Saturday, 5 July 2025
อนุทิน_ชาญวีรกูล

‘มท.1’ เตือน!! เปิดสถานบริการถึงตี 4 ต้องยึดมั่นในกฎ  ยัน!! ไม่ทำใครเดือดร้อน แต่หากฝืนทำผิด ‘ยกเลิก’ ได้ 

(15 ธ.ค.66) ที่จ๊อดแฟร์ แดนเนรมิตเก่า ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการออกประกาศขยายเวลาเปิดสถานบริการถึงเวลา 04.00 น. ว่า ได้ลงนามไปแล้ว ทั้งในส่วนของกระทรวงมหาดไทยและนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เพราะในหนังสือประกาศได้ระบุวันที่บังคับใช้ไว้ชัดเจนแล้ว 

ส่วนจะมีการลงพื้นที่ตรวจสถานบันเทิงในวันนี้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขอให้ทุกคนทำตามกฎหมาย ปฏิบัติให้ถูกต้อง หากอายุไม่ถึงเกณฑ์ก็อย่าเข้าไปใช้บริการ ห้ามมีการขายยาและพกพาอาวุธเข้าไปในสถานบริการ หากไปเที่ยวก็ขอให้ไปหาความสุขความบันเทิง ดื่มไม่ขับและใช้บริการรถสาธารณะแทน ซึ่งตนต้องการให้ทุกคนมีความสุข แต่ก็ต้องมีขอบเขต อย่างไรก็ตามขณะนี้เป็นการทำงานแบบบูรณาการร่วมกัน ทั้งตำรวจ ปปส. และฝ่ายปกครอง รวมถึง กทม. ขออย่ากระทำผิดกฎหมาย เพราะหากมี ก็สามารถถอนประกาศดังกล่าวได้ เพราะหากไม่ทำตามกฎหมายก็ต้องยกเลิก

เมื่อถามว่า จะมีบางร้านเปิดเกินเวลาที่กำหนดอีกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า หากอนุญาตให้เปิดถึงตี 4 แล้ว คงไม่มีที่ไหนเปิดเกินเวลา หากเป็นประเภทร้านอาหารจะเปิดถึงเช้าก็คงไม่มีใครว่า แต่อยากขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเที่ยงคืน ต้องเป็นร้านที่ได้รับอนุญาตและจดทะเบียน ใบอนุญาตถูกต้องแล้วเท่านั้น ถึงจะสามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เกินเที่ยงคืน ซึ่งกรุงเทพมหานครได้มีการจัดโซนนิ่งไว้แล้ว พยายามคำนึงถึงความปลอดภัยมากที่สุด ขณะเดียวกันต้องพูดถึงกลุ่มพนักงานและ ผู้ให้บริการภายในร้านที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย ถือเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พร้อมย้ำว่าขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย 

นายอนุทิน กล่าวถึงการเข้าตรวจค้นร้านโซนิคผับ ย่านรามอินทรา ที่ผ่านมาว่า ร้านมีความผิดที่ไม่มีใบอนุญาต รวมถึงปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปใช้บริการ แต่ทั้งสองประเด็นยังไม่ร้ายแรงเท่ากับมีการค้ายาเสพติดภายในร้าน ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ต้องการจะเน้น เพราะผู้ประกอบการทราบดีว่ากฎ ระเบียบ เป็นอย่างไร ซึ่งกระทรวงมหาดไทยพยายามอำนวยความสะดวกให้ จึงขอให้ทางผู้ประกอบการและผู้ใช้สถานบริการเคารพกฎหมาย

“การขยายเวลาเปิดสถานบริการไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใครหากทุกคนทำตามกฎหมาย” นายอนุทิน กล่าว

ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ร้านที่จะสามารถเปิดให้บริการได้ถึงเวลา 04.00 น. ต้องเป็นสถาน บริการตามใบอนุญาต ซึ่งในกรุงเทพมหานครมีทั้งหมด 207 แห่ง แต่ขณะนี้เหลืออยู่ประมาณ 140 แห่ง เนื่องจากบางแห่งได้มีการปิดบริการไปแล้ว อย่างเช่น พื้นที่ทองหล่อ ที่ขณะนี้แทบจะไม่มีร้านที่ให้บริการประเภทดังกล่าว ซึ่งจริง ๆ แล้ว สถานบริการอยู่ใน 3 โซนหลัก ได้แก่ รัชดา, สีลม และอาร์ซีเอ ซึ่งจะมีการทำรายละเอียดออกมาร้านไหนว่าร้านไหนเข้าข่ายสถานบริการที่ได้รับอนุญาตบ้าง 

‘อนุทิน’ ชี้ ‘แบงก์ชาติ’ ต้องมีอิสระในการทำงานเพื่อบ้านเมือง ยัน!! พรรคร่วมพร้อมหนุนทุกนโยบายที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

(7 พ.ค. 67) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกระแสวิจารณ์ถึงความเป็นกลางของแบงก์ชาติ ระบุว่า “ทุกหน่วยงานต้องมีอิสระในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระ หรือหน่วยงานใดก็ตาม เราก็ต้องทำตามสิ่งที่เป็นประโยชน์กับชาติบ้านเมือง และทำตามนโยบายของรัฐบาล ตราบใดที่นโยบายนั้นเป็นนโยบายที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย ก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศ และประชาชน หลักการมีแค่นี้”

“ในฐานะพรรคร่วม ย้ำว่านโยบายของรัฐบาล อย่าง เงินดิจิทัล 10,000 บาท นั้น เป็นนโยบายหรือไม่ อยู่ในสมุดปกขาวใช่หรือไม่ ก็ถือเป็นนโยบายรัฐบาล คือการที่จะทำนโยบายนี้ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ แน่นอนจะต้องถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ถ้าหลักสำคัญเรื่องนี้ถูกพิสูจน์ได้ เช่นได้รับคำยืนยันจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งถือเป็นที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาลหรือจากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสิ่งเหล่านี้ก็ต้องถือว่าพรรคร่วม ก็ต้องสนับสนุน” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทิน กล่าวเสริมว่า “ทั้งนี้ตนไม่ใช่นักกฎหมาย เราก็ต้องให้คนที่มีความชำนาญด้านกฎหมาย เป็นผู้ชี้แจงต่อรัฐบาล และประชาชน ในกรณีนี้รัฐบาลทุกรัฐบาล เรามีสำนักงานกฤษฎีกา ซึ่งเปรียบเหมือนเป็นที่ปรึกษากฎหมายแห่งรัฐ เราต้องฟังความเห็น”

‘อนุทิน’ ยัน!! พรรคร่วมฯ ไม่ขัดแย้ง ปม ‘กัญชา’ ยกคำนายกฯ “ทุกฝ่ายต้องทำเพื่อ ปชช.”

(10 พ.ค. 67) ที่ จ.ภูเก็ต นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการนำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติด ทำให้กลุ่มที่สนับสนุนกัญชาออกมาคัดค้าน ทั้งที่สภาและจะไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบด้วย ว่า คนกลุ่มนี้พยายามที่จะรักษาผลประโยชน์ให้พวกพ้อง เพราะลงทุนธุรกิจมากพอสมควร ถ้าการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย ต้องให้โอกาสพวกเขาชี้แจงข้อมูลไว้ตัดสินใจ เป็นเรื่องปกติ

เมื่อถามว่า จะมีปัญหาหรือไม่ ที่มีกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วย นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องมีกลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย กลุ่มที่เห็นด้วยกับกัญชา ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีข้อมูล ทำการศึกษา และไปรวมกลุ่มกับประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ มาร่วมพัฒนากัญชาให้เป็นผลิตภัณฑ์ ที่มีมาตรฐาน ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลง ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของทุกฝ่าย

เมื่อถามว่า จะถึงขั้นสร้างความขัดแย้งหรือไม่ นายอนุทิน ย้ำว่า ความขัดแย้งไม่ควรจะมี นโยบายกัญชาอยู่ในนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภา เน้นใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เพื่อสุขภาพ และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ในทางปฏิบัติก็อยู่ในกรอบมาตลอด ทุกอย่างต้องมีการควบคุมตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข

เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข แล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างมีขั้นตอน จะเปลี่ยนกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ต้องผ่านคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด และคณะกรรมการยาเสพติดแห่งชาติ เราต้องมีข้อมูลใหม่ ๆ 

“ตอนที่เราปลดกัญชาออกจากยาเสพติด นายสมศักดิ์กับตน อยู่ในกรรมการชุดนี้ มีมติในที่ประชุมเป็นเอกสาร ไม่ใช่มีมติเสียงข้างมาก-ข้างน้อย ตนก็ได้เรียนกับนายสมศักดิ์ไปว่า คงต้องรื้อรายงานการประชุม และมาดูว่าทำไมวันนั้นตัวท่านเอง ตน และกรรมการอีกหลายคน ถอดกัญชาออกจากยาเสพติด"

เมื่อถามว่า นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ลักษณะที่ว่าอาจจะยังมีความเห็นไม่ตรงกัน นายอนุทิน เผยว่า นั่นคือพาดหัวข่าว แต่ในเนื้อข่าวไม่ใช่ ได้คุยกับนายสมศักดิ์แล้ว มีหลายเรื่องที่เห็นตรงกันและไม่ตรงกัน ไม่ได้หมายความว่าขัดแย้งกัน ท่านเข้ามาเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขได้สัปดาห์เดียว เรื่องกัญชาตนทำมา 4 ปี ในสมัยรัฐบาลที่แล้ว 

“มั่นใจว่าวินาทีนี้ ตนน่าจะมีข้อมูลที่ต้องให้ นายสมศักดิ์ นำไปประกอบพิจารณา ซึ่งต้องเป็นข้อมูลที่ดีและมีประโยชน์ ไม่ได้ทำด้วยทิฐิ นโยบายของพรรคภูมิใจไทยใครจะมายุ่งเกี่ยวไม่ได้ก็ไม่ใช่ ต้องดูประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก" 

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า ทำไมคิดว่าเหตุการณ์นี้จะกระทบกับพรรคภูมิใจไทย เพราะเรายึดประโยชน์ของประชาชน นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกพรรคการเมืองต้องมองประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก พรรคการเมืองมีนายคือประชาชน นายกฯ พูดไม่ผิด เราต้องมองประโยชน์ประชาชน แต่เรื่องนโยบายของแต่ละพรรค เราอยู่รัฐบาลเดียวกัน ต้องพยายามผลักดันเกื้อกูลกันให้มากที่สุด ให้นโยบายของแต่ละพรรคไปถึงฝั่งฝัน ได้ก็จะวินวินกับทุกคน พรรคภูมิใจไทย ก็มีนโยบายกัญชา ตอนที่มาร่วมรัฐบาลถึงได้ถูกบรรจุไว้ในนั้น หลายคนมีความเห็นไม่เหมือนกัน แต่ถ้าเราอยู่ร่วมกันแล้ว ต้องเคารพนโยบายของแต่ละพรรค พรรคภูมิใจไทยก็ทำมาตลอด

เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะสร้างความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีหรอกครับ เป็นเรื่องความคิดฐานข้อมูลไม่เท่ากัน ใครมีข้อมูลมากกว่าต้องทำให้เกิดความเข้าใจ จะนำกัญชาไปเป็นยาเสพติดหรือไม่ ถ้าอะไรที่เปลี่ยนแปลงจากประกาศปัจจุบัน ต้องเข้าคณะกรรมการยาเสพติดแห่งชาติ ที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน 

“หากไปถึงจุดนั้น ตนในฐานะที่เป็นหนึ่งในกรรมการ หากฟังข้อมูลในที่ประชุมนำเสนอไม่ครบ ก็อาจจะต้องชี้แจง แต่ถ้าไปถึงขั้นลงคะแนนเสียง ทุกฝ่ายต้องยอมรับในมติของคณะกรรมการ พรรคภูมิใจไทยพูดได้ชัดเจนว่า เราจะยอมรับในมติของคณะกรรมการ แต่ขอให้เราได้ทำงานของเราก่อน" 

‘อนุทิน’ นำคณะทูตกลุ่มประเทศมุสลิม เยือนจังหวัดชายแดนใต้ ส่งเสริมความร่วมมือพัฒนาปลายด้ามขวานสู่พื้นที่ปลอดภัย-สงบสุข

(12 มิ.ย.67) ที่ TK Park ยะลา (อุทยานการเรียนรู้ยะลา) อ.เมืองยะลา จ.ยะลา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย นำคณะทูตกลุ่มประเทศมุสลิมและผู้บริหารระดับสูง ร่วมกิจกรรมเสริมความเข้าใจและสานสัมพันธ์คณะทูตกลุ่มประเทศมุสลิมประจำปี 2567 โดยมีคณะทูตกลุ่มประเทศมุสลิม (The Organization of Islamic Cooperation : OIC) 12 ประเทศ เข้าร่วม 

ทั้งนี้ นายอนุทินและคณะทูตได้รับฟังการนำเสนอการขับเคลื่อนงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย โดยพันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นมีการแลกเปลี่ยนเสวนาประเด็นความรู้ที่เป็นประโยชน์ทางนโยบายของผู้เข้าร่วมกิจกรรม

จากนั้นนายอนุทินได้นำคณะทูตเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ OTOP ของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อาทิ ผ้าบาติกที่ได้รับการพัฒนาตามพระดำริ ‘ผ้าไทยใส่ให้สนุก’ และ ‘Sustainable Fashion’ ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา

นายอนุทิน กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ มีนโยบายในการทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในด้านสุขภาพ การขนส่งทางอากาศ การสื่อสาร การศึกษา และการท่องเที่ยว มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของประเทศในการแข่งขัน ขณะเดียวกันก็ไม่ละทิ้งการพัฒนาพื้นที่ต่าง ๆ ในภูมิภาครวมถึงจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งการได้แลกเปลี่ยนกับคณะทูตจากประเทศ OIC จะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนนโยบายของนายกฯ และรัฐบาลไทย โดยเฉพาะการร่วมเป็นหุ้นส่วนของประเทศไทยในการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ความปลอดภัยและความสันติสุข 

สำหรับคณะทูต OIC ที่เข้าร่วมกิจกรรม ครั้งนี้ ประกอบด้วย H.E. Mr. Pengiran Haji Sahari Pengiran Haji Salleh เอกอัครราชทูตบรูไน, H.E. Mrs. Hala Youssef Ahmed Ragab เอกอัครราชทูตอียิปต์, H.E. Mr. Nassereddin Heidari เอกอัครราชทูตอิหร่าน, Mr. Bong Yik Jui อุปทูต สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย, Ms. Aishath Shiruma Ahmed อุปทูต สถานีอัครทูตมัลดีฟส์, Dr. Mohammed Idris Haidara อุปทูต สถานเอกอัครราชทูตไนจีเรีย, Mr. Fuad Adriansyah รองหัวหน้าสำนักงานเอกอัครราชทูตอินโดนีเชีย และ Mr. Nuriddin Mamatkulov รองหัวหน้าสำนักงานสถานกงสุลใหญ่อุซเบกิสถาน 

’อนุทิน‘ กร้าว!! ปม ‘ขายพาสปอร์ต‘ ไม่ว่าประเทศไหน ก็ผิดกฎหมาย พร้อมจี้ขยายผลหาตัวการเอี่ยว ‘กลุ่มธุรกิจสีเทา-ผู้มีอิทธิพล’ หรือไม่

(23 ก.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงาน ณ ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึง กรณีการปิดประกาศป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ขายพาสปอร์ต และรับทำสัญชาติบางประเทศ บริเวณสี่แยกห้วยขวาง ว่า ตนสั่งกรมการปกครอง ให้ทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ให้ดำเนินการติดตาม ไม่ใช่เฉพาะเรื่องป้ายดังกล่าว การประกาศขายพาสปอร์ต ไม่ว่าประเทศอะไรก็ผิดกฎหมายทั้งนั้น 

จากนี้จะขยายผลว่ามีเกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจสีเทาหรือไม่ หรือเข้าข่ายกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานการทำผิดกฎหมายหรือไม่ เราต้องเร่งปราบปรามโดยใช้ความเป็นเจ้าพนักงาน เรื่องนี้เป็นการทำเกินไป จึงสั่งปลดป้ายทันที ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งนั้น ตนตื่นขึ้นมาพอทราบข่าวก็สั่งอธิบดีกรมการปกครองให้ไปดำเนินการทันที ซึ่งเขาทำไปก่อนแล้ว และทางเจ้าของป้ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี 

เมื่อถามว่ากรณีดังกล่าวจะกลายเป็นไฟไหม้ฟาง พอกระแสหายเรื่องก็จะเงียบใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มันอยู่ที่ว่าเราเข้มงวดกวดขันแค่ไหน การกวดขันผับบาร์ต่าง ๆ ก็ไม่ใช่ไฟไหม้ฟาง รวมถึงการกวดขันปราบปรามยาเสพติด ยืนยันเราไม่ได้รังเกียจคนต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย แต่เรารังเกียจคนต่างชาติที่เข้ามาแล้วทำผิดกฎหมายในประเทศเรา สำหรับตนมองว่าเป็นการย่ำยี ฉะนั้นก็ไปจัดการคนผิด และไล่มันออกไปจากประเทศนี้เท่านั้นเอง ส่วนคนที่เป็นนักธุรกิจทำถูกต้องเราก็อำนวยความสะดวก ให้เขาได้มั่นใจว่าประเทศไทยเรานั้นปลอดภัย และขยายตัวทางเศรษฐกิจได้

'อนุทิน' สั่ง!! ‘กรมการปกครอง’ จัดการเด็ดขาด หากพบขบวนการขึ้นโฆษณา 'ขายพาสปอร์ตผิดกฎหมาย'

(24 ก.ค. 67) ที่กรมโยธาธิการและผังเมือง (ยผ.) ถนนพระราม 6 กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีป้ายโฆษณาทำพาสปอร์ตหลายสัญชาติ ที่มีกระแสข่าวเบื้องหลังขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า การสอบสวนเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งขณะนี้การตำตรวจสอบก็เป็นไปตามขั้นตอน เมื่อวานได้มอบนโยบายให้กรมการปกครอง ว่าป้ายลักษณะเช่นนี้ได้มีการตั้งมาตรฐานแล้ว หากเป็นป้ายโฆษณาให้ไปทำพาสปอร์ตของประเทศใดก็ตามถือว่าผิด ประเทศไทยไม่ใช่เป็นที่ที่ใครจะมาอยู่แล้วทำสิ่งผิดกฎหมาย ไม่ใช่ว่าไม่ได้ขายพาสปอร์ตไทยแล้วจะไม่ผิด เรื่องนี้ถือเป็นสามัญสำนึกที่ต้องรู้ว่าพาสปอร์ตไม่สามารถขายได้ และเมื่อรู้ว่าการกระทำนั้นผิดก็ต้องหยุดเสีย นั่นคือสิ่งที่เราได้ดำเนินการไปแล้ว

เมื่อถามว่า มีมาตรการอย่างไรในการรายงานผลความคืบหน้าความเคลื่อนคดีป้ายดังกล่าว นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานอยู่แล้วมองว่า ขณะนี้คงไม่ต้องรายงานแล้ว เพราะได้ไล่ปลดป้ายลงทั้งหมดแล้ว แต่ไม่พอแค่นั้น กรมการปกครองที่มีภารกิจเกี่ยวข้องในการออกวีซ่า และการตรวจคนเข้าเมืองของต่างชาติที่มาอยู่ในประเทศไทย ต้องไปร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสอบสวนถึงขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือเครือข่ายอะไรที่ทำเช่นนี้อยู่หรือไม่นั้น หากทราบที่มาก็ให้ไปกำจัดแค่นั้น

"อย่าไปใส่ความเครียดอะไรมาก ๆ ให้กับสังคม ให้กับประชาชน เรื่องบางเรื่องเมื่อเราไปจัดการก็จะจบไป" นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่า คนส่วนใหญ่กลัวว่าไทยจะเป็นมณฑลไท่กั๋ว เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของจีน นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่หรอก ประเทศไทยเรามีอธิปไตย อย่างที่ตนเคยบอกไป เราไม่รังเกียจคนต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยที่ทำถูกต้องตามกฎหมาย ตามสัมมาอาชีพ ซึ่งดีซะอีก เพราะบางอาชีพได้ขายของเอารายได้เข้าประเทศ พวกเราทุกคนก็เป็นต่างชาติทั้งนั้น

"ท่านชาดา ต่างชาติไหมล่ะ ก๋งผม อาม่าผม ก็คนต่างชาติทั้งนั้น ทุกคนก็ทำตามครรลอง มาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร และสร้างเนื้อสร้างตัวในประเทศไทย ถ้าใครทำผิดกฎหมายก็คงอยู่เมืองไทยไม่ได้ ก็แค่นั้นเอง" รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย กล่าว

‘อนุทิน’ ไม่ขอแสดงความคิดเห็น คดี ‘ยุบพรรคก้าวไกล’ ลั่น!! ไม่ควรก้าวล่วงศาล เชื่อ!! ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย

(6 ส.ค. 67) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงเดือนสิงหาคม มองเรื่องนี้อย่างไรเพราะมีทั้งคดียุบพรรคก้าวไกลและคดีของนายกฯ ว่า เรื่องที่เกี่ยวกับศาล คำพิพากษา เราต้องไม่ให้ความเห็นอะไรเลย เพราะพูดไปพูดมาเดี๋ยวจะไปก้าวล่วง อันนี้วุ่นเลย ละเมิดอำนาจของศาล มันไม่ได้ 

เมื่อถามว่าในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีความเป็นห่วงที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ได้เชิญทูต 18 ประเทศมาร่วมสังเกตการณ์ จะเป็นการชักศึกเข้าบ้านหรือไม่ โดยนายอนุทินร้อง “อู๊ยย อย่าไปถามอย่างนั้น ทูตเชิญท่านมั้ง ไม่ใช่ท่านเชิญทูต”

ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่านายพิธาได้เชิญทูตมาจับตาคดียุบพรรค นายอนุทินกล่าวว่า ก็เป็นสิทธิ์ ถ้ามาได้ เหมือนสมัยก่อนที่มีการเชิญทูต มาที่สถานีตำรวจเพื่อสังเกตการณ์ ตนจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร แต่ก็มีทูตไป  ตนว่าดีเสียอีก จะได้เกิดความมั่นใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย เป็นไปตามขั้นตอน มีความยุติธรรม 

เมื่อถามว่าเรื่องนี้ จะทำให้ถูกมองว่าต่างชาติเข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทยหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “แหม แค่คนมาจ้องแค่นี้ แล้วบอกว่าแทรกแซง ก็คงไม่ใช่”

ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่าเดี๋ยวจะเหมือนสนธิสัญญาเบาว์ริ่ง นายอนุทินกล่าวว่า “จำไม่ได้ เกิดไม่ทัน”

ส่วนกรณีที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาระบุว่าพรรคร่วมรัฐบาลมีความพยายามจะดึง สส.พรรคก้าวไกลไปร่วมพรรค นายอนุทินกล่าวว่า “ก็ไม่ใช่พรรคตน ไม่ใช่พรรคภูมิใจไทย”

‘อนุทิน’ เผยยังไม่คิดอะไร หลังสปอตไลต์ส่องปมแคนดิเดตนายกฯ ชี้ เคารพกติกาเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

เมื่อวานนี้ (14 ส.ค. 67) ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีมติ 5:4 ถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ตกใจ และขอส่งกำลังใจ จากกระทรวงมหาดไทยให้กับ นายเศรษฐา ทวีสิน จากข้าราชการกระทรวงมหาดไทยทุกคน

ผู้สื่อข่าวถามว่าส่วนกรณี ครม. ที่จะต้องพ้นตำแหน่งไปด้วย จากนี้การเมืองจะต้องไปพูดคุยกับพรรคแกนนำเพื่อไทยหรือไม่ นายอนุทินระบุว่า ขออย่าพึ่งพูดเรื่องนี้ คำวินิจฉัยเพิ่งออกมาไม่ถึงชั่วโมง ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างต้องไปหารือกัน แต่ดีที่สุด คือทุกคนต้องเคารพกติกา แบบที่ตนพูดถึงมาเสมอในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวถามย้ำอีกว่า ตอนนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า แสงสปอตไลต์ส่องไปที่นายอนุทิน พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า ยืนยันว่าเราเคารพกติกา มันมีแนวทางปฏิบัติอยู่แล้ว ดังนั้นการเคารพกติกาเป็นสิ่งที่ดีที่สุด การจะไปอยู่ตำแหน่งใดนั้น ไปอยู่แล้วไม่เกิดประโยชน์สูงสุดแก่บ้านเมือง ได้ประโยชน์คนเดียว กลุ่มเดียว บางทีเราอยู่ช่วยเหลือคนอื่น ทำให้รัฐนาวา ลอยพ้นพายุนี้ไปได้ มันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

ทั้งนี้ยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่น วันนี้ตนเห็นใจท่านนายกฯ ตอนนี้ขอส่งกำลังใจให้ท่านก่อน ซึ่งตอนแรกตั้งใจจะไปส่งที่ทำเนียบ แต่ไม่ทันเพราะนายกรัฐมนตรีกลับไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามต่อในส่วนของพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน เป็นแคนดิเดต มีความพร้อมเป็นอย่างไร นายอนุทิน ยืนยันว่าไม่คิดถึงเรื่องอะไรทั้งสิ้นในตอนนี้ เพราะรัฐบาลก็ยังรักษาการอยู่ ที่อาจจะเป็นนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ เพราะฉะนั้นเราต้องเคารพกติกา มารยาท ที่พรรคเพื่อไทยยังเป็นแกนนำ เมื่อถามย้ำว่าตกใจใช่หรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่าเห็นใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการเรียกประชุมพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็คงต้องให้เกียรติพรรคเพื่อไทยก่อน ที่มีแคนดิเดตนายกฯ สองคน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภารกิจของนายอนุทิน ซึ่งตามกำหนดจะมีภารกิจลงพื้นที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 15 สิงหาคม ซึ่งเป็นการปฏิบัติภารกิจในส่วนของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) แต่ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วยทั้งคณะ โดยอยู่ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทำให้นายอนุทินได้ยกเลิกภารกิจที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทันที

‘มท.1’ สั่งฟัน!! ปลัดอำเภอกร่าง 'พกปืน-ทำร้ายเด็กเสิร์ฟ' ลั่น!! 'คนมหาดไทย' ต้องดูแล ไม่ใช่รังแกประชาชน

เมื่อวานนี้ (26 ส.ค. 67) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ กรณีปลัดอำเภอพกปืน ล็อกคอและทำร้ายร่างกายพนักงานร้านอาหาร จนได้รับบาดเจ็บในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ทางกระทรวงมหาดไทยไม่นิ่งนอนใจต่อกรณีที่เกิดขึ้น โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เร่งสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบเป็นการกระทำผิดให้ลงโทษให้ถึงที่สุด ทั้งโทษทางวินัยและเร่งติดตามคดีทางอาญาให้แก่ผู้ที่ได้รับความเสียหาย

"เนื่องจากในเรื่องนี้ยังไม่ทราบถึงรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายอนุทิน จึงให้ทางท่านผู้ว่าฯ สระแก้วเร่งดำเนินการสอบสวนและนำข้อเท็จมาเปิดเผยต่อสังคม ให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ได้รับความเสียหาย หากพบว่าทำผิดก็ให้ลงโทษทั้งทางวินัยและให้ดำเนินคดีอาญาโดยไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งนายอนุทินได้เน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยมาโดยตลอดว่า คนมหาดไทยมีหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ดูแลพี่น้องประชาชน ไม่ใช่รังแกประชาชน หากมีการใช้อำนาจหน้าที่ของตนเองไปรังแกประชาชนก็ต้องถูกลงโทษให้ถึงที่สุด" น.ส.ไตรศุลี กล่าว

เลขานุการ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ล่าสุด จังหวัดสระแก้วได้รายงานในเบื้องต้นมายังกรมการปกครอง ว่า บุคคลผู้ก่อเหตุมีตำแหน่งปลัดอำเภอวัฒนานคร ช่วยราชการที่ทำการปกครองจังหวัดสระแก้ว เหตุเกิด โดยได้ก่อเหตุเมื่อเวลา 23.00 น. ของวันศุกร์ที่ 23 ส.ค.67 ที่ผ่านมา ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง พื้นที่ ต.สระแก้ว อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว 

สำหรับการดำเนินการ จังหวัดสระแก้วได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการทางวินัยกับผู้ก่อเหตุ และระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงนายเชาวเนตร ยิ้มประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้มีคำสั่งจังหวัดสระแก้ว ที่ 2388/2567 ย้ายผู้ก่อเหตุออกนอกพื้นที่ไปปฏิบัติราชการ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.67 เป็นต้นไป ในส่วนของการดำเนินคดีอาญา ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.เมืองสระแก้ว ทางจังหวัดจะเร่งติดตามผลคดีต่อไป

‘มท.1 - ผบ.ทบ.’ ลงนาม MOU ถอนทหารจากพื้นที่ชายแดนใต้ ปี 70 เสริมทักษะกองกำลังอาสาฯ ดูแลความปลอดภัย ปชช. ลดภารกิจทหาร

(27 ก.ย. 67) ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะ รอง ผอ.รมน. ร่วม เป็นประธานร่วมพิธีลงนาม MOU เรื่องเสริมสร้างประสิทธิภาพอาสาสมัครจังหวัดชายแดนภาคใต้ (อส.จชต.) ระหว่างกระทรวงมหาดไทย กับ กอ.รมน.

นายอนุทิน กล่าวว่า การลงนามเอ็มโอยูวันนี้เป็นการแสวงหาความร่วมมือระหว่าง กระทรวงมหาดไทยและ กอ.รมน. ฝึกฝน ทักษะที่กองทัพบกมีให้แก่กองกำลังอาสาของกระทรวงมหาดไทยซึ่งมีแผนให้เข้ามาทำหน้าที่ลดภารกิจของทหาร ดูแลความปลอดภัยประชาชนตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไป โดยกองกำลังอาสามาจากคนในพื้นที่เพราะมีความคุ้นเคยกับประชาชนอยู่แล้ว

นายอนุทิน กล่าวย้ำว่า กองกำลังอาสาเดิมมีทักษะตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องเสริมความสามารถในการป้องกันตัวเองดูแลความสงบเรียบร้อย ซึ่งต้องอาศัยการฝึกฝนและได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองทัพบกจัดส่งครูฝึก ผู้เชี่ยวชาญมาฝึกให้ ตนและ ผบ.ทบ.ลงพื้นที่สังเกตการณ์หลายครั้งมีพัฒนาการดีขึ้นเรื่อย ๆ มีความมั่นใจในการปฏิบัติงาน เมื่อถึงเวลากระจายงานให้ปฏิบัติ โดยมีบทบาทหน้าที่ครอบคลุมทุกด้าน

ด้าน พล.อ.เจริญชัย กล่าวเสริมว่า การปฏิบัติงานพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ดำเนินการร่วมกันระหว่าง พลเรือน ตำรวจ ทหาร ในรูปแบบ กอ.รมน. และเมื่อถึงเวลาเหมาะสมและสถานการณ์เรียบร้อยตามแผนปี 2570 จะมอบพื้นที่ให้กรมการปกครอง อาสาสมัคร ตำรวจ ดูแล ในระหว่างนี้เป็นการเตรียมการไปถึงจุดเราคาดหวังแล้วหรือไม่ หากสถานการณ์ดีขึ้น เหมาะสมเป็นไปตามแผน แต่ให้ไม่ดีขึ้นก็อยู่ที่รัฐบาลจะพิจารณา พร้อมยืนยันว่าอาสาสมัครมีพื้นฐานที่ดี แต่การทำงานร่วมกันต้องฝึกร่วมเพื่อให้คุ้นเคยในการทำงานที่ดี อาสาสมัครเป็นเครื่องมือรัฐบาลในการดูแลความปลอดภัยประชาชนและเป็นที่พึ่งในทุกโอกาสรวมถึงบรรเทาสาธารณภัย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top