Tuesday, 22 April 2025
เวนิส

'ยูเนสโก' จ่อขึ้นบัญชี มรดกโลกที่ตกอยู่ในอันตราย เหตุ 'การท่องเที่ยวขยายตัวเกินไป-ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น'

(1 ส.ค. 66) สำนักข่าว BBC ของอังกฤษ เสนอข่าว Unesco recommends adding Venice to endangered list ระบุว่า องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก-UNESCO) เสนอแนะให้เพิ่ม 'เวนิส' (Venice) เมืองในประเทศอิตาลี เข้าไปอยู่ในบัญชี 'มรดกโลกที่ตกอยู่ในอันตราย' โดยเมืองดังกล่าวกำลังเสี่ยงต่อความเสียหายที่แก้ไขไม่ได้ จากการขยายตัวของการท่องเที่ยวและการพัฒนาที่มากเกินไป รวมถึงระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ยูเนสโกกล่าวโทษทางการอิตาลีว่า ขาดวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ในการแก้ปัญหาของเมืองที่งดงามแห่งหนึ่งของประเทศ โดยเวนิสเป็นที่รู้จักในชื่อ 'ลา เซเรนิสซีมา' (La Serenissima) ซึ่งเป็นคำในภาษาอิตาเลียน แปลว่า 'เงียบสงบมาก' แต่สมญานามนั้นอาจไม่เหมาะสมอีกต่อไป ทั้งนี้ ยูเนสโกคาดหวังให้มีการอนุรักษ์พื้นที่อย่างจริงจังมากขึ้นในอนาคต ขณะที่ โฆษกของเทศบาลเมืองเวนิส กล่าวว่า เทศบาลจะอ่านข้อเสนออย่างละเอียด และจะหารือร่วมกับรัฐบาลกลางของอิตาลี

เป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจสำหรับทางการซึ่งถูกกล่าวหาว่าล้มเหลวในการปกป้องเมืองประวัติศาสตร์และทะเลสาบโดยรอบ อย่างไรก็ตาม มัสซิโม คาซซิอารี (Massimo Cacciari) อดีตนายกเทศมนตรีเมืองเวนิส ได้ออกมาตอบโต้รายงานของยูเนสโกว่าเป็นการตัดสินโดยปราศจากความรู้ อีกทั้งยังเป็นเพียงการวิพากษ์วิจารณ์ แต่ไม่ได้ให้เงินทุนสำหรับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเมืองต้องการการกระทำที่มากขึ้นและคำพูดที่น้อยลง

ย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อน ยูเนสโกเคยเสนอให้ใส่ชื่อเวนิสในบัญชีมรดกโลกที่ตกอยู่ในอันตรายมาแล้วหนหนึ่ง แต่ก็ยกเลิกในนาทีสุดท้ายเพราะมาตรการฉุกเฉินบางอย่างที่นำมาใช้โดยรัฐบาลอิตาลี โดยเฉพาะการห้ามเรือขนาดใหญ่สัญจรในคลองซานมาร์โก เช่น เรือสำราญ รวมถึงคำมั่นสัญญาที่จะเปิดตัวแผนอนุรักษ์ที่มีความทะเยอทะยานสำหรับเมือง ขณะที่ยูเนสโกได้เรียกร้องเพิ่มเติมว่าควรขยายให้ครอบคลุมเรือประเภทใดๆ ก็ตามที่ก่อให้เกิดมลพิษ ถึงกระนั้น แผนฟื้นฟูเวนิสกลับไม่เคยเกิดขึ้นจริง และยังคงเป็นภาพลวงตา

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ La Repubblica สื่อท้องถิ่นในอิตาลี ผู้เชี่ยวชาญของยูเนสโกได้เขียนจดหมายหลายฉบับถึงรัฐบาลอิตาลีเพื่อขอข้อมูลอัปเดตและตารางเวลา คำตอบที่ได้รับถือว่าไม่เพียงพอ รายงานของยูเนสโกที่เผยแพร่ในสื่อดังกล่าว ระบุว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุฉุกเฉินในเมืองนี้ขาดกลยุทธ์ในการจัดการกับภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

อุณหภูมิของโลกที่ร้อนขึ้นกำลังสร้างความเสียหายโดยทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ดังนั้นเวนิสซึ่งล้อมรอบด้วยน้ำจึงเสี่ยงต่อน้ำท่วมมาก นอกจากนี้ ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวประมาณ 28 ล้านคนมาเยือนเวนิส ซึ่งนำไปสู่โครงการขยายเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ และสร้างความเสียหายให้กับเมือง ยูเนสโกยังชี้ไปที่อาคารสูงว่าส่งผลกระทบทางสายตาอย่างมีนัยสำคัญต่อเมือง จึงควรก่อสร้างให้ห่างจากใจกลางเมือง

รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า ยูเนสโกระบุแหล่งมรดกโลก 55 แห่งทั่วโลกว่าอยู่ในอันตราย โดยมีอีก 204 แห่งที่หน่วยงานกำลังตรวจสอบอย่างแข็งขันเนื่องจากภัยคุกคามที่สถานที่เหล่านั้นกำลังเผชิญ อาทิ แนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟของออสเตรเลียรอดพ้นจากการติดอันดับในปี 2566 ได้อย่างหวุดหวิด แม้ว่าจะยังคงอยู่ภายใต้ภัยคุกคามร้ายแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและมลพิษทางน้ำ โดยจะทบทวนความพยายามในการอนุรักษ์แนวปะการังของรัฐบาลออสเตรเลียอีกครั้งในปี 2567

‘เวนิส’ เตรียมทดลองเก็บค่า ‘เหยียบแผ่นดิน’ หัวละ 5 ยูโร หวังคุมจำนวน นทท.ล้นเมือง กระทบผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่น

(6 ก.ย. 66) ‘เวนิส’ เมืองท่องเที่ยวชื่อดังในประเทศอิตาลี ที่เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เตรียมจะทดลองเก็บค่าธรรมเนียมเข้าเมือง 5 ยูโร (หรือราว 190 บาท) สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ค้างคืน โดยจะนำระบบนี้มาทดลองใช้ในปีหน้า ในความพยายามจัดการควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยว ที่ไหลบ่าเข้าสู่เมืองประวัติศาสตร์แห่งสายน้ำอันแสนโรแมนติกของยุโรปแห่งนี้ มากจนล้นเกินจนกระทบต่อผู้คนในท้องถิ่น

จากการเปิดเผยแผนการนี้ของสภาเมืองเวนิส เมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา ระบุว่า ค่าธรรมเนียมเข้าเมืองจะทดลองใช้เป็นเวลา 30 วันในปีหน้า โดยจะเน้นไปที่วันหยุดธนาคารช่วงฤดูใบไม้ผลิและสุดสัปดาห์ในฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงที่จำนวนนักท่องเที่ยวถึงจุดสูงสุด โดยจะเก็บค่าธรรมเนียมเข้าเมืองกับนักท่องเที่ยวที่มีอายุ 14 ปีขึ้นไป

“วัตถุประสงค์ก็เพื่อจะหาความสมดุลใหม่ระหว่างสิทธิของผู้อยู่อาศัย เรียนหนังสือ หรือ ผู้ทำงานอยู่ในเมืองเวนิส กับผู้ที่มาเที่ยวชมเมือง” ซิโมเน เวนทูรินี สมาชิกสภาการท่องเที่ยวเมืองเวนิส กล่าว และว่า นี่ไม่ใช่การสร้างรายได้ โดยค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการแผนงานเมืองเท่านั้น โดยกำหนดเวลาทดลองตามแผนการนี้และจะดำเนินการอย่างไรนั้น จะได้รับการเห็นชอบหลังจากมีการอนุมัติแผนงานในขั้นสุดท้ายของสภาเมืองแล้ว ที่คาดว่าจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า

แผนเก็บค่าธรรมเนียมเข้าเมืองเวนิสนี้ ซึ่งเป็นที่ถกเถียงครั้งแรกในปี 2019 นั้น ได้ถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้นักท่องเที่ยวหายไปและด้วยเหตุผลทางเทคนิคและในแง่ของกระบวนการขั้นตอน

อย่างไรก็ดี การหลั่งไหลกลับเข้ามาของนักท่องเที่ยวสู่เมืองเวนิส ซึ่งมีจำนวนมากกว่าผู้อยู่อาศัยในใจกลางเมืองเวนิสประมาณ 50,000 คน จนท่วมท้นตามตรอกแคบๆ ของเมือง โดยการมีนักท่องเที่ยวล้นเมือง เป็นปัญหาที่รุมเร้าเมืองเวนิสที่มีความเปราะบางมานานแล้ว

แผนการข้างต้น ยังนับเป็นการสนับสนุนความเคลื่อนไหวที่มีก่อนหน้านี้ในเดือนกรกรกฎาคม เมื่อผู้เชี่ยวชาญขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้เสนอแนะให้เพิ่ม เมืองเวนิส อยู่ในรายชื่อแหล่งมรดกโลกที่กำลังตกอยู่ในภาวะอันตราย โดยอ้างว่าอิตาลีไม่ได้ดำเนินการมากเพียงพอที่จะปกป้องเมืองเวนิสจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการท่องเที่ยวที่มากล้นเกิน

‘เมืองเวนิส’ เตรียมเก็บค่าเข้าเมือง นทท. 5 ยูโร/คน เพื่อแก้ปัญหา นทท. ล้นเมือง กระทบชีวิตคนในท้องถิ่น

(19 ม.ค. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า 'เวนิส' เมืองท่องเที่ยวอันดับต้นของอิตาลี เผชิญกับปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง โดยในแต่ละวันมีนั่งท่องเที่ยวมากกว่า 60,000 คนทำให้ถนนสายเล็กแออัดไปด้วยจำนวนของนักท่องเที่ยว 

โดยในเดือนเมษายนนี้ จะเริ่มเก็บเงินนักท่องเที่ยวเป็นค่าเข้าเมืองคนละ 5 ยูโร หรือประมาณ 190 บาท โดยจะเป็นการเดินทางเข้าเมือง 1 วันเท่านั้น จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวของอิตาลี และจะเก็บค่าเข้าเมืองในช่วงวันหยุด และวันเสาร์อาทิตย์ จนถึงกลางเดือนกรกฎาคม

การจ่ายค่าเข้าเมืองทั้งสามารถทำได้ทั้งออนไลน์ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้รับ QR Code เป็นหลักฐานการจ่ายค่าเข้าเมืองสำเร็จแล้ว โดยจะเข้าออกเมืองเวนิสได้ตั้งแต่ 08.30-16.00 น. เท่านั้น โดยทางเมืองได้คิดมาตรการไว้แล้วสำหรับผู้ที่คิดจะลักลอบเข้าเมืองโดยที่ไม่ลงทะเบียนจ่ายค่าเข้าเมืองนั้น หากเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจสุ่มตรวจแล้วไม่พบ QR Code มาแสดงเป็นหลักฐานจะถูกปรับในวงเงินสูงสุดถึง 300 ยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 11,000 บาท

ซึ่งไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้นที่ต้องจ่ายค่าเข้าเมืองเวนิส คนอิตาลีเองก็ต้องจ่ายด้วยเช่นกัน ไม่มีข้อยกเว้นแม้เป็นพลเมืองของประเทศ ซึ่งก็จะมีผู้ที่ได้รับการยกเว้น ‘ไม่ต้องจ่ายค่าเข้าเมืองเวนิส’ ได้แก่ นักเรียน, คนที่ทำในในเมืองเมนิส, เจ้าของบ้านพักอาศัยในเวนิส เท่านั้น

โดยในช่วงแรกของการเริ่มเก็บค่าเข้าเมืองจะยังไม่จำกัดคนเข้าในแต่ละวันเพื่อที่จะประเมินว่าเมื่อทางเจ้าหน้าที่เก็บค่าเข้าเมืองจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงมากน้อยเพียงใด โดยปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมืองนั้นเกิดขึ้นในหลายเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม แม้ว่ารายได้จะเข้าสู่ร้านอาหาร โรงแรม ร้านค้าได้มากมาย แต่ก็นำพาความลำบากมาสู่ประชาชนพื้นถิ่น เพราะบ่อยครั้งที่พลเมืองไม่สามารถที่จะเดินทาง หรือ ขึ้นรถโดยสารสาธารณะได้เลยจากจำนวนของนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น อีกทั้งค่าครองชีพในเมืองสูงลิบมากขึ้นเพราะบ้านเมืองของคนท้องถิ่นจะถูกเปลี่ยนให้เป็นโรงแรม ร้านค้าสำหรับขายให้นักท่องเที่ยวอีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top