Saturday, 7 June 2025
อุบัติเหตุ

ม.อ.ถอดบทเรียนครึ่งทางโครงการสื่อสารณรงค์ลดปัจจัยเสี่ยงบุหรี่ แอลกอฮอล์และอุบัติเหตุในมหาวิทยาลัยและชุมชน 5 วิทยาเขต

จัดกิจกรรมรณรงค์เข้มข้น พบวิทยาเขตภูเก็ตสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่ม ส่วนการสวมหมวกนิรภัยวิทยาเขตหาดใหญ่เกิน 80% วิทยาเขตตรังกว่า 50% วิทยาเขตสุราษฎร์ฯชวนคนงดเหล้าเข้าพรรษา บอร์ดสสส.ชี้ ต้องใช้ข้อมูลที่มีจัดกิจกรรมเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงให้ได้ พร้อมลดปัญหาการทำงาน ผู้เชี่ยวชาญเติมความรู้นักรณรงค์เรื่องพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้า

เมื่อวานนี้ (4 ก.ย.67) ณ ห้องประชุม ชั้น 2 ศูนย์กีฬาและนันทนาการ มหาวิทยาสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีการจัดอบรมพัฒนาศักยภาพ นักรณรงค์ลดปัจจัยเสี่ยง สร้างสุขภาวะ ครั้งที่ 2 ของโครงการสานพลังมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์รณรงค์และ จัดการความรู้ ลดปัจจัยเสี่ยงในมหาวิทยาลัยและชุมชนซึ่งได้รับการสนับสนุนการดำเนินโครงการจาก  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยมี ผศ.สุพจน์ โกวิทยา ที่ปรึกษาโครงการเป็นประธานเปิดการอบรม

​รศ.ดร.นฤทธิ์ ดวงสุวรรณ์ หัวหน้าโครงการฯกล่าวว่าวผลการดำเนินงานลดปัจจัยเสี่ยงด้านยาสูบแอลกอฮอล์และอุบัติเหตุในพื้นที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 5 วิทยาเขตคือ หาดใหญ่ ปัตตานี ตรัง ภูเก็ตและสุราษฎร์ธานีและพื้นที่ชุมชนเป้าหมาย 5 ชุมชนรอบมหาวิทยาลัย ในช่วงตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 ถึงสิงหาคม 2567 มีการแต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาและกรรมการบริหารโครงการ กรรมการดำเนินงานวิทยาเขต มีการประชุมคณะกรรมการดำเนินงานวิทยาเขต 2 เดือน/ครั้ง มีกลไกบัณฑิตอาสานักจัดการปัจจัยสี่ยงวิทยาเขตละ 1 คน ทำหน้าที่จัดการข้อมูล ประสานงานขับเคลื่อนกิจกรรมและรณรงค์สร้างการรับรู้ โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจคือ วิทยาเขตหาดใหญ่และภูเก็ตจะออกมาตรการเรื่องบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในมหาวิทยาลัย จำนวน 1 ฉบับ วิทยาเขตปัตตานีผลักดันให้เกิด มัสยิดบ้านม่วงเงินปลอดบุหรี่และจะขยายไปในระดับชุมชนด้วย

ด้านการจัดทำข้อมูลและแผนการขับเคลื่อนระดับวิทยาเขต มีการสำรวจข้อมูลปัจจัยเสี่ยงด้านบุหรี่ แอลกอฮอล์ อุบัติเหตุ เช่น ที่วิทยาเขตหาดใหญ่และตรัง มีการสังเกตพฤติกรรมการสวมหมวกนิรภัย พร้อมทำรายงานสถานการณ์ปัจจัยเสี่ยงวิทยาเขตละ 1 ชุด และชุมชนละ 1 ชุด ร่วมกำหนดแนวทางการจัดการปัจจัยเสี่ยงในมหาวิทยาลัยและชุมชน โดยเฉพาะวิทยาเขตสุราษฎร์ธานีมีการจัดส่งรายงานฉบับสมบูรณ์ที่มีผลการวิเคราะห์ ปัจจัยเสี่ยงด้านอุบัติเหตุ แอลกอฮอล์ บุหรี่ และสารเสพติดอื่นๆในวิทยาเขตสุราษฎร์ธานีและชุมชนภูธรอุทิศ ให้แก่หน่วยงานระดับท้องถิ่น อำเภอ จังหวัด เพื่อวางแผนในการแก้ไขปัญหาต่อไป

หัวหน้าโครงการฯกล่าวต่อว่าด้านการพัฒนานักรณรงค์ปัจจัยเสี่ยง ได้พัฒนานักรณรงค์ที่มาจากนักศึกษา บุคลากรของวิทยาเขตโดยผลิตสื่อรณรงค์ สื่อออนไลน์ เรื่อง สสส.หนุน ม.อ.รณรงค์ลดปัจจัยเสี่ยง 'บุหรี่-เหล้า-อุบัติเหตุ' จำนวน 1 ชุด เผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์จำนวน 20 สำนัก สื่อออนไลน์ ห่วง 'บุหรี่ไฟฟ้า' เจาะกลุ่มเด็กและเยาวชนผ่านสื่อออนไลน์ 10 สำนัก ผลิตวีดิโอ 11 คลิปเผยแพร่ผ่าน Facebook และผลิตสื่อ TikTok จำนวน 9 คลิปเผยแพร่ผ่าน Facebook และ TikTok ผลิตโปสเตอร์จำนวน 52 ชิ้น พัฒนาบอร์ดเกมส์ 3 ชิ้นงาน คือ แฟลชการ์ด  บิงโก แผนที่จุดเสี่ยง มอบให้กับโรงเรียนเครือข่ายจำนวน 4 โรงเรียน รวมทั้งผลิตไวนิลรณรงค์ช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ จำนวน 7 ชิ้นงานติดตั้งตามจุดต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยและชุมชน ผลิตป้ายรณรงค์ 4 ป้ายและผลิตชุดนิทรรศการรณรงค์ 2 ชุด

ขณะเดียวกันนักรณรงค์ปัจจัยเสี่ยงวิทยาเขตหาดใหญ่ ผลักดันให้เกิดแกนนำอาสาสมัครจราจรจำนวน 80 คน และแกนนำในชุมชนร่วมขับเคลื่อนโครงการ จำนวน 30 คน ส่วนวิทยาเขตตรัง จัดตั้งชมรม The Volunteers @ PSU Trang 1 ชมรม จำนวน 23 คน แกนนำชุมชนร่วมขับเคลื่อนโครงการ จำนวน 30 คน วิทยาเขตปัตตานี เกิดนักรณรงค์ในกลุ่มนักเรียนสาธิต ม.อ. จำนวน 20 คน เกิดแกนนำชุมชนต้นแบบ ลด ละ เลิกบุหรี่ชุมชนบ้านม่วงเงิน มีคนเลิกบุหรี่ได้เป็นเวลา 3 เดือน 1 คน ลดการสูบและตั้งใจจะเลิกจำนวน 22 คน วิทยาเขตภูเก็ต เกิดแกนนำนักเรียนนักรณรงค์โรงเรียนไทยรัฐวิทยา (29) และโรงเรียนกระทู้วิทยา จำนวนรวม 70 คน จัดกิจกรรมเรื่องพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้า 7 ครั้งมีคนเข้าร่วมจำนวน1,111 คน กลุ่มเป้าหมายมีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้น ส่วนวิทยาเขตสุราษฎร์ธานี มีผู้ลงนามงดเหล้าเข้าพรรษา ปี 2567 จำนวน 42 คน ผลการติดตามครั้งที่ 1 เหลือผู้ร่วมงดเหล้าฯ 39 คน งดเหล้าไม่สำเร็จ จำนวน 3 คน ส่วนการผลักดันเชิงนโยบาย วิทยาเขตหาดใหญ่ มีการเสนอ แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานด้านความปลอดภัยทางถนน พัฒนาระบบเฝ้าระวัง และวิเคราะห์สถานการณ์ติดตามประเมินผล มีการเสนอให้โรงเรียนเทศบาล 1 เมือง คอหงส์ มีการขับเคลื่อนกิจกรรมทั้งการบรรยาย ให้ความรู้ รณรงค์วินัยจราจรและ ประกาศให้ผู้ปกครองและนักเรียนสวมหมวกนิรภัย ตลอดเวลาการดำเนินทาง

​ด้านนายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากการสรุปความคืบหน้าของการดำเนินงานแต่ละวิทยาเขตมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันเช่น วิทยาเขต หาดใหญ่และวิทยาเขตตรังเลือกประเด็นการลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุมีการระบุพฤติกรรมเสี่ยงของกลุ่มเป้าหมาย ระบุจุดเสี่ยงทั้งในมหาวิทยาลัยและชุมชนรวมทั้งมีการสังเกตพฤติกรรมการสวมหมวก นิรภัยซึ่งวิทยาเขตหาดใหญ่สวมหมวกนิรภัยเกิน 80 %ส่วนวิทยาเขตตรังสวมหมวกนิรภัยเกิน 50% วิทยาเขตปัตตานีและวิทยาเขตภูเก็ตเลือกประเด็นบุหรี่จากข้อมูลที่จัดเก็บสะท้อนว่าปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า ในวิทยา เขตภูเก็ตนั้นรุนแรงขึ้นมีคนสูบบุหรี่ไฟฟ้า 19.5% สูบบุหรี่ธรรมดา 8.2% และ 87%ซื้อจากออนไลน์ ส่วน วิทยาเขตปัตตานีนั้นเน้นทำงานร่วมกับชุมชนด้วยการสร้างต้นแบบมัสยิดปลอดบุหรี่และจะขยายไปสู่ ชุมชน ในขณะที่วิทยาเขตสุราษฎร์ธานีเน้นให้ความรู้กับประชาชนและนักศึกษาปี 1 มีการร่วมรณรงค์ลงนามเครือข่ายคนงดเหล้าเข้าพรรษา

กรรมการกองทุนสสส.กล่าวต่อว่าการดำเนินกิจกรรมแต่ละวิทยาเขตต้องยึดตัวชี้วัดโครงการ นอกจากนี้พบว่ายังมีจุดที่ควรดำเนินการเพิ่มเติมเช่นการจัดการความรู้ทั้งการจัดเก็บข้อมูลการวิเคราะห์ข้อมูลและการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อนำไปสื่อสารรณรงค์ให้ความรู้และจัดกิจกรรมเช่นเมื่อระบุจุดเสี่ยงของอุบัติเหตุแล้วจะลดจุดเสี่ยงอย่างไรหรือสวมหมวกนิรภัยน้อยจะมีกิจกรรมเพิ่มการสวมหมวกนิรภัยให้มากขึ้นได้อย่างไร รวมทั้งการหาแนวทางลดปัญหาอุปสรรคในการทำงานที่มีการระบุไว้ทั้งการวางแผนจัดกิจกรรมให้มีความแน่นอนและการเชื่อมประสานการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย

​ขณะที่ผศ.ดร.ลักขณา เติมศิริกุลชัย ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาศักยภาพกำลังคนด้านการควบคุมยาสูบได้สรุปสถานการณ์ความรุนแรงของบุหรี่ไฟฟ้าว่า ประชากรไทยวัย 15 ปีขึ้นไปมีการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 48,336 คนในปี 2557 เป็น 709,677 คนในปี 2565 โดยเฉพาะ เด็กผู้ชายและผู้หญิงวัย 13-15 ปีสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 5.3 เท่าแต่ที่น่าตกใจคือถ้าแยกเฉพาะเพศหญิงเพิ่มขึ้นถึง 7.9 เท่า อันตรายและโรคที่เกิดจากบุหรี่ไฟฟ้าพบว่ามี การทำลายเซลล์หลอดเลือดแดง 58% เสี่ยงต่อเส้นเลือดในสมองตีบเร็วกว่าบุหรี่ธรรมดา 10 ปีและก่อให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเช่น ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน ควันบุหรี่ไฟฟ้าทั้งมือหนึ่งและมือสองมีผลต่อพัฒนาการสมองของทารกในครรภ์ ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงมากกว่าเด็กที่ไม่สูบ 3-4 เท่า นิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เส้นเลือดหดตัวทั่วร่างกาย ทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ มีข้อมูลชุดเจนว่า53%ของวัยรุ่นไทยที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีอาการซึมเศร้า

นอกจากพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าที่รุนแรงแล้ว นักรณรงค์จะต้องชี้เห็นว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมายทั้งประกาศกระทรวงพาณิชย์ที่ห้ามนำมีบทลงโทษจำคุกจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงิน 5 เท่าของราคาสินค้าหรือทั้งจำทั้งปรับ พ.ร.บ.ศุลกากรก็ห้ามน้ำเข้ามีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีหรือปรับไม่เกิน 500,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ คำสั่งคณะกรรมการคุมครองผู้บริโภคห้ามขาย ห้ามให้บริการ ฝ่าฝืนจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 500,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ โดยกลยุทธ์ของธุรกิจบุหรี่คือทำให้บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเรื่องปกติในสังคม โดยมุ่งเป้าไปที่เด็กและเยาวชน อ้างว่าปลอดภัย ช่วยเลิกบุหรี่มวนได้ มีการสร้างเครือข่ายสนับสนุนฝ่ายตัวเองทั่วโลกผ่านมูลนิธิเพื่อโลกปลอดควันบุหรี่ เราต้องสื่อสารให้ประชาชนรู้เท่าทัน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แนะ ผู้ขับขี่รถใช้ก๊าซ ต้องเช็กสถาพถังและระบบก๊าซอยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัย

(7 ต.ค. 67) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดอุบัติเหตุอันเนื่องมาจากรถยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง เกิดอุบัติเหตุก๊าซรั่ว นำมาซึ่งความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการติดตั้งถังก๊าซไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และการไม่ดูแลบำรุงรักษาอย่างถูกวิธี ซึ่ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนกรณีดังกล่าว จึงได้มีการบูรณาการระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ ป้องกันแก้ไขปัญหาในทุกมิติ 

ในส่วนของผู้ใช้รถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอแนะนำให้ตรวจสอบสภาพถังและอุปกรณ์ต่าง ๆ ตามวงรอบอยู่เสมอ ได้แก่

1. ตรวจสอบสภาพถังก๊าซ - โดยจะต้องไม่มีรอยขีดข่วนลึก หรือเป็นสนิม, ถังก๊าซต้องติดแน่นกับตัวรถขยับไม่ได้ และยางรองต่าง ๆ ต้องไม่เสื่อมสภาพ เพราะอาจทำให้เกิดการฉีกขาดของท่อก๊าซได้
2. ตรวจสอบอุปกรณ์ระบบก๊าซ - ได้แก่ หม้อต้มก๊าซ หัวฉีด จะต้องไม่รั่ว หรือชำรุด โดยตรวจสอบด้วยสายตา ไล่ไปตามท่อก๊าซ เริ่มจากถังก๊าซไปหม้อลดแรงดันก๊าซ ต่อไปยังกรองแห้งก๊าซ หัวฉีดก๊าซ ท่อยางหัวฉีดก๊าซ จนไปถึงท่อไอดี 
3. ตรวจสอบท่อก๊าซ - หากเป็นท่อยางต้องไม่มีรอยแตก ร้าว แข็ง กรอบ โดยท่อยางปกติจะนิ่ม สามารถจับกดบีบได้ หากท่อยางแข็งตัวแสดงว่าท่อยางดังกล่าวหมดสภาพ หากเป็นท่อโลหะ จะต้องไม่มีรอยแตกร้าว หรือเป็นสนิม, ไม่มีรอยบุบหรือบิดเบี้ยว

ทั้งนี้ การตรวจสอบก๊าซรั่วสามารถใช้น้ำสบู่หยอดตามจุดเชื่อมต่อท่อในแต่ละอุปกรณ์เพื่อดูการรั่วซึมของก๊าซได้ ถ้าก๊าซรั่วซึมจะมีฟองออกมาให้เห็น ถึงแม้รั่วเพียงเล็กน้อยก็สามารถมองเห็นได้ และถ้าไม่มั่นใจเกี่ยวกับการรั่วของก๊าซ ผู้ขับขี่ควรนำรถไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบโดยเร็วเพื่อความปลอดภัย และผู้ขับขี่ควรดูแลบำรุงรักษาตามระยะสม่ำเสมอ

สุดท้ายนี้ หากพี่น้องประชาชนต้องการแจ้งเบาะแส หรือความช่วยเหลือ สามารถโทรศัพท์ไปได้ที่ สายด่วน 191, สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1559 , สายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 และสายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

‘รองนายกฯ ประเสริฐ’ เปิดเวทีรับฟังความเห็นร่าง ‘นวัตกรรมการลดอุบัติเหตุ’ เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมเพื่อความปลอดภัย สร้างระบบป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน 

(16 ต.ค.67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)ในฐานะประธานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ในการเปิดเวที Kick Off ชี้แจงและรับฟังความคิดเห็นร่าง ‘นวัตกรรมการลดอุบัติเหตุ’ ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการศึกษาแนวทางความปลอดภัย ป้องกัน และลดอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างยั่งยืน (คศป.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(สช.) ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุทาง ถนนแบบองค์รวม และกำหนดให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนเป็นนโยบายสำคัญที่ต้องขับเคลื่อน อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทั้งในช่วงปกติและเทศกาลสำคัญ จากเหตุการณ์ของคณะครูและนักเรียนที่เดินทาง มาทัศนศึกษาจากจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็รู้สึกเสียใจทั้งในฐานะผู้นำประเทศ ไม่ต่างจากทุกคนที่เห็นภาพข่าวในวันนั้น

นายประเสริฐ กล่าวว่า การศึกษาแนวทางและพัฒนานวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยเป็นวาระร่วมของประเทศในขณะนี้ สังคมจับตามองควรมีการกำหนดให้มีแผนยุทธศาสตร์ แนวทางการแก้ไขปัญหา และมาตรฐานความปลอดภัย โดยกำหนดให้มีโครงสร้างการทำงานแบบมีส่วนร่วม เพื่อบูรณาการจัดทำแผนสนับสนุนการ จัดอบรมให้ความรู้รวมถึงด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยมีโครงสร้างการที่เน้นการมีส่วนร่วมของ หน่วยงานท้องถิ่น นักวิชาการ ผู้ประกอบการ เป็นต้น 

นายประเสริฐ กล่าวว่า นอกจากนี้ควรส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลด้านความปลอดภัยเชิงป้องกันในการเดินทาง และเสริมสร้างให้เกิดระบบบริหารจัดการถนน อัจฉริยะที่เป็นต้นแบบ และเหมาะสมตามบริบทของพื้นที่ พร้อมทั้งพัฒนาให้เกิดระบบฐานข้อมูล เชื่อมต่อการ บูรณาการบนระบบฐานข้อมูล และตรวจสอบสมรรถนะ คน ยานพาหนะ และกฎหมายจราจร ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงควรบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นต้องให้ความสำคัญและเอาจริงเอาจังเรื่องความปลอดภัยสูงสุดทุกรูปแบบ ประการสุดท้าย หากคณะกรรมการชุดนี้ได้สรุปและรวบรวมข้อเสนอแนะ ความคิดเห็น จนเกิดเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายเรียบร้อย แล้วกระผมในฐานะประธานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีจะพิจารณาและมีข้อสั่งการต่อ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปสู่ปฏิบัติต่อไป 

การจัดเวทีแสดงความคิดเห็นในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมประกอบด้วย นายแพทย์สุเทพ เพชรมาก เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ , นายวิชาญ มีนชัยนันท์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข , ดร.วัลลภ สุวรรณดี ประธานอนุกรรมการด้านวิชาการฯ , นายสมชาย สุดเสนาะ ประธานอนุกรรมการด้านโครงสร้างพื้นฐานและระบบปฏิบัติการฯ , อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร, อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ , สภาเด็กและเยาวชน , ผู้ขับขี่รถยนต์รับจ้างสาธารณะ , ผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้าง , พนักงานรับส่งผ่านแอพพลิเคชั่น , คณะกรรมการศึกษาแนวทางการส่งเสริมความปลอดภัย ป้องกันและลดอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างยั่งยืน พร้อมหน่วยงาน องค์กร และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จำนวนกว่า 700 คน โดยจะมีการสรุปผลเพื่อ จัดทำร่าง ‘นวัตกรรมการลดอุบัติเหตุ’ ฉบับสมบูรณ์ต่อไป

ตำรวจเตือน 'เขากวางเรนเดียร์-ไฟหลากสี' เสี่ยงอุบัติเหตุ เจอที่ไหนแจ้งเบาะแสได้ทันที

(16 ธ.ค. 67) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีความห่วงใยในเรื่องความปลอดภัยของประชาชน ทั้งในด้านชีวิตและทรัพย์สิน โดยพบว่ามีประชาชนบางส่วนประดับตกแต่งยานพาหนะในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุหรือเป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนงดการประดับตกแต่งยานพาหนะตามแฟชั่นหรือเทศกาล เช่น การติดเขากวางเรนเดียร์ เนื่องจากลักษณะดังกล่าวยื่นออกมาเกินขอบเขตของตัวรถ หรืออาจหลุดร่วงระหว่างการขับขี่ การติดไฟหลากสี เพราะอาจทำให้เกิดความสับสนหรือทำให้ผู้อื่นไม่สามารถสังเกตสัญญาณไฟจากรถของท่านได้อย่างชัดเจน

การตกแต่งยานพาหนะในลักษณะดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 ประกอบมาตรา 60 ซึ่งอาจมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

นอกจากนี้ หากการกระทำดังกล่าวนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ผู้ขับขี่อาจถูกดำเนินคดีในข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ หรือเสียชีวิต ขึ้นอยู่กับกรณี

หากประชาชนพบเห็นผู้ขับขี่ยานพาหนะที่ประดับตกแต่งในลักษณะที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้อื่น สามารถบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานและแจ้งเบาะแสการกระทำผิดได้ที่สายด่วน 191, สายด่วนตำรวจจราจร 1197 และสายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 ตลอด 24 ชั่วโมง

‘หมู วรวุฒิ’ เตือน!! อย่าออกกำลังกายนานเกินไป หลังโหมปั่นจักรยานจนน้ำตาลหมด วูบกะโหลกแตก - ฟันหัก

หมู - วรวุฒิ อุ่นใจ ผู้ก่อตั้ง ออฟฟิศเมท แชร์ประสบการณ์ออกกำลังกายนานเกินไปจนน้ำตาลหมด ก่อนมีอาการวูบเจ็บหนักทั้งกะโหลกแตก ฟันหัก กรามหัก เย็บเพดานปาก 16 เข็ม ชี้บทเรียนครั้งนี้ทำให้ต้องระมัดระวังให้มาก

เมื่อวันที่ (5 ม.ค. 68) เฟซบุ๊ก “Worawoot Ounjai” ของ นายวรวุฒิ อุ่นใจ ผู้ก่อตั้งบริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด (มหาชน) ได้โพสต์แชร์ประสบการณ์ออกกำลังกายนานเกินไปจนน้ำตาลหมด จนเกิดอาการวูบเจ็บหนักจนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล 4 คืน โดยอาการกะโหลกแตก ฟันหัก กรามหัก เย็บเพดานปาก 16 เข็ม โดยระบุว่า

“เมื่อราว 2 เดือนที่ผ่านมาผมประสบอุบัติเหตุวูบจากการปั่นจักรยานครับ สาเหตุคือออกกำลังกายมากและนานเกินไป ปั่นไปต่อเนื่องร่วม 2 ชั่วโมงเศษ

ระหว่างปั่นก็ดื่มน้ำโดยตลอด ไม่ได้ขาดน้ำครับ แต่คุณหมอสันนิษฐานว่าวูบจากการใช้น้ำตาลจนหมด ไม่พอไปเลี้ยงสมอง..

วูบครั้งนี้ถึงขั้นเจ็บหนักครับ ต้องไปนอนโรงพยาบาลอยู่ 4 คืนเพราะกะโหลกหน้าแตก ฟันหักไป 3 ซี่ กรามหัก และต้องเย็บเพดานปากด้านในอีก 16 เข็ม

ต้องกินแต่อาหารเหลวอยู่เดือนครึ่ง ผ่านหลอดดูด เพราะต้องยึดฟันบนกับล่างให้ติดกันด้วยลวดเหล็กจนพูดไม่ถนัดอ้าปากไม่ได้จนถึงวันนี้ ทำให้ต้องงดงานบรรยาย และนัดหมายอื่นๆ ทั้งหมดในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งต้นกุมภาฯ นี้น่าจะหายดีครับ

ที่เอามาเล่าให้ฟังนี้ เพราะอยากจะให้เป็นข้อเตือนใจครับ ว่าคนที่อายุมากแล้ว เวลาออกกำลังกายต้องระมัดระวัง อย่าคิดว่าร่างกายเรามันจะเหมือนตอนอายุน้อยๆ แข็งแรงเหมือนก่อน

อย่างเคสผมคือ ใจมันไปเกินสังขาร เพราะตอนออกกำลังกายก็สนุกและคิดว่าร่างกายเราไหว ส่วนหนึ่งเพราะขาดความรู้ด้วยครับ คิดแต่ว่าเราไหว และไม่ได้ขาดน้ำ แต่สำหรับคนปั่นจักรยานนานๆ ไกลๆ จะต้องมีน้ำเกลือแร่หรือน้ำหวานคอยจิบเป็นระยะๆ ไม่ให้ร่างกายขาดน้ำตาลหรือเกลือแร่จากการออกกำลังกายเป็นเวลานานๆ

บทเรียนครั้งนี้ ทำให้ต้องระมัดระวังให้มากเมื่อจะกลับมาออกกำลังกายอีกครั้ง เพราะเจ็บหนักรอบนี้ต้องพักรักษาตัวนานกว่า 2 เดือนเลยทีเดียว และโชคดีที่ไม่เป็นอะไรไปมากกว่านี้

สำหรับท่านที่ติดต่อมาในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ก็ต้องขออภัยด้วยครับที่ไม่สามารถพบปะ และการบรรยายก็ต้องงดไปด้วย 2-3 งาน เพราะอุบัติเหตุครั้งที่ผ่านมานี้

มาตอนนี้ร่างกายก็ดีขึ้นมากแล้วครับ อาทิตย์หน้าก็คงจะรับประทานอาหารได้เป็นปกติ ไม่ต้องคอยดูด ensure แบบที่ผ่านมา ก็เลยเอามาเล่าให้ฟังกัน จะได้ระมัดระวังกันไว้ครับ โดยเฉพาะท่านที่อายุมากแล้วในการออกกำลังกายครับ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top