Monday, 21 April 2025
เดชาศิริภัทร

‘อ.เดชา’ เชื่อ หาก ‘พิธา’ ยังฝืนดึงดันแบบนี้ต่อไป ผลที่ได้คือความทุกข์​น่าสยดสยอง​เกินจินตนาการ!!

(15 ก.ค. 66) นายเดชา ศิริภัทร เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Deycha Siripatra’ ระบุว่า…

“ได้อ่านโพสต์​ของคุณ​พิธา​ ลิ้มเจริญ​รัตน์​ แล้วเข้าใจและเห็นใจอย่างยิ่ง

การตั้งความหวังไว้สูงสุด​ พยายามฝ่าฟันไปจนจะเอื้อมมือถึง​ แต่ความหวังกลับพังครืน พังลงต่อหน้าตนเองและคนไทยทั้งประเทศ​ รวมถึงชาวโลกที่ติดตามดูการถ่ายทอดสด

ความทุกข์​ที่เกิดจากความผิดหวัง​ เพราะไปตั้งความหวังไว้นั้น​ เป็นบทเรียนธรรมะขั้นสูง หากนำมาเป็นบทเรียน​ แล้วนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตต่อไป​ จะมีประโยชน์​มาก

แต่ถ้ายังไม่ยอมรับ​ แต่พยายามทำซ้ำแบบเดิมอีก ก็จะผิดหวังเหมือนเดิมอีกครั้ง

คราวนี้ความทุกข์​ที่เกิดขึ้นใหม่​ จะทับถมซ้ำเติมความทุกข์​เก่า​ ที่ยังไม่ทันจางหายไปใหน ลองจินตนาการดูว่าจะหนักหนาสาหัส​ขนาดใหน​ แค่คิดผมก็รู้สึกสยดสยองจนไม่กล้าคิดต่อ

แต่ถึงอย่างนั้น​ ผมก็เชื่อว่า​ คุณ​พิธา จะยังเดินหน้าต่อไปเพื่อทำซ้ำอย่างเดิม​ ไม่ยอมหยุด ผลที่ได้รับก็คงเป็นความผิดหวัง​ และความทุกข์​ที่น่าสยดสยอง​เกินจินตนาการนั่นเอง

โชคดีนะครับคุณ​พิธา ขอให้คุณ​สมหวังในสิ่งที่ตั้งใจ​ อย่าให้สิ่งที่ผมคิด​ เกิดขึ้นจริงเลย”

‘หมอเดชา’ เผย ตัวเลขค่าใช้จ่าย ‘นายกฯ เศรษฐา-รองฯ อ๋อง’ ลั่น!! ไม่แปลกใจ ทำไม ‘ยุคลุงตู่’ 9 ปี ฐานะการเงินมั่นคงขึ้น

(20 ก.ย. 66) นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า…

คนไทยเพิ่งเลือกสมาชิก​สภา​ผู้แทน​ราษฎร​ (สส.)​ และจัดตั้งรัฐบาล​ชุดใหม่ได้ไม่ถึงเดือน ก็มีข่าวทั้งจากฝ่ายรัฐบาล​ (เศรษฐา)​ และฝ่ายค้าน (หมออ๋อง)​ เรื่องการใช้จ่ายที่ดูฟุ่มเฟือย

เมื่อนำไปเปรียบกับการใช้จ่ายในงานแบบเดียวกัน​ ของนายกฯ​ คนก่อน​ (ลุงตู่)​ ยิ่งเห็นชัด

ระยะเวลา​ 9​ ปี​ ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี​ของลุงตู่​ ไม่มีข่าวเช่าเหมาลำ​ เครื่องบินเดินทาง และทางด้านรัฐสภา​ ก็ไม่มีข่าวประธาน​ฯ หรือรองประธานสภาฯ​ พาลูกพรรคเดินทางดูงาน

จึงไม่น่าแปลกใจที่หลังจาก​ 9​ ปี​ของยุคลุงตู่​ ประเทศไทย​มีฐานะการเงินการคลังมั่นคงขึ้น

ข้อมูลตัวเลขทางการ​ บ่งบอกฐานะของประเทศไทย​ที่รัฐบาล​ชุดใหม่รับไว้ มารอดูกันว่า​ เมื่อจบหน้าที่ของรัฐบาลเศรษฐาแล้ว​ ฐานะของประเทศ​จะเป็นอย่างไร…

‘อ.เดชา’ แนะ!! ควรเพิ่ม ‘คุณภาพ’ เด็​กเกิดใหม่-ผู้สูงอายุ มุ่งปั้นให้เป็นกำลังของชาติ เพื่อชดเชยยอดเกิดที่ลดลง 

(27 ธ.ค.66) นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) โพสต์เนื้อหาและรูปบนเฟซบุ๊กว่า คงรู้จัก​ ‘คิม จองอึน’ ผู้นำเกาหลีเหนือกันดีนะครับ เพราะเป็นข่าวอยู่​บ่อยๆ​ เรื่องขยันยิงขีปนาวุธ​ (จรวด)​ ทดสอบ​ โดยไม่เกรงกลัวใคร แต่มีภาพด้านล่างที่เขาร้องไห้​ คงเป็นเรื่องสำคัญ​ ที่ทำให้เขาสะเทือนใจมาก

ปรากฏ​ว่า​ เป็นการขอความเห็นใจ​ จากแม่บ้านชาวเกาหลีเหนือ​ ให้ช่วยเพิ่มประชากร แสดงว่า​ ประชากรประเทศ​เกาหลีเหนือ​กำลังลดลง​ เหมือนอีกหลายประเทศ และ​ ‘คิม​ จองอึน’ เป็นห่วงเรื่อ​งนี้มากเป็นพิเศษ​ จนถึงกับหลั่งน้ำตาในที่สาธารณะ

แม้จะเป็นการแสดงความอ่อนไหว​ ไม่สมกับภาพลักษณ์​อันแข็งกร้าว​ ที่มีมาโดยตลอด แสดงว่า​ การลดลงของประชากรเกาหลีเหนือ​ เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย​ สำห​รับ​เขาจริงๆ

หันมาดูสถานการณ์​ ประชากรในประเทศ​ไทย​ ในช่วงปีที่ผ่านมาบ้าง ประชากรไทย​ เริ่มลดลงมาหลายปีแล้ว​ และลดลงมากขึ้นอย่างน่าวิตก เช่นในปี​ 2566​ นี้​ ควรจะมีเด็กไทยเกิดใหม่​ 7​ แสนคน​ แต่เกิดจริง​ เพียง​ 5​ แสนคนเท่านั้น

นายกรัฐมนตรี​ไทย ก็ออกมาพูดถึงเรื่องนี้​ แต่ดูจะไม่เห็นเป็นเรื่องร้ายแรงเท่าไหร่​นัก สู้เรื่องแจกเงินดิจิทัล​ คนละ​ 1​ หมื่นบาท​ หรือเรื่องการทำประชามติ​ร่างรัฐธรรมนูญ​ไม่ได้

ผมเชื่อว่า​แนวโน้มการลดลงของประชากรไทยนั้น​ มีแต่เพิ่มขึ้น​ แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว และจำนวนผู้สูงอายุ​ที่เพิ่มขึ้น​ก็หยุด​ไม่ได้​เช่นเดียวกัน

สิ่งที่น่าทำเป็นนโยบายก็คือ​ เพิ่มคุณภาพ​ของเด็กเกิดใหม่​ เพื่อชดเชยกับปริมาณ​ที่ลดลงและเพิ่มคุณภาพชีวิต​ของผู้สูงอายุ​ ให้ลดการเป็นภาระ​ มาเป็นกำลังของชาติให้มากขึ้นน่าจะเป็นไปได้มากกว่า​การพยายามเพิ่มจำนวนเด็กเกิดใหม่​ และลดจำนวนผู้สูงอายุ

เด็กที่เกิดน้อยลงนั้น​ ทำให้เพิ่มคุณภาพของเด็กได้​ โดยใช้งบประมาณ​เท่าเดิม ส่วนการเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ​ ให้ทำงานเป็นกำลังของชาติได้มากขึ้น​ ก็ทำได้จริง เพราะผมเอง​ ปัจจุบัน​อายุ​ ใกล้​ 76 ปีแล้ว​ ยังทำงานเป็นปกติ​ และมีคุณภาพดีกว่าแต่ก่อนหากผมทำได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีใครช่วย​ ถ้ารัฐบาล​จะช่วยผู้สูงอายุ​ ก็คงไม่ยากอะไร

ผมยินดีให้คำปรึกษา​ จากประสบการณ์​ตรง​ โดยไม่คิดมูลค่าใดๆ​ เพราะผมทำอยู่​แล้ว อย่าเลียนแบบ​ ‘คิม​ จองอึน’ ให้เสียน้ำตา​ โดยไม่ได้ประโยชน์​เลย แทนที่จะฝืนความจริง​ โดยพยายามเพิ่มจำนวนเด็กเกิดใหม่​ (ซึ่งไม่มีทางสำเร็จ) หันมาเพิ่มคุณภาพของเด็​กเกิดใหม่​ และผู้สูงอายุ​ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน​ จะเป็นประโยชน์​มากกว่า

‘อ.เดชา’ บอก!! ต้องเกาะติดละคร VVIP ‘ทักษิณ-เศรษฐา-บิ๊กแดง’ ส่อใกล้จะจบ

(17 เม.ย.67) นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) โพสต์ภาพ พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ดังนี้...

คนที่ได้เห็น​ภาพที่มีผู้โพสต์​วันนี้​ (นำมาลงให้ดูด้านล่างนี้แล้ว​ ทั้งสองภาพ)​ คงรู้สึกสับสน

ภาพด้านล่างซ้าย​ เป็นภาพนายกรัฐมนตรี​ (เศรษฐา​ ทวีสิน)​ กับคุณ​ทักษิณ​ ชินวัตร

ถ้าผมจำไม่ผิด​ คุณ​ทักษิณ​ ชินวัตร​ ยังเป็นนักโทษ​ชาย​ ที่อยู่ระหว่างการพักโทษ​อยู่ แต่นายกรัฐมนตรี (ตามกฎหมาย)​ กลับเข้าไปกราบขอพร​ และเรียกว่า​ “ท่านนายกฯ”

ยิ่งกว่านั้น​ ยังนำมาโพสต์​อย่างเป็นทางการ​ ในชื่อตนเอง​ อย่างเปิดเผยเสียอีกด้วย ทำให้เกิดความสงสัยว่า​ ในทาง ‘พฤตินัย’ นั้น​ ประเทศไทย​ปัจจุบัน​ ใครคือนายกรัฐมนตรี

เพราะในทาง​ ‘นิตินัย’ นั้น​ รู้อยู่แล้วว่าชื่อ​ นายเศรษฐา​ ทวีสิน​ ที่เข้าไปกราบขอพรในภาพ

สงสัยว่า ‘พร’ ที่เข้าไปขอนั้น​ คือขอให้ได้อยู่ในตำแหน่งนายกฯ (นิตินัย) ​ต่อไปอีก​ ใช่หรือไม่

ส่วนภาพด้านล่างขวา เป็นท่าทีของ ‘บิ๊ก​แดง’ (พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์)​ ที่มีต่อคุณ​ทักษิณ ซึ่งอาจตรงกับใจคนไทยหลายคน​ คือ ต้องการให้คุณ​ทักษิณ​ฯ​ ออกไปจากประเทศไทย

ปัญหา​ก็คือ​ ขณะนี้​ คุณ​ทักษิณ​ฯ​ ยังมีฐานะเป็นนักโทษ ​(ที่อยู่ระหว่างการพักโทษ)​ อยู่ การจะเดินทางไปไหน​ ต้องขออนุญาต​กรมราชทัณฑ์​ เสียก่อน​ (ทั้งในและต่างประเทศ) เรื่องนี้คงต้องรอดูสักพัก​ ว่าจะดำเนินต่อไปอย่างไร​ ซึ่งคงใช้เวลาไม่นานนัก ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่​อย่างพวกเรา​ ก็คงทำได้แค่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวต่อไป

ก็ให้คิดว่า​ กำลังดูละครที่สนุกสนาน​ เนื้อเรื่องซับซ้อน​ซ่อนเงื่อน​ มีตัวแสดงนำ​ ระดับ​ VVIP

ที่สำคัญ​คือ​ ได้ดูฟรีต่อเนื่องมาหลายเดือนแล้ว​ ยังไม่ถึงตอนจบง่าย ๆ​ เดาตอนจบยังไม่ได้ ก็ขอให้ทนดูกันอีกสักพัก​ เพราะคงจะเริ่มเห็นเค้าลางบางอย่างขึ้นมาบ้างแล้ว​ ว่าใกล้จะจบ

แต่จะจบอย่างไร​ ก็ต้องรอดูจนถึงตอนนั้น... เพราะถ้ารู้เรื่องตอนจบก่อน...คงหมดสนุก

‘อ.เดชา’ ยก ‘หลานม่า’ สะท้อนคุณค่าวัตถุดิบชั้นดีที่มีอยู่เกลื่อนเมืองไทย แถมตอกย้ำให้เห็นมิติดีๆ จากการทำงานร่วมกัน ระหว่างคนต่างรุ่น

เมื่อวานนี้ (10 ก.ย. 67) นายเดชา ศิริภัทร เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Deycha Siripatra’ กล่าวถึงภาพยนตร์ไทยเรื่อง ‘หลานม่า’ ที่ประสบความสำเร็จทำรายได้รวมทั่วโลกกว่า 1,800 ล้านบาท ระบุว่า…

วันนี้ ขอเขียนถึงภาพยนตร์ไทยเรื่องหนึ่ง ซึ่งได้ตำแหน่ง ภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงสุด

นั่นคือภาพยนตร์เรื่อง 'หลานม่า' ที่ทำรายได้รวมทั่วโลก กว่า1,800 ล้านบาทแล้ว

นับเฉพาะประเทศจีน (ที่ยังฉายอยู่ตอนนี้) ประเทศเดียว ก็ทำรายได้เกิน 500 ล้านบาท

ในประเทศไทย 'หลานม่า' ทำรายได้รวม 300 กว่าล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าประเทศจีน

และในประเทศอินโดนีเซีย ก็ทำรายได้รวม มากกว่าในประเทศไทย (กว่า 400 ล้านบาท)

ต่อจากนี้ จะมีโปรแกรมเข้าฉายในทวีปยุโรป และประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

รวมถึงเข้าฉายใน เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) เร็วๆ นี้ ผู้ชมคงกระจายไป กว้างขวางทั่วโลก

สิ่งที่อยากตั้งข้อสังเกต เกี่ยวกับ 'หลานม่า' ก็คือ คนดูส่วนใหญ่ร้องไห้กันอย่างหนัก

โดยเฉพาะในประเทศจีน แม้ทางโรงภาพยนตร์แจกทิชชูให้ผู้ชมทุกคน ก็ยังไม่พอซับน้ำตา

เพราะเนื้อเรื่องชีวิตช่วงสุดท้ายของ 'อาม่า' (ยาย) กับหลานชายนั้น กระทบจิตใจมาก

เป็นความสัมพันธ์ในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน ซึ่งยังมีอิทธิพลของวัฒนธรรมจีนอยู่

แม้ยายกับหลานชาย จะเป็นคนที่อยู่ต่างรุ่นกัน มีวิถีชีวิตต่างกัน แต่ยังมีสายใยเชื่อมโยง

คนเชื้อสายจีน (ที่มีอยู่ทั่วโลก) จะรู้สึกซาบซึ้งกับ 'หลานม่า' เป็นพิเศษ เพราะเข้าใจได้ดี

แม้คนที่อยู่ต่างวัฒนธรรม ก็เข้าใจสิ่งที่สื่อออกมาได้ไม่ยาก แม้จะไม่ลึกซึ้งเท่าคนเชื้อจีน

จึงนับได้ว่า เนื้อเรื่องของ 'หลานม่า' เป็น 'ซอฟต์พาวเวอร์' ที่มีผลเป็นรายได้ ชัดเจนยิ่ง

ดังนั้น ภาพยนตร์หรือซีรี่ส์ จากประเทศไทย จึงมีศักยภาพเป็น 'ซอฟต์พาวเวอร์' ที่ดี

เพราะคนไทยมีวัตถุดิบในประเทศ ที่นำมาเป็นเนื้อเรื่อง (Story) เสนอชาวโลกได้อีกมาก

เช่นภาพยนตร์เรื่อง 'วิมานหนาม' ที่นำเสนอเรื่อง 'ทุเรียน' ก็กำลังได้รับความนิยม

เพราะ 'ทุเรียน' เป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงระดับโลกแล้ว โดยเฉพาะทุเรียนจากประเทศไทย

ประเทศไทยยังมี อาหารไทย มวยไทย วัดไทย วัฒนธรรมไทยด้านต่างๆ อีกมากมาย

สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ล้วนเป็น 'ซอฟต์พาวเวอร์' ชั้นดี รอให้คนไทยที่มีฝีมือ นำมาเสนอชาวโลก

ดังเช่น การนำชิวิตในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน มาเสนอในภาพยนต์เรื่อง 'หลานม่า'

ต้องยอมรับว่า ผู้เขียนบทฯ ผู้กำกับฯ และผู้แสดงภาพยนตร์เรื่อง 'หลานม่า' เป็นคน 'มีฝีมือ'

หวังว่า คนไทยที่ 'มีฝีมือ' จะช่วยกันนำสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ในประเทศ ออกมานำเสนอต่อชาวโลก

โดยเรียนรู้จากความสำเร็จของ 'หลานม่า' เป็นตัวอย่างของการทำงานต่อไป ให้ดียิ่งขึ้น

และสิ่งหนึ่งที่เรียนรู้ได้จาก 'หลานม่า' ก็คือ การทำงานร่วมกัน ระหว่างคนต่างรุ่น

ระหว่างคนรุ่นเก่า คุณอุษา เสมคำ (ยายแต๋ว) และคุณ พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล (บิวกิ้น)

ภาพของทั้งสองคน ในภาพยนตร์เรื่อง 'หลานม่า' คงอธิบายทุกสิ่งได้ดีกว่าคำพูดใดๆ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top