Wednesday, 21 May 2025
เฉลิมชัย

“จุรินทร์-เฉลิมชัย” ร่วมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่!!! ส่งออกข้าวไทยล็อตแรก 1,000 ตัน โดย “รถไฟสายจีน-ลาว” ถึงมหานครฉงชิ่งสำเร็จเป็นครั้งแรก “อลงกรณ์” ชี้!เป็นศักราชใหม่ของอีสานเกตเวย์ ตั้งเป้าหมายต่อไปส่งออก ‘ยางพารา ผลไม้ - กล้วยไม้ - สินค้าประมงและปศุสั

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยวันนี้(20 ม.ค.)ว่า ประเทศไทยสามารถส่งออกข้าวสาร จำนวน 20 ตู้ ปริมาณ 1,000 ตันโดยใช้เส้นทางรถไฟสายจีน-ลาวไปถึงมหานครฉงชิ่ง ( Chongqing )ในภาคตะวันตกของจีนสำเร็จเป็นครั้งแรกถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการขนส่งระบบรางเพื่อขยายโอกาสทางการค้าและการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ผู้ประกอบการและประเทศโดยส่วนรวมภายใต้การทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ ภาคเกษตรกรและภาคเอกชนตามนโยบายการพัฒนาโลจิสติกส์เกษตรและยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต เพื่อการส่งออกของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์กับ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และต้องขอบคุณ สปป.ลาวและจีนในความร่วมมืออันดียิ่ง

สำหรับความสำเร็จก้าวแรกในครั้งนี้แม้ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกแล้วระลอกเล่า ซึ่งทำให้การทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบากโดยเฉพาะในปีที่ผ่านมา โดยจะประเมินผลการส่งออกข้าวล็อตแรกครั้งนี้รวมทั้งระบบการจองขบวนรถขนส่งสินค้าและการจองตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งกำลังประสานงานกับผู้ให้บริการของทั้งสปป.ลาวและจีน เพื่อเร่งขยายผลไปสู่การส่งออกสินค้าเกษตรตัวอื่นรวมทั้งเป้าหมายตลาดใหม่ ๆ ทั้งในมณฑลต่าง ๆ ของจีนและประเทศอื่น ๆ ต่อไปโดยเร็ว 

นายอลงกรณ์ กล่าวต่อไปว่า เราเดินหน้าสร้างความพร้อมสำหรับวันนี้มาเป็นเวลากว่า 2 ปี สำหรับการขนส่งผ่านทางรถไฟสายใหม่ ซึ่งเพิ่งเปิดเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมาตามยุทธศาสตร์อีสานเกตเวย์(ESAN Gateway)เชื่อมไทย-เชื่อมโลก นับเป็นการเปิดศักราชหน้าใหม่ของการค้าการส่งออกสินค้าไทยไปจีน โดยมีเป้าหมายสู่ตลาดต่อไปคือตลาดเอเชียกลาง เอเชียตะวันออก ตะวันออกกลาง รัสเซีย และยุโรปและเพิ่มสินค้าเกษตรที่จะขนส่งผ่านเส้นทางรถไฟสายนี้คือยางพารา ผลไม้ กล้วยไม้ไทย มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน สินค้าประมงและปศุสัตว์ รวมทั้งสินค้าเกษตรแปรรูปและสินค้าอื่น ๆ

“สำหรับมหานครฉงชิ่ง เป็นชุมทางรถไฟและการขนส่งหลายรูปแบบ โดยอาศัยข้อได้เปรียบจากการมีที่ตั้งอยู่บนเส้นทางสายไหมใหม่BRI(อีต้าอีลู่) และแม่น้ำแยงซีเกียงจึงมีความพร้อมทางด้านโลจิสติกส์และได้วางนโยบายเชื่อมโยง “ฉงชิ่ง-อาเซียน” เป็นแนวทางที่สอดคล้องกับรัฐบาลไทย ทั้งนี้ มหานครฉงชิ่งมีเขตโลจิสติกส์อาเซียนและนานาชาติในตำบลหนานเผิง เขตปาหนาน (Chongqing ASEAN International Logistics Park) ถือเป็นเส้นทางขนส่งและระบบโลจิสติกส์ที่สำคัญและเป็น “ประตูเศรษฐกิจของจีนตะวันตก” สามารถเป็นจุดกระจายสินค้าไปมณฑลต่าง ๆ ในภูมิภาคตะวันตกของจีนและขนส่งผ่านไปยังประเทศต่าง ๆ

 

“เฉลิมชัย” มอบ “อลงกรณ์” ลงพื้นที่หน้าด่านหนองคาย-อุดรฯ สัปดาห์หน้า ประสานผู้ประกอบการ ”ไทย-ลาว-จีน” ร่วมมือส่งออกข้าว-ยางพารา-ผลไม้ บนเส้นทางรถไฟสายใหม่รับมือฤดูกาลผลิตปี 2565

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กรกอ.)และประธานคณะทำงานจัดทำแผนแก้ไขปัญหาผลไม้เศรษฐกิจล่วงหน้าทั้งระบบเปิด

เผยวันนี้(21ม.ค.)ว่า ในวันพฤหัสบดีสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปหนองคาย-อุดรฯ เพื่อหารือกับผู้ประกอบการ ”ไทย-ลาว-จีน” ด้านโลจิสติกส์เพื่อร่วมมือกันในการสนับสนุนการส่งออกสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา ผัก ผลไม้กล้วยไม้ สินค้าประมงและสินค้าปศุสัตว์บนเส้นทางรถไฟลาว-จีน 

สำหรับฤดูกาลผลิตปี 2565 ตามข้อสั่งการของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวมทั้งการติดตามความคืบหน้าของนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานีทางด้านการลงทุนอุตสาหกรรมเกษตรอาหารและโครงการโลจิสติกส์ปาร์คตลอดจนการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ไนโตรเจนฟรีสเซอร์และระบบตรวจสอบย้อนกลับเพื่อการส่งออก

“ประเทศไทยสามารถส่งออกข้าวสาร จำนวน 20 ตู้ ปริมาณ 500 ตันโดยใช้เส้นทางรถไฟสายจีน-ลาวโดยมีจุดหมายปลายทางที่มหานครฉงชิ่ง (Chongqing)ในภาคตะวันตกของจีนเป็น Shipment แรกซึ่งสามารถผ่านการตรวจตราและออกใบรับรองจากด่านตรวจพืชที่หนองคายขนส่งถึงท่าบกท่านาและผ่านการเห็นชอบของด่านศุลกากรลาวแล้วรอขบวนรถขนส่งสินค้าเพื่อเดินทางออกจากสถานีเวียงจันทน์ใต้ไปมหานครฉงชิ่ง ก่อนหน้านี้ได้รับรายงานคลาดเคลื่อนจากหน่วยงานว่าขนส่งไปฉงชิ่งแล้วรวมทั้งจำนวนน้ำหนักซึ่งได้ช่วยประสานงานกับทางลาวและได้รับความร่วมมืออย่างดีในการอนุมัติผ่านด่านศุลกากรและกระทรวงเกษตรของลาว เมื่อขบวนรถไฟขนส่งมาถึงก็พร้อมออกเดินทางได้ทันที

การขนส่งระบบรางเป็นระบบใหม่จากไทยผ่านแดนลาวเพื่อขยายโอกาสทางการค้าภายใต้การทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ ภาคเกษตรกรและภาคเอกชนตามนโยบายการพัฒนาโลจิสติกส์เกษตรและยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิตเพื่อการส่งออกของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์กับ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งทั้ง 2 ท่านได้ดำเนินการเจรจากับทางการจีนและลาวทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการตลอดมาโดยเฉพาะในภาวะที่ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกแล้วระลอกเล่าซึ่งทำให้การทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบากแต่ด้วยความมุ่งมั่นและความร่วมมือของทุกฝ่ายจึงสามารถฝ่าฟันอุปสรรคมาได้และถอดบทเรียนปัญหามาสู่การขับเคลื่อนไปข้างหน้าร่วมกัน” 

“อลงกรณ์” เผย! ขบวนรถไฟสาย ‘จีน-ลาว’ ขนสินค้าเกษตรของไทย 20 ตู้ ถึงมหานครฉงชิ่งแล้วใน 6 วัน เร่งดันผลไม้ขึ้นรถไฟให้ทันฤดูกาลผลิตปี 65 รอเพียงจีนเปิดด่านตรวจพืชสถานีรถไฟโมฮ่าน

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันนี้ว่า ขบวนรถไฟขนส่งสินค้าเกษตรของไทยล็อตแรก 20 ตู้คอนเทนเนอร์ โดยรถไฟสายจีน-ลาว จากสถานีรถไฟเวียงจันทน์ใต้สู่ด่านรถไฟโมฮ่านของมณฑลยูนนานได้ขนส่งถึงมหานครฉงชิ่ง โดยใช้เวลารวมทั้งสิ้น 6 วันตั้งแต่เดินทางออกจากสถานีเวียงจันทน์ใต้เมื่อเวลา1 5.00 น. ของวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมาโดยใช้เวลาในสปป.ลาว 3 วัน และการเดินทางในจีนอีก 3 วัน โดยได้สรุปตารางเวลาที่ใช้ในแต่ละขั้นตอนจากไทยผ่านสปป.ลาว ข้ามพรมแดนจีนจนถึงภาคตะวันตกของจีนคือมหานครฉงชิ่ง เชื่อว่าจะสามารถลดเวลาในการขนส่งในอนาคตเหลือเพียง 4 วันเมื่อมีการปรับตัวการทำงานของทุกฝ่าย 

เป้าหมายต่อไปคือการเร่งเปิดบริการอย่างเป็นระบบ การลดเวลาการขนส่งตลอดห่วงโซ่โลจิสติกส์เพื่อขยายการขนส่งทางรถไฟสายนี้สำหรับสินค้าเกษตรที่สำคัญได้แก่ข้าว ยางพารา ผักผลไม้ มันสำปะหลัง ปาล์ม กล้วยไม้ น้ำตาลและสินค้าอุตสาหกรรมอื่น ๆโดยเฉพาะผลไม้เช่นทุเรียน มังคุด เงาะเป็นต้นโดยมีเป้าหมายให้สามารถขนส่งทางรถไฟให้ทันฤดูกาลผลิตปี 2565 ขณะนี้ฝ่ายไทยและสปป.ลาว พร้อมแล้วรอทางจีนเปิดทำการด่านตรวจพืช ณ สถานีรถไฟโมฮ่านภายใต้พิธีสารที่ได้ตกลงกันตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้วซึ่งได้ประสานขอความร่วมมือกับทางการจีนให้เร่งดำเนินการหลังเทศกาลตรุษจีนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้จะรายงานความคืบหน้าในการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้(Fruit Board)ในวันที่17 ก.พ.นี้

“นับเป็นขบวนสินค้าปฐมฤกษ์ของไทยที่สามารถเปิดบริการได้เป็นขบวนแรกและเป็นการเปิดศักราชใหม่ของนโยบายอีสานเกตเวย์ เชื่อมอีสานเชื่อมโลกด้วยเส้นทางรถไฟจีน-ลาวตามนโยบายของรัฐบาลโดยเฉพาะนโยบายโลจิสติกส์เกษตรของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์โดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน”

นายอลงกรณ์กล่าวว่า สื่อมวลชนในประเทศจีนให้ความสำคัญกับการขนส่งทางรถไฟจากไทยไปจีนเที่ยวแรกอย่างมากโดยเสนอข่าวกันครึกโครมและวิเคราะห์ว่าเร็วกว่าการขนส่งทางเรือถึง 4 เท่า ดังตัวอย่างข่าวที่แปลเป็นภาษาไทยที่ยกเป็นตัวอย่างมา ณ ที่นี้

“สินค้าทางการเกษตรของไทยที่ถูกขนส่งโดยรถไฟมาถึงจีนเป็นครั้งแรก เส้นทางรถไฟจีน-ลาวทั้งสองทางเปิดให้บริการแล้ว รถไฟบรรทุกข้าวเหนียวไทยปริมาณ 500 ตัน ขบวนแรกของรถไฟสายจีน-ลาว ได้ออกจากสถานีรถไฟเวียงจันทน์ใต้ในลาวและเดินทางมาถึงด่านโมฮ่านในมณฑลยูนนานของจีนเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2565 จากนั้นใช้เวลา 3 วันขนส่งถึงเมืองฉงชิ่งในช่วงเทศกาลตรุษจีน

เป็นที่รู้กันว่าการขนส่งทางรถไฟนั้นใช้ระยะเวลาในการขนส่งน้อยกว่าทางทะเลถึง 4 เท่า โดยการมาถึงของสินค้าทางการเกษตรของไทยในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงการเปิดให้เส้นทางรถไฟจีน-ลาวอย่างเป็นทางการทั้งสองทาง

“เฉลิมชัย” ปลุกวันที่รอคอย รวมใจปชป.เป็นหนึ่งเดียว ดัน “สุชัชวีร์”เป็นผู้ว่าฯกทม. -ส.ก.50 เขต ยันช่วยหาเสียงไม่ได้ แต่จะเป็นแมวมองช่วยเหลือทุกเขต เชื่อประวัติศาสตร์ไม่มีเปลี่ยนแปลง หลังเคยส่ง “หม่อมสุขุมพันธุ์”นั่งผู้ว่าฯกทม.มาแล้ว  ด้าน “ดร.เอ้”ขอเดินทุก

ที่พรรคประชาธิปัตย์  นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตตรฯ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคฯ ดูแลกทม. นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ร่วมเปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร  ที่มีนายปริญย์ พานิชยภักดิ รองหัวหน้าพรรคฯและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย  เป็นผอ.ศูนย์ฯ ภายใต้แนวคิด ประชาธิปัตย์ รวมใจเป็นหนึ่งเดียว "All for Democrat"  ที่ลานพระแม่ธรณี พรรคประชาธิปัตย์ โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.ทั้ง 50 เขต อดีตส.ส.กทม.ร่วมเปิดศูนย์ฯ  อย่างคึกคัก

โดยนายเฉลิยชัย กล่าวว่า วันนี้เป็นวันหนึ่งที่พรรคประชาธิปัตย์รอคอยอยู่ นับตั้งแต่ปี 2562 วันเลือกตั้งส.ส.กทม.ครั้งสุดท้าย ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาพรรคประชาธิปัตย์บ่มทุกอย่าง เพราะทุกอย่าง เพื่อรอวันที่เราจะกลับมาเป็นผู้นำกทม.อีกครั้งหนึ่ง ตนอยากเรียกว่าวันนี้เป็นวันที่รอคอย ของพรรคฯและสมาชิกพรรคฯ ตนเคยพูดตั้งแต่วันเปิดตัวนายสุชัชวีร์ และว่าที่ผู้สมัครส.ก.ของพรรคฯว่านี่คือจุดเปลี่ยนของ กทม.จริงๆ ตนฝันมาตั้งแต่มีโอกาสเป็นเลขาธิการพรรคฯครั้งแรกปี 2554 ฝันว่า กทม.จะต้องเป็นเมืองที่ผู้บริหารกทม.คืออนาคตของประเทศไทย แต่วันนั้นฝันของตนไม่เป็นจริง ซึ่งมันผ่านมาแล้ว แต่ฝันของตนคือความมุ่งมั่น ไม่ใช่ฝันลอยๆหรือฝันกลางวัน เพราะตนต้องการเห็นประเทศไทยเปลี่ยน ไม่ใช่เฉพาะกทม. แม้จะไม่สามารถเปลี่ยนได้ภายในวันเดียว ซึ่งนายสุชัชวีร์ บอกว่าหากจะต้องเปลี่ยนประเทศไทยต้องเปลี่ยนกทม.ก่อน เพราะคำพูดนี้ตรงกลับเป้าหมายของตน ตนไม่ได้รักตัวเองคนเดียว ตนรักพี่น้องคนไทย รักประเทศไทย ตนอยากเห็นประเทศเดินไปพร้อมความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และอยากเห็นคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานการเมืองและเป็นผู้บริหารโดยมีคนรุ่นเก่าเป็นพี่เลี้ยง เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง โดยการคัดเลือกว่าที่ผู้สมัครส.ก.เป็นคนรุ่นใหม่เลือดใหม่เพื่อรองรับการบริหาร กทม.ในวันข้างหน้า 

“วันนี้จึงเป็นวันที่รอคอยและเป็นวันที่ประชาธิปัตย์จะกลับมารวมใจกันอีกครั้ง เพื่อช่วยดร.เอ้เป็นผู้ว่าฯ กทม.ให้ได้  ขอร้องและวิงวอนสมาชิกพรรคฯที่อยู่ทั่วกรุงเทพฯและอยู่ทั่วประเทศไทย ต้องมารวมใจให้เป็นหนึ่ง และทำให้ผู้สมัครของพรรคฯเป็นผู้ว่าฯกทม. เป็นส.ก.ให้ได้  ผมเชื่อว่า76 ปีที่ผ่านมา ความเป็นสถาบันการเมืองของพรรคฯไม่ได้ผ่านมาโดยเปล่าประโยชน์ แต่ผ่านมาด้วยการสะสมอุดมการณ์ และประสบการณ์ เพื่อพัฒนาตนเอง และวันนี้จุดไหนบกพร่องและคิดว่าไม่เหมาะสมเราก็มาปรับปรุงแก้ไข เพื่อนำมาปฏิบัติ และต่อยอดให้ดียิ่งขึ้น วันนี้จุดไหนต้องเปลี่ยนแปลง เราก็ต้องเปลี่ยนแปลง เพราะนี่คือประชาธิปัตย์ยุคใหม่แต่อุดมการณ์และหลักการคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง”นายเฉลิมชัย กล่าว

นายเฉลิมชัยก ล่าวต่อว่า ลตนเคยพูดแล้วว่าถ้าเราไม่มีหลักการและอุดมการณ์ก็ไม่มีทางที่เราจะเป็นประชาธิปัตย์ได้ วันนี้ทุกคนคือส่วนหนึ่งของประชาธิปัตย์ วิธีการอยู่ที่พวกท่านที่ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย และประสบชัยชนะภายใต้กฎหมาย ขอให้ทุกคนทำงานเป็นหนึ่งเดียว ตนไม่มีโอกาสลงไปเดินในพื้นที่กับทุกคน เพราะกฎหมายบัญญัติไว้ แต่ตนยังเป็นเลขาธิการพรรคฯ กฎหมายไม่ได้บอกว่าส่งผู้ว่าฯกทม.แล้วตนต้องหลุดออกจากเลขาธิการพรรคฯ ตนจึงจะยังเป็นแมวมองไปมองพวกท่านทุกเขต อยากเห็นว่าเมื่อไปเขตไหนทุกเขตของประชาธิปัตย์มีทุกอย่างเหมือนกันทั้งหมด เพื่อให้ความรู้สึกว่ากทม.ไม่มีเขต และทุกที่คือประชาธิปัตย์ 

“ผมเชื่อมั่นความเป็นหนึ่งเดียวของเราจะเรียกคืนความเป็นประชาธิปัตย์ใน กทม.กลับคืนมาได้ และเชื่อว่าความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อพรรคฯยังไม่มีวันเสื่อมคลาย เราต้องทำให้เขากลับมามีความศรัทธา และเชื่อมั่นพรรคเราอีกครั้งหนึ่ง นี่คือจุดเริ่มต้น ถ้าเริ่มต้นดีทุกอย่างก็เดินไปด้วยความราบรื่น ผมขอเทใจให้กับทุกคน นี่คือวันที่ผมรอคอย เมื่อกลับมาเป็นเลขาธิการพรรคฯครั้งที่สอง เพราะครั้งแรกส่ง มรว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ก็ชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ครั้งนี้ส่งดร.เอ้ ผมมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าประวัติศาสตร์ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แต่อยู่ที่ทุกคนทั้งหมดจะช่วยกันทำ ขอให้ทุกคนเริ่มต้นเดินไปข้างหน้า สู้และชนะ” นายเฉลิมชัย กล่าว

ด้านนายปริญญ์ กล่าวว่า ความตั้งใจของทุกคนที่ทำงานไม่ใช่ว่าจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.และส.ก.ในวันที่ 22 พ.ค.65 ทุกคนทำงานด้วยใจ อยากรับใช้พี่น้องแต่ละเขตที่ไป และเชื่อว่าทุกคนของพี่น้องที่ไปพบเหมือนญาติคนหนึ่ง โดยเฉพาะช่วงโควิด ที่ลงไปช่วยด้วยใจ ส่ิงนี้ทำให้ตนมั่นใจมากขึ้นว่ากรุงเทพฯเปลี่ยนได้ ขอให้คนกรุงเทพฯเปิดใจดูนโยบายและวิสัยทัศน์ของนายสุชัชวัร์ และเปิดใจดูผลงานขอ ผู้สมัครส.ก.ทุกคน เพราะเรารู้อยู่แก่ใจว่าทำงานมาตลอดเพื่อพี่น้องในเขตของท่าน เเเรารอวันนี้มานานมาก 9 ปีกว่าแล้ว ที่มีการเลือกตั้งผูว่าฯกทม.ครั้งสุดท้าย ดังนั้นวันที่ 22 พ.ค.ตนเชื่อว่าเราเปลี่ยนกรุงเทพฯได้ และคนที่ทำได้คือนายสุชัชวีร์ สังคมดีไม่มีขายถ้าอยากได้ต้องร่วมสร้าง 

'เฉลิมชัย' พอใจผลการส่งออกผลไม้ไทยไปจีนล็อตแรกด้วยรถไฟสาย 'จีน-ลาว'

'รัฐมนตรีเฉลิมชัย' พอใจผลการส่งออกผลไม้ไทยไปจีนล็อตแรกด้วยรถไฟสาย 'จีน-ลาว' ผ่านด่านโมฮ่านในมณฑลยูนนานแล้ววันนี้ ด้าน 'อลงกรณ์' เผยแผนต่อไปเดินหน้าจับมือ 'ลาว-เวียดนาม' เปิดประตูอีสานสู่แปซิฟิกจากนครพนมเชื่อมท่าเรือหวุงอ๋างเพิ่มช่องทางขนส่งสินค้าเกษตรทางเรือ

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะทำงานของคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เปิดเผยวันนี้ (3เม.ย) ว่า การขนส่งทุเรียน 2 ตู้คอนเทนเนอร์และมะพร้าวจำนวน 1 ตู้คอนเทนเนอร์ทางรถไฟจากสถานีรถไฟมาบตาพุตจังหวัดระยองในภาคตะวันออกสู่ประเทศจีนโดยมีนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุขและส.ส.ระยอง เป็นประธานการปล่อยขบวนรถเมื่อวันที่27มีนาคมได้ถึงช่วงสุดท้ายที่สำคัญมากคือการขนส่งข้ามพรมแดนลาวที่ด่านบ่อเตนสู่แผ่นดินใหญ่จีนที่ด่านโมฮ่าน มณฑลยูนนานได้ในวันนี้

 

นับเป็นระบบการขนส่งหลายรูปแบบ (Multi Modal Transportation)คือใช้ทั้งระบบรางและระบบรถที่เริ่มดำเนินการเป็นครั้งแรกเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ากรณีที่ยังไม่สามารถขนส่งผลไม้ทางรถไฟจากลาวข้ามแดนไปด่านรถไฟโมฮ่านโดยตรงเนื่องจากจีนกำลังก่อสร้างอาคารและลานตรวจโรคพืชที่ด่านรถไฟโมฮ่านจึงต้องไปใช้การตรวจโรคพืชที่ด่านโมฮ่านซึ่งเป็นด่านใหญ่ด่านเดิมไปพรางก่อน

“ทั้งนี้ได้รายงานให้ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ทราบแล้วโดยท่านรัฐมนตรีได้แสดงความพอใจแผนโลจิสติกส์เกษตรที่ประสบผลสำเร็จจากการทดสอบการขนส่งทุเรียนและมะพร้าวน้ำหอมล็อตแรกจากไทยผ่านลาวไปจีนภายใต้พิธีสารผลไม้ไทย-จีนด้วยเส้นทางรถไฟจีน-ลาวโดยได้สั่งการให้มีการจัดประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ในวันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายนเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาทุกขั้นตอนเนื่องจากการขนส่งล็อตแรกยังมีความล่าช้ากว่าเป้าหมายรวมทั้งการจัดการเรื่องพิธีการเอกสารของหน่วยงานต่างๆ การจองขบวนรถไฟ ตารางการเดินรถ และค่าระวางการขนส่งในระบบ 'ราง-รถ' ให้สามารถเพิ่มปริมาณการขนส่งผลไม้บนเส้นทาง”หนองคาย-เวียงจันทน์-บ่อเตน-โมฮ่าน”ให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุดเพื่อเป็นอีกทางเลือกใหม่ของการขนส่งผลไม้ไทยไปจีนสำหรับฤดูการผลิตปี 2565”

'เฉลิมชัย' เดินหน้าพัฒนาเกษตรอีสาน มอบ 'อลงกรณ์' คิกออฟงานวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ

'เฉลิมชัย' เดินหน้าพัฒนาเกษตรอีสานมอบ 'อลงกรณ์' คิกออฟงานวันข้าวและชาวนาแห่งชาติโชว์เทคโนโลยีอัจฉริยะและนวัตกรรมลดต้นทุนการผลิต เพิ่มศักยภาพชาวนาวิถีใหม่พร้อมมอบที่ทำกิน สปก.กว่า 200 ครัวเรือน

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานรณรงค์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าวระดับเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องในวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ประจำปี 2565 ภายใต้แนวคิดงาน “๙๐ พรรษา ชาวนาวิถีใหม่ ๙ ไกลด้วยพระบารมี” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 - 25 มิถุนายน 2565 โดยมีนางสาวนนทิชา วรรณสว่าง รองอธิบดีกรมการข้าว นายกฤษ อุตตมะเวทิน รองอธิบดีกรมการข้าว นายทินกร อ่อนประทุม นายณฐกร สุวรรณธาดา คณะทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ เข้าร่วม ณ ศูนย์วิจัยข้าวอุบลราชธานี ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมการข้าว จัดงานดังกล่าวขึ้นเพื่อเป็นการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านข้าวแก่ชาวนาและผู้สนใจทั่วไป นำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการผลิตข้าว รวมถึงผลงานของกรมการข้าวด้านอื่น ๆ ที่ดำเนินการในรอบปีที่ผ่านมา โดยให้ความสำคัญด้านการวางแผนการผลิต ระบบการผลิต และการบริหารจัดการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งจะนำไปสู่ความมั่นคงแก่ชาวนา รวมทั้งเป็นการเชิดชูเกียรติ และสร้างขวัญกำลังใจให้กับชาวนา ในฐานะผู้ผลิตอาหารหลักให้กับประชาชนทั้งประเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นช่องทางให้ชาวนาได้แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น และประสบการณ์กับหน่วยงานราชการ เอกชน และชาวนาด้วยกัน

“การจัดงานรณรงค์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าวฯ ถือเป็นการแสดงวัฒนธรรมด้านข้าว ภูมิปัญญาท้องถิ่น และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อสร้างการเรียนรู้ของเกษตรกรและเจ้าหน้าที่ เกษตรกรสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตข้าวให้เหมาะสม ทำให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ซึ่งจะเป็นแนวทางหนึ่งในการที่จะเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวของชาวนาให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ตามหลักการพึ่งพาตนเอง และทำให้อาชีพการทำนามีความยั่งยืน ก่อให้เกิดความมั่นคงแก่เกษตรกรต่อไป” นายอลงกรณ์ กล่าว

1ในผลงานของ“พรรคประชาธิปัตย์“

”เฉลิมชัย ศรีอ่อน“หัวหน้าพรรคปชป.หวัง สว.รับไม้ต่อกฎหมายสมรสเท่าเทียมหลังสภาผู้แทนฯผ่านวาระ3

ทันทีที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่…) พ.ศ. …. หรือร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม วาระที่ 2-3 วันนี้ ( 27 มีนาคม 2567 ) ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊ควันนี้ว่า "ความรัก" ไม่เลือก "เพศสภาพ" ยินดีผ่านร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ดินแดนที่3 ในเอเชีย ที่ผ่านร่างกฎหมายเฉพาะนี้ ต่อจากนี้...ขอส่งไม้ต่อให้ สว.

"เพศ" ไม่ใช่ตัวกำหนด "ความเท่าเทียม" ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ของเราทุกคนเท่ากัน ไม่ว่าจะชาย-หญิง หรือ LGBTQ+ ทุกเพศสมควรที่จะได้มีความรัก และมีโอกาสแสดงความรัก บนพื้นฐานสิทธิของกฎหมายสมรสได้ การหมั้น การแต่งงาน การจดทะเบียนสมรส การจัดการทรัพย์สิน การเซ็นต์อนุญาตเข้ารับการรักษา การเป็นผู้แทนทางอาญา การจัดการมรดก และการรับรองบุตรบุญธรรม รวมทั้งสิทธิประโยชน์ที่คู่สมรสชาย-หญิงทั่วไปได้รับ
ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ที่คู่สมรสทุกคู่ ควรได้รับสิทธิเหล่านี้เท่ากัน ไม่เฉพาะเจาะจง แค่ชาย-หญิงเท่านั้น รวมถึง "บุพการีลำดับแรก" ในกฎหมาย จะมีสิทธิ และหน้าที่เทียบเท่าบิดามารดา หลังจากนี้ หากผ่านขั้นตอนการพิจารณาจากวุฒิสภาแล้ว จึงจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อประกาศเป็นกฎหมายต่อไป ปีนี้เราคงได้ใช้กฎหมายฉบับนี้กัน“ สำหรับร่างกฎหมายดังกล่าว ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 ได้มีมติเสียงข้างมาก 369 : 10 รับหลักการร่างพระราชบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ในวาระแรก จำนวน 4 ฉบับ ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี, พรรคก้าวไกล, พรรคประชาธิปัตย์ และจากภาคประชาชนที่เข้าชื่อเสนอกฎหมายกว่า 10,000 คน

โดยมีเหตุผลว่าจากบรรทัดฐานของสังคมไทยในอดีต ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียม เกิดการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เพราะไม่มีกฎหมายรับรองสิทธิสมรสของคู่รักเพศเดียวกัน เช่น สิทธิการตัดสินใจรักษาพยาบาล สิทธิมรดก และสิทธิการจัดการทรัพย์สินร่วมกัน เป็นต้น จึงเชื่อว่า การสมรสเท่าเทียม จะเป็นจุดเริ่มต้นของสังคมที่จะยอมรับความแตกต่าง ใช้สิทธิทางเพศของตนเองได้อย่างเต็มที่ และเสริมสร้างโอกาส และความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม และในเชิงเศรษฐกิจ จะช่วยสร้างรายได้จากกลุ่มนักท่องเที่ยว LGBTQ+ ได้ เพราะที่ผ่านมา ประเทศไทย เป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชีย ที่ได้รายได้จากนักท่องเที่ยวกล่ม LGBTQ+ ในภูมิภาคเอเชียกว่า 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

‘ปชป.’ ถ่อมตัวผลสำรวจไลน์ทูเดย์โหวต ‘เฉลิมชัย’ ครองใจประชาชนอันดับ 3 รองจาก ‘เศรษฐา-พิธา’ ‘อลงกรณ์’ เผย 5 ตัวแปรดันหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตีตื้นขึ้นท็อปทรี

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยวันนี้ว่า ผลโหวตสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองของนักการเมืองในปัจจุบันของไลน์ ทูเดย์(Line Today)ประจำเดือนกรกฎาคมยกให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ติดอันดับที่ 3 รองจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ถือเป็นสัญญาณบวกสำหรับพรรคประชาธิปัตย์หลังจากเปลี่ยนหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์บอกว่าผลสำรวจมีขึ้นมีลง วันนี้ขึ้นพรุ่งนี้ลงเป็นธรรมชาติของการเมืองที่มีความไม่แน่นอน มีแต่ทำงานหนักเพื่อประชาชนอย่างต่อเนื่องต่อไปเท่านั้นจึงจะได้รับโอกาสจากประชาชน นายอลงกรณ์ให้เหตุผล 5 ประการที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ประชาชนโหวตให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แก่

1.ภาวะผู้นำและวิสัยทัศน์ของหัวหน้าพรรค มุ่งปรับพรรคให้ทันสมัยทันโลก มองอนาคตก้าวข้ามอดีตและการเมืองแบบเก่า
2.การทำงานในฐานะฝ่ายค้านทั้งในและนอกสภาอย่างเข้มแข็ง
3.การสื่อสารการเมืองแบบดิจิตอล คอมมิวนิเคชั่นโดยศูนย์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการสื่อสารที่ตั้งขึ้นใหม่รับผิดชอบโดย ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคและอดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
4.การขับเคลื่อนพรรคอย่างมียุทธศาสตร์และกลยุทธ์โดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคกำหนดวิสัยทัศน์ จุดยืน ทิศทางและแนวนโยบายใหม่มีหัวหน้าพรรคเป็นประธานด้วยตัวเอง
5.การเปิดพรรคกว้างสร้างเครือข่ายและเปิดรับคนรุ่นใหม่

ในส่วนพรรคประชาธิปัตย์ได้โพสต์ข้อความขอบคุณในเฟสบุ๊คและทุกดิจิตอลแพลตฟอร์มของพรรคดังนี้ “พรรคขอขอบคุณที่ได้โหวตให้กับหัวหน้าพรรค คนของพรรคประชาธิปัตย์ จากผลโพลดังกล่าวจะเป็นกำลังใจให้พวกเราได้ทำหน้าที่เพื่อประเทศและพี่น้องประชาชนอย่างเต็มความสามารถต่อไป”
สำหรับLine Today ได้เปิดเผยผลโหวตสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองของนักการเมืองในปัจจุบัน ประจำเดือนกรกฎาคมซึ่งเปิดโหวตตั้งแต่วันที่ 1-20 ก.ค.2567 ที่ผ่านมา ในห้วข้อ “คุณคิดว่าใครมีบทบาท ผลงานโดดเด่น หรือถูกใจคุณที่สุด” ปรากฏผลการสำรวจ 10 อันดับแรก 10 อันดับแรก ดังนี้ อันดับ 1 ได้แก่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนน 8,742 คะแนน หรือคิดเป็น 40.13% อันดับที่2 คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ได้คะแนน 7,427 คะแนน คิดเป็น 34.09% อันดับ ที่ 3 คือ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ที่ได้มา 1,966 คะแนน หรือ 9.02% และอันดับ 4 คือ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ได้ 565 คะแนน คิดเป็น 2.59% อันดับที่ 5 ได้แก่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน มีคะแนน 479 คะแนน คิดเป็น 2.2%

อันดับที่ 6 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ได้ 471 คะแนน คิดเป็น 2.16 % อันดับที่ 7 ได้แก่ น.ส.จิราพร สินธุไพร ได้ 204 คะแนน คิดเป็น 0.94% อันดับที่ 8 ได้แก่ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ได้ 191 คะแนน คิดเป็น 0.88 % อันดับที่ 9 ได้แก่ นายชวน หลีกภัย ได้ 190 คะแนน คิดเป็น 0.87 % อันดับที่ 10 ได้แก่ นายรังสิมันต์ โรม ได้ 182 คะแนน คิดเป็น 0.84% 

‘รัฐมนตรี’ เฉลิมชัยลุยแก้โลกเดือด ชูแนวทาง “เร่งเปลี่ยนผ่าน สานพลังภาคี สู่สังคมที่เป็นมิตรต่อภูมิอากาศ” ยืนยันไทยพร้อมรายงานไทยแลนด์ไครเมท

(7 ต.ค. 67) ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกล่าววันนี้ ว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี ค.ศ. 2065 พร้อมการบรรลุเป้าหมายถึงการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด ให้ได้ร้อยละ 40 จากกรณีปกติ ภายในปี ค.ศ. 2030 จึงต้องอาศัยทั้งกลไกการดำเนินงานภายในประเทศ เทคโนโลยี การเงิน ตลอดจนกลไกสนับสนุนการดำเนินงานอย่างเป็นระบบและบูรณาการ โดยเฉพาะความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้วางแนวทางการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศร่วมกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนปฏิบัติการด้านการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ และบูรณาการแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติเข้าสู่ระดับพื้นที่ อีกทั้งได้ริเริ่มให้จังหวัดจัดทำบัญชีการปล่อยและการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกของจังหวัด ความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับพื้นที่ และจัดตั้งศูนย์ประสานงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพระดับจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเป็นแกนกลางในการสื่อสาร สร้างความเข้าใจและความตระหนักให้กับทุกภาคส่วน

ดร.เฉลิมชัยกล่าวต่อไปว่า “ในการประชุม TCAC 2024 ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงทิศทางและเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกที่มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการเตรียมการตั้งรับ ปรับตัว การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตั้งแต่ระดับนโยบาย สู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ การยกระดับการเตือนภัยพิบัติในพื้นที่เสี่ยง รวมไปถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เป็นมิตรต่อภูมิอากาศ อีกทั้งยังเป็นเวทีสะท้อนให้กับเครือข่ายประชาสังคม และเยาวชน รวมถึงมีการแสดงนิทรรศการให้ความรู้ ทั้งการดำเนินนโยบายของรัฐ เทคโนโลยี และงานวิจัย เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกการเงิน โครงการความร่วมมือทวิภาคีและพหุภาคี และที่สำคัญนิทรรศการโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา

ซึ่งหลังจากการประชุม ประเทศไทยจะนำผลลัพธ์ของการประชุม TCAC 2024 ไปประกาศในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 29 หรือ COP 29 ในเดือนพฤศจิกายนนี้ “เรามุ่งมั่นที่จะรักษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส หากสถานการณ์ที่อุณหภูมิโลกยังสูงขึ้นต่อเนื่อง จะก่อให้เกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรงและระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมโลก รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ ด้วยเหตุนี้ทำให้ทุกภาคส่วนต้องปรับตัวเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำ ซึ่งการเปลี่ยนผ่าน หรือ Transition จำเป็นต้องคำนึงถึงบริบทที่แตกต่างกันออกไป และมีการบูรณาการดำเนินงานในหลากหลายมิติ เช่น การศึกษาพัฒนาเทคโนโลยี การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อให้เกิดการเปลี่ยนผ่าน การเสริมสร้างองค์ความรู้และศักยภาพของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้มีความพร้อม รวมไปถึงภาคการเงิน การลงทุนที่นำไปสู่กิจกรรมเพื่อการเปลี่ยนผ่านที่มีความยั่งยืน การประชุม TCAC 2024 นี้ จะเป็นการจุดประกาย และส่งต่อเจตนารมณ์ให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ล้วนเป็นกุญแจสำคัญที่จะผลักดันประเทศไทยไปสู่เป้าหมาย และรักษาโลกใบนี้ไว้ให้กับอนุชนรุ่นต่อไป“

ทั้งนี้ดร.เฉลิมชัยกล่าวถ้อยแถลงข้างต้นในระหว่างเป็นประธานเปิดการประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย ครั้งที่ 3 หรือ Thailand Climate Action Conference : TCAC 2024 ภายใต้แนวคิด “เร่งเปลี่ยนผ่าน สานพลังภาคี สู่สังคมที่เป็นมิตรต่อภูมิอากาศ Accelerating the Climate Transition” โดยมีคณะรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เอกอัครราชทูต องค์กรระหว่างประเทศ ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมการประชุม ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายในงาน Sustainability Expo (SX)

“เฉลิมชัย” เปิดงานวันสัตว์ป่าและพืชป่าโลก ชูแนวคิด "การเงินสำหรับการอนุรักษ์สัตว์ป่าและพืชป่า ลงทุนเพื่อปกป้องมนุษยชาติและโลก" กรมอุทยานฯ ปลุกกระแสอนุรักษ์ พร้อมภาคีอนุสัญญา CITES ทั่วโลก

(3 มี.ค.68) - ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดงานวันสัตว์ป่าและพืชป่าโลก (World Wildlife Day) ประจำปี 2568 กล่าวว่า ปีนี้เป็นโอกาสพิเศษที่ประเทศไทยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองความสวยงามของธรรมชาติ ซึ่งประเทศไทยได้จัดงานนี้มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 โดยงานในปีนี้มีแนวคิดหลัก คือ "Wildlife Conservation Finance: Investing in People and Planet" หรือ "การเงินสำหรับการอนุรักษ์สัตว์ป่าและพืชป่า ลงทุนเพื่อปกป้องมนุษยชาติและโลก" โดยมุ่งเน้นการลดช่องว่างด้านงบประมาณและเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนด้านการอนุรักษ์ทรัพยากร จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทยและของโลก ด้วยการบอกเล่าถึงความสำคัญของทรัพยากรเหล่านี้ไปยังคนรอบข้าง ร่วมกิจกรรมการอนุรักษ์ หรือสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ตามความเหมาะสม เพื่อส่งต่อทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์สู่คนรุ่นหลังต่อไป

ทั้งนี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ยกระดับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของไทยสู่เวทีโลกจัดงานวันสัตว์ป่าและพืชป่าโลก (World Wildlife Day) ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด "Wildlife Conservation Finance: Investing in People and Planet" หรือ "การเงินสำหรับการอนุรักษ์สัตว์ป่าและพืชป่า ลงทุนเพื่อปกป้องมนุษยชาติและโลก" มุ่งแก้วิกฤตขาดแคลนงบประมาณด้านการอนุรักษ์ พร้อมดึงภาคเอกชนร่วมลงทุน หวังสร้างระบบนิเวศการเงินที่ยั่งยืนเพื่ออนาคตของทรัพยากรธรรมชาติ  

โดย นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า วันสัตว์ป่าและพืชป่าโลกเกิดขึ้นจากข้อเสนอของประเทศไทยในการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ครั้งที่ 16 เมื่อปี 2556 ณ กรุงเทพมหานคร โดยเสนอให้วันที่ 3 มีนาคมของทุกปี ซึ่งตรงกับวันลงนามรับรองอนุสัญญาไซเตส เป็น "วันสัตว์ป่าและพืชป่าโลก"  การจัดงานในปีนี้ประกอบด้วย 2 ส่วนสำคัญ ได้แก่ กิจกรรมด้านวิชาการ การเสวนาและนิทรรศการให้ความรู้ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ จากหน่วยงานพันธมิตรและผู้สนับสนุนกว่า 20 แห่ง กิจกรรมด้านการมีส่วนร่วมของสาธารณชน อาทิ การประกวดงูบอลไพธอนสวยงาม ซึ่งนำมาจัดแสดงหลากหลายลวดลาย และการแสดงผลงานจากการประกวดภาพวาดสัตว์ป่าและพืชป่าในบัญชีไซเตส ที่มีเยาวชนส่งผลงานเข้าร่วมกว่า 190 ชิ้น สะท้อนพลังและความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ต่อการอนุรักษ์ นอกจากนี้ กรมอุทยานฯ ยังได้จัดกิจกรรมมอบรางวัลประกวดภาพวาด มอบเข็มพิทักษ์ทรัพยากรป่าไม้ กิจกรรมตอบคำถามชิงรางวัล และกิจกรรมสำรวจสัตว์ป่า เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและความตระหนักในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้กับผู้เข้าร่วมงานกว่า 300 คน 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top