Saturday, 7 June 2025
หิมาลัยผิวพรรณ

‘ดร.หิมาลัย’ ลุย!! แผนการจัดการน้ำ ฝายธงน้อย กางแผนเสริมระบบระบายน้ำ ลดผลกระทบ ‘อุทกภัย’ พร้อมพัฒนา!! โรงไฟฟ้าพลังน้ำธงน้อยเพื่อชุมชน

(23 มี.ค. 68) ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการดำเนินงานโครงการฝายธงน้อย จังหวัดน่าน ครั้งที่ 2 โดยมี นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน, นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน, นายทรงยศ รามสูต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน, นายมังกร ศรีเจริญกุล สมาชิกวุฒิสภา, นางวาสนา ยศสอน สมาชิกวุฒิสภา, นายนันทนิษฎ์ วงศ์วัฒนา รองอธิบดี พพ. รวมถึงผู้แทนจากกรมเจ้าท่า กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าร่วมการประชุม ณ ห้องประชุมมาลากุล 1 กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568

ดร.หิมาลัย กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการหารือแนวทางบริหารจัดการน้ำจากโครงการฝายธงน้อยให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ลดผลกระทบจากอุทกภัย พร้อมเดินหน้าพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำธงน้อยเพื่อใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน “วันนี้ทุกฝ่ายมารวมกันเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดในการบริหารจัดการน้ำ เราต้องมั่นใจว่า ประชาชนจะได้รับการดูแล และโครงการฝายธงน้อยจะสร้างประโยชน์สูงสุด เราจะทำงานเชิงรุกเพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าไปพร้อมกัน” ดร.หิมาลัย กล่าว

โดยได้จัดทำแผนบรรเทาทุกข์โครงการแบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่

แผนระยะสั้น (พ.ศ. 2568–2570) ประกอบด้วยการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ เครื่องสูบน้ำหอยโข่ง การระบายน้ำผ่านทางผ่านปลา และการขุดลอกตะกอนดินทรายในลำน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่เหนือฝาย ลดความเสี่ยงต่อปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ใกล้เคียง โดยจะสามารถช่วยระบายน้ำในช่วงที่น้ำหลากได้ถึง 50 ลบ.ม /วินาที

แผนระยะยาว (เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2570 เป็นต้นไป) ประกอบด้วยการก่อสร้างอาคารระบายน้ำฉุกเฉิน จำนวน 2 ช่อง พร้อมพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก ซึ่งอยู่ระหว่างการเสนอขอรับงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2569 โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2570 ซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำธงน้อยมีเป้าหมายในการผลิตพลังงานไฟฟ้าสะอาดประมาณ 11.10 ล้านหน่วยต่อปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 6,438 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี และมีความสามารถในการช่วยระบายในช่วงน้ำหลากได้ถึง 220 ลบ.ม/วินาที  พร้อมทั้งสามารถจัดตั้งกองทุนพัฒนาไฟฟ้าเพื่อสนับสนุนการพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าได้อีกด้วย

ดร.หิมาลัย ได้กล่าวอีกว่า ถึงแม้จากผลการวิเคราะห์ทางอุทกวิทยา โครงการฝายธงน้อยมิใช่สาเหตุของน้ำท่วมในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองน่าน  ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจและร่วมบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชน ได้บูรณาการความช่วยเหลือร่วมกับทุกภาคส่วน และขอยืนยันเจตนารมณ์ในการดำเนินโครงการภายใต้หลักความรับผิดชอบ ความโปร่งใส และการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยจะดำเนินการควบคู่กับมาตรการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน และสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง

‘เสธ.หิ’ ชี้!! ‘พีระพันธุ์’ ทำงานมุ่งมั่น ผลงานเป็นที่ประจักษ์ ลดค่าไฟฟ้า ปรับราคาน้ำมัน ไม่แปลกใจที่ถูกโจมตี จากผู้ที่เสียผลประโยชน์ ยัน!! ขอทำตามหน้าที่ จนวินาทีสุดท้าย

(3 พ.ค. 68)  ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ 'ผลงานเป็นที่ประจักษ์' พร้อมระบุว่า “ตั้งแต่ท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สิ่งที่พยายามทำคือ การสร้างความมั่นคงทางพลังงานและพลังงานราคายุติธรรมเพื่อประชาชน การควบคุมราคาน้ำมัน พยายามปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน การปรับลดค่าไฟฟ้า ตรึงราคาแก๊ส ซึ่งมีปัญหาอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะการพยายามปรับลดค่าไฟฟ้าให้ต่ำกว่า 4 บาท เพื่อส่งเสริมการแข่งขันทางด้านอุตสาหกรรมกับต่างประเทศ ตลอดจนลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน การประกาศนโยบายด้านการปรับลดราคาพลังงาน

นายหิมาลัย กล่าวว่า ช่วงแรกๆ ก็มีเสียงต่อต้านว่ามันเป็นไปไม่ได้ โครงสร้างเดิมของราคาไฟฟ้า ถ้าจำไม่ผิดน่าจะขึ้นไปถึง 4.6-4.7 บาท เมื่อท่านตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่ 4.1 กว่าๆ ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ ว่าท่านจะทำให้ระบบโครงสร้างค่าไฟฟ้าเสียหาย จะตรึงได้แค่ระยะเวลาสั้น รัฐต้องเสียเงินชดเชยมากมาย แต่ในปัจจุบัน ท่านก็สามารถทำได้จริงโดยการใช้ระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพทำให้สามารถลดราคาค่าไฟฟ้าได้ตามนโยบาย และนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ที่ท่านสามารถ ทำให้มีการประกาศราคาค่าไฟฟ้า ลงไปต่ำกว่า 4.00 บาท 

นายหิมาลัย กล่าวว่า แน่นอนว่าค่าไฟฟ้าที่ลดลงไปนั้นจะทำให้ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มีต้นทุนที่ลดลง ธุรกิจการค้าของประชาชนทั่วไป เช่น ร้านค้ารายย่อย แผงลอย วินมอเตอร์ไซค์ฯลฯ ค่าไฟฟ้าที่ลดลงไป นั่นหมายถึงกำไรที่เพิ่มขึ้นหรือรายรับที่เพิ่มขึ้นเป็นการกระจายรายได้ ที่รวดเร็วและเข้าถึงประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าทุกคน  ท่านพีระพันธ์ุ ทราบดีว่านี่เป็นเพียงมาตรการชั่วคราว ซึ่งเมื่อท่านพ้นตำแหน่งไปแล้ว หากยังใช้โครงสร้างราคาพลังงาน ในระบบนี้อยู่ ราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ค่าแก๊ส ก็มีโอกาสที่จะขึ้นราคา เหมือนก่อนหน้านี้ ท่านจึงมีแนวความคิดในการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ รวมทั้งระบบการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นธรรมมากขึ้น จึงได้มีความพยายามที่จะเสนอกฎหมาย เพื่อความมั่นคงของพลังงานและโครงสร้างราคาที่เป็นธรรมอย่างยั่งยืน

“จึงไม่น่าแปลกใจ ที่จะมีการโจมตี ทำลายภาพพจน์และชื่อเสียง ปล่อยข่าวลือต่างๆ เพื่อให้ท่านพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก่อนที่กฎหมายต่างๆ ที่ท่านพยายามเสนอจะได้รับการบรรจุเข้าวาระของ ครม. ซึ่งถ้าหากกฎหมายพวกนี้ สามารถผ่านสภาฯ ออกมาบังคับใช้ได้ ก็จะทำให้ราคาน้ำมัน ไฟฟ้า ราคาแก๊ส มีความเป็นธรรมและมั่นคงมากขึ้น ท่านพีระพันธุ์พูดกับผมเสมอว่า ถ้าเราทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติแล้ว หากมีปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากผู้เสียผลประโยชน์ เราก็ต้องยอมรับและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน ที่สำคัญที่สุดคือเรากล้าหาญที่จะทำตามหน้าที่หรือไม่ ครั้งหลังสุดนี้ มีการประกาศลดค่าไฟฟ้า ลงมาที่ราคา 3.98 บาท ซึ่งเกิดจากความพยายามของท่าน ที่ไม่ยอมแพ้ แม้มีอุปสรรคมากมาย สิ่งที่เกิดขึ้นเวลานี้ มีการออกข่าวโจมตีและด้อยค่าผลงานอย่างต่อเนื่อง”นายหิมาลัย กล่าว

นายหิมาลัย กล่าวด้วยว่า ขอขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่กรุณามอบให้ท่านพีระพันธุ์ และพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นอย่างสูง ขอให้ท่านทั้งหลายมั่นใจได้ว่า พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และพรรครวมไทยสร้างชาติ จะทำหน้าที่เป็นนักรบพลังงานเพื่อพ่อแม่พี่น้องประชาชนจนวินาทีสุดท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top