้แทนกรมการกงสุล ผู้แทนกรมการจัดหางาน ผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ และผู้ทรงคุณวุฒิเป็นอนุกรรมการ และได้นำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเกี่ยวกับสัญชาติ ในการประชุมครั้งที่ 3/2556 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2556 ซึ่งมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน ผู้แทนกระทรวงกลาโหม ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้แทนกระทรวงยุติธรรม ผู้แทนกระทรวงแรงงาน ผู้แทนสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ผู้แทนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร และผู้ทรงคุณวุฒิเป็นคณะกรรมการตามกฎหมาย เพื่อเสนอแนะและให้ความเห็นประกอบการใช้ดุลพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

ต่อมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ได้ใช้ดุลพินิจตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ พิจารณาอนุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทยได้ แล้วแจ้งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ทำพิธีปฏิญาณตน และประกาศในราชกิจจานุเบกษา

นายสุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า ในการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเกี่ยวกับสัญชาติครั้งดังกล่าว มีมติเห็นควรเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยใช้ดุลพินิจอนุญาตให้คนต่างด้าวแปลงสัญชาติเป็นไทยได้ จำนวน 12 ราย เพราะเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนของการได้สัญชาติไทยตามที่กฎหมายกำหนด คือ

ป้ายโฆษณาภาษาจีนขนาดใหญ่ ใจกลางถนนรัชดา ‘ขายพาสปอร์ตย้ายประเทศ’ ระบุหลายชาติ ‘อินโดนีเซีย-วานูอาตู-กัมพูชา-ตุรกี’ บิ๊กตำรวจชี้!! ทำได้ ไม่ผิด

(22 ก.ค.67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ที่ถูกติดตั้งอยู่ตรงสี่แยกห้วยขวาง ตรงข้ามกับเทวาลัยพระพิฆเนศห้วยขวาง ย่านที่คนจีนพลุกพล่าน ด้วยความสงสัยว่า เป็นโฆษณาอะไรจึงใช้แอปฯ ในการช่วยแปลจนพอสรุปได้ว่า นี่คือป้ายโฆษณาขายหนังสือเดินทางตรวจคนเข้าเมืองอย่างรวดเร็ว รวมถึงการแปลงสัญชาติ

พร้อมกันนั้นยังมีการระบุราคาพาสปอร์ตประเทศต่าง ๆ โดยที่ยังไม่ทราบหน่วย ดังเช่น อินโดนีเซีย ราคา 30,000 ,วานูอาตู ราคา 70,000 ,กัมพูชา ราคา 1 แสน และตุรกีราคา 1.5 แสน

ด้านชาวเน็ตได้แชร์โพสต์ดังกล่าวไปจำนวนมาก พร้อมตั้งคำถามว่า แบบนี้ก็ได้เหรอ ป้ายใหญ่มากใครอนุญาตให้ติดตั้ง พร้อมถามหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาอธิบาย

ขณะที่ทางเพจเรื่องเล่าเช้านี้ ได้อัปเดตความคืบหน้ากรณีป้ายขนาดใหญ่เป็นภาษาจีน โฆษณาซื้อพาสปอร์ตย้ายประเทศ ติดตั้งย่านรัชดาภิเษก กทม. โดย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. ยืนยันว่าสามารถทำได้ ไม่ผิดกฎหมาย เพราะไม่ใช่การโฆษณาว่าจะเปลี่ยนเป็นสัญชาติไทยนั้น ล่าสุด ทีมข่าวช่อง 3 รายงานว่า มีคนงานขึ้นไปปลดป้ายดังกล่าวออกแล้ว หลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

‘เศรษฐา’ บุก!! สน.ห้วยขวาง สั่งตรวจสอบ ป้ายโฆษณา ‘ขายพาสปอร์ต’ กำชับ!! จับ ‘จีนเทา-หนี้นอกระบบ-ยาเสพติด’ หากทำผิด ต้องรีบดำเนินการ

(22 ก.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปที่ สน.ห้วยขวาง เพื่อติดตามกรณีการขึ้นป้ายโฆษณาที่ประกาศขายพาสปอร์ตและให้สัญชาติ เป็นภาษาจีน โดยติดอยู่บริเวณแยกห้วยขวาง ถนนรัชดาภิเษก จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์ และต่อมาได้มีการถอดป้ายดังกล่าวออกไปแล้ว

โดยนายกฯ ยังได้กำชับผกก.สน.ห้วยขวาง เรื่องทุนจีนสีเทา รวมไปถึงเรื่องปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะออกเดินทางมาร่วมพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พล.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รองผกก.ป.สน.ท่าข้าม ที่วัดยางสุทธาราม แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 

ซึ่งก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะได้เดินทางออกไปนั้น ก็ยังได้สั่งให้มีการตรวจสอบถึงที่มาที่ไปการขึ้นป้ายโฆษณาดังกล่าวและหากมีความผิดตามกฎหมาย ให้ดำเนินการตามกระบวนการ นอกจากนั้น ยังสั่งให้ทางเจ้าหน้าที่เข้มงวด ในพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากเขตห้วยขวางมีการเข้ามาลงทุนทำธุรกิจของชาวจีนจำนวนมาก จึงอยากให้มีการเข้มงวดตรวจสอบทุกอย่างต้องดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย ขณะเดียวกัน ก็ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวดเรื่องของยาเสพติดและเรื่องหนี้นอกระบบในพื้นที่ ที่รับผิดชอบด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top