Friday, 18 April 2025
อนุทินชาญวีรกูล

‘มท.1’ มอบนโยบาย ‘พ่อเมืองทั่วไทย’  จัดงานพิธีมหามงคลในหลวง ร.10

(5 ก.พ.67) ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ หลักสี่ กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุมติดตามการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่า เนื่องจากปีนี้ถือเป็นปีมหามงคลครบ 6 รอบ พระชนมายุ 72 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ กระทรวงมหาดไทย จึงต้องทำหน้าที่ให้พี่น้องประชาชนทุกคนตื่นตัวและแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ การเรียกผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศทุกคนมาในวันนี้ เพื่อแจ้งให้ทราบว่าต้องเตรียมการว่ากิจกรรมต่างๆ เพื่อเทิดพระเกียรติ ถวายพระเกียรติ และทำกิจกรรมที่เป็นสาธารณกุศล เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพราะเรื่องนี้กระทรวงมหาดไทยถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญสูงสุดเป็นภารกิจที่จะต้องทำความเข้าใจกันให้ตรงกัน เพื่อดำเนินการให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันก็จะติดตามการดำเนินนโยบายที่ตน และรมช.มหาดไทย ที่ได้มอบนโยบายไว้กับทางผู้บริหารกระทรวงฯ และผู้ว่าราชการจังหวัดว่านโยบายทั้ง 11 ข้อที่ให้ไปมีความคืบหน้าอย่างไร บรรลุผลสัมฤทธิ์หรือไม่ และต้องการการสนับสนุนจากฝ่ายบริหารอย่างไรบ้าง โดยจะพบกันระหว่างผู้บริหารของกระทรวงมหาดไทยทั้งฝ่ายการเมือง ฝ่ายข้าราชการประจำ และผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็น พร้อมหารือถึงปัญหา และการสนับสนุนต่างๆ ที่ทางกระทรวงฯ จะทำได้

ส่วนความคืบหน้าการติดตามนโยบายเรื่องฝุ่น PM 2.5 นั้น ความเสี่ยงของฝุ่น PM 2.5 กระทรวงมหาดไทยได้เพิ่มเป็น 11 นโยบาย คือ นโยบายอากาศสะอาด นำความคิดเห็นจากผู้ว่าราชการจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ที่ประสบเหตุ ว่ามีมาตรการควบคุมป้องกันและช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบเรื่องฝุ่นอย่างไรบ้าง 

‘อนุทิน’ ลั่น รับไม่ได้ มาเฟียต่างชาติ ที่ภูเก็ต จากเหตุกร่างทำร้ายหมอ สั่ง ผู้ว่า-อธิบดีปกครอง เร่งจัดการ ย้ำ คนเดียวเอาอยู่ ไม่ต้องถึงมือ ‘ชาดา’

(3 มี.ค.67) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์ของคนภูเก็ตที่ออกมาเรียกร้องสิทธิให้ตรวจสอบประเด็นที่ดิน หลังเกิดกรณีเหตุการณ์ชาวต่างชาติทำร้ายแพทย์หญิงจนลุกลาม ว่า ตนเองได้สั่งกำชับไปแล้ว และเมื่อวานได้มีการหารือกับอธิบดีกรมการปกครองว่าในส่วนของกระทรวงมหาดไทยต้องไปจัดการตรงไหนบ้าง และนายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ ลงพื้นที่ไปก็แจ้งให้ตนเองไปตรวจสอบ เพราะพบว่าในพื้นที่มีเครือข่ายลักษณะคล้ายมาเฟีย ตนเองกำชับอธิบดีกรมการปกครองและผู้ว่าราชการจังหวัดให้ทำงานร่วมกับหลายฝ่าย พร้อมยืนยันว่า จะไม่ให้มีนักเลง ผู้มีอิทธิพลต่างชาติมามีอำนาจ อิทธิพลความประพฤติที่ไม่ดีในประเทศไทยเป็นอันขาด

นายอนุทิน ระบุด้วยว่า  โดยส่วนตัวตนเองรับไม่ได้อยู่แล้วเพราะแค่ผู้มีอิทธิพลคนไทยเรายังไม่ยอมแต่เราจะยอมให้ชาวต่างชาติมีอิทธิพลและมาทำตัวเป็นมาเฟียได้อย่างไร

ส่วนจะให้นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ไปดูปัญหาที่จังหวัดภูเก็ตหรือไม่นั้น นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ต้องนายชาดาหรอกนาย อนุทินคนเดียวก็เอาอยู่แล้วเดี๋ยวจัดการ ให้ท่านชาดาดูแลผู้มีอิทธิพลคนไทยไป

“กรณีที่มีการรุกล้ำที่ดินสาธารณะต้องใช้กฎหมายเพราะปัญหาทั้งหมดคือเราไม่ได้ใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ แต่ถ้าเราใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ก็ไม่มีใครเอาประโยชน์จากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ ฉะนั้นต้องใช้กฎหมายอย่างเต็มที่  เราเข้าใจว่าอยากได้นักท่องเที่ยวเข้ามา แต่การที่เขาจะเข้ามาก็ต้องเข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม ซึ่งเขาต้องเคารพเมื่อเข้ามาอยู่ในประเทศไทย เพราะมีกฎหมายและวัฒนธรรมที่จะต้องทำตาม ต้องลองดูว่ามีต่างชาติมาซ่าหรือ มาแอคอาท เดี๋ยวจัดการหมด เพียงแค่ดึงวีซ่าหรือพาสปอร์ตออกก็จบแล้ว” นายอนุทิน ระบุ

‘ภูมิใจไทย’ จัดทำบุญใหญ่ครบรอบ 16 ปี บรรยากาศคึกคัก ‘พรรครัฐบาล-ฝ่ายค้าน’ ร่วมยินดี ‘อนุทิน’ ขอทำงานเพื่อ ‘บ้านเมือง-ประชาชน’

(6 เม.ย. 67) ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ถนนพหลโยธิน จัดพิธีทำบุญพรรคภูมิใจไทยก้าวสู่ปีที่ 16 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นประธาน พร้อมด้วยนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค (กห.บห.) รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และสมาชิกพรรค เข้าร่วมพิธีทางศาสนาพุทธ ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ โดยมีพระเทพวิสุทธิกวี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

จากนั้นมีการประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม นำโดย อิหม่ามสนั่น (ดาวุต) โตสมบูรณ์ อิหม่ามประจำมัสยิดเราะห์มาตุ้ลอิสลาม แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. พร้อมด้วยผู้นำศาสนาจากมัสยิดต่าง ๆ ในเขตสวนหลวง กทม. รวม 10 ท่าน เพื่อขอพรจากพระผู้เป็นเจ้าทรงประทานพรอันประเสริฐให้พรรคภูมิใจไทยเจริญรุ่งเรือง และสมาชิกทุกท่านมีความสุขความประสบความสำเร็จในการทำหน้าผู้แทน และเป็นที่พึ่งของประชาชน ช่วยกันพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวต่อไป

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เวลา 07.00 น. นายอนุทิน พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส.พรรค ภท. ได้เดินทางไปวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะปฐมบรมราชานุสรณ์ เนื่องในวันจักรี เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และมหาจักรีบรมราชวงศ์ ณ บริเวณปฐมบรมราชานุสรณ์ สะพานพระพุทธยอดฟ้า

สำหรับงาน 'ก้าวสู่ปีที่ 16' พรรคภูมิใจไทยในวันนี้ มีตัวแทนพรรคการเมืองนำกระเช้า และแจกันดอกไม้มาร่วมแสดงความยินดี อาทิ พรรคเพื่อไทย ได้แก่ น.ส.จิราพร สินธุไพร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รองหัวหน้าพรรค นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรค น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล รองโฆษกพรรค และนายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ รองโฆษกพรรค พรรคชาติพัฒนากล้า ได้แก่ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรค

ขณะที่ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นำโดย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และนายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา โดยนายวราวุธได้มอบช่อดอกไม้และกล่าวอวยพรว่า พรรคภูมิใจไทยที่เป็นหนึ่งในพรรคหลักของพรรครัฐบาล พรรคชาติไทยพัฒนาขอเป็นกำลังใจ และขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดลบันดาลให้รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีกำลังกาย กำลังใจ และกำลังทรัพย์ เป็นเสาหลักให้กับน้องๆ เพื่อนฝูง ญาติสนิท มิตรสหาย และเป็นเสาหลักให้กับการเมืองไทยตลอดไปตราบนานเท่านานขอให้ประสบความสำเร็จและได้ยิ่งใหญ่ไปนาน ๆ

ขณะนายอนุทินกล่าวตอบว่า ขอบคุณพรรคชาติไทยพัฒนาที่ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันมาตลอด 5 ปี และในปีนี้ก็ถือว่าเป็นปีที่ 6 และขอให้ทำงานให้กับบ้านเมืองและประชาชนไปด้วยกัน และจะเป็นลมใต้ปีก เพื่อให้ทุกคนปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จไปด้วยกัน พร้อมกล่าวถึงนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ ที่มียุทธศาสตร์การบริหารที่ดี เชื่อว่าลูกมังกรไม่มีทางเป็นงูดิน แต่จะเป็นกิเลนที่พร้อมไปด้วยกัน

ต่อมา พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ และนายชัชวาลล์ คงอุดม สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ เข้ามาร่วมแสดงความยินดี

ขณะที่ พรรคซีกฝ่ายค้านมี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นำโดย นายนริศ ขำนุรักษ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีต รมช.มหาดไทย พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ รองหัวหน้าพรรค เป็นตัวแทนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มอบกระเช้าดอกไม้แสดงความยินดี

‘อนุทิน’ ชี้ ต้องจำกัดความ ‘ระบอบทักษิณ’ คืออะไร หากทำให้ ปชช. ‘มีความสุข-มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น’ ก็โอเค

(6 เม.ย. 67) ที่พรรคภูมิใจไทย(ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเคลื่อนไหวมีการประเมินว่าการเมืองจะกลับไปเหมือนเดิมหรือไม่ว่า ต้องคิดว่าการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน การขับเคลื่อน การเคลื่อนไหวทางการเมือง ของใครก็ตาม ถ้าเราเป็นประชาชนที่สนใจการเมือง และมีประสบการณ์ เราสามารถใช้ประสบการณ์ของเราให้คำแนะนำต่อฝ่ายการเมืองไปคิดพิจารณาได้ ซึ่งนายทักษิณก็ทำบทบาทแต่เพียงเท่านี้ คือการให้คำแนะนำประสบการณ์ของคนเป็นนายกฯที่ได้รับความนิยมอย่างเป็นมาก และประสบการณ์ของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งเรื่องครอบครัว การประกอบธุรกิจ สิ่งเหล่านี้ไม่ควรให้หายไปกับคนคนนั้น ควรเอาประสบการณ์เหล่านี้มาเล่าให้กับคนรุ่นลูกรุ่นหลาน 

“นายทักษิณ ไม่สามารถที่จะสั่งการรัฐบาลในทางการเมืองได้ เพราะมีกฎหมายมีรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ แต่สิ่งที่ท่านได้พูดออกมาเท่าที่ผมติดตาม คือเรื่องการแชร์ประสบการณ์ เหมือนกับผมทุกวันนี้ที่แชร์ประสบการณ์ให้กับกก.บห.พรรคภูมิใจไทย ว่าสมัยก่อนเจอแบบนี้จะทำอย่างไร หรือว่าเวลาตอบโต้ จะต้องตอบโต้ในจังหวะจะโคนอย่างไร ส่วนคนที่รับผิดชอบพรรคในยุคนี้จะทำหรือไม่ทำ ท่านจะรับฟังหรือไม่รับฟังก็เป็นเรื่องของท่าน ดังนั้นถ้าคิดแบบนี้ก็เป็นความสบายใจ คนที่ได้ประโยชน์ก็คือประชาชน” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่า มีคนเป็นห่วงว่าระบอบทักษิณจะกลับมาฟื้นคืนชีพหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องจำกัดความก่อนว่าระบอบทักษิณคืออะไร ถ้าระบอบทักษิณเป็นระบอบที่ทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความสุข เกิดความสะดวก มีคุณภาพชีวิตที่ดีมากยิ่งขึ้น ก็ถือว่าเป็นระบอบที่โอเค 

“แต่วันนี้เรื่องของปัจเจกบุคคลไม่มีแล้ว เพราะวันนี้เป็นองคาพยพของรัฐบาลผสมที่มีความชัดเจนว่าไม่ใช่ระบอบใดระบอบหนึ่ง แต่เป็นการทำงานร่วมกันภายใต้การนำกับนายกฯ ดังนั้น จึงมีความชัดเจนว่าเราทำงานขับเคลื่อนเป็นนโยบายของรัฐบาล

เมื่อถามว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ประกาศว่าจะนำพรรคเพื่อไทยชนะศึกเลือกตั้งครั้งหน้า นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกพรรคก็ต้องพยายามชนะใจประชาชน เหมือนเล่นกีฬาเวลาแข่งขันเล่นกอล์ฟเราก็อยากชนะ แต่ต้องอยู่ในเกม ถ้าอยู่ในเกมก็ไม่มีปัญหา ถือว่าเป็นการแข่งขันเอาศักยภาพ เอาฝีมือของตัวเองออกมา แล้วประชาชนเป็นคนตัดสินใจ ต่อให้เราสมหวังหรือไม่สมหวังถ้าเราได้ใช้ศักยภาพของเราอย่างเต็มที่แล้ว และประชาชนตัดสินใจแล้ว ต้องถือว่าเราไม่มีความเสียใจหรือว่าเคียดแค้นใด ๆ

‘อนุทิน’ บินด่วนร้อยเอ็ด รับ!! ‘อวัยวะ’ ชายสมองตาย ช่วยต่อลมหายใจผู้ป่วยอีก 8 ชีวิต ที่รอความหวัง

(30 เม.ย.67) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย พร้อมด้วย แพทย์ศัลยศาสตร์หัวใจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ปฏิบัติภารกิจจิตอาสา ‘หัวใจติดปีก’ เดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว จากท่าอากาศยานดอนเมือง มายังโรงพยาบาลร้อยเอ็ด เพื่อผ่าตัดรับหัวใจของ นายตรีพบ ประดับศรี อายุ 41 ปี ผู้เสียชีวิตจากภาวะสมองตาย เลือดออกในสมองจากภาวะความดันโลหิตสูง ซึ่งญาติบริจาคอวัยวะ หัวใจ ตับ ไต และดวงตา เพื่อต่อชีวิตต่อลมหายใจให้ผู้ป่วยที่รอความหวัง กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติและมีคุณภาพชีวิตที่ดีอีกครั้ง ถือเป็นทานบารมีที่ยิ่งใหญ่และเป็นที่สุดแห่งการให้ครั้งสุดท้ายของชีวิต

โดยมีนายชัยวัฒน์ ชัยเวชพิสิฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ดร.นพ.สุรเดชช ชวะเดช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด นายแพทย์ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลร้อยเอ็ด พร้อมคณะผู้บริหาร แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ

จากนั้นนายอนุทิน ชาญวีรกูล เยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมมอบใบประกาศเกียรติคุณ พวงหรีด และมอบเงินส่วนตัวช่วยเหลือแก่ นางสุนีย์ ประดับศรี แม่ของผู้เสียชีวิต

นายอนุทิน กล่าวว่า การช่วยเหลือครั้งนี้ถือว่าเป็นทานบารมีที่ยิ่งใหญ่ และเป็นที่สุดแห่งการให้ครั้งสุดท้ายของชีวิต แม้คนเราจะเสียชีวิตไปแล้ว ก็ยังสามารถทำประโยชน์ให้คนอื่นได้อีก 8 ชีวิต

'อนุทิน' โวย!! ถูกหักหลัง ทำกฎหมายกัญชาไม่ผ่าน ยัน!! ถูกดึงกลับบัญชียาเสพติด ไม่กระทบ 'ภท.'

(9 พ.ค. 67) ที่ จ.ภูเก็ต นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี และกระทรวงสาธารณสุข เตรียมจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขต้องไปหาข้อมูลมา เพราะที่ผ่านมาการประกาศให้กัญชาเป็นยาเสพติดหรือพ้นจากการเป็นยาเสพติด เป็นการประกาศโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบยาเสพติดแห่งชาติชุดใหญ่ แต่ก่อนที่จะมาถึงตรงนั้น ก็มีคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานอยู่ ซึ่งตอนที่ปลดกัญชาก็มีความชัดเจนว่าเหตุใดถึงปลดได้ แต่ปัญหาของมันตอนนี้ คือ ‘กฎหมายไม่มี’ เราเคยเสนอกฎหมายเข้าไป ผ่านวาระแรกแล้ว แต่หลังจากนั้นก็ไม่ผ่านวาระสอง ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องของการเมืองไม่ใช่เรื่องของเหตุผล

ดังนั้น เราต้องยืนยันเจตนารมณ์​ต่อไปว่ามันพิสูจน์ได้ วิทยาศาสตร์ ไม่ใช้อารมณ์ใช้ความรู้สึก และนโยบายต่าง ๆ ก็ต้องมีข้อมูลมาสนับสนุน ตรงนี้ไม่กังวลและที่ผ่านมาก็อยู่ในนโยบายรัฐบาล ที่แถลงต่อรัฐสภาจึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขและคณะกรรมการป้องกันและปราบยาเสพติดแห่งชาติ วันนี้ตนย้ายมากระทรวงมหาดไทยแล้ว แต่ก็เป็นคณะกรรมการด้วย เราก็ต้องให้ข้อมูลในส่วนของเรา ส่วนจากมติจะออกมาอย่างไร ก็เป็นไปตามกฏหมาย

เมื่อถามว่า ต้องมีการเยียวยาหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตอนที่เราประกาศให้กัญชา ออกจากยาเสพติด นักโทษ 6-7 พันคน ได้รับการปล่อยตัวทันที บางทีเขารักษาตัว บางทีพวกเขาเป็นแพทย์ประจำบ้าน แพทย์แผนโบราณ ถูกตัดสินจำคุก เขาก็ได้รับการปล่อยตัว

“ส่วนตัวไม่ได้บอกว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ถ้าวันนี้มีข้อมูลใหม่มา กัญชาอันตรายเป็นยาเสพติดแน่นอน ถ้ามีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ ผมต้องรับฟังและพิจารณา แต่ในปัจจุบันเราก็ต้องรอข้อมูลเหล่านั้นมาก่อน วันนี้ที่ยังปลูก 6 ต้นได้หรือพวกที่เอามาทำเป็นสินค้าเขาแค่จดแจ้งหรือทำรายงานว่า เขาจะเอาไปขาย วันนี้เราจะทำอย่างไรถ้าเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดจะต้องมีบทเฉพาะกาลคุ้มครองคนเหล่านี้หรือไม่ จะต้องมีการดูทุกอย่าง” นายอนุทินกล่าว

เมื่อถามว่าเป็นเหมือนโครงการเรือธงของพรรคภูมิใจไทย จะกระทบอะไรหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ในขณะที่ประชาชนให้ความไว้วางใจ ให้เราเข้าไปกำกับกระทรวงสาธารณสุข เราก็เดินหน้าตามนโยบายที่ให้สัญญาไว้ทุกอย่าง มีการปลดกัญชาจากยาเสพติดเรียบร้อย แต่พอมาถึงรัฐบาลนี้ พรรคภูมิใจไทย เสียงไม่พอที่จะเข้าไปกำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข เราต้องให้รัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้กำหนดนโยบาย แต่เราต้องให้ข้อมูลว่าเหตุใดกัญชาจึงมีประโยชน์มากกว่าโทษ เราให้ข้อมูลเข้าไปเต็มที่ ก็โหวตกันในที่ประชุม ผลออกมาเป็นอย่างไร ก็ต้องยอมรับ เราจะยืนยันไปโดยที่ไม่รู้ว่าเขามีข้อมูลอย่างไรก็คงไม่ได้ ตอนนี้เราไม่ได้บอกว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่เราจะยืนยันในข้อมูลที่เรามี หากใครมีข้อมูลที่ดีกว่าก็มาหักล้าง

“ทั้งหมดขึ้นอยู่กับข้อมูลตอนที่ทำให้ปรับจากยาเสพติด เรามีข้อมูลอย่างไรบ้างตรงนี้เป็นข้อมูลของผม เป็นเหตุผลที่เราเห็นว่าทำแล้วมีประโยชน์ทางการแพทย์ ขึ้นบัญชียาหลักของชาติ แต่ถ้าบอกเป็นยาเสพติด ก็ต้องมานั่งถามกันว่า จะเอาขึ้นเป็นบัญชียาได้หรือไม่ ตอนนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าข้อมูล” นายอนุทินระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะกระทบฐานเสียงพรรคภูมิใจหรือไม่ เพราะเขาอาจจะเลือกพรรคเพราะนโยบายนี้ นายอนุทินกล่าวว่า วันนี้เสียงเราไม่พอที่จะเข้าไปกำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุขได้ แต่ตอนที่เรากำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข เราก็ทำทุกอย่างเช่นเดียวกับกฎหมายที่เราส่งเข้าสภา แต่เราก็ถูกหักหลัง คนที่รับโทษก็คือประชาชนไม่ใช่ พรรคภูมิใจไทย ตอนนี้ไม่ได้ดูกระทรวงสาธารณสุขแล้ว เราต้องให้เกียรติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนปัจจุบันที่จะต้องไปดำเนินการ

นายอนุทินยังกล่าวถึงร้านกัญชาที่ชาวต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของจำนวนมาก ว่า ต้องถูกจับ คนที่จะเปิดร้านกัญชาได้ต้องอยู่ภายใต้ประกาศของสาธารณสุข กฎระเบียบ มีหมดอยู่แล้วถ้าเราทำตามกฎระเบียบจะไม่มีปัญหา

‘อนุทิน’ เข้ารับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากสบช. ในฐานะผู้ทำประโยชน์ต่อวงการแพทย์ - สาธารณสุข

(23 พ.ค.67) ที่หอประชุมกิติยาคาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิต พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ มอบปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันพระบรมราชชนก (สบช.) ประจำปีการศึกษา 2566 โดยในพิธีได้มีการพระราชทานปริญญาสาธารณสุขศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ประจำปี 2566 แก่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะผู้ทำประโยชน์ต่อวงการแพทย์ และสาธารณสุข เป็นที่ประจักษ์ ทั้งนี้ สำหรับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จาก สบช. โดยปกติแล้วเป็นปริญญาที่ให้กับผู้นำ หรือผู้บริหารสูงสุดในประเทศ พร้อมกับเป็นผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับบ้านเมือง ประเทศชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 66 นพ.วิชัย เทียนถาวร อธิการบดีสถาบันพระบรมราชชนก (สบช.) เคยให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลที่นายอนุทิน ได้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ว่า เพราะเมื่อครั้งนายอนุทิน ขณะที่ดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข (สธ.) ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) กับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ทำโครงการ สบช. สัญจร เดินทางไปแนะแนวนักเรียนทั่วประเทศกว่า 2,360 แห่ง สร้างความเสมอภาคให้กับนักเรียนทุกคนในการเข้าศึกษาในสถาบันฯ ในสาขาพยาบาลศาสตร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทุกโรงเรียนในระดับอำเภอได้เข้าเรียนในสถาบันฯ เพื่อให้เกิดการกระจายบุคลากรไปทั่วประเทศ พร้อมทั้งให้โอกาสเด็กในถิ่นทุรกันดารในชนบทได้ศึกษาในหลักสูตรการพยาบาล

นอกจากนี้ นายอนุทิน ได้ส่งเสริมให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เข้าเรียนในหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล ขณะนี้เรียนจบไปกว่า 2,000 คน แล้ว เพื่อให้โครงการ 3 หมอสำเร็จลุล่วงอย่างสมบูรณ์ ทั้งยังมีดำริว่า กรณี อสม. ที่จบในหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล และมีผลการเรียนดี มีความมุ่งมั่นตั้งใจดี ก็ควรได้รับทุนเรียนต่อในระดับชั้นปริญญาตรี เช่น สาขาพยาบาลศาสตร์ หรือสาขานักการสาธารณสุขศาสตร์

ทั้งนี้ นายอนุทิน ถือเป็นนักการเมืองคนแรกได้เข้ารับปริญญาสาธารณสุขศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากสถาบันพระบรมราชชนก

‘อนุทิน’ ปลื้ม!! หลังได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์

เมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.67) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า…

“อยู่ใต้ร่มพระบารมีสองแผ่นดิน ชั่วชีวินขอเป็นข้าฟ้าจักรี”

หลังราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศรายชื่อบุคคลที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุติยจุลจอมเกล้า ฝ่ายหน้า และเหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลที่ 10 ชั้น 3 ซึ่งในจำนวนนี้มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รวมอยู่ด้วย

‘อนุทิน’ แท็กทีมลูกพรรค สวมใส่เสื้อ ‘สีเหลือง’ ร่วมใจแสดงความจงรักภักดี ขณะประชุมสภาฯ

(19 มิ.ย.67) ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ โดยมีนาย วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธาน สภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ในวาระแรก โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งหายจากอาการป่วยโควิด-19 เป็นวันแรก ได้นำทีมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง 

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้นำทีมรัฐมนตรี และสส.พรรคภูมิใจไทย ส่วนใหญ่ใส่เสื้อสีเหลืองเข้าร่วมประชุม ซึ่งจะใส่ในวันพิจารณางบประมาณ 2 วันคือวันที่ 19 และวันที่ 21 มิ.ย.นี้ 

ย้อนบทสนทนาชวนซึ้ง 'อนุทิน-แม่ของลูกชายที่บริจาคหัวใจ' "หัวใจของลูกพี่ยังเต้นอยู่ในโลกนี้ แม้เขาจะไปเป็นเทวดาบนสวรรค์แล้ว"

(6 ก.ค.67) จากเพจ 'FC Anutin' ได้โพสต์เรื่องราวน่าประทับใจจากกรณีเมื่อครั้งหนึ่ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ได้มีโอกาสพบกับคุณแม่ของชายผู้หนึ่งที่บริจาคหัวใจและหัวใจนั้นถูกนำไปเติมเต็มชีวิตใหม่ให้กับผู้อื่น ว่า...

กายจากไป

แต่หัวใจยังอยู่

"คุณอนุทินนนนน" เสียงสตรีดังขึ้นเรียกนายอนุทิน ขณะกำลังเดินทอดน่องหาของทานยามเย็น ที่ จ.ระนอง

เขารีบหันไปตามเสียงก่อนทราบว่า เจ้าของเสียง มาจากร้านเต้าหู้ ใกล้ ๆ 

"เราเคยเจอกันแล้ว ท่านจำได้ไหม"

นายอนุทิน ทำหน้าสงสัยก่อนได้คำตอบว่า 

"ดิฉันเป็นแม่ของลูกชายที่บริจาคหัวใจแล้วคุณบินมารับเอาหัวใจลูกชายบินไปกรุงเทพ"

นายอนุทินได้ยินดังนั้น เลยตอบกลับทันที

"ป่านนี้เป็นเทวดาไล่จีบนางฟ้าอยู่บนสวรรค์แล้ว ไม่ต้องไปห่วงเขาเลย"

คุณแม่ ถามต่อด้วยว่า หัวใจของลูกชายยัง OK อยู่ไหม

นายอนุทิน ยิ้ม แล้วตอบว่า 

"เวิร์คอย่างดี ไม่เคยได้รับรายงานว่ามีปัญหาเลย คนไข้ที่คุณหมอพัชร อ่องจริตเปลี่ยนหัวใจให้ยังแข็งแรงดีทุกคน หัวใจของลูกพี่ยังเต้นอยู่ในโลกนี้ถึงแม้เขาไปเป็นเทวดาบนสวรรค์แล้ว"

สิ้นเสียงนายอนุทิน 

น้ำตาของผู้เป็นแม่ก็เอ่อล้นออกมาโดยไม่รู้ตัว

(13 มกราคม 2565)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top