Sunday, 8 June 2025
เยียวยา

นายจ้างเหยื่อกราดยิง ยัน!! เอาผิดผู้ก่อเหตุ ไม่สนว่าจะเป็นเด็กหรือไม่ เผย ลูกจ้างเป็นเด็กดี-ดูแลพ่อแม่ที่ป่วย พร้อมเยียวยาให้ครอบครัวเต็มที่

เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าหลังเกิดเหตุยิงในห้างสยามพารากอน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้แล้ว เป็นเยาวชนชาย อายุ 14 ปี พร้อมอาวุธปืนขนาด 9 มม.ที่ใช้ก่อเหตุ

ต่อมาที่ สน.ปทุมวัน นายจ้างของผู้เสียชีวิตที่เป็นชาวเมียนมา ได้เดินทางเข้ามาแจ้งความต่อตำรวจเพื่อเอาผิดผู้ก่อเหตุยิงที่พารากอน และติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าพบตำรวจว่า ตนเพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างจังหวัด เมื่อตอนเย็นน้องบอกจะไปฝากเงินที่ห้าง พอตนได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุ ก็พยายามติดต่อผู้เสียชีวิต แต่ก็ติดต่อไม่ได้ ตอนนั้นยอมรับว่าใจไม่ดี

จากนั้น มีผู้ชายคนหนึ่ง โทร.มาแจ้งว่า เจ้าของเบอร์นี้ถูกยิง ตนจึงได้ถามกลับว่าอาการเป็นอย่างไร แต่ไม่ได้รับคำตอบ โดยแจ้งเพียงว่าให้รีบเดินทางมาพร้อมญาติ ซึ่งก็ทำให้พอจะทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ตนจึงรีบเดินทางมาที่ สน.ปทุมวัน ส่วนมองว่าทางห้างหละหลวมเรื่องของความปลอดภัยหรือไม่ นายจ้างบอกว่า ไม่น่าจะเป็นเรื่องของความหละหลวม น่าจะเป็นเด็กลักลอบเข้ามามากกว่า ตนยังไม่รู้ความจริงอะไรเลย

สำหรับการช่วยเหลือ นายจ้างตั้งใจไว้อยู่แล้วว่าจะแจ้งความบุคคลที่ยิง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายให้กับผู้เสียชีวิต แต่ส่วนตัวก็จะจ่ายให้พ่อแม่ของน้องเดือนละ 10,000 บาท ตามพี่น้องเคยทำมา ให้เสมือนน้องเขามีชีวิตอยู่

นายจ้างยังกล่าวต่อด้วยว่า ที่ผ่านมาน้องผู้เสียชีวิตเป็นคนดี ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกับใคร เป็นเด็กน่ารัก มีความสามารถพูดได้หลายภาษา ดังนั้น ผู้ที่ทำให้เขาเสียชีวิตต้องรับผิดชอบ แต่ยังไม่ได้คิดว่าเขาจะต้องรับผิดชอบอย่างไร ตอนนี้อยากทราบว่ายิงเพราะอะไร แต่มั่นใจว่าไม่ใช่เรื่องของการโกรธแค้นแน่นอน เขาเป็นเด็กไม่มีเรื่องกับใคร ช่วยเหลือคนมาตลอด

ตอนนี้ตนยังไม่กล้าบอกแม่เขาเลย ตอนเห็นคลิปผู้ก่อเหตุบอกปลอดภัยแล้ว อยากย้อนถามว่าใครปลอดภัย น้องคนยิงปลอดภัย อาจจะปลอดภัย เพราะน้องของพี่ยังไม่ได้ปลอดภัยเลย ถ้าไม่ได้เงินจากตรงนี้ จะมาแจ้งให้สื่อมวลชนทราบ ตนไม่สนใจว่าจะเป็นเด็กหรือไม่ใช่เด็ก เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่หากให้คนไปฝากเงินที่ห้างอีก นายจ้างกล่าวว่า กังวลอยู่แล้ว เพราะเป็นชีวิตคน ไม่ว่าต่างชาติหรือคนไทย หากหาแนวทางที่รัดกุมได้ก็เป็นเรื่องดี

บินด่วน ‘ทวี’ รมต.กระทรวงยุติธรรม เร่งมอบเงิน หลังชาวบ้านโวย รับเงินเยียวยาล่าช้า

วันที่ 14 ตุลาคม 2566 เวลา 10.30 น. พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะ นาย กมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส เขต 5 นราธิวาส ประธานกรรมาธิการกฎหมายฯ นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม บินด่วน ออกเดินทางจากสนามบิน ดอนเมือง ไฟลท์บินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD3130 ไปยังท่าอากาศยานนราธิวาส เพื่อมอบเงินเยียวยาให้กับผู้ประสบเหตุ กรณีโกดังพลุระเบิด ที่ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส หลังมีชาวบ้านออกมา ขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพราะเดือนพฤศจิกายน –มกราคมจะเป็นฤดูฝน และ ตำบลมูโนะก็เป็นจุดที่เกิดอุทกภัย น้ำท่วมหนักทุกปี

การมอบเงินเยียวยาแก่ผู้เสียหายในคดีอาญา กรณีโกดังพลุระเบิด ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย และได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 389 ราย และอนุภาพยังทำลายอาคารบ้านเรือนในเขตพื้นที่โดยรอบรัศมีประมาณ 3 กิโลเมตร จนทำให้ทั้งครัวเรือนและร้านค้า เสียหายกว่า 683 หลังคาเรือนและได้รับผลกระทบ 2,513 คน โรงเรียนเสียหาย 3 แห่ง รถยนต์เสียหาย 41 คัน รถจักรยานยนต์ 25 คัน รวมถึงทรัพย์สินอีกจำนวนมาก ( ข้อมูล 3 ส.ค 2566 )

วันที่ 14 ตุลาคม 2566 เวลา 13.45 -14.30 น. พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและคณะ นาย กมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส นราธิวาส ประธานกรรมาธิการกฎหมายฯ นาย กูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นางสาวเอมอร เสียงใหญ่ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม (คณะรัฐมนตรีมีมติดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ) นาย ยู่สิน จินตภากรผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม โดย นาย ปรีชา นวลน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้รอต้อนรับ รัฐมนตรี และคณะ พร้อม ชาวบ้าน กว่า 300 รายที่ได้รับความเดือดร้อน ต่างมานั่งรอ เพื่ออยากบอกถึงสิ่งที่ได้รับความเดือดร้อนมากในขณะนี้  ทันทีที่มาถึง พ.ต.ท. ทวี ได้ทักทายแบบภาษามลายู (สลามัตดาตัง)ยินดี.. จนทำให้ชาวบ้านชื่นชม และมีรอยยิ้มกันถ้วนหน้า จากนั้นก็ได้เข้าไป พบปะชาวบ้าน และพูดคุย อย่างเป็นกันเอง พร้อมมอบเงินเยียวยา จำนวน 345 ราย เสียชีวิต 11 รายรวม 356 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,241,888 ( สองล้านสองแสนสี่หมื่นหนึ่งพันแปดร้อยแปดสิบแปดบาท) พร้อมทำความเข้าใจถึงความคืบหน้า ในการช่วยเหลือของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรับเรื่องร้องทุกข์กับประชาชน กรณีโกดังพลุระเบิด ณ. โรงเรียน บ้านมูโนะ ตำบลบ้านมูโนะ อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส

กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิ และเสรีภาพ ได้ดำเนินการลงพื้นที่มอบเงินช่วยเหลือเยียวยา กรณีโกดังพลุระเบิดในบริเวณบ้านมูโนะ ภายใต้กิจกรรม “ คุ้มครองคน คุ้มครองสิทธิ “ เพี่อสร้างวิถีชีวิตแห่งความเป็นธรรม ครั้งที่2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ 2567 เพื่อเป็นการชี้แนะช่องทางให้บริการภารกิจคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของกระทรวงยุติธรรม และให้ความช่วยเหลือ ไปทั้ง 76 จังหวัด ให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่าง สะดวก รวดเร็วและเป็นธรรม

‘พม.’ เดินหน้าช่วยเหลือ ‘แรงงานไทย​’ หลังกลับจากอิสราเอล​ พร้อมส่ง จนท.ดูแลสภาพจิตใจครอบครัวผู้เสียชีวิต​อย่างใกล้ชิด​

(21 พ.ย. 66) นายวราวุธ​ ศิลปอาชา​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์​ (พม.) กล่าวถึงการให้การช่วยเหลือแรงงานไทย หลังจากเดินทางกลับจากประเทศอิสราเอลว่า​ ขณะนี้มีแรงงานลงทะเบียนกับกระทรวง พม. 8,400 ราย โดยขณะนี้เอง เจ้าหน้าที่ได้มีการให้คำแนะนำไปแล้วกว่า 8,348 ราย พร้อมช่วยเหลือส่งกลับภูมิลำเนา​

ในกรณีที่เดินทางกลับเองไม่ได้อีกกว่า 300 ราย โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ พม.​ในพื้นที่​ 62 จังหวัด ทั่วประเทศได้มีการติดตาม และเข้าเยี่ยมแรงงานที่ได้รับผลกระทบ เกือบ 2,000 ราย​  รวมไปถึงทางกระทรวง​ พม.ได้ให้ความช่วยเหลือ เยียวยา​ 1,030 ราย​ ทั้งเรื่องเงินสงเคราะห์​ การให้คำปรึกษา​ การสนับสนุนอาชีพ​ การให้ทุนการศึกษา​ ซึ่งที่ผ่านมา​ พม.ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะครอบครัวผู้เสียชีวิต

ผบ.ตร.ส่งผู้แทน ลงใต้มอบเงินช่วยเหลือ ผบ.หมู่ หน่วยปฏิบัติการพิเศษยะลา ที่เหยียบกับระเบิดจากการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม มอบสิ่งของบำรุงขวัญตำรวจ สภ.แม่ลาน ปัตตานี สร้างความปลื้มใจให้ตำรวจชายแดนใต้ ที่ผู้นำหน่วย ไม่ทอดทิ้ง ดูแลห่วงใย

วานนี้ (4 ม.ค.2567) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร./รอง ผบ.ศปก.ตร.สน. เดินทางไปตรวจเยี่ยม มอบกระเช้า และมอบเงินกองทุนสวัสดิการ ตร. ช่วยเหลือครอบครัวข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฎิบัติหน้าที่ จำนวนเงิน 275,000 บาท ให้แก่ จ.ส.ต.สรกาล ทรัพย์บัว ผบ.หมู่ กก.ปพ.ภ.จว.ยะลา ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กรณี เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.66 จ.ส.ต.สรกาลฯ ได้เหยียบกับระเบิด ณ บริเวณสวนยางพารา หน้าวัดคูหาภิมุข (วัดหน้าถ้ำ) อ.เมืองยะลา จ.ยะลา เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บข้อเท้าขวาขาด โดยขณะนี้ได้พักรักษาตัวที่บ้านพักตามภูมิลำเนา  ม.9 ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จว.สงขลา ด้าน จ.ส.ต.สรกาลฯ ปลื้มใจที่ ผบ.ตร.ไม่ทอดทิ้ง ส่งผู้แทนมาเยี่ยม ทำให้มีกำลังใจในการรักษาตัวและกลับไปปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

ต่อมา พล.ต.ต.พิทักษ์ ได้เดินไปตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญกำลังใจ แก่ข้าราชการตำรวจ สภ.แม่ลาน จ.ปัตตานี โดยนำความห่วงใยของ ผบ.ตร.ที่มีต่อข้าราชการตำรวจจังหวัดชายแดนใต้ มาให้กำลังใจในการทำงาน พร้อมกำชับการปฏิบัติตามหลักยุทธวิธี ตามข้อสั่งการของผู้บังคับบัญชา สร้างความปลื้มใจแก่ตำรวจ สภ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ที่ ผบ.ตร.ไม่เคยลืมมดงาน ส่งผู้แทนมาตรวจเยี่ยม มอบสิ่งของบำรุงขวัญ พร้อมอวยพรกำลังพลเนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ด้วย 

‘สุริยะ’ นั่งหัวโต๊ะขีดเส้น 2 สัปดาห์หาสาเหตุอุบัติเหตุสลด หาแนวทางป้องกันอุบัติเหตุซ้ำในอนาคต เผยเบื้องต้นเยียวยากรณีเสียชีวิตขั้นต่ำ 1 ล้านบาท

(2 ต.ค. 67) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุม 109 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย เพื่อช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุรถบัสทัศนศึกษาของคณะครูและเด็กนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี เกิดเพลิงไหม้ บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต ว่า 

เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจอย่างมาก โดยน.ส.แพทองธารชินวัตร นายกรัฐมนตรี ห่วงใยและเศร้าสลดต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะไปกำชับการทำงาน ส่วนเดียวกับกระทรวงคมนาคมจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีกในอนาคตได้อย่างไร ใช้เวลา 2 สัปดาห์ในการตรวจสอบ 

โดยมีตัวแทนจาก กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และจะเชิญสภาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นกรรมการร่วม ตรวจสอบสาเหตุและโครงสร้างรถ การปรับปรุงสำหรับรองรับผู้โดยสารและตัวถังประกอบ 

นายสุริยะ กล่าวว่า นอกจากนั้นจะให้มีการสาธิตแนะนำการใช้อุปกรณ์และประตูทางออกในกรณีฉุกเฉิน คล้ายกับการขึ้นเครื่องบิน และจะมีมาตราบังคับให้ผู้ประกอบการรถโดยสารอธิบายให้ผู้โดยสารรับทราบ และจะมีอุปกรณ์ช่วยเหลืออย่างไร เพื่อลดความรุนแรงเมื่อเกิดอุบัติเหตุในอนาคต รวมถึงเรื่องของการติดตั้งก๊าซ กลับรถโดยสารสาธารณะให้เข้มข้นด้วยหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ตรวจสอบทั้งหมดทุกเรื่อง 

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีมาตรการควบคุมการใช้รถบัส 2 ชั้น และรถขนาดสูงซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหลายครั้งอย่างไร นายสุริยะ กล่าวว่า เหตุไฟไหม้ครั้งนี้เป็นรถบัสชั้นเดียว ที่จะต้องไปหามาตรการให้เกิดความปลอดภัยกับผู้โดยสาร ส่วนรถ 2 ชั้น มีมาตรการกำกับดูแลอยู่แล้ว เช่นกำหนดให้วิ่งในเขตเมือง โดยจำกัด ไม่ให้วิ่งระหว่างเมือง โดยมาตรการที่จะออกมาบังคับใช้จะทั้งในระยะเร่งด่วนและในระยะยาว 

ผู้สื่อข่าวถามว่าต้องตรวจสอบอายุของรถทั่วประเทศเนื่องจากมีรายงานว่ารถคันเกิดเหตุใช้งานมากกว่า 50 ปี และมีการดัดแปลงตัวถังและเครื่องยนต์ นายสุริยะ กล่าวว่า นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ต้องตั้งกรรมการตรวจสอบ ทุกประเด็นทั้งสภาพรถ การบรรทุกผู้โดยสาร นอกจากนี้จะครอบคลุมถึงรถประเภทอื่นทั้งหมดรวมถึงรถตู้โดยสารด้วย

เมื่อถามว่า มีข้อสังเกตว่ารถคันดังกล่าวได้ดัดแปลงติดตั้งก๊าซ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้บริษัทประกันภัย ใช้เป็นข้ออ้างไม่จ่ายค่าสินไหมทดแทน นายสุริยะ กล่าวว่า กรมขนส่งทางบกรายงานว่าบริษัทประกันภัย ตามกฎหมายกำหนดให้ต้องจ่ายเงินในเบื้องต้นจะจ่ายให้ผู้เสียชีวิตทั้ง 23 ราย ขั้นต่ำรายละหนึ่งล้านบาท และเชื่อว่าบริษัทประกันภัยจะไม่อ้างสาเหตุมาเพื่อไม่จ่ายเงินเพราะเหตุการณ์นี้สะเทือนขวัญประชาชน

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เร่งเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคเหนือ – อีสาน ในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลด รวมมูลค่ากว่า 4.4 ล้านบาท พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกตรวจรักษาและจ่ายยาในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

ระหว่างวันที่ 27 กันยายน - 4 ตุลาคม 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย ลงพื้นที่จังหวัดตาก เชียงใหม่ เชียงราย และนายชุมพล บุญภักดี ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกสาธารณภัยลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช และน้ำปลา ให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลด รวมทั้งสิ้น 10 จังหวัด เครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 9,000 ชุด นอกจากนี้ยังได้ มอบเงินสงเคราะห์ค่าฌาปนกิจให้แก่ญาติผู้เสียชีวิตจำนวน 18 รายๆ ละ 20,000 บาท รวมงบประมาณการช่วยเหลือทั้งสิ้น 4,410,000 บาท (สี่ล้านสี่แสนหนึ่งหมื่นบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ทีมงานแผนกบรรเทาสาธารณภัย และแผนกอาสาสมัครมูลนิธิฯ รวมทั้ง อาสาสมัครกิตติมศักดิ์มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริพร โอภาสวงศ์ และ นางศิริวรรณ โอภาสวงศ์ และอาสาสมัครศิลปินมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางสาวอัญชลี จงคดีกิจ (ปุ๊-อัญชลี) ร่วมลงพื้นที่แจกจ่ายและให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัย ในพื้นที่  รวมถึง มูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

นอกจากนี้  นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้นำทีมหน่วยแพทย์ฯ และเจ้าหน้าที่กู้ชีพ แผนกบรรเทาสาธารณภัยฯ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา คัดกรองเบาหวาน ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยมีประชาชนเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก

นับตั้งแต่เกิดอุทกภัยใหญ่ในช่วงเดือนกรกฎาคม2567 เป็นต้นมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคเหนือ - อีสาน ในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลดแล้วทั้งสิ้น 10 จังหวัด รวมงบประมาณการช่วยเหลือไม่ต่ำกว่า 9.5 ล้านบาท

เมื่อเกิดอุทกภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดทีมบรรเทาสาธารณภัย พร้อมเรือท้องแบน และ โรงครัวเคลื่อนที่เพื่อประกอบอาหารกล่อง พร้อมถุงยังชีพ ชุดยาเวชภัณฑ์ และอาหารสุนัขและแมว นำแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย เพื่อการบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ ในเบื้องต้น หลังจากนั้น ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จะดำเนินการประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อบรรเทาทุกข์ ฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยแจกเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รวมถึงมอบเงินค่าฌาปนกิจศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากอุทกภัย รายละ 20,000 บาท ทั้งนี้ หากมีผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัย ญาติของผู้เสียชีวิตสามารถขอรับเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจศพ จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418 ต่อ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์

ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ยังคงอยู่ระหว่างดำเนินการภารกิจในพื้นที่ และเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินและเข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านต่าง ๆ ต่อไป

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง www.facebook.com/pohtecktungofficial

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง #ช่วยชีวิต #รักษาชีวิต #สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top