'นักประวัติศาสตร์' ไขความลับ!! 'เลือดชั่ว' ในเพลงชาติฝรั่งเศส จากสู้รบกับต่างชาติ กลายเป็นประหัตประหารคนในชาติเดียวกันเอง
(1 ส.ค. 67) เดวิด บุญทวี นักประวัติศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ 'เลือดชั่ว' ในเพลงชาติฝรั่งเศส...เลือดใคร? ระบุว่า...
เพลงชาติฝรั่งเศสชื่อ 'ลามาร์กเซแยส' (La Marseillaise) ที่ 'แอกเซลล์ ซังต์ ซีเฮล' (Axelle Saint-Cirel) ร้องบนหลังคากรองด์ปาเลส์ในวันเปิดโอลิมปิกนั้น เป็นการร้องด้วยลีลาโอเปรา ซึ่งปกติเราจะคุ้นหูกับท่วงทำนองแบบเพลงมาร์ช ที่มีลีลาคึกคักปลุกเร้าให้ฮึกเหิมมากกว่า
ท่อนสร้อยของเพลงที่ถือเป็น 'วรรคทอง' มีเนื้อร้องว่า “หยิบอาวุธขึ้นสู้เถิดผองชน จัดตั้งหน่วยรบของท่าน หน้าเดิน หน้าเดิน ให้เลือดชั่วของพวกมันไหลท่วมรอยไถของพวกเรา”
(ฝรั่งเศส Aux armes, citoyens! Formez vos bataillons! Marchons! Marchons! Qu'un sang impur. Abreuve nos sillons!
อังกฤษ Grab your weapons, citizens! Form your battalions! Let us march! Let us march! May impure blood. Water our furrows!)
น่าสนใจว่า 'เลือดชั่ว' ที่ผู้แต่งเพลงนี้ต้องการให้ 'ไหลท่วม' คือเลือดของใคร?
เพลงลามาร์กเซแยส ประพันธ์ขึ้นเมื่อปี 1792 โดยนายทหารชื่อ โกลด-โจแซฟ รูเช เดอ ลีส์ล (Claude Joseph Rouget de Lisle) ในชื่อเพลงที่แท้จริงว่า 'เพลงรบแด่กองทัพแห่งไรน์' (Chant de guerre pour l’armée du Rhin)
ด้วยจุดประสงค์ชัดเจนว่าเพื่อปลุกใจทหารฝรั่งเศสที่กำลังเดินทัพไปรบกับกองทัพแห่งจักรวรรดิปรัสเซียและออสเตรีย
ด้วยเนื้อร้องและท่วงทำนองที่ติดหูง่ายและเร้าใจ ทำให้ในเวลาต่อมา ทหารอาสาสมัครจากเมืองมาร์กเซย์นำเพลงนี้ไปร้องในกรุงปารีสในช่วงเวลาของการปฏิวัติ จนได้รับความนิยมและแพร่หลายอย่างรวดเร็ว ชาวปารีสเรียกเพลงด้วยชื่อใหม่แบบง่าย ๆ ว่า 'บทเพลงของชาวมาร์กเซย์' (La Marseillaise)
เนื้อร้องท่อนสร้อยที่ยกมาข้างต้น กลายเป็นวรรคทองทีเด็ดที่ฝ่ายปฏิวัติใช้ในการปลุกเร้าฝูงชนให้เกิดอารมณ์รุนแรง อยากทำลายล้างเข่นฆ่าคนเห็นต่างหรือฝ่ายต่อต้าน
และมันก็ได้ผล…
หลังความวุ่นวาย การจลาจล และการนองเลือดตลอดช่วง 4 ปีผ่อนคลายลง (โดยเฉพาะหลังจากกลุ่มแกนนำการปฏิวัติถูกตัดหัวด้วยกิโยติน ด้วยคำสั่งจากฝ่ายปฏิวัติด้วยกันเอง) เพลงลามาร์กเซแยส ก็ได้รับการสถาปนาให้เป็นเพลงชาติฝรั่งเศสเมื่อปี 1795
แต่ชะตากรรมของเพลงนี้ก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ เพราะเมื่อถึงยุคสมัยของจักรพรรดินโปเลียน เพลงนี้ก็ถูกปลดจากการเป็นเพลงชาติและห้ามร้องหรือบรรเลงเด็ดขาด กระทั่งถึงปี 1879 ในสมัยสาธารณรัฐ จึงได้กลับมาเป็นเพลงชาติอีกครั้ง
กลับมาที่ 'เลือดชั่ว'
แน่นอนว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของผู้ประพันธ์เพลงนี้ ตั้งใจให้หมายถึงเลือดของทหารปรัสเซียและออสเตรีย (ที่ทำสงครามกับฝรั่งเศส) แต่ฝ่ายปฏิวัตินำเพลงนี้มาปลุกระดมฝูงชนให้เข้าเข่นฆ่าฝ่ายต่อต้าน จน ‘เลือดชั่วของพวกมันไหลท่วมรอยไถของพวกเรา’
จากสู้รบกับกองทัพต่างชาติ กลายเป็นประหัตประหารคนในชาติเดียวกันเอง
'เลือดชั่ว' ก็คือเลือดของชาวฝรั่งเศสที่ถูกชาวฝรั่งเศสด้วยกันเองเข่นฆ่า และที่ไหลท่วมรอยไถของกรุงปารีสนั้น ก็มีเพียงน้อยนิดที่เป็นเลือดของชนชั้นสูง เพราะเกือบทั้งหมดเป็นเลือดของชนชั้นล่าง ซึ่งเป็นชนชั้นเดียวกับฝูงชนฝ่ายปฏิวัติ เป็นเลือดของประชาชนที่เห็นต่าง!!
ที่น่าสนใจมาก ๆ ก็คือ ชะตากรรมของ โกลด-โจแซฟ รูเช เดอ ลีส์ล ผู้ประพันธ์เพลงนี้ ที่ต่อมาถูกจำคุกด้วยข้อหา 'ทรยศต่อชาติ' เพราะเขาได้ออกมาประท้วงต่อต้านการกักขังและเข่นฆ่าสมาชิกราชวงศ์
โชคดีที่โกลด-โจแซฟ รอดชีวิตจากการถูกตัดหัวมาได้อย่างหวุดหวิด เลือดของตนจึงไม่ต้องกลายเป็น 'เลือดชั่ว' ที่ไหลท่วมรอยไถเสียเอง
เมื่อพ้นโทษแล้ว ก็ออกจากคุกมาใช้ชีวิตอย่างยากจนข้นแค้น ต้องยังชีพด้วยเศษขนมปัง ขณะที่หูก็ยังได้ยินเสียงฝูงชนขับร้องเพลงของตนไปตามท้องถนน
ในที่สุดก็เสียชีวิตลงอย่างคนอนาถา
แต่กว่าทางการฝรั่งเศสจะนึกขึ้นได้ว่านี่คือ ผู้ประพันธ์เพลงชาติ แล้วย้ายศพมาไว้ที่ 'สุสานวีรบุรุษ' อย่างแองวาลิดส์ กลางกรุงปารีส (ที่เดียวกับที่ฝังศพของจักรพรรดินโปเลียนที่ 1) ก็ต้องรอจนถึงปี 1915 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 หรือ 79 ปีหลังการเสียชีวิต
***เกร็ด : ปี 2014 หรือสิบปีที่แล้วนี่เอง นักแสดงชื่อดังชาวฝรั่งเศส ลองแบร์ต วิลซง (Lambert Wilson) เคยให้สัมภาษณ์ว่าเนื้อเพลงลามาร์กเซแยสนั้น ‘โหดเหี้ยม บ้าเลือด ล้าหลัง เหยียดชาติ และกลัวคนต่างชาติ’ (Les paroles sont épouvantables, sanguinaires, d’un autre temps, racistes et xenophobes)
และตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนฝรั่งเศสถึงยังร้องเพลงท่อน ‘ให้เลือดชั่วของพวกมันไหลท่วมรอยไถของพวกเรา’ กันอยู่ได้ โดยไม่ละอายใจ
(คนต่างชาติในที่นี้ ก็คือกองทัพปรัสเซียและออสเตรียที่ทำสงครามกับฝรั่งเศส)
