Friday, 23 May 2025
เกาหลี

‘ยอร์ช ยงศิลป์’ บินลัดฟ้า เตรียมเดบิวต์ที่เกาหลี ศิลปินบอยกรุ๊ปวง ‘POW’ ค่าย Grid Entertainment

(11 ส.ค.66) เตรียมต้อนรับการเดบิวต์ของศิลปินไทยมากความสามารถ ‘ยอร์ช ยงศิลป์ วงศ์พนิตนนท์’ หนุ่มไทยสุดฮอต ที่เพิ่งจะปล่อยเพลงแรกในชีวิตไป ‘Seven’ และล่าสุด ประกาศเดบิวต์ศิลปินบอยกรุ๊ปกลุ่มแรกของค่ายในชื่อวง ‘POW (파우 - พาว)’ ทางค่ายเพลงน้องใหม่แห่งวงการเคป็อปที่หลายคนต่างจับตา Grid Entertainment ค่ายเพลงในเครือเดียวกันกับค่าย 131 Label ของศิลปินหนุ่มชื่อดัง ‘B.I (คิมฮันบิน)’

ทางด้านของ ผู้จัดการ ยอร์ช ยงศิลป์ ได้โพสต์อัปเดทความเคลื่อนไหวล่าสุด เป็นภาพขณะที่อยู่ในสนามบิน เตรียมเดินทางไปต่างประเทศ "#ทุกการเดินทางมีความหมาย ขอบคุณหนูที่กลับมามีแพชชั่นอีกครั้งนะครับลูก ครอบครัวน้องยอร์ชและหนู ขอบพระคุณค่าย GRID Entertainment ที่ให้โอกาสน้องยอร์ชได้เป็นสมาชิกของวง POW ซึ่ง GRID Entertainment เป็นบริษัทแม่ที่ดูแล Boy Group วงใหม่ และอีกหลาย ๆ วง ที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นครอบครัวเกาหลีที่อบอุ่น ดูแล และให้การต้อนรับน้องยอร์ชเป็นอย่างดี @fillthegrid"

พร้อมกันนี้ ยังได้กล่าวขอบคุณผู้ที่มีส่วยเกี่ยวข้อง "ขอบคุณคุณแคลร์ @ximejina ขอบคุณคุณบีไอ @shxxbi131 ค่าย 131 Label ซึ่งเป็นบริษัทลูก (ดูแลศิลปินโซโล่) @131_online อยู่ภายใต้บริษัท GRID Entertainment ที่ให้โอกาสน้องยอร์ชได้ขึ้นเวทีในวันนั้น และทำให้น้องยอร์ชได้มีโอกาสในวันนี้นะคะ"

‘ดีเจมะตูม’ คว้าชุดฝีมือเด็กไทย เฉิดฉายบนรันเวย์ที่เกาหลี จนสื่อตปท.รุกถาม ตอกย้ำ!! แบรนด์ไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก

(10 ก.ย. 66) ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆ เมื่อ ‘ดีเจมะตูม เตชินท์ พลอยเพชร’ ได้โกอินเตอร์ บินลัดฟ้าไปเดินแบบที่งาน ‘Seoul fashion week’ ที่ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเจ้าตัวก็เคยเผยว่า “การมาเดินแบบครั้งนี้ถือเป็นปริญญาชีวิตของตัวเองและครอบครัว” ล่าสุดดีเจมะตูมเผยว่าได้นำฝีมือคนไทยติดตัวมาเดินแบบในครั้งนี้ด้วย

โดย ‘ดีเจมะตูม’ ได้โพสต์ภาพความประทับใจลงในอินสตาแกรมส่วนตัว @dj_matoom และระบุแคปชันว่า “Seoul fashion week #day3 สำหรับลุค first gate วันนี้ มะตูมคิดอยู่นานมากว่าจะเลือกใส่แบรนด์ไหนดี จะเป็นไฮเอนหรือแบรนด์ต่างประเทศไปเลย สุดท้ายมะตูมเลือก ‘ชุดนักศึกษาทีสิต’ เป็นแบรนด์เด็กไทยแท้ ตัดเย็บโดยดีไซน์เนอร์เลือดใหม่ไฟแรง @chaytoninblack ซึ่งยอมรับว่าตัดสินใจถูกมากๆๆ เพราะทุกคนมองแล้วชื่นชมชุดนี้มาก แถมโดนสื่อต่างประเทศขอสัมภาษณ์ถึงชุดนี้และแบรนด์ไทยด้วย ตูมดีใจครับที่ได้พรีเซนท์ให้ทุกคนที่นี่เห็นว่า ดีไซนเนอร์ไทย มีฝีมือและเก่งไม่แพ้ของชาติไหนเลยเช่นเดียวกัน และมะตูมก็ภูมิใจมากนะครับที่มีโอกาสได้มารันเวย์ระดับโลก และไม่ได้มาเพียงคนเดียว แต่ยังพาฝีมือคนไทยเก่งๆ ติดตัวมาให้ชาวโลกที่นี่เห็นด้วย ยังไงฝากทุกคนซับพอร์ตให้เหล่าไทยดีไซนเนอร์ด้วยครับ เพราะคำว่า… ‘แฟชั่น ไม่มีเชื้อชาติครับ’ @seoulfashionweek_official'

‘ไทย-เกาหลี’ เตรียมจัดงาน ‘สตรอว์เบอร์รีนานาชาติ’ ที่กทม. ปีหน้า หวังเผยแพร่ผลไม้เมืองนนซาน ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับสากล

(21 ก.ย.66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้การต้อนรับ นายแบ็ก ซอง ฮยอน (H.E. Mr. Baek Seong Hyeon) นายกเทศมนตรีเมืองนนซาน สาธารณรัฐเกาหลี และคณะ ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะเพื่อกระชับความสัมพันธ์และหารือเกี่ยวกับการจัดงานเทศกาลสตรอว์เบอร์รีนานาชาติ ณ กรุงเทพมหานคร (International Strawberry Festival in Bangkok) และประเด็นความร่วมมืออื่นๆ ที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน

ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า นับเป็นโอกาสดีที่ทางเมืองนนซาน ได้มาเยี่ยมกรุงเทพฯ และเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่นายกเทศมนตรีเมืองนนซาน จะจัดงานเทศกาลสตรอว์เบอร์รีนานาชาติขึ้นที่กรุงเทพฯ ในปีหน้า ซึ่งมีความสำคัญในแง่ของการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองเมือง ซึ่งกรุงเทพฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ความร่วมมือในทุกด้าน ทั้งในเรื่องของการอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ และการประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนไปร่วมงานนี้

ในส่วนของลักษณะงาน เป็นการจัดแสดงและจำหน่ายสตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์ต่างๆ และผลิตภัณฑ์สินค้าแปรรูปจากสตรอว์เบอร์รี ตลอดจนการนำศิลปินเกาหลีชื่อดังมาร่วมงานฯ เพื่อดึงดูดประชาชนและนักท่องเที่ยวให้มาเข้าร่วมมากยิ่งขึ้น โดยมีกำหนดจัดงานฯ ระหว่างวันที่ 15-18 ก.พ. 67 ณ ลานพาร์ค พารากอน ศูนย์การค้าสยามพารากอน

สำหรับงานเทศกาลสตรอว์เบอร์รีนานาชาติ ณ กรุงเทพฯ เป็นความคิดริเริ่มของเมืองนนซาน ที่จะจัดงานดังกล่าวในระดับนานาชาติเป็นครั้งแรก โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งเป็นการขยายการดำเนินงานจากการจัดงานฯ ภายในเมืองนนซานเองในช่วงเดือนมี.ค. ของทุกปีเป็นระยะเวลา 27 ปีติดต่อกัน

ทั้งนี้ กรุงเทพฯ ได้รับคัดเลือกเป็นสถานที่จัดงานฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่สตรอว์เบอร์รีคุณภาพดีจากเมืองนนซาน ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในระดับสากล สนับสนุนศักยภาพสินค้าทางการเกษตรของเกาหลีไปสู่ตลาดโลก และส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างเมืองนนซาน และกรุงเทพฯ 

‘สาว’ แชร์ประสบการณ์แฟนติด ‘ตม.เกาหลีใต้’ ก่อนโดนส่งตัวกลับไทย เหตุภาษาไม่ได้-ไม่มีศักยภาพมาเที่ยว แนะ ใครจะมาต้องสื่อสารให้รู้เรื่อง

(30 ก.ย.66) เรียกได้ว่ากำลังเป็นประเด็นร้อนที่หลายคนพากันเข้าไปอ่านจำนวนมาก กับปัญหา ‘ตม.เกาหลี’ หรือ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของสาธารณรัฐเกาหลี กับนักท่องเที่ยวชาวไทยแลนด์แดนสยามประเทศ ที่ล่าสุดก็เกิดเหตุการณ์บินไปถึงสถานที่แล้ว แต่สุดท้ายก็ต้องตีตั๋วกลับโดยพลันชนิดฟ้าผ่า คล้ายทำนองเดียวกับที่ บิว วราภรณ์ ยูทูบเบอร์ อินฟลูเอนเซอร์ ไปติด ตม.เกาหลี ส่งตัวเข้าห้องเย็น ให้นอนหนาวทั้งคืน สุดท้ายถูกส่งกลับประเทศด้วยสภาพน้ำตานอง

โดยประสบการณ์ติด ตม.เกาหลีใต้ ที่กำลังเป็นไวรัลวิพากษ์วิจารณ์สนั่น เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (28 ก.ย.) หลังจากมีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมารีวิวประสบการณ์ที่เธอกับคนรักได้โอกาสเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศดังกล่าว แต่ก็ต้องมาเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น

ซึ่งโพสต์ดังกล่าวได้ลงเนื้อหาทั้งหมดไว้ผ่านกลุ่มเฟซบุ๊กกลุ่ม คนชอบตะลอนเที่ยวเกาหลี ซึ่งมีสมาชิกกว่า 200,000 ราย ข้อความว่า รีวิวการเดินทางเข้าประเทศเกาหลีรีวิวตมเกาหลีกันค่ะ เราแต่งตัวแบบนี้ไปนะคะ แล้วก็มีกระเป๋าน้องเหลืองแบบนี้แหละไปเลย โหลดใต้เครื่อง ตม.ถามแป้งแค่ 2 ประโยคนะคะแล้วแป้งก็ผ่านเลย…

How long you stay here? ตอบ 4 days

This is your hotel, right? พร้อมกับหันแผ่น Arrival card มาที่เรา ตรงช่องที่อยู่ที่เราเขียน

ตอบ Yes…For the 2 first night and the second one is ibis ambassador Myeongdong.

จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ติดแสตมป์ให้แล้วยื่น พาสปอร์ต ผ่านไปได้เลยค่า (เจ้าหน้าที่ผู้หญิงค่ะ)

แต่ของแฟนเราไม่ผ่าน เพราะตอบคำถามตม.ได้ไม่เคลียร์ โดนส่งกลับไทย ด้วยความที่เดินทางครั้งแรก นางเลยตื่นเต้น รู้ทั้งรู้ว่าจะตอบอะไร แต่ปากดันไปตอบไม่รู้ แฟนก็บ่นว่า งงตัวเองโมโหตัวเอง แต่ถือว่าได้เรียนรู้ ไว้มาแก้ตัวใหม่

เจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่า ‘ไม่มีศักยภาพมากพอที่จะเที่ยวประเทศเขาค่ะ’ และ ‘ไม่สามารถระบุรายละเอียดแจกแจงได้อย่างชัดเจน’ เลยส่งกลับไทย

Additional** จน.บอกแฟนอีกว่า แฟนดูไม่มีความพร้อมที่จะเข้ามาท่องเที่ยวที่ประเทศเกาหลี การสื่อสารไม่สามารถเอาตัวรอดได้** ประมาณนี้เลย ที่จำ ๆ ได้

ย้ำว่ามันเป็น Case แล้วแต่บุคคล ไม่อยากให้คนอ่าน อ่านแล้วคิดว่าตัวเองจะเจอแบบนี้ แค่อยากเป็นอีกนึงประสบการณ์บอกเล่า ไม่ต้องเชื่อ 100% นะคะว่าทุกคนจะเจอเหมือนกัน เพราะคนละคน คนละกรณี

ส่วนตัวเราเข้าใจทั้งตัวแฟนแล้วก็เข้าใจทางเจ้าหน้าที่นะคะ ว่าทำไมเขาถึงส่งกลับแล้วก็เข้าใจแฟนมาก ๆ เพราะว่ามันเป็นครั้งแรกของเขา แล้วก็เขาเป็นคนที่ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษขนาดนั้นแบบฟิลเหมือนว่าเราตื่นเต้นมาก ๆ แล้วพอเราทำอะไรผิดไปครั้งแรกปุ๊บทุกอย่างมันก็จะล้ม ๆ ไปหมดเลย

ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นเราก็ซ้อมก็คุยกันมาค่อนข้างเยอะ เขาโอเคเขาเข้าใจหมดว่าเราจะไปไหนทำอะไรแต่พอไปอยู่หน้าตม.จริงๆ อ่ะ คือเหมือนเขาตื่นเต้นด้วยความที่แบบเพิ่งลงจากเครื่อง

อะไร ๆ ก็แล้วแต่มันเลยทำให้แบบพอได้ทำพลาดไป 1 ครั้ง มันก็คือแตกตื่นไปหมดเลย … ก็เลยคุยกันว่า ถือว่าเป็นบทเรียนอย่างน้อย เขาก็ไม่ได้ห้ามเราเข้าประเทศตลอดไป เขาก็บอกว่าเออเราไม่มีประสิทธิภาพพอเฉยๆ ก็ไว้ครั้งหน้าเราก็อุดรอยรั่วทำทุกอย่างใหม่ก็แค่นั้น ปลอบใจกันไป

ดังนั้นนะคะใครที่จะเข้าเกาหลีเนี่ย แต่งตัวดีอาจจะมีส่วนก็ได้แต่ว่าที่แน่ ๆ คือต้องสื่อสารให้รู้เรื่องค่ะให้ชัดเจนว่า จะไปไหน ทำอะไร มายังไงแบบไหน ซึ่งข้อมูลพวกนี้มันเป็นข้อมูลพื้นฐานเลยเพราะว่าเราไม่ได้อยู่ประเทศตัวเองอ่ะ

เพราะฉะนั้นเวลาเราไปเที่ยวต่างประเทศเราต้องรู้ว่าเราจะไปไหนทำอะไรเพื่อที่เราจะได้มีชีวิตรอดในเกาหลีค่ะ แล้วก็สกิลภาษาก็สำคัญ เพราะว่าภาษาอังกฤษของเราถ้ามันอ่อนมากๆ สื่อสารไม่รู้เรื่องเนี่ย มันก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เจ้าหน้าที่เริ่มคิดแล้วว่าเออควรส่งเขากลับไม่ควรให้เข้ามาในเกาหลี เพราะกลัวว่านักท่องเที่ยวคนนี้จะเอาตัวรอดไม่ได้

2. เนี่ยจำนวนเงินก็สำคัญค่ะ มากไปก็ไม่ดีน้อยไปก็ไม่ได้นะคะ ก็ต้องแบบพอดีพอกัน แจกแจงให้ชัดเจนว่า มีทั้งเงินสดมีทั้งเงินในการ์ดอะไรยังไง…

แต่ทั้งนี้สุดท้ายมันก็อาจจะขึ้นกับดวงก็ได้นะคะ เพราะว่าทุกอย่างที่เขียนมาเนี่ยมันก็เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นส่วนตัว จากประสบการณ์ของแป้งเองนะ ไม่ได้แบบรู้ลึกรู้จริงอะไร เล่าจากประสบการณ์ที่เจอมาแล้ว ก็เล่าจากความคิดเห็นของตัวเองนะคะ ขอย้ำว่าเป็นเพียงแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของเรา เพราะว่ามันก็มีรีวิวว่าแบบบางคนเขาทำทุกอย่างถูกต้องหมดเลยมีทุกอย่างแจกแจงได้หมดแต่ก็ยังโดนส่งกลับเราก็ไปเจอรีวิวนี้มาเหมือนกันเพราะฉะนั้นดวงก็อาจจะมีส่วนก็ได้ค่ะ #สู้ๆนะคะ”

นอกจากนี้ หญิงสาวเจ้าของเรื่องก็ยังเข้ามาอธิบายเพิ่มเติม ถึงกรณีถูกส่งตัวกลับนั้นมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมด้วย โดยเธอให้คำตอบไว้ว่า “เคสส่งกลับ เจ้าหน้าที่ฯ จะไปหาตั๋วที่กลับไทยด่วนที่สุดให้เรา และดีลกับสายการบินราคาที่ถูกที่สุดให้ค่ะ และคนที่โดนส่งกลับจะอยู่ในสนามบินตลอด ออกไปไหนไม่ได้ ขากลับก็จะพาไปส่งโซนรอขึ้นเครื่องเลยค่ะ

ส่วนกระเป๋าเขาก็จะส่งกลับไปให้ด้วย และค่าตั๋วจ่ายเงินสด เงินไทยหรือเงินวอนเท่านั้น ไม่รับโอน รูด หรือเครดิตการ์ดใดๆ เงิน us, aud ก็ไม่รับค่ะ ค่าตั๋วที่จ่ายล่าสุดคือ 90,000 วอน”

‘เกาหลีใต้’ หวั่น!! 20 ปีข้างหน้า ‘AI’ แย่งงาน 4 ล้านตำแหน่ง ‘นักเคมี-แพทย์-ทนายความ-บัญชี-ผู้จัดการทรัพย์สิน’ เสี่ยงสุด

(16 พ.ย.66) สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานโดยอ้างอิงผลการศึกษาของธนาคารกลางเกาหลีใต้ (Bank of Korea) ที่ระบุว่า AI อาจเข้ามาแทนที่ตำแหน่งงานในเกาหลีใต้มากถึง 4 ล้านตำแหน่ง หรือ 14% ในอีก 20 ปีข้างหน้า ส่งผลต่อความกังวลของตลาดแรงงานทั่วโลก

นายโอ ซัมอิล (Oh Sam-il) ตัวแทนจากธนาคารกลางแห่งเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า นักเคมี แพทย์ ทนายความ นักบัญชี และผู้จัดการทรัพย์สิน เป็นหนึ่งในกลุ่มที่จะถูกคุกคามมากที่สุด ในขณะที่ผู้เผยแพร่ศาสนา งานด้านบริการ การสอน และการร้องเพลง จะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด

“บุคคลที่มีรายได้สูงและวุฒิการศึกษาดีจะต้องเผชิญกับภัยคุกคามที่มากขึ้น เนื่องจาก AI สามารถจัดการงานต่าง ๆ และวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว”

นอกจากนี้ ผลการศึกษาของธนาคารกลางแห่งเกาหลีใต้ ยังระบุด้วยว่า AI จะช่วยเพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ด้าน STEM หรือวิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) ควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ เช่น การสื่อสารและการทำงานเป็นทีม เป็นต้น

ทั้งนี้ ผลการศึกษาของธนาคารกลางแห่งเกาหลีใต้ ยังสอดคล้องกับรายงานของ Goldman Sachs ในปีนี้ที่ประเมินว่า งานกว่า 300 ล้านตำแหน่งทั่วโลกถูกแทรกแซงโดย Generative AI แม้ว่าจะเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยเพิ่มผลผลิตทางเศรษฐกิจทั่วโลกได้ 7% ในระยะเวลา 10 ปีก็ตาม

อย่างไรก็ตาม เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีอัตราการใช้หุ่นยนต์สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพื่อรับมือกับผลกระทบที่เกิดจากการเข้าสู่สังคมสูงวัย (Aging Society) แต่อันดับการใช้งาน AI ยังคงต่ำกว่าอีกหลายประเทศ เช่น จีน อินเดีย สิงคโปร์ เป็นต้น 

คอบร้าโกลด์ 2024 กองทัพไทย สหรัฐ เกาหลี ร่วมฝึกสะเทินน้ำสะเทินบก ยกพลขึ้นบกยึดหัวหาด

เมื่อวันที่ (1 มี.ค.67) การฝึกคอบร้าโกลด์ 2024 ณ สนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 15 หาดยาว อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วยพลเรือตรี คริสโตเฟอร์ ดี สโตน ผู้บัญชาการกองเรือจู่โจม  Expeditionary Strike GroupSeven,Task Force 76,Amphibious Force ของกองทัพเรือสหรัฐฯ และพลเรือตรี ChoChoong- Ho ผู้บัญชาการกองเรือทุ่นระเบิด สะเทินน้ำสะเทินบก 5 ของสาธารณรัฐเกาหลี  เยี่ยม ชมสถานที่ฝึกซ้อมสะเทินบกของ Cobr a Gold 2024

ระหว่างการฝึกสะเทินน้ำสะเทินบก เรือเดินสมุทรและหน่วยรบสะเทินน้ำสะเทินบก ได้ยึดหัวชายหาดของกองกำลังฝ่ายตรงข้าม หน่วยใช้ปืนใหญ่ทหารเรือ เพื่อยิงวอลเลย์ในขณะที่เครื่องบินให้การสนับสนุนทางอากาศพร้อม ๆ กันเพื่อลดความสามารถของกองกำลังฝ่ายตรงข้ามในการตอบโต้การยิงหัวหาด หน่วยรบสะเทินน้ำสะเทินบกละเมิดอาณาเขตของกองกำลังฝ่ายตรงข้ามและรักษาความปลอดภัยหัวหาด การมีส่วนร่วมในการฝึกในปีนี้ ได้แก่ กองกำลังไทย สหรัฐฯ และเกาหลี โดยมี USS Somerset ของสหรัฐฯ เครื่องบินรบ F-16 และอุปกรณ์อื่นๆ HTMS Surin และ HTMSMannai ของกองทัพเรือไทย หน่วยรบและยานพาหนะสะเทินน้ำสะเทินบกของนาวิกโยธิน และเครื่องบินลาดตระเวนประเภท 1 (T -337 หรือ Cessna 0 - 2 ) และยานพาหนะสะเทินน้ำสะเทินบก ROKS No Jeok Bong ของสาธารณรัฐเกาหลี (LSTII-689) และ KAW

การฝึกการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความพร้อมรบและพัฒนาขีดความสามารถทางทหาร รวมทั้งแสดงแสนยานุภาพทางทหาร ในการปฏิบัติการร่วมกันของกองทัพพันธมิตร เพื่อสร้างความมั่นใจให้กองทัพไทย มีความพร้อมรบทุกมิติ รวมทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างมิตรประเทศ และความร่วมมือทางทหาร อันเป็นหลักประกันความมั่นคงของชาติตลอดไป

‘คิม จองอึน’ เป็นปลื้ม การฝึกซ้อมของทหารพลร่ม เน้น ปรับปรุงข้อด้อย เพื่อเตรียมพร้อม ในสงครามที่อาจเกิดขึ้น

(16 มี.ค.67) เอเอฟพี รายงานว่า นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ เดินทางไปควบคุมการฝึกซ้อมพลร่มเพื่อแสดงศักยภาพทางทหารของกองทัพเกาหลีเหนือว่าสามารถยึดครอง 'ภูมิภาคที่เป็นศัตรู' ได้อย่างรวดเร็ว

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังการซ้อมรบร่วมประจำปีฟรีดอม ชิลด์ ระหว่างกองทัพสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ครั้งล่าสุดสิ้นสุดลงเมื่อ 13 มี.ค. โดยนายคิมเพิ่งเดินทางไปดูการฝึกซ้อมรถถังหลักรุ่นใหม่และการซ้อมยิงปืนใหญ่ด้วยกระสุนจริงในช่วง 10 วันที่ผ่านมา

เกาหลีเหนือมีความอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อการซ้อมรบร่วมทางอากาศของสองชาติพันธมิตรซึ่งผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่าเพราะกองทัพอากาศเกาหลีเหนือถือเป็นจุดอ่อนที่สุดในเหล่าทัพทั้งหมด และการบัญชาการการซ้อมพลร่มมีจุดมุ่งหมายเพื่อตรวจสอบความพร้อมของทหารพลร่มในการระดมพลสำหรับปฏิบัติการใด ๆ ในสถานการณ์สงครามที่อาจเกิดขึ้น

นายคิมย้ำถึงความสำคัญของการประยุกต์ใช้การฝึกอบรมที่สมจริงและเป็นวิทยาศาสตร์เพื่อบรรลุประสิทธิภาพการต่อสู้สูงสุดในสมรภูมิรบจริงตาม

สื่อทางการยังระบุด้วยว่านายคิมพึงพอใจอย่างยิ่งกับการฝึกซ้อมของทหารพลร่มที่มีความสามารถในการรบที่สมบูรณ์แบบจากการยึดเป้าหมายของศัตรูในการจำลองสถานการณ์รบทันทีที่ได้รับคำสั่ง

‘คุณแม่เกาหลี’ อุ้มลูกวัย 4 เดือน ขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต พร้อมแจก ‘ที่อุดหู-ลูกอม-แนบโน๊ตขอโทษ’ หากมีเสียงรบกวน

เมื่อไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊ก ‘สุขภาพดี’ ได้โพสต์เรื่องราวของคุณแม่เกาหลีท่านหนึ่ง ที่ทำการแจกชุด ‘ป้องกันเสียงเด็ก’ แก่ผู้โดยสารบนเครื่องบินในเที่ยวเดียวกัน เพราะกลัวลูกน้อยร้องไห้เสียงดังรบกวน โดยระบุว่า…

“ดูเหมือนว่าคุณแม่ชาวเกาหลีรายนี้ก็รู้ดีถึงเหตุผลข้างต้น แต่เธอมีเหตุจำเป็นให้ต้องเดินทางกว่า 10 ชั่วโมง เพื่อไปที่ซานฟรานซิสโกกับลูกน้อยวัย 4 เดือน

โดยเหตุการณ์นี้ถูกโพสต์ผ่านเฟสบุ๊กของนาย Dave Corona เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2019 กล่าวถึงความประทับใจต่อคุณแม่ชาวเกาหลีรายนี้ ที่เลือกแจกชุด ‘ป้องกันเสียงเด็ก’ กว่า 200 ชุดให้กับผู้โดยสารเที่ยวบินเดียวกัน

โดยในถุงที่แจกประกอบไปด้วยที่อุดหู ลูกอมหลายชนิด และข้อความเขียนในนามของเด็กชายระบุว่า ‘สวัสดีครับ ผมชื่อ Junwoo (จุนวู) อายุ 4 เดือน วันนี้ผมกำลังเดินทางไปที่สหรัฐฯ กับคุณแม่และคุณยาย เพื่อไปหาคุณป้าของผม’

‘ผมรู้สึกกังวลและกลัวนิดหน่อย เพราะนี่คือไฟลท์แรกในชีวิตของผม นั่นหมายถึงผมอาจจะร้องไห้หรือส่งเสียงดังเกินไป’

‘คุณแม่ของผมจึงเตรียมถุงเล็ก ๆ นี้ไว้สำหรับคุณ จะมีทั้งลูกอมและที่อุดหู ขอความกรุณาใช้มัน เมื่อผมส่งเสียงดัง ขอให้เดินทางอย่างมีความสุขนะครับ ขอบคุณฮะ’

บอกเลยว่าใครเห็นข้อความนี้เป็นอันต้องโกรธไม่ลงแน่นอน แถมยังยิ้มออกอีกด้วย”

เฉลยที่มา ท่อน LA-la-Lisa, can you teach me Japanese? จากเพลง Rockstar อดีตเคยโดน ‘ดูถูก-แอนตี้-บูลลี่’ ก่อนที่วันนี้ จะได้ดี ดังระดับโลก

เมื่อวานนี้ (28 มิ.ย. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า ‘Gitanjali Ae Saengsang’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ และเพลงฮิต เพลงใหม่ล่าสุดที่ชื่อว่า Rockstar โดยได้ระบุว่า

ทำไมเพลงลิซ่า จะต้องมีท่อน LA-la-Lisa, can you teach me Japanese?

เอาสั้นๆ สำหรับคนขี้เกียจอ่าน ... พวกแฟนคลับที่ติดตามลิซ่ามานาน คิดว่าท่อนนี้มันมาจากการที่ ลิซ่าเคยโดนถามจาก anti-fan ที่พยายามด้อยค่าลิซ่าสมัยที่เธอยังไม่ดังระดับโลก >>> นี่คือคำตอบ

ส่วนใครพร้อมอ่านยาวๆ มาต่อกันทางนี้จ้า บอกก่อนว่าไม่ได้คิดเอง แต่รวบรวมเอามาจากแฟนคลับลิซ่ามาเล่าต่อ...

ต้องปูพื้นฐานก่อนว่าประเทศเกาหลีเป็นหนึ่งในประเทศที่มีปัญหาการด้อยค่า จนเกิดการฆ่าตัวตายหรือที่สื่อสมัยนี้พูดอย่างสุภาพว่า การจบชีวิตตัวเอง ติดท็อปเท็นโลกชนิดไม่เคยตกอันดับ

หนึ่งในการบูลลี่กันเองก็ไม่พ้นสีผิว รูปร่างหน้าตา ความรวยความจน นั่นจึงเป็นคำตอบว่า ทำไมคนเกาหลีถึงศัลยกรรมกันทั้งบ้านทั้งเมือง และประเทศที่คนเกาหลีมองว่าหน้าบู้บี้ ยากจน ด้อยพัฒนา ก็คือพวกเรา ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะสายพันธุ์ของพวกเรานั้นหน้าตาผิวพรรณ ห่างไกลกับคนประเทศเกาหลี และห่างไกลกับมาตรฐานความงาม (หลังศัลยกรรม) ของเกาหลีลิบลับ

อ่านถึงตรงนี้ไม่ได้ยุยงให้เกลียดเขานะ ที่เขาเป็นแบบนี้มันมีเหตุปัจจัย ซึ่งยังไม่ขอพูด เดี๋ยวจะยาว 

ทีนี้พอลิซ่าปรากฏตัวขึ้นในฐานะนักร้อง girl group ซึ่งเป็นต่างชาติคนเดียวในวงสาวเกาหลี แฟนคลับจำนวนมากจึงรับไม่ได้ ถึงกับเรียกร้องให้ไล่ลิซ่าออกจากวง ทำนองว่าเอาคนบ้านนอกมาร่วมจะทำให้วงโลว์คลาส วงสาวเกาหลีจะตกต่ำ ถึงขนาดมีการลงชื่อส่งไปถึง YG ต้นสังกัด Black Pink ให้เปลี่ยนตัวสมาชิกกันเลยทีเดียว 

แต่ YG ก็วางเฉย เพราะในฐานะเด็กฝึก ลิซ่าคือเพชรเม็ดงาม เธอได้คะแนนการซ้อมต่อสัปดาห์สูงสุดอย่างต่อเนื่อง เรียกว่า ขยัน พยายามและอดทนสุด ๆ ยิ่งตอนปล่อยเพลงออกมา แม้ในประเทศเกาหลีลิซ่าจะดังน้อยที่สุด โดนเกลียดมากที่สุด แต่นอกประเทศลิซ่าดังสุด หาเงินเข้าบริษัทโดยเฉพาะจากแม่จีนได้เยอะสุดๆ 

แต่ถึงจะดังนอกประเทศแล้ว ด้วยความอิจฉาที่เธอดังมากหรืออะไรไม่ทราบได้ ลิซ่าโดนด้อยค่าจากแฟนเพลงเกาหลีด้วยการไม่ยอมรับของที่ระลึกจากมือเธอ เมิน (น่าตบมาก) หน้าใส่ ไปรับของจากสมาชิกวงคนอื่นแทน 

ยิ่งดังนอกประเทศมากเท่าไร เธอก็ถูกตั้งกระทู้ด่าทอเรื่องรูปร่างหน้าตา และได้รับการปฏิบัติจากค่ายราวกับพลเมืองชั้นสองมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะเรื่องชุดที่ต้องเลือกทีหลัง หรือเตรียมชุดซ้ำ ๆ มาให้ใส่ ในขณะที่สมาชิกวงคนอื่นได้เปลี่ยนไป 3 ชุด ลิซ่าจะมีใส่เพียงชุดเดียว 

และที่ยังฝังใจ blink (blink คือคำเรียกแฟนคลับแบล็คพิ้งก์) ก็คือแอนตี้แฟนพูดกับลิซ่าว่า “ลิซ่า..สอนพูดญี่ปุ่นหน่อย” ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเธอคือคนไทย คำว่า สอนพูดญี่ปุ่นหน่อย... ทำไมถึงเป็นการพยายามด้วยค่า นั่นก็เพราะมีศิลปินญี่ปุ่นซึ่งเป็นนักร้องนักแต่งเพลงชื่อว่า โอริเบะ ริซะ ซึ่งใช้ชื่อในวงการว่า LiSA พวกแอนตี้จงใจถามลิซ่าไปอย่างนั้นเพื่อแสดงว่าหล่อนไม่ดัง ฉันไม่ได้สนใจหล่อน ฉันก็เคยได้ยินคนชื่อลิซ่านะ ที่เป็นคนญี่ปุ่นใช่ไหมอ่ะ...

ดราม่าและกระแสแอนตี้ลิซ่าในเกาหลีนั้นมีเยอะและยาวเหยียด… กว่าจะมาเป็นลิซ่าเจ้าแม่ทุบสถิติอย่างทุกวันนี้ ด.ญ.ลลิษา มโนบาล ต้องใช้ความอดทนอดกลั้น และมองโลกในแง่บวก ดีที่สมาชิกวงอีก 3 เป็นเกาหลีใจงาม คอยให้กำลังใจลิซ่าตลอด ไม่อย่างนั้นคงจะถอดใจกลับเมืองไทยเหมือนที่เด็กไทยบางคนทนไม่ไหว หนีกลับบ้านมาแล้ว 

พอหลุดจาก YG มาได้ ภาพแรกที่ปล่อยออกมาคือการทาผิวแทน สร้างกระแสดิ้นพล่านในเกาหลี ที่มีมาตรฐานความงามคือขาวใส เอาซี้... อีแอนตี้แฟนเกา

ส่วนไอ้ท่อน 
"La-la-Lisa, can you teach me Japanese?"

ลิซ่าก็บอกว่า
I said, "はい, はい" ฉันตอบว่า ไฮ..ไฮ...
That's my life, life, baby, I'm a Rockstar นี่มันชีวิตของฉัน ฉันคือร็อคสตาร์

ก่อนจะฟาดด้วยท่อน
Yes, yes, I can spend it แม่นแล้ว แม่นแล้ว ฉันจ่ายได้หมด
Yes, yes, no pretendin' แม่นแล้ว แม่นแล้ว ไม่มีเวลามาเสแสร้ง
Tight dress, LV sent it ชุดแซ่บ ๆ ของฉัน LV (หลุยส์ วิตตอง) เขาส่งมาให้ย่ะ 

เป็นไงล่ะแอนตี้ รู้ไว้ซะด้วย.....
ฉันคือลิซ่า ฉันคือร็อคสตาร์ ทุกเมืองที่ฉันไปคือที่ของฉัน ไม่ได้อยู่แค่เกา ฉันจะผิวแทน ฉันจะโปร (สนับสนุน) LGBTQ มันก็เรื่องของฉันเว้ยเฮ้ย.....

อารมณ์ร่วมอาจมากไปหน่อย แต่รวบรวมมาจากความคิดเห็นเหล่า Blink (จริงๆ นะ)

‘โอปป้าเกาหลี’ สะท้อนมุมมองดรามา 'ชาลี-กามิน' สงสาร 'ชาลี' สงสารความมีน้ำใจของคนไทย

เมื่อวานนี้ (5 ก.ย. 67) บัญชีติ๊กต๊อก (TikTok) ที่ใช้ชื่อว่า ‘ruengnok18053’ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘พี่เรือง-น้องนก’ ซึ่งเป็นบัญชีของสาวไทยที่ได้แต่งงานกับหนุ่มเกาหลีอาศัยอยู่ในไทย โดยได้ลงคลิปคอนเทนต์รีแอคชันของ ‘พี่เรือง’ ผู้เป็นสามีชาวเกาหลีที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีดาราหนุ่ม ‘แน็ก ชาลี ปอทเจส’ ที่ประกาศแยกย้ายกับ ‘กามิน’ แฟนสาวชาวเกาหลี 

สำหรับเนื้อหาของคลิปเริ่มต้นที่ ‘พี่เรือง’ ดูคลิปเต้นของกามิน ก่อนจะปิดไปด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย จากนั้น ‘น้องนก’ ซึ่งเป็นภรรยาก็ได้ถามว่า “ถ้าอยากจะคอมเมนต์กามิน อยากจะคอมเมนต์ว่าอะไร?”

โดยสามีชาวเกาหลี ได้มีความเห็นว่า ตนรู้สึกโกรธมาก และคิดว่าทำไมกามินถึงทำแบบนี้? ทำไมไม่มีความรู้สึกผิดต่อคนไทยที่เคยรักและชื่นชมเธอเลย กลับลงคลิปเต้นเหมือนต้องการเยาะเย้ยคนไทย ซึ่งตนมองว่า ดูเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างมากที่เธอเลือกทำร้ายความรู้สึกของคนไทยแบบนี้

"ผมรู้สึกโกรธมากนะ ดูเหมือนกามินอาจจะเข้าใจผิด เหมือนเธอจะคิดว่าตัวเองจะอยู่เกาหลีตลอดไป" 

พี่เรือง บอกอีกว่า "กามินโชคดีมาก ไม่ใช่แค่เรื่องเงินนะ เนื่องจากคนไทยหลายคนชอบกามิน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ทำไมกามินถึงไม่รู้ตัวเองว่า เธอมาถึงจุดนี้ (จุดที่มีชื่อเสียง) ได้ยังไง? ทำไมคนไทยชอบกามิน? ทำไมคนไทยถึงคอยให้กำลังใจกามิน? คนไทยให้ทุกอย่าง ทั้งความรู้สึก แม้กระทั่งเงินทองแบบที่ไม่ได้หวังผลตอบแทน แถมยังให้กำลังใจนับตั้งแต่ตอนที่เธอไลฟ์คนเดียว ซึ่งไม่มีคนดูเลย”

นอกจากนี้ พี่เรือง ยังให้มุมมองอีกว่า กามินอาจต้องการแค่ชื่อเสียงและฐานแฟนคลับตัวเองเพิ่มเท่านั้น แต่เมื่อได้ทุกอย่างแล้ว กลับลืมตัวและยอมทิ้งสิ่งที่คนไทยให้ไปจนหมด กามินควรจะต้องขอโทษคนไทย และชี้แจงความจำเป็นที่ตัวเองจะต้องอยู่เกาหลีอย่างจริงใจ ซึ่งตนเชื่อว่าคนไทยย่อมต้องเข้าใจและยังคงสนับสนุนเธอต่อไปแน่ 

“ทำไมเธอไม่ขอโทษคนไทย ก็แค่พูดว่า ‘ขอโทษนะคะ โปรดเข้าใจฉันได้ไหม? ฉันเป็นคนเกาหลี ฉันอยากอยู่เกาหลี จะต้องอยู่เกาหลี ขอโทษนะคะ’ พูดแค่นี้ก็ได้ คนไทยก็เข้าใจใช่ไหม? คนไทยก็โอเค”

ทั้งนี้ เมื่อทุกครั้งที่พวกเขา (พี่เรือง-น้องนก) นั่งดูคลิปกามินด้วยกัน ก็นึกตั้งข้อสังเกตว่า หากกามินต้องการจะอยู่และใช้ชีวิตในประเทศไทยจริงๆ เธอก็น่าจะต้องพยายามทำตัวเองให้สนุกสนานและมีความสุขเวลาใช้ชีวิตอยู่ในไทย แต่ดูเหมือนเธอจะตั้งหน้าตั้งตาหาเงินตลอดเวลา

ท้ายสุด พี่เรือง ได้ทิ้งท้ายด้วยว่า เขาสงสารแน็กชาลี และเป็นกำลังใจให้ดาราหนุ่มก้าวผ่านเรื่องนี้ไปได้ ก่อนจะจบคลิปว่า "แน็กชาลี สู้ๆ นะครับ"

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดวันนี้ (6 ก.ย. 67) ทางกามินได้มีการออกมาไลฟ์ชี้แจงประเด็นดังกล่าวว่า ที่เธอกลับเกาหลีกะทันหัน เพราะเป็นการตัดสินใจของชาลี และได้ตัดสินใจเลิกกันตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค.67 แล้ว ที่เลือกมาทำงานในไทยเป็นเพราะความรักล้วนๆ พร้อมกับมั่นใจว่าไม่เคยดูถูกคนไทยว่าหลอกง่าย ไม่ได้หอบเงินหนี หากทำจริงเธอยอมเดินเข้าคุก อีกทั้งไม่ได้เป็นคนทำบ้านของชาลีไฟไหม้ และที่ให้แน็กจ่ายค่าปรับเพราะผิดสัญญางานจ้างก็ไม่เป็นความจริง ยืนยันว่าทุกอย่างระหว่างเธอกับแน็กชาลีจบลงด้วยดี

สุดท้ายไม่ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร ก็ขอให้คนไทยติดตามกันด้วยวิจารณญาณ จะดีที่สุด...


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top