Friday, 18 April 2025
เศรษฐา

นราธิวาส-นายกฯ เศรษฐา บินลงใต้ พบนายกฯ มาเลเซีย ร่วมหารือแนวทางเพิ่มปริมาณการค้า และความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน มุ่งส่งเสริมความเชื่อมโยง พัฒนาเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว

วันนี้ (3 สิงหาคม 2567) เวลา 10.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส หารือ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ บิน อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยในเวลา 11.25 น. นายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายได้พบหารือกันที่ ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยสาระสำคัญจากการหารือ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การลงพื้นที่ร่วมกันครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน (Common Peace and Prosperity) และแสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกภาพ ความจริงจังและเจตนารมณ์ทางการเมืองของผู้นำทั้งสองประเทศในการร่วมมือกันเพื่อรักษาความสงบในบริเวณชายแดน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณมาเลเซียสำหรับการขับเคลื่อนความร่วมมือ ผ่านการจัดประชุมคณะทำงานด้านการค้าชายแดน และการค้าการลงทุน และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะได้ร่วมกันจัดประชุมคณะทำงาน working group ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศจะหารือกันในกรอบความร่วมมือ JC และ JDS พร้อมกันนี้ ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกันในความร่วมมือเกี่ยวกับสินค้าและมาตรฐานฮาลาลระหว่างทั้งสองประเทศเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน

ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเพื่อความร่วมมือในการขุดลอกแม่น้ำโก-ลก ที่ตื้นเขิน ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วม โดยฝ่ายมาเลเซียขอความช่วยเหลือ ในการหารือนายกรัฐมนตรีได้แจ้งว่าจะสั่งการกระทรวงการต่างประเทศจัดการประชุมร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อพิจารณาความร่วมมือต่อไป

ในช่วงท้ายของการหารือนายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างสะพานคู่ขนานสุไหงโก-ลก ก่อนจะเดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นเจ้าภาพในการเลี้ยงอาหารกลางวัน และนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีมาเลเซียสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่นถือเป็นเครื่องสะท้อนว่าทั้งสองประเทศมีมิตรภาพที่แน่นแฟ้น สะพานคู่ขนานสุไหงโก-ลกจะอำนวยความสะดวกให้ประชาชนของทั้งสองประเทศได้เป็นอย่างดี เป็นโอกาสที่ได้หารือกันเรื่องเขตการค้าพิเศษระหว่างกัน นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าการหารือในครั้งนี้จะเป็นโอกาสด้านการค้าการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเดินทางกลับมายังพื้นที่นี้อีกครั้งหนึ่งเพื่อชื่นชมพัฒนาการที่เกิดขึ้น

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

‘เศรษฐา‘ บรรยายหลักสูตร วปอ.รุ่น 67 ขอทุกคนโฟกัสความเสมอภาค-เท่าเทียม พร้อมฉายภาพโอกาสประเทศไทย

(28 ม.ค. 68) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ขึ้นบรรยายพิเศษให้กับวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 67 หัวข้อวิชา "ประสบการณ์และการเป็นผู้นำระดับยุทธศาสตร์" โดยนายเศรษฐา กล่าวช่วงหนึ่งว่า ตนไม่ได้มีอคติหรือว่ามีประเด็นอะไรกับใครใน วปอ. เพียงแต่มีความหวังดี และอยากให้สถาบันนี้อยู่อย่างมั่นคงพวกเราก็ทราบกันดีอยู่ว่าในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้มีการเรียกร้องจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นอดีตรัฐมนตรี คอลัมนิสต์ต่างๆ ให้ยกเลิกคอร์สที่ใช้คําว่าอภิสิทธิ์ชนทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น บยส. วปอ. ฯลฯ ซึ่งต้องยอมรับว่าจริงๆพวกท่านเป็น 0.01% ของประชาชนคนไทย ตนเชื่อว่าท่านทราบว่า การจะได้เข้ามาเรียนที่นี่ลําบากขนาดไหน แม้ตนจะไม่เคยเรียนหลักสูตรไหน แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาด้วยการยกเลิก และคิดว่าไม่ถูกต้องด้วย ตนคิดว่า หากมีปัญหาเราก็ต้องแก้ ซึ่งการแก้ไขก็ไม่ได้แก้ไขได้แค่บางหลักสูตร แต่ต้องทําอย่างต่อเนื่อง สม่ําเสมอ และต้องเกิดการรวมพลังจากทุกภาคส่วน

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า มาพูดวันนี้ ตนอยากฉายภาพประเทศไทยมากว่า ว่าจากนี้เราจะทําอะไรกันบ้าง และเราควรจะทําอะไร โดยเรื่องแรกที่เรากำลังประสบ คือการลดลงของประชากร ไทยรัฐรายงานเมื่อเช้าว่า เรามีประชากรลดลงด้วยทุกวันอีก 50 ปี ประชากรจะหายไปครึ่งหนึ่ง แล้วคนที่ขายของทั้งหลายจะขายขอฃให้ใคร เศรษฐกิจระยะยาวจะเป็นอย่างไร แล้วคนที่อยู่จะเป็นคนสูงวัยขนาดไหน เราต้องให้ลูกหลานมาแบกในส่วนนี้เรื่อยๆ ประเทศเราจะเดินไปข้างหน้าได้อย่างไร  ถ้าเราไม่ปรับปรุงวิธีการดํารงชีวิต วิธีการทํางานเพื่อทําให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ ดังนั้น เราต้องสนับสนุนการมีลูก โดยจะต้องทำสังคมให้เสมอภาค เท่าเทียม มีโอกาสเข้าถึงระบบการศึกษาที่ถูกต้อง ไร้เส้นสาย และต้องมีนโยบายเพื่อให้คนมั่นใจว่า ลูกหลานจะได้รับสิทธิพื้นฐาน มีอากาศบริสุทธิ์ มีสิทธิเสรีภาพในการเลือกประกอบอาชีพ และต้องมีการปรับโครงสร้างภาษีรายได้ส่วนบุคคล ภาษีนิติบุคคลเพื่อดึงดูดให้คนรุ่นใหม่อยากอยู่ในประเทศ แต่ไม่ใช่ภาษี Vat

นายเศรษฐา กล่าวว่า ประเทศไทยมีศักยภาพสูงมากในการดึงดูดการลงทุน เรามีสถานพยาบาลที่ดีและทันสมัย มีโรงเรียนนานาชาติที่ได้รับการยอมรับ มีอาการการกินที่ดี ด้วยปัจจัยเล็กๆเหล่านี้ ทำให้หลายองค์กรของต่างชาติจึงอยากลงทุนในไทย แต่ที่สำคัญที่สุด คือความเป็นกลาง ไทยเราเป็นเพื่อนของทุกคน มีหลายประเทศที่ใฝ่ฝันหาประเทศที่เป็นกลางจริงๆ ซึ่งนี่ไม่ใช่ผลงานของรัฐบาลใด แต่เป็นจิตวิญญาณของคนไทยเองที่ทำให้เราได้เปรียบในเรื่องนี้ อีกเรื่องคือ Landbridge เรามีโอกาสทองตรงนี้ที่จะเป็นส่วนหนึ่งของโกลบอลโลจิสติกส์ อาวุธยุทโธปกรณ์เราอาจจะไม่จําเป็นต้องมียุทโธปกรณ์เยอะหรือมีมูลค่าราคาแพง เพราะจริงๆแล้วเนี่ยเราใช้คําว่าสงครามการค้าตลอดเวลา ตราบใดที่เรามี Landbridge และตราบใดที่เราจะมีอินฟราสตรัคเจอร์ระดับโลกถือว่าเรามีอาวุธอันนึงที่จะสามารถช่วยปกป้องเอกราชของประเทศไทยได้ ทําให้เราเป็นประเทศที่มีคนอยากค้าขายด้วย

นายเศรษฐา กล่าวถึงเรื่องสถานบันเทิงครบวงจร หรือ entertainment complex ด้วยว่า ไม่ได้หมายถึง คาสิโน อย่างเดียว วันนี้เรามี natural studium เรามี indoor natural stauium ที่จะจัดเวิลด์คลาสอีเวนท์ สร้างสนามอินดอร์สเตเดียม 30,000-40,000 ที่นั่ง โรงแรม exhibition center สวนสนุกอะไรหลายๆอย่าง ทําให้ประเทศไทยเป็น man made exhibition ที่มีคนอยากเข้ามา ควบคู่ไปกับการขยายสนามบินสุวรรณภูมิจาก 60 ล้านคนเป็น 150 ล้านคน ควบคู่ไปกับการลงทุนข้ามชาติที่ทาง BOI ไปติดต่อมา ควบคู่ไปกับสร้างล้านนาอินเตอร์เนชั่นแนลแอร์พอร์ตที่ทางภาคเหนือ ควบคู่ไปกับการสร้างสนามบินอันดามันที่ภาคใต้ นําความเจริญไปทั่วถึงไม่ใช่แค่ภาคใดภาคหนึ่ง รองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยว คาสิโนเป็น 5% เท่านั้นเอง ตนว่านี่เป็นเรื่องที่เราควรที่จะต้องพูดคุยในเรื่องประสิทธิผล ไม่ใช่ไม่ชอบพรรคหรือคนที่ทําแล้วก็บอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ดี

”เรื่องสำคัญที่ผมอยากพูดคุยกับทุกคนคือเรื่องของความเท่าเทียม ผมไม่ได้มองในด้านของเศรษฐกิจอย่างเดียว ผมมองในแง่ของจิตใจด้วยเราต้องให้เกียรติ ให้พื้นที่ให้ความเสมอภาคเท่าเทียมไม่ใช่ความเหนือชั้นกับชนบางกลุ่ม ผมไม่ปฏิเสธว่าสังคมไทยเนี่ยมีคนรวยอยู่เยอะมาก เพราะยอดพีระมิดมีอยู่ไม่กี่หมื่นคนเท่านั้นเอง ส่วนมากจะอยู่ที่ฐานราก เรื่องของความเสมอภาคเท่าเทียมจึงเป็นเรื่องที่สําคัญ ตอนที่ผมเป็นนายกฯ วันแรกที่ผมเดินทางออกต่างจังหวัดมีการเลี้ยงรับรองมื้อเที่ยง ผมก็เดินไปดูโต๊ะผู้สื่อข่าวกับสตาร์ฟของทําเนียบรัฐบาล และผู้ติดตาม เขาทานข้าวผัดกับแตงโม ผมก็เลยเรียก สลน.มาบอกว่าผมไม่เอาแบบนี้ ทุกคนต้องทานเหมือนกันหมด เวลาผมทานเลี้ยง ผมมีอาหารสํารับเดียวครับ ดังนั้น ถ้าท่านเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดลงไปตรวจพื้นที่ ผมอยากฝากข้อคิดไว้อันหนึ่งว่า ลูกน้องท่านเขาจะกินข้าวกับท่านปีนึงกี่หน บางคนแปลก ยิ่งเด่น ยิ่งชอบ ยิ่งจะทําตัวเหนือเขา นี่คือสิ่งที่ negative มากๆสําหรับคนคนรุ่นใหม่ สําหรับข้าราชการชั้นผู้น้อย หรือสําหรับคนที่กําลังไต่เต้า อีกประเด็นคืออย่ามาใช้ทรัพย์สมบัติของประเทศชาติในทางที่ผิด และเป็นการลดแรงบันดาลใจของคนรุ่นใหม่ ผมคิดว่าการที่เราจะทําให้เด็กรุ่นใหม่มีความหวังและแรงบันดาลใจต้องวางตัวให้ดีและเหมาะสมที่สุด วันนี้ทุกท่านได้อยู่ในสถาบันอันทรงเกียรติ เราต้องถามว่า หน้าที่ของเราคืออะไร แทนที่จะนั่งกันกินข้าวกันเรื่องไวน์ เรื่องลูก เรื่องธุรกิจ เด็กไทยประมาณสองล้านคนหลุดออกนอกระบบการศึกษา ไม่ได้เข้าสู่ระบบการศึกษา เราลองคิดช่วยกันหน่อย แสดงให้ทุกคนได้เห็นว่า พวกคุณเป็นผู้ที่เหมาะสม ควรที่จะถูกเลือกเข้ามาในเรียนในสถาบันทรงเกียรตินี้ และขอให้เราทุกคนลดความอคติที่จะเกลียดชังเป็นตัวบุคคลลงไป ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หรือใครก็ตาม ลดความเกลียดชังในแง่ส่วนตัวลง แล้วให้ความเป็นธรรมกันมากขึ้น ถ้าไม่คิดอย่างนี้แล้วประเทศไม่มีความหวัง ผมอยากให้สังคมเดินไปข้างหน้าได้“ นายเศรษฐา กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top