Monday, 5 May 2025
เปิดใจ

‘แต้ว ณฐพร’ เปิดใจ!! กำลังฝึกใช้ชีวิตแบบ ‘คนชิล’ เผย!! ที่ผ่านมาจริงจังกับทุกเรื่องจนกดดันตัวเอง

นางเอกสาว แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์ เปิดใจในรายการ WOODY FM อัปเดตชีวิตการเป็นนางเอกที่ต้องเป็นเพอร์เฟ็กชันนิสต์ จนกลายเป็นคนที่จริงจังกับทุกเรื่อง และเรื่องความรัก 3 ปี มีแพลนแต่งงานหรือไม่? พร้อมเผยคิดอยากมีทายาทเป็นลูกชาย

>> พี่เห็นคุณในหลากหลายเวอร์ชันมาก รู้สึกว่าแต้วชอบหาอะไรก็ตามที่จะได้พัฒนาตัวเอง ถ้าตัดเรื่องการแสดงออกไปตอนนี้จริงจังเรื่องอะไร?

แต้ว : อินมาก ๆ ก็เรื่องออกกำลังกายค่ะ เมื่อก่อนก็ออกเรื่อย ๆ แต่ตอนนี้ก็จะเซ็ตเป้าหมายไว้นิดหนึ่งว่าเราอยากปั้นก้น (หัวเราะ) แล้วก็กำลังจริงจังกับการที่จะไม่เป็นคนจริงจัง รู้สึกว่าทุกอย่างมันไม่ต้องจริงจังไปซะทุกเรื่องก็ได้ แบบใช้ชีวิตมาตลอดเป็นคนชิลล์ไม่เป็นเท่าไหร่ ก็เลยอยากจะสัมผัสตัวเองในเวอร์ชันนั้นบ้าง

>>เวลาเรามองแต้วด้วยบทบาทของการเป็นนางเอก แล้วบางทีคนก็ยังตีกรอบ รู้สึกยังไงกับเรื่องนี้บ้าง ?

แต้ว : เอาจริง ๆ ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกอะไรอย่างงั้นเลย แต่เพราะว่าความคิดที่ทำให้แต้วรู้สึกว่ามันยังเป็นอุปสรรค คือมันเป็นชุดความคิดที่รู้สึกว่าเราต้องดีในทุก ๆ อย่าง แล้วมันเหมือนมีความแอบกดดันตัวเองอยู่ ก็เลยน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกอยากเป็นเพอร์เฟ็กชันนิสต์ด้วยเหมือนกันประมาณหนึ่ง แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นทางออกแต้วก็คือเวลาที่เป็นไลฟ์สไตล์ของแต้วเองก็เลยทำให้รู้สึกว่าอยากตามใจตัวเอง อยากแต่งตัวแบบนี้ อยากทำอะไร เป็นทางออกที่อยากจะโชว์ว่านางเอกก็ทำได้นะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นปัญหากับเรามาก ก็แค่เรียนรู้ไปตามแต่ละช่วงเวลา

>> รู้จักกับ ประณัย มากี่ปีแล้ว?

แต้ว : 3 ปีค่ะ

>> 3 ปีที่ผ่านมาได้เรียนรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับความสัมพันธ์?

แต้ว : คิดว่าพอเข้าปีที่ 3 จะมีช่วงที่เหมือนเรากันเรียนรู้กันอยู่ ตั้งความหวังว่าเราอยากทำความเข้าใจเขา เพราะว่าเราไม่ได้เหมือนกันทุกอย่าง พยายามวิเคราะห์หรือว่าต้องอย่างงั้นอย่างงี้ แล้วบางทีเราก็เป็นทุกข์เอง ซึ่งแต้วก็เลยคิดว่าบางอย่างอาจจะเป็นสเตจที่ปล่อยให้เราได้เรียนรู้ธรรมชาติของกันและกัน โดยที่บางทีไม่ต้องไปพยายามทำความเข้าใจวิเคราะห์อะไรมากมาย ให้เขาเป็นธรรมชาติของเขาและให้เขาเห็นธรรมชาติของเรา ในช่วงแรก ๆ มันอาจจะมีแต่ด้านดี ๆ เห็นแต่ด้านดี ๆ กันหมด พอระยะเวลาผ่านไปก็เป็นปกติที่มันจะเห็นในหลาย ๆ ด้าน

>> เรื่องของการแต่งงานคุยกันบ้างหรือยัง?

แต้ว : ยังไม่ได้คุยกันจริงจังค่ะ

>> คุณพร้อมไหม ?

แต้ว : ก็น่าจะดีนะ หมายถึงว่าถ้าเราแบบ..

>> ถ้าเขาขอคุณวันนี้ คุณจะตอบตกลงไหม ?

แต้ว : อุ๊ย! ไม่ดีมั้งเดี๋ยวแม่ตี (หัวเราะ)

>> แต้วอยากมีลูกไหม ?

แต้ว : อยากค่ะ รู้สึกว่าเรา Respect กับคนเป็นแม่มาก รู้สึกว่ามันเป็นความเสียสละที่เราคิดว่าอยากจะสัมผัสตรงนั้น นั่นคือจุดที่รู้สึกว่าอยากเห็นตัวเองเป็นแบบนั้น กรูมมิ่งคนหนึ่งให้เขาเข้าใจโลกได้ดีกว่าที่เราเจอมา

>> อยากได้ลูกสาวหรือลูกชาย ?
แต้ว : ถ้าอยากได้ก็คงลูกชายมั้ง เพราะรู้สึกว่าห่วงผู้หญิง แต่ก็ไม่มายด์ ยังไงก็ได้ค่ะ

‘อาร์ต พศุตม์’ เล่าชีวิตวัยเด็ก รายล้อมด้วยอบายมุข แต่เพราะฟังคำสอนพ่อแม่และดิ้นรนชีวิตจนมีทุกวันนี้

(9 พ.ย.66) ‘อาร์ต-พศุตม์ บานแย้ม’ พระเอกหนุ่มหล่อซิกซ์แพ็กแน่น ที่ช่วงนี้เนื้อหอมมากและกำลังมีกระแสเรื่องความรัก ล่าสุดมาสัมภาษณ์แบบเปิดใจในรายการ WOODY FM ถึงเรื่องราวชีวิตวัยเด็กที่เคยโดนแบ่งชั้นวรรณะจากญาติพี่น้อง จนมีปมด้อยกลายเป็นเด็กเกเรแบบสุดๆ พร้อมทั้งเล่าถึงการมูเตลูกับตัวเอง เผยตอนนี้ยังไม่ได้คิดเรื่องการแต่งงาน หรือหากมีครอบครัวก็คงจะไม่มีลูก ว่า…

>> คุณโตมาในครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา?

อาร์ต : อบอุ่นมาก อบอุ่นจนร้อน จนบางทีคิดว่าอบอุ่นเกินไป ผมเหมือนไข่ในหินจากเด็กจนถึง ม.1 ถ้าเข้าบ้านเกิน 6 โมงเย็นนี่คือโดนตีแล้ว ทำอะไรผิดก็แล้วแต่จะโดนตียับ ทั้งพ่อและแม่ แต่ผมชอบ จากบทเรียนพวกนี้มันเลยทำให้ผมเป็นคนแบบนี้ กลับไปย้อนวัยเด็กก็คือตอนกลับไปอยู่ที่มหาชัยคือจุดเปลี่ยนชีวิตสุดๆ จากคนเคยดีเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังเท้า

>> คุณพูดถึงตัวคุณเอง?

อาร์ต : ไม่ครับ คนรอบข้างผมกำลังพูดถึงการแบ่งวรรณะของคน จากญาติตัวเอง มาอยู่บ้านญาติสิ เราเคยอยู่บ้านที่มีพื้นที่ 1 ไร่ ให้เรามาอยู่ห้องพื้น 3 เมตรคูณ 3 เมตรแล้วอยู่ 4 คน เด็กๆก็ไม่ได้คิดอะไรก็นอนได้ก็โอเค แต่พอเริ่ม 3-4 เดือนก็เริ่มเหมือนไม่ให้นอนทุบห้องทิ้ง พี่ชายผมต้องไปนอนระเบียงบ้าน นอนกางมุ้งคือฝนสาดก็โดน พ่อแม่ได้ที่จากญาติในบริเวณมหาชัยได้มาห้องขนาด 3 เมตรคูณ 6 เมตร ตู้เสื้อผ้าแบ่งกลาง แล้วมหาชัยมันมีน้ำขึ้นน้ำลง น้ำขึ้นก็นอนไม่ได้ต้องตื่นวิดน้ำ ฝนตกก็นอนไม่ได้ น้ำก็ไหลลงตามผนังลงมา ก็เลยเป็นสาเหตุให้ไม่อยากกลับบ้าน ไปนอนบ้านเพื่อน

>> ที่คุณบอกว่าครอบครัวมีการแบ่งชนชั้นคือแบ่งยังไง คุณรู้ได้ยังไง แล้วเขามาทุบห้องเพราะอะไร พ่อแม่ไม่เล่าให้ฟัง?

อาร์ต : ไม่มีเหตุผล พ่อเป็นคนไม่พูด พ่อเขาเป็นคนรักพี่รักน้อง เขารู้ในจุดที่เขายืนตอนนี้คือพลาดแล้วที่กลับไปอยู่ตรงนั้น แต่ด้วยช่วงนั้นฟองสบู่แตก งานก็ไม่มี ญาติก็เปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังเท้าเลย เรียกพ่อมาคุยบอกเฮียอายุขนาดนี้แล้วยังไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลยนะ เราฟังแล้วแบบไม่โอเค จนเราเริ่มโตขึ้นในสังคมที่แบบเรารู้ว่าโดนแบ่งชนชั้นวรรณะแล้ว เราไม่มีตังค์ตั้งแต่เด็ก เริ่มเที่ยว เริ่มเกเร เริ่มเป็นหัวโจก เริ่มแข่งมอเตอร์ไซค์ เพื่อเอามากลบปมด้อยของตัวเอง พยายามสร้างตัวตนขึ้นมา แต่อะไรที่ติดคุกไม่ทำ ผมจะเป็นกลุ่มที่เลวแต่มีคุณธรรม

>> ความคิดตรรกะของเด็กคนหนึ่งที่อยู่ล้อมรอบด้วยอบายมุขมากมาย มันก็ต้องมาจากการเฝ้าสอนของผู้ใหญ่?

อาร์ต : ใช่ ย้อนกลับไปตอนแรกที่ผมบอกว่าผมชอบนะ ที่พ่อแม่ตี ผมเคยเห็นตอนอยู่บางลำพู พ่อแม่เขาจะรับเลี้ยงเด็กคุก ที่มาทำงานกับพ่อก็คือเด็กคุกทั้งนั้น ผมเคยเห็นแม้กระทั่งปักเฮโรอีนที่แขนแล้วก็ฟุบลงไปเช้ามาก็อยู่ท่านี้ตายแล้ว ผมเคยไปเล่าในรายการหนึ่งว่าผมเคยเห็นยาไอซ์ก้อนขนาดใหญ่ คนหาว่าผมขี้โม้ แล้วแต่เลย ผมไม่ได้แคร์คอมเมนต์โซเชียล ไม่เชื่อไม่เป็นไรแต่ผมรู้ว่าผมไม่ได้โกหก ผมอยากเป็นแสงสว่างให้คนที่เขาคิดว่าผมไม่ได้โกหก

>> ทำไมเกิดขึ้นบ่อยในชีวิต ที่คุณทำแล้วคนหาว่าคุณโกหก?

อาร์ต : มันเป็นเรื่องที่เหนือธรรมชาติ อย่างเช่นตบปืน พี่จะเชื่อไหมว่าคนตบปืนได้จริงๆ แล้วลั่นข้างหูจริงๆ พี่เชื่อไหม

>> พี่เชื่อว่าทุกอย่างเกิดขึ้นได้บนโลกนี้?

อาร์ต : ใช่ แล้วผมก็บอกทุกคนว่าอย่าทำแบบที่ผมทำ ผมเคยโดนเอาปืนจ่อหัวจริงๆ แล้วผมกระชากลงพื้น มีพยานเห็นประมาณ 13-14 คน แล้วพยานคนหนึ่งเจ้าของเรื่องเป็นข้าราชการอยู่ที่สระบุรี คนนี้ตัวต้นเรื่อง

>> ทุกวันนี้ทราบมาว่าการเดินทางของคุณไปตามที่ต่างๆ มันมีความหมายมากในชีวิต เพราะถ้าเกิดว่าได้มีโอกาสไปกราบไหว้หรือว่าไปมูเตลู เล่าให้ฟังหน่อยว่าตอนนี้ไปในทิศทางไหน?

อาร์ต : ก่อนหน้านี้ 15 ปี ไหว้ทุกที่ ทุกคนลงกระหม่อมได้หมด แล้วผมรู้สึกว่าชีวิตสับสน แล้วผมก็ไปเจอคนหนึ่งเขาก็บอกว่า อาร์ตรู้ไหมว่าจริงๆ การไปมูหลายๆ ที่มันไม่ได้ดี มันเหมือนสีขาว สีดำ สีแดง สีเหลือง มาปนเปกัน จนไม่รู้เลยมันมีสีอะไร อาร์ตควรจะมีคนที่นับถือแค่ 1 คน หรือ 2 คน หรือเป็นพระอาจารย์ ตอนนี้ผมมีพระอาจารย์อยู่ 2 คน คือหลวงพ่อวราห์ กับ หลวงพ่อแป๊ะ วัดสว่างอารมณ์ ซึ่ง 2 องค์นี้ท่านก็เป็นเพื่อนกัน แต่ตอนนี้จะชอบมูกับตัวเอง เช่น นั่งสมาธิขอพรกับตัวเอง ไม่ได้เห็นการขอพรเป็นธุรกิจถ้าได้แล้วจะทำนะ ไม่ทำเลยสวดมนต์ให้คนข้างในเราแข็งแรง ให้เขามีพลัง อฐิษฐานเมตตาจิตต่างๆ นาๆ สร้างกำแพงในตัวเราขึ้นมาเยอะๆ สูงๆ ให้เขามีพลังให้เขาช่วยเราได้ อันนี้ผมว่าตั้งแต่ทำมาเวิร์กสุด แล้วแต่วิจารณญาณคนนะ บางคนก็เชื่อว่าจะมีเทพคุ้มครองตัวเองอยู่แล้ว แต่ถ้าเทพคุ้มครองตัวเราเขาไม่แข็งแรง ก็จะมีหลายคนบอกว่าในเมื่อถ้าเทพศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เขาจะมาพึ่งพาอาศัยมนุษย์ทำไม เขาบอกว่าเทพจริง ๆ ไม่สามารถเพิ่มบุญให้ตัวเองได้ ต้องเป็นการที่คนทำให้ แต่เทพจะมาคอยช่วยเหลือเรา ถ้าเราทำเทพในตัวเราให้แข็งแรง เขาก็จะทำให้พลังในตัวเรามีออร่า ผมนั่งสวดมนต์ให้ตัวเอง ผมขออยู่ 2 อย่าง มีสง่า มีบารมี ตอนนี้ผมหมั่นเพียรทำมาประมาณ 8-9 ปีแล้ว

 >> ไม่คิดเรื่องแต่งงาน?

อาร์ต : ไม่มีเลย ไม่มีในหัวเลย ตอนนี้การเลี้ยงเด็ก 1 คนเป็นเรื่องยากมาก แต่ถ้ามีครอบครัวโอกาสมีได้ แต่ถ้ามีลูกคงจะไม่มีแล้ว มันไม่ได้เหมือนยุคที่เราโตมา ที่เด็กจะอยู่ในกรอบของครอบครัว ตอนนี้เลี้ยงเด็ก 1 คน ต้องมีโทรศัพท์ให้เขาแล้ว 1 เครื่อง แล้วในโทรศัพท์มันจะไม่อยู่ในกรอบเราเลย ที่เราจะแบบคุมมันได้ จริงๆ ผมเป็นคนดุนะ เป็นคนค่อนข้างเนี้ยบแต่ใจดี แต่จะพูดบอกหรือห้ามอะไร 2-3 ครั้งแล้วจะไม่พูดอะไรอีก แต่ถ้าเป็นลูกเราไม่ได้ ก็จะพูดอยู่นั่นละ แล้วก็ถ้ามีลูกผู้ชายคงจะติดคุกถ้ามีใครมาทำร้ายลูกเรา เพราะเราเอาคืนแน่นอน หรือถ้ามีลูกผู้หญิงใครมาปล้ำลูกเรา เราก็คงจะเอาตายเหมือนกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top