Thursday, 19 June 2025
เที่ยวทะเล

‘หลาน’ สานฝัน!! ‘ปู่วัย 102 ปี’ พาเที่ยวทะเลครั้งแรกในชีวิต พร้อมเผยสาเหตุที่ไม่เคยไป เพราะลูกหลานทำงานกันหมด

(7 พ.ค. 67) จากกรณีผู้ใช้ติ๊กต็อก @userreepij10o4 โพสต์ข้อความสุดน่าประทับใจของคุณปู่ ระบุข้อความว่า “ในเมื่อปู่ของฉันอายุ 102 ปี อยากไปทะเล ลูกหลานก็จัดให้”

ต่อมาล่าสุด นางกนกพิชญ์ (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นหลานสาว ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอม หลาน ๆ กลับมาจากกรุงเทพฯ มาที่บ้านใน อ.ดงเจริญ จ.พิจิตร จึงมาถามปู่ว่า “อยากไปเที่ยวระยองไหม ไปเที่ยวทะเล” ปู่ก็บอกว่า “กูจะไปเที่ยวไหวไหม ชีวิตนี้กูยังไม่เคยเห็นทะเลสักทีเลย” พวกตนเลยพาปู่ไปเที่ยวทะเลที่อ่าวไข่ จ.ระยอง

เมื่อไปถึงทะเลปู่ก็บอกว่า “คิดว่ามันจะเหมือนแม่น้ำเจ้าพระยาแถวพิจิตรบ้านเรา” แล้วก็ตกใจว่าทำไมทะเลถึงใหญ่ขนาดนี้ แล้วก็ค่อย ๆ เดินลงทะเล เพราะว่ากลัวไม่กล้าลงทะเลไป แต่เมื่อเดินลงไปแล้วคุณปู่ก็มีความสุขมาก ยิ้มตลอด

ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณปู่แข็งแรงมาก ไม่เคยป่วยหรือเข้าโรงพยาบาลเลย มาวันนี้ได้สานฝันให้คุณปู่ ลูกหลานก็รู็สึกปลื้มและประทับใจกันทุกคนที่ได้พาปู่ไปในบั้นปลายชีวิต เพราะปู่ยังไม่เคยไปทะเลสักครั้งในชีวิต

อีกทั้งปู่เคยบอกว่า “ชีวิตนี้ขอให้ได้ไปทะเลสักครั้งเถอะ” พอได้ไปแล้วก็บอกว่า “สมใจแล้ว เดี๋ยวก็แก่ตายแล้ว” แต่ตนเชื่อว่าปู่แข็งแรงยังอยู่กับลูกหลานได้อีกนาน

ทั้งนี้ หลังจากกลับมาจากทะเลคุณปู่ก็พูดแล้วพูดอีกว่า “ดีใจจริง ๆ เนาะได้ไปทะเล ทะเลมันก็สวย กว้างก็กว้าง ของกินก็อร่อย” หลาน ๆ ก็เลยถามปู่ว่าอยากไปอีกไหม ปู่ก็บอกว่า “อยากไป ถ้ามีโอกาสพาไปใหม่นะ” ตนคิดว่าเพราะปู่ไม่เคยไป พอได้ไปก็ติดใจ

ส่วนสาเหตุที่ปู่ไม่เคยไปทะเล เพราะลูกหลานไปทำงานกันหมด แต่พอได้ไปเห็นโลกกว้าง เลยอยากพาปู่ไปบ้าง อีกทั้งปู่เคยบ่นว่าอยากไป เลยอยากพาปู่ไปสักครั้ง

สุดท้ายนี้ อยากฝากบอกลูกหลานทุกคนว่าถ้ามีโอกาส ให้พาไปเถอะ บางทีเขาอยากไปแต่ไม่รู้จะเอ่ยขอลูกหลานยังไง เพราะคิดว่าลูกอาจจะไม่มีเงิน แต่พอได้พาไป ถือว่าคุ้มมากจริง ๆ

ชาวโซเชียลหนุน ‘ทราย สก๊อต’ เพราะไม่เชื่อมั่น ในการทำหน้าที่ของภาครัฐ นักวิชาการ มธ. เสนอ ‘กรมอุทยานฯ’ ใช้ระบบ ‘E-Ticket’ แก้ทุจริตเรื้อรัง

(27 เม.ย. 68) รศ. ดร.สุรศักดิ์ บุญเรือง อาจารย์ประจำศูนย์กฎหมายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้ช่วยคณบดีคณะนิติศาสตร์ ศูนย์ลำปาง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า ปรากฏการณ์แรงหนุน-ต้านของสังคมต่อการทำหน้าที่ของ ทราย สก๊อต อดีตที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช (อส.) เป็นสิ่งที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่มีผู้เข้าข้างหรือเลือกอยู่ฝั่งเดียวกับ ทราย สก๊อต แรงหนุนส่วนหนึ่งอาจไม่ได้เห็นด้วยกับการแสดงออกของ ทราย สก๊อต ในทุกประเด็น แต่เขาเหล่านั้นอยากให้เกิดความตระหนักรู้ทางสังคมและมีการตรวจสอบการบริหารจัดการพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเล ตรงนี้สะท้อนว่าสังคมกำลังมีความรู้สึกคลางแคลงใจในเรื่องความไม่โปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐ และ อส.

“ในปี 2567 อส. มีรายได้จากการจัดเก็บค่าเข้าชมของนักท่องเที่ยวทั้งประเทศราว 2,200 ล้านบาท เกินกว่าครึ่ง เป็นรายได้จากการจัดเก็บค่าเข้าอุทยานแห่งชาติทางทะเลอันสะท้อนว่าพื้นที่ทางทะเลเป็นพื้นที่ที่มีผลประโยชน์สูง ซึ่งที่ผ่านมาสังคมแทบไม่มีโอกาสได้รับรู้เลยว่ารายได้เหล่านั้นถูกนำไปใช้อย่างอย่างไร ส่วนตัวเห็นว่า อส. ควรพลิกเหตุการณ์ครั้งนี้ให้กลายเป็นโอกาสในการปรับปรุง และแสดงให้เห็นถึงความโปรงใส่ในการทำงานของ อส. จนกลับมาสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน เพื่อนำไปสู่การร่วมไม้ร่วมมือจากภาคประชาชนและภาคเอกชน สำหรับอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมต่อไป” รศ. ดร.สุรศักดิ์ กล่าว

นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าวต่อไปอีกว่า แม้ว่าปัจจุบันอาจมีการใช้ระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ (E-Ticket) ในอุทยานแห่งชาติบางแห่ง แต่ยังพบปัญหาข้อติดขัดหลายประการ เช่น การใช้ E-ticket กับตั๋วหมู่คณะที่ซื้อทัวร์มาท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติทางทะเล จึงควรมีการปรับปรุงระบบดังกล่าวและนำมาใช้กับพื้นที่อุทยานต่างๆ ให้มากขึ้น ซึ่งแนวทางนี้จะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงปัญหาการคอร์รัปชันกรณีจำหน่ายตั๋วเข้าอุทยานฯ ที่นับเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานเรื้อรังลงได้ 

มากไปกว่านั้น หากในอนาคตมีกระบวนการจัดเก็บรายได้ที่โปร่งใสแล้ว ลำดับถัดไปก็ควรจะมีการจัดสรรรายได้ส่วนหนึ่งเพื่อจัดสวัสดิการต่างๆ ให้พนักงานและเจ้าหน้าที่อุทยานในระดับปฏิบัติการให้ดีกว่าที่ได้รับ เช่น การใช้เป็นค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องมือหรือปัจจัยขั้นพื้นฐานสำหรับใช้ในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงเงินค่าตอบแทนจากการทำงาน ที่มีความเหมาะสมกับหน้างานที่รับผิดชอบ สิ่งเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการลดเหตุจูงใจให้เจ้าหน้าที่กระทำการทุจริต ทั้งยังเป็นขวัญกำลังในการปฏิบัติหน้าที่

รศ. ดร.สุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนตัวเชื่อว่าข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างฝ่ายสนับสนุน ทราย สก๊อต กับพนักงานเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ รวมไปถึงผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ เกิดจากการมีแนวคิดและจุดยืน หรือนิยามการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติซึ่งแตกต่างกัน กล่าวคือฝ่ายหนึ่งมีแนวคิดโน้มเอียงไปแบบอนุรักษ์สุดโต่ง (Deep Green) ที่เชื่อว่าการดำรงอยู่ของอารยธรรมอุตสาหกรรมเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ จึงเรียกร้องให้รื้อถอนและหวนคืนความเป็นปกติให้กับสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด 
ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่ง มีแนวคิดสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลอย่างหลากหลายและเต็มรูปแบบตามแนวคิดเศรษฐกิจสีน้ำเงิน (Blue Economy) ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานการใช้ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน สิ่งเหล่านี้จึงนำไปสู่ความเห็นที่ไม่ตรงกันและความขัดแย้ง

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความสับสนและไม่ให้เหตุการณ์ดังที่ปรากฏตามสื่อเกิดขึ้นซ้ำรอย อส. ควรมีการทบทวนและสร้างระเบียบหรือมาตรการที่ชัดเจนว่าเส้นแบ่งของภาคประชาชน ภาคเอกชน ได้รับอนุญาตให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องและอนุรักษ์ธรรมชาติมากน้อยแค่ไหน ยกกรณีตัวอย่างเช่น หากประชาชนพบเห็นผู้กระทำผิดกฎระเบียบอย่างชัดเจน บทบาทหน้าที่ในฐานะพลเมืองดี ที่จะกระทำการเพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ ทำได้แค่ไหน สามารถถ่ายคลิปวิดีโอการคนที่ทำผิดนั้น โพสต์ลงโซเชียลมีเดียได้หรือไม่ เป็นต้น พร้อมกันนี้ควรกำหนดกฎระเบียบข้อควรปฏิบัติในการใช้พื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลให้ชัดเจน มีการเขียนป้ายทั้งในภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาอื่นๆ เพื่อความเข้าใจร่วมกัน ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ไปจนถึงผู้ประกอบการในพื้นที่เช่นกัน

‘ระยอง’ ไม่ธรรมดา!! แชมป์จุดหมายยอดฮิต ทั้งไทย และเอเชีย ด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติริมฝั่งทะเล วัฒนธรรมท้องถิ่น เป็นเอกลักษณ์

(3 มิ.ย. 68) อโกด้า แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยว เผยจุดหมายปลายทางยอดนิยมในเอเชียสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางแบบไม่เร่งรีบ (Slow Travel) โดยมีเมืองชายฝั่งของไทยอย่าง “ระยอง” ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งในใจนักเดินทางทั้งในประเทศไทยและในเอเชีย

ฃสำหรับ 3 จุดหมายยอดนิยมของการเดินทางแบบไม่เร่งรีบในเมืองไทย ได้แก่

ระยอง พัทยา และเกาะช้าง ส่วน 9 จุดหมายปลายทางยอดนิยมของการเดินทางแบบไม่เร่งรีบในเอเชีย ประจำปี 2568 มีดั้งนี้

1.ระยอง, ไทย
สวรรค์ริมชายหาดแห่งนี้คือจุดหมายปลายทางในฝันของผู้ที่มองหาความสงบ ท่ามกลางชายหาดที่เงียบสงบและน้ำทะเลที่ใสสะอาด เหมาะสำหรับการหลีกหนีจากความวุ่นวาย นักเดินทางสามารถเพลิดเพลินกับอาหารทะเลสดใหม่จากเรือประมง

เสน่ห์ของระยองอยู่ที่ความเงียบสงบของชายหาดแม่รำพึงที่ทอดยาว ป่าชายเลนสีทองที่ทุ่งโปรงทอง และบรรยากาศสบาย ๆ บนเกาะเสม็ด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพักใจ ดื่มด่ำกับบรรยากาศ และใช้เวลากับตัวเองอย่างเต็มที่ ระยองจึงเป็นจุดหมายในอุดมคติสำหรับการพักผ่อน เติมพลัง และกลับมาเชื่อมโยงกับธรรมชาติอีกครั้ง

2. กาเลโกวา, อินโดนีเซีย
กาเลโกวาเปรียบดั่งสวรรค์ที่รอให้นักเดินทางมาค้นพบ มีเสน่ห์ที่น่าหลงใหล ชวนให้นักเดินทางชะลอจังหวะชีวิต ดื่มด่ำกับธรรมชาติอันเขียวขจีและวัฒนธรรมท้องถิ่น ทั้งนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องนาข้าวสีเขียว สบายตาสถาปัตยกรรมแบบบูกิสดั้งเดิม และการต้อนรับที่อบอุ่นจากชาวบ้าน นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาเดินเล่นชมตลาดท้องถิ่น ลิ้มรสอาหารอินโดนีเซียต้นตำรับ หรือออกเดินป่าชมเส้นทางธรรมชาติ ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งความเรียบง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์การเดินทางที่ไม่เร่งรีบ และมีความหมาย

3.โซล, เกาหลีใต้
แม้ว่าโซลจะเป็นเมืองหลวงที่คึกคัก แต่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่เหมาะกับการท่องเที่ยวแบบไม่เร่งรีบ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่นไปตามถนนสายประวัติศาสตร์ในหมู่บ้านบุกชอนฮันอก แวะจิบชาในบ้านน้ำชาแบบดั้งเดิม สำรวจตรอกซอกซอยเล็ก ๆ หรือเพลิดเพลินกับบาร์บีคิวเกาหลีรสเข้มข้น นักเดินทางสามารถใช้เวลาอย่างไม่เร่งรีบ ดื่มด่ำกับบรรยากาศ และซึมซับเสน่ห์ของเมืองในทุกย่างก้าว

4.โตเกียว, ญี่ปุ่น
โตเกียวคือเมืองที่ผสานประวัติศาสตร์ ความทันสมัย และวัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว จึงไม่น่าแปลกใจที่นักเดินทางจำนวนมากสามารถใช้เวลาอยู่ที่นี่ได้อย่างไม่มีเบื่อ ไม่ว่าจะเป็นความคึกคักของย่านชิบุยะ ความสงบเรียบง่ายของย่านยะนะกะ หรือความหลากหลายของรสชาติอาหารที่รอให้นักเดินทางมาค้นพบ โตเกียวคือเมืองที่เต็มไปด้วยเรื่องราวให้สำรวจ เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางในจังหวะของตนเอง และดื่มด่ำกับทุกช่วงเวลาอย่างแท้จริง

5. ญาจาง, เวียดนาม
ด้วยชายฝั่งที่งดงามและบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ญาจางจึงเป็นสวรรค์ ของผู้รักทะเลที่อยากใช้เวลาอย่างไม่เร่งรีบ ท่ามกลางแสงแดดอุ่น ลมทะเลเย็นสบาย และหาดทรายขาวละเอียด นอกจากชายหาดแล้ว ญาจางยังมีสถานที่หลากหลายรอให้นักเดินทางมาค้นพบ ไม่ว่าจะเป็นการ เยี่ยมชมปราสาทโพนาคาอันเก่าแก่ ไปจนถึงการแช่บ่อโคลนเพื่อฟื้นฟูร่างกาย บรรยากาศสบาย ๆ ของญาจาง ทำให้ที่นี่เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการท่องเที่ยวแบบไม่เร่งรีบ

6. โบราไกย์, ฟิลิปปินส์
หาดทรายขาวละเอียดและน้ำทะเลใสสะอาดของเกาะโบราไกย์ คือสวรรค์สำหรับผู้ที่อยากปล่อยใจให้ผ่อนคลายและดื่มด่ำกับความงดงามของธรรมชาติอย่างเต็มที่ นอกจากชายหาดชื่อดังแล้ว เกาะแห่งนี้ยังเหมาะกับนักเดินทางที่ชอบการเดินทางแบบไม่เร่งรีบ ที่อยากสัมผัสโลกใต้ทะเลผ่านการดำน้ำลึกหรือดำน้ำตื้น รวมถึงล่องเรือปาราว ชมพระอาทิตย์ตกท่ามกลางลมทะเลเย็นสบาย ด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นและทิวทัศน์ที่งดงาม โบราไกย์จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ทำให้นักเดินทางหลายคนหลงลืมเวลา และอยากอยู่ต่ออีกสักวัน

7. ไทเป, ไต้หวัน
ไทเปเป็นเมืองที่ผสมความทันสมัยและความดั้งเดิมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ทั้งตลาดกลางคืน น้ำพุร้อน และเส้นทางเดินป่า ที่ชวนให้นักเดินทางมาเพลิดเพลินและสำรวจได้อย่างไม่เร่งรีบ โดยสามารถเดินสำรวจถนนต้าวเฉิง ลิ้มลองอาหารท้องถิ่นอย่างเสี่ยวหลงเปา หรือจะไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับที่อุทยานแห่งชาติหยางมิงซาน ด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ไทเปจึงเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่น่าค้นหา และคุ้มค่ากับการใช้เวลาในการดื่มด่ำกับสถานที่ต่าง ๆ

8. กัวลาลัมเปอร์, มาเลเซีย
นักเดินทางที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบไม่เร่งรีบสามารถใช้เวลาในการสำรวจย่านต่างๆ ของกัวลาลัมเปอร์ ตั้งแต่ถนนที่มีสีสันสดใสในย่ายลิตเติ้ลอินเดีย ความงามของสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น เช่น ตึกแฝดเปโตรนาส และอาคารสุลต่านอับดุลซาหมัด เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่คอยดึงดูดให้นักเดินทางต้องหยุดและถ่ายภาพ สำหรับผู้ที่หลงใหลในอาหารก็สามารถเพลิดเพลินกับการลิ้มลองอาหารท้องถิ่นจากร้านสตรีทฟู้ด หรือ ร้านอาหารต่าง ๆ อันหลากหลาย ซึ่งกัวลาลัมเปอร์ได้ผสมผสานระหว่างความดั้งเดิมและความทันสมัยไว้อย่างลงตัว กลายเป็นเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าค้นหาสำหรับนักเดินทางที่ต้องการดื่มด่ำกับเมืองนี้และใช้เวลาสำรวจทุกมุมอย่างเต็มที่

9. เจนไน, อินเดีย
มรดกทางวัฒนธรรมอันลึกซึ้ง บรรยากาศศิลปะที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา และเสน่ห์ริมทะเลของเมืองเจนไน ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการจะชะลอจังหวะชีวิต และดื่มด่ำกับวัฒนธรรมทางตอนใต้ของอินเดีย นักเดินทางสามารถสำรวจวัดโบราณของเมือง เพลิดเพลินกับการเดินเล่นเงียบ ๆ ที่ชายหาดมารีนา หรือชมการแสดงดนตรีคาร์เนติก ความอบอุ่นของการต้อนรับจากคนท้องถิ่นและความหลากหลายทางวัฒนธรรมทำให้เจนไนเป็นเมืองที่คุ้มค่ากับการใช้เวลาในการสำรวจและสัมผัสทุกมุมอย่างแท้จริง

อรรคพร รอดคง ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยของอโกด้า เปิดเผยว่า ในโลกยุคปัจจุบันที่ทุกอย่างหมุนไปอย่างรวดเร็ว นักเดินทางจำนวนไม่น้อยเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการเดินทางอย่างไม่เร่งรีบ เพื่อเปิดโอกาสให้ตนเองได้ซึมซับบรรยากาศ วัฒนธรรม และความงดงามของสถานที่ที่ไปเยือนอย่างลึกซึ้ง ที่อโกด้า

“เราภูมิใจที่ได้มีส่วนสนับสนุนแนวทางการเดินทางที่เปี่ยมด้วยความหมายนี้ ด้วยแพลตฟอร์มที่ช่วยให้นักเดินทางค้นหาที่พักและกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก พร้อมเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เดินทางในจังหวะของตัวเอง และชื่นชมโลกใบนี้อย่างแท้จริง เอเชียยังเต็มไปด้วยจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับการเดินทางแบบไม่เร่งรีบ และ ‘ระยอง’ ก็เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติริมฝั่งทะเล ความเงียบสงบ และวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ ระยองจึงเป็นเมืองที่ชวนให้นักเดินทางได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า พักผ่อน และดื่มด่ำกับทุกช่วงเวลาอย่างไม่เร่งรีบ” อรรคพรกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top