Saturday, 24 May 2025
เผ่าภูมิโรจนสกุล

'เผ่าภูมิ' ตรวจเตรียมพร้อม 3 พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ ร่วมเทศกาล Night at the Museum 2024

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ตรวจเยี่ยมเตรียมความพร้อมการจัดงานเทศกาลท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์ในยามค่ำคืน 2567 (Night at the Museum Festival 2024) ที่กรมธนารักษ์เข้าร่วม ณ พิพิธบางลำพู พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ พิพิธตลาดน้อย โดยเข้าร่วมเทศกาลดังกล่าว ในวันที่ 20-22 ธันวาคม 2567

พิพิธภัณฑ์ที่เข้าตรวจเตรียมความพร้อมในวันนี้ แห่งแรกคือ 'พิพิธบางลำพู' เป็นศูนย์การเรียนรู้เพื่อชุมชนและสังคม รวมถึงพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญด้านต่าง ๆ ของชุมชนย่านบางลำพูตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบัน กิจกรรมภายในงาน เช่น เข้าชมพิพิธบางลำพูยามค่ำคืน ชมนิทรรศการพิเศษตลาดอาหารไทยชูรส ร้านจำหน่ายสินค้าฝีมือคนไทย กิจกรรมสาธิตการทำขนมและเครื่องหอมไทย ชมวิวป้อมพระสุเมรุ และฉายหนังกลางแปลงบนดาดฟ้าพิพิธบางลำพู 

แห่งที่ 2 'พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์' จัดแสดงเกี่ยวกับเงินตราโบราณและเหรียญกษาปณ์ ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน และเหรียญต่างประเทศ รวมทั้งการผลิตเหรียญกษาปณ์ และการอนุรักษ์เงินตรา ภายใต้แนวคิด 'วิถีแห่งเงินตรา สินล้ำค่าของแผ่นดิน' ในงาน จัดให้มีการเข้าชมนิทรรการรอบพิเศษในยามค่ำคืน (รอบสุดท้ายเวลา 20.30 น.) ชมนิทรรศการพิเศษ จังหวะ-กะ-เหรียญ ในรูปแบบ Mix Art Media ร่วม Workshop ชุมทางงานศิลป์ และลุ้นของรางวัลจากกิจกรรมเกมลูกเล่น-ลูกทุ่ง 

แห่งที่ 3 'พิพิธตลาดน้อย' จัดแสดงนิทรรศการเผยแพร่ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจและสังคมของชุมชนย่านตลาดน้อย ภายในงาน มีการจัดกิจกรรมเข้าชมพิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืน ชม ชิม ช็อป ตั๊กลักเกี้ย ไนท์มาร์เก็ต workshop ของเล่นกระดาษ ย้อนอดีตวันวาน ขนมมงคลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และชมไฟแสงสีรอบอาคาร

โดยในช่วงเทศกาล Night at the Museum Festival 2024 จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมโดยไม่เสียค่าเข้าชม

'เผ่าภูมิ' นำ EXIM บุกแดนจิงโจ้ ถก CEO Standard Chartered และ EFA เชื่อมกลไกการเงินผลักลงทุน 2 ประเทศ หนุนกระบะไทยในออสฯ

(20 ธ.ค.67)ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังจากที่ได้นำคณะธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) หารือกับนาย John Hopkins กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร องค์กรการส่งออกแห่งประเทศออสเตรเลีย (Export Finance Australia (EFA)) และนาย Jacob Berman ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคาร Standard Chartered Australia ที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ว่า

การหารือกับทั้งสององค์กรได้เน้นถึงการเสริมสร้างความร่วมมือกับ EXIM BANK ในหลากหลายมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการร่วมมือในรูปแบบ Co-financing และ Blended finance เชื่อมกลไกทางการเงินเพื่อเพิ่มช่องทางการค้าระหว่างประเทศซึ่งกันและกัน โดยการสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจหรือโครงการต่างๆ การแสวงหาโอกาสการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจด้านพลังงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะการลงทุนในภาคธุรกิจพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) และโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน (Sustainable Infrastructure)  ธุรกิจด้านอุตสาหกรรมยานยนต์โดยเฉพาะตลาดรถกระบะซึ่งออสเตรเลียเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย ธุรกิจด้านการศึกษาซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวสูงในรูปแบบ Joint Program นอกจากนั้นยังหารือแนวทางในการให้ไทยเป็นช่องทางเปิดรับการลงทุนของกองทุนบำนาญของออสเตรเลียในอนาคต

นอกจากนั้นยังได้หารือถึงการใช้กลไกทางการเงินของทั้งสองฝ่ายสนับสนุน Digital Asset ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวสูงภายใต้การนำของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ และยังหารือถึงช่องทางการนำผู้ประกอบการไทยเข้าลงทุนในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในออสเตรเลียซึ่งกำลังประสบปัญหาการขาดอุปทานของที่อยู่อาศัย

พร้อมนี้ยังได้เชิญชวนสถาบันการเงินออสเตรเลียเข้ามาลงทุนใน Financial Hub ของไทยซึ่งกำลังอยู่ในกระบวนการร่าง พ.ร.บ. ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. .... ซึ่งคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในต้นปีหน้า

รัฐบาลไทยตั้งเป้ายกระดับเศรษฐกิจปี 2568 ทุ่ม 150,000 ล้านบาท หวังดัน GDP โตเกิน 3%

(12 มี.ค. 68) สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า รัฐบาลไทยตั้งเป้ายกระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจให้สูงกว่า 3% ในปี 2568 โดยอาศัยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม มูลค่า 150,000 ล้านบาท (ราว 4,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งจะถูกนำไปปฏิบัติภายในสิ้นไตรมาสที่ 3 โดยนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

“เรามีกระสุนเตรียมไว้เพียงพอ” นายเผ่าภูมิกล่าว พร้อมย้ำว่าการใช้จ่ายของรัฐจะเป็นไปอย่างชาญฉลาดและเหมาะสมกับช่วงเวลา

หนึ่งในมาตรการสำคัญที่รัฐบาลให้ความหวังคือโครงการ “เงินดิจิทัลวอลเล็ต” มูลค่า 450,000 ล้านบาท (13,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งมีเป้าหมายโอนเงิน 10,000 บาท (ราว 300 ดอลลาร์สหรัฐ) ให้ประชาชนราว 45 ล้านคน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังซบเซาตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19

อย่างไรก็ตาม นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าการบริโภคยังคงเป็นปัญหา แม้ว่าการชำระเงินในระยะก่อนหน้าจะถูกนำไปใช้บางส่วน แต่มีประชาชนจำนวนหนึ่งนำเงินไปชำระหนี้มากกว่าการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้วอยู่ที่เพียง 3.2% ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

ส่วนเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ขยายตัวเพียง 2.5% ซึ่งต่ำกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ และตามหลังประเทศคู่แข่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เฟสต่อไปของโครงการแจกเงิน ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล จะใช้ช่องทางดิจิทัลในการส่งเงินให้กับประชาชนอายุระหว่าง 16-20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน โดยจะเริ่มต้นในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเสริมว่า “เพราะเราใช้กลไกของเงินดิจิทัลวอลเล็ต มันจึงสามารถควบคุมและส่งเงินไปยังที่ที่ต้องการมากขึ้นได้”

นอกจากนี้ รัฐบาลไทยเดินหน้าผลักดันโครงการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจ โดยเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น โครงการรถไฟทางคู่สายใต้และโครงการแลนด์บริดจ์ เพื่อยกระดับระบบขนส่งและการเชื่อมต่อระหว่างประเทศ พร้อมทั้งส่งเสริมภาคการส่งออกและการบริการด้วยมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวและ Soft Power

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะโครงการแลนด์บริดจ์ที่คาดว่าจะช่วยให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่สำคัญในภูมิภาค
"โครงการเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้การขนส่งสินค้าเร็วขึ้นและลดต้นทุนทางเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการเติบโตในอนาคต" นายเผ่าภูมิกล่าว

นอกจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแล้ว รัฐบาลยังเดินหน้าผลักดันภาคบริการและการส่งออก โดยใช้มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการพัฒนา Soft Power เช่น การสนับสนุนอุตสาหกรรมบันเทิง อาหาร และวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติและสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจไทยในระยะยาว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top