Wednesday, 9 April 2025
สุชาติชมกลิ่น

‘เปลว สีเงิน’ เผย!! ‘รมช.สุชาติ’ ลุยงาน เปิดตลาดการค้าต่างประเทศ ไม่เว้นแต่ละเดือน ชี้!! ข้าราชการในกระทรวง ออกปากชม ทำงานจริงจัง ให้เกียรติทุกคน น่ารักไม่ถือตัว

เมื่อวานนี้ (27 ธ.ค. 67) ‘เปลว สีเงิน’ นักหนังสือพิมพ์และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ได้นำเสนอบทความ ในหัวข้อ ‘รัฐมนตรี’ ที่ ‘นักข่าวลืม’ โดยระบุว่า…

‘นายกฯ แพทองธาร’ นี่....

ต้องยอมรับกันจริงๆ จังๆ ว่า ‘ออร่า’ ในตัวเธอเจิดจ้ามาก!

ขนาดแฟชั่น ‘แบรนด์เนม’ ชุดละเป็นแสนๆ ที่เห็นรายวัน

พอนายกฯ ใส่เท่านั้นแหละ

ด้วยรัศมีออร่า ข่มชุดแฟชั่น ‘แบรนด์เนม’ ให้กลายเป็นชุด ‘แบกะดินส์’ ไปทันที!!

สิ่งที่ตามมาโดยไม่ตั้งใจ .........

คลาสการแต่งกายเจ้านายนั้น ช่วยสร้าง ‘มูลค่าเพิ่ม’ ให้แจ๋ว 3-4 นางที่เยื้องย่างเป็นวอลเปเปอร์ ‘พลอยดูแพง’ เสมอหน้า-เสมอตาไปด้วย

อย่าง ‘มนพร’ รมช.คมนาคม .....เห็นมั้ย

ยืนแยกยิ้มประกบข้างนายกฯ ตอนให้สัมภาษณ์ทีไร หน้า "แอนโทเนีย โพซิ้ว" ลอยเด่นขึ้นมาเลย!!

ของ ‘แพง’ แต่แต่งแล้วทำให้ดูเป็น ‘ของถูก’  แบบนี้ ใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ ทุกคน

นอกจากต้องเข้าใจเรือนร่างของตนแล้ว ต้องมีศิลปะในการเลือก ต้องมีรสนิยมในการแต่ง ผสมจิตวิทยาชั้นสูงจริงๆ อย่างนายกฯ หญิงของเรา

จึงจะสามารถทำให้ชาวบ้านร้านตลาด เห็นแล้วเกิดความรู้สึกว่า

"อุ๊ย!...นายกฯ หญิงคนนี้ "ติดดิ๊นน...ติดดิน" น่ารักจัง!!"

วันนี้ ศุกร์ 27 ธันวา ถือว่า ‘ส่งท้ายปี 2567’ เพราะดูปฏิทินแล้ว คงหยุดลากยาว ‘ข้ามปี’ ไปสัปดาห์ที่ 2 ของปี 68 นั่นแหละ ถึงจะเริ่มชีวิตใหม่กัน

มา ‘เช็กเค้า’ ประเทศกันหน่อยปะไร

วานซืน ‘นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์’ ผอ.สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)กระทรวงพาณิชย์ แถลง ซึ่งผมจะสรุปคร่าวๆ

ส่งออกเดือน พ.ย.67 มูลค่า 25,608.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 8% บวก 5 เดือนติด

รวมยอด 11 เดือน มูลค่า 275,763.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 5% คิดเป็นเงินบาท 9,695,455 ล้านบาท

คาด ธ.ค. ยังส่งออกได้ดี มีลุ้นทำนิวไฮ 3 แสนล้านเหรียญฯ โตทะลุเป้า 5.2% 

นำเข้ามีมูลค่า 25,832.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น ๐.9% คิดเป็นเงินบาท 867,456 ล้านบาท

ขาดดุลการค้า 224.4 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท 18,387.1 ล้านบาท

ส่งออกที่เพิ่มขึ้น มาจากสินค้าเกษตร เพิ่ม 4.1% สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 7.7% และสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 9.5%

ตลาดส่งออก ‘ตลาดหลัก’ สหรัฐฯ เพิ่ม 9.5% จีน เพิ่ม 16.9% สหภาพยุโรป เพิ่ม 11.2% CLMV เพิ่ม 21.๐%

ญี่ปุ่น ลด 3.7% อาเซียน (5 ประเทศ) ลด 1.5% ตลาดรอง เพิ่ม 7.1% 

เอเชียใต้ เพิ่ม 18.3% ทวีปออสเตรเลีย เพิ่ม 1.๐% ตะวันออกกลาง เพิ่ม 1.7% แอฟริกา เพิ่ม 13.8%

ลาตินอเมริกา เพิ่ม 31.8% และสหราชอาณาจักร เพิ่ม 12.๐%

กลุ่ม CIS (รัสเซีย เบลารุส คาซัคสถาน อาร์เมเนีย มอลโดวา อาเซอร์ไบจาน คีร์กีซ อุซเบกิสถาน ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสถาน และยูเครน)

ลด 5.3% และตลาดอื่นๆ เพิ่ม 29.๐%

นี่คร่าวๆ นะครับ เพื่อจะบอก 2 อย่าง....

1.ให้เครดิตนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ นายสุชาติ ชมกลิ่น-นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์

และ ‘ข้าราชการพาณิชย์’ ทั้งกระทรวง

ท่องเที่ยวกับส่งออก เป็น ‘2 เครื่องยนต์’ ที่นำรายได้เข้ามาประคองเศรษฐกิจประเทศ ไม่ให้หัวปักทิ่มดิน เวลานี้!!

2.ปี 68 เศรษฐกิจ จะ ‘เผาจริง’ ทั้งโลก ....

ยิ่งทรัมป์แปลงการค้าเป็นอาวุธจี้หัวประเทศต่างๆ

บอก ‘ข้าจะเสนอในสิ่งที่พวกเจ้าต้องทำตาม’ ด้วยแล้ว

การส่งออก ‘ทั้งโลก’ มีปัญหาแน่นอน!!

นำสู่ปัญหาที่ไทยต้องคิด ว่าการใช้เงินในปี ๖๘ รัฐบาลจะแค่เอาตัวเองรอดหรือเอาประเทศรอด?

ผมอ่านที่ ‘The Publisher’ เขาโพสต์ เมื่อวาน มันเป็นเรื่องจริง ที่ต้อง ‘คิดหนัก’ ทุกฝ่าย

The Publisher
ย้อนดูการจัดงบประมาณของรัฐบาลเศรษฐา มาจนถึงรัฐบาลแพทองโพย
พบว่า มีการจัดงบประมาณ ‘ขาดดุลต่อเนื่อง’ อย่างมีนัยสำคัญ เริ่มจากปีงบประมาณ 2567  ขาดดุล 6.93 แสนล้านบาท
ปีงบประมาณ 2568 ขาดดุล 8.7 แสนล้านบาท
และปีงบประมาณ 2569 วางแผนขาดดุลอีก 8.6 แสนล้านบาท 
บวกดูแล้วพบว่าการจัดงบประมาณ 3 ปีของรัฐบาลเพื่อไทย รวมขาดดุลแล้วกว่า 2.4 ล้านล้านบาท

ทั้งๆ ที่มีเสียงเตือนจากหลายหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ อาทิ สภาพัฒน์ เตือนมาตั้งแต่การทำงบประมาณปี 67 ว่า "ต้องลดการขาดดุลลง ให้ต่ำกว่า 3% ของจีดีพี"

แต่การจัดงบประมาณของรัฐบาลเพื่อไทย สวนทางมาโดยตลอด ซึ่งขณะนี้ ขาดดุลเกิน 4%  ของจีดีพี ไปแล้ว

แน่นอนว่า ‘หนี้สาธารณะ’ จะพุ่งเป็นเงาตามตัว

หาก ‘ภาวะขาดดุล’ ยังดำรงอยู่เช่นนี้ ไม่มีการแก้ไข คาดการณ์ว่า ภายในปี 2572 ยอดหนี้สาธารณะจะแตะที่เพดาน 7๐%
ขณะที่การหารายได้เพิ่มยังไม่มีหนทางที่ชัดเจน!!

จึงไม่น่าแปลกใจที่เห็นความพยายามสร้างนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ ทั้ง ‘พันธบัตรดิจิทัล’

ซึ่งเปรียบเสมือนการ ‘สร้างเงินสกุลใหม่’ มาแข่งกับ ‘สกุลเงินบาท’ ไปจนถึงการ ‘ล็อกเป้า’

เล็งล้วง ‘ทุนสำรองระหว่างประเทศ’ มากระตุ้นเศรษฐกิจ
นี่คือทัศนคติที่น่าห่วง......

เป็นกับดักและความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทย ถ้ายังเดินตามรอยนี้ ไม่เพียงไม่ได้ตามเป้าเศรษฐกิจโต 4-5% 

อาจตามมาด้วยการ ‘ถูกลดเครดิต’ จากภาระหนี้ที่เกิดขึ้นด้วย

‘หนุมาน’ หาวเป็นดาว-เป็นเดือน แต่ ‘ไอ้ตัวมาร’ มันจะฮุบประเทศ สอยทั้งดาว-ทั้งเดือน ไปเป็นสร้อยสวมคอตระกูลมัน!! หนี้ประเทศล้นคอหอย ก็พลิกแพลงจะไปพิมพ์ ‘พันธบัตรดิจิทัล’ ทำให้ประเทศไทยมีเงิน 2 สกุล (ฉิบหายละทีนี้) จะเอาอะไรไปค้ำ ‘พันธบัตรดิจิทัล’ ล่ะ? ก็ทองคำ ‘หลวงตาพระมหาบัว’ ที่เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศนั่นไงล่ะ!!

ฝากให้คิดกัน ประเทศตอนนี้ ‘เหลือน้ำมันก้นถัง’ แล้ว รัฐบาลก็ยังขอด-ยังขุดเอาไปผลาญ แจกโน่น-ประชานิยมนี่ หว่านโปรยทุกครั้งที่ลงไปตะแล็ดแต๊ดแต๋ต่างจังหวัด

วานซืน รัฐมนตรีช่วยคลัง บอก

จะออก ‘สลากการกุศล’ งวดละ 11 ล้านฉบับ เป็นเวลา 2 ปี เอาเงิน 10,000 ล้านบาทไปทำ ‘โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุนการศึกษา’

พูดให้ชัดลงไปก็สิ้นเรื่อง ว่าเอาไปทำ ประชานิยม!!

ย้อนกลับไปที่พาณิชย์ซักหน่อย ที่ผมยกตัวเลขการส่งออกมาให้ดูนั้น ท่านทราบมั้ย เป็นการทำงานของหน่วยงานไหน?

สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ที่ ‘นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์’ เป็นผู้อำนวยการฯ นั่นแหละ

แล้วใครกำกับ-รับผิดชอบหน่วยงานนี้?

รมช. ‘สุชาติ ชมกลิ่น’

ที่นักข่าวตั้งฉายา ‘รัฐมนตรีโลกลืม’ คู่กับ ‘รมช.นภินทร’ นั่นเอง!!

นอกจาก สนค.แล้ว รมช.สุชาติ ยังได้รับการแบ่งงานให้คุม ‘กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ’ และ ‘สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน)’ ด้วย

ถ้า ‘โลกลืม’ หมายถึง รมช.ไม่ทำงาน ก็คงไม่มีเนื้องานเช่นนี้มาแถลง

ฉะนั้น ที่นักข่าวทำเนียบฯ ตั้งฉายา ‘รัฐมนตรีโลกลืม’ น่าจะเป็นอย่างที่ ‘รมช.นภินทร’ ท่านย้อนนักข่าว ว่า

“ผมอยากฝากสื่อประจำทำเนียบรัฐบาลว่า  ลองพูดคุยกับสื่อประจำกระทรวงพาณิชย์บ้าง ว่าผมทำงานอะไรบ้าง เนื่องจากผมไม่จำเป็นต้องมาแถลงที่ทำเนียบฯ เพราะไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำเนื่องจากเป็นงานกระทรวง สำหรับ รมช.สุชาตินั้น...
ท่านดูแลงาน กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ด้วย เผอิญโลกที่สองของผม คือพวกเว็บข่าวสารต่างๆ

จึงเห็นภาพ-ข่าว ‘รมช.สุชาติ’ เดินทางไปเจรจาการค้า ไปเปิดตลาดการค้าตามประเทศโน้น-นี้ ไม่เว้นแต่ละเดือน
นั่นก็ช่างเถอะ

รัฐมนตรีก็ ‘ทำงาน-เอางาน’ นักข่าวเขาก็ ‘ทำข่าวเป็นงาน’ ขำๆ รายปีกันไป อย่าไปซีเครียด ตรงนี้ตะหาก....

ที่ผมจะบอกให้ท่าน ‘รัฐมนตรีสุชาติ’ ได้ปลื้มปริ่ม

คือผมมีมิตรสหายอดีต ‘ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่’ กระทรวงพาณิชย์หลายคน ว่างๆ ก็นั่งซดกาแฟแกล้มนินทาโน่น-นี่กันตามประสา

เขาบอกว่า ‘ข้าราชการในกระทรวง เขาชมรัฐมนตรีสุชาติกันมาก’

"ชมเรื่องอะไร?" ผมถาม
ผู้ใหญ่ท่านนั้นบอกว่า "ข้าราชการเขาชมรัฐมนตรีสุชาติน่ารัก ไม่ถือตัว และให้เกียรติข้าราชการมาก ชี้แจงอะไรท่านก็รับฟัง ทำงานจริงจัง"

นี่คือ แผ่นทอง ที่ยากนัก-ยากหนา อันข้าราชการจะปิดให้ นักการเมืองคนไหน ผมจึงมาเอาหน้ากับท่านรัฐมนตรีว่า ‘นักข่าวลืม’ นั่นโลกมายา

‘ข้าราชการพาณิชย์’ เขาไม่ลืมและชื่นชมท่าน นั่นตะหาก คือโลกจริง!!

เปลว สีเงิน

'สุชาติ' มอบทุน!! ‘วันเด็ก’ ให้ 19 โรงเรียนในจังหวัดชลบุรี ย้ำ!! ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง

เมื่อวานนี้ (10 ม.ค. 68) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้จัดกิจกรรมมอบทุนสนับสนุนและสิ่งของสนับสนุนกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติให้กับโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เนื่องในวันเด็กแห่งชาติประจำปีพุทธศักราช 2568 รวมทั้งสิ้น 19 โรงเรียน ประกอบด้วย โรงเรียนอนุบาลบ้านบึง โรงเรียนวัดคลองใหญ่ โรงเรียนวัดหนองชันจันทนาราม โรงเรียนบ้านบึงกระโดน โรงเรียนชุมชนบ้านอ่างเวียน โรงเรียนบ้านหนองปรือ โรงเรียนบ้านเขาแรต โรงเรียนบ้านหนองประดู่ โรงเรียนอนุบาลเกาะจันทร์ โรงเรียนบ้านห้วยกุ่ม โรงเรียนวัดหนองขาม โรงเรียนบ้านหัวโกรก โรงเรียนวัดเสม็ด โรงเรียนวัดใหม่เกตุงาม โรงเรียนวัดบางเป้ง โรงเรียนวัดบ้านแหลมแท่น โรงเรียนอนุบาลวัดกลางดอนเมืองชลบุรี โรงเรียนอ่างศิลาพิทยาคม โรงเรียนบ้านปากคลองโรงนาค ซึ่งมีนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลขึ้นไป รวมกว่า 1,000 คน โดยนายสุชาติฯ ได้มอบทุนการศึกษาให้แก่น้อง ๆ เยาวชนเพื่อให้มีกำลังทรัพย์ในการเล่าเรียน และยังเป็นการช่วยเหลือครอบครัวของเด็ก ๆ นอกจากนี้ ยังมีของเล่น อาทิ ตุ๊กตา ขนมต่าง ๆ อุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา อาทิ ลูกฟุตบอล เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ใช้เรียนรู้ เพิ่มทักษะที่ตัวเองชอบ

นายสุชาติ กล่าวว่า “สำหรับงานวันเด็กในปีนี้ ผมขอมอบทุนการศึกษา และอุปกรณ์การเรียน การกีฬา เพื่อให้น้อง ๆ ทุกคนได้มีโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา และได้มีโอกาสในการเพิ่มทักษะต่าง ๆ เพราะทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง"

‘สุชาติ’ เร่งเครื่อง! แพลตฟอร์ม 'ITD Expert Anywhere' ตั้งเป้าพา SMEs ไทยฝ่าอุปสรรค สู่ความสำเร็จระดับโลก

(14 ม.ค.68) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณย์ เปิดเผยว่า “กระทรวงพาณิชย์ โดยสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) หรือ ITD เตรียมจัดงานสัมมนา 'เสริมแกร่ง SMEs ในยุคดิจิทัล ผ่านแพลตฟอร์ม ITD Expert Anywhere' ภายใต้แนวคิด “เติบใหญ่ ไปไกลกว่าเดิม Grow Thrive” ในวันที่ 22 มกราคม 2568 ณ โรงแรมกราฟ โฮลเทล กรุงเทพฯ ซึ่งจะจัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทยเข้าถึงคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ได้รับการพัฒนาต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งจะเป็นการขยายผลจากความสำเร็จของการให้คำปรึกษาผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มุ่งเน้นการช่วยผู้ประกอบการ SMEs โดยเฉพาะในด้านการส่งออก การพัฒนา และการปรับตัวหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและระบบออนไลน์ เพื่อให้ SMEs ไทยสามารถเติบโตและพัฒนาธุรกิจได้ในยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืน”

นายสุชาติ กล่าวต่ออีกว่า “ทาง ITD ได้ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นพัฒนาเครื่องมือนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะยกระดับศักยภาพของ SMEs ไทย โดยในการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดสากล ช่วยเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาองค์ความรู้ให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญระดับภูมิภาคและระดับโลกได้ โดยสำหรับปีที่ 2 นี้ มีการพัฒนาให้ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ระบบ Metaverse เพื่อจำลองการดำเนินธุรกิจในโลกเสมือนจริง และจัดกิจกรรมออนไลน์ ให้คำปรึกษาที่เข้าถึงง่ายและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ผู้ประกอบการจะสามารถเข้าถึงคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆได้  โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่น่าสนใจมาก” 

“และนอกจากนี้ แพลตฟอร์ม ยังได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ การสัมมนาครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมแกร่งให้กับ SMEs ไทยให้สามารถเติบโตและแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว เพื่อเป็นการเสริมประสิทธิภาพให้กับตนเองและธุรกิจให้มีความพัฒนาอย่างยั่งยืน” นายสุชาติ กล่าวทิ้งท้าย

‘สุชาติ ชมกลิ่น’ เดินหน้าผลักดันโครงการ ITD ส่ง SMEs เกษตรไทยสู่โลกยั่งยืน พร้อมเปิดโอกาสศึกษาดูงานที่ญี่ปุ่น

เมื่อวันที่ (16 ม.ค.68) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าในการผลักดันโครงการ 'Smart AgriTech to the Sustainability Business' เพื่อยกระดับ SMEs เกษตรไทย ให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกอย่างยั่งยืน โดยสนับสนุนให้สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา หรือ ITD ซึ่งโครงการนี้มุ่งเน้นการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการเกษตร ที่เกี่ยวข้องกับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตรรวมถึงเกษตรอินทรีย์ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน

โดยในโครงการได้คัดเลือกผู้ประกอบการภาคเกษตรที่มีศักยภาพสูงจาก 4 ภูมิภาคของประเทศไทย ได้แก่ ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และ ภาคกลาง รวมทั้งหมด 8 ราย ที่จะได้รับโอกาสพิเศษในการศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 14-17 มกราคม 2568 เพื่อเรียนรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตร ที่ทันสมัยจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตรและการรักษาสิ่งแวดล้อม ให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงและนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ในการพัฒนาธุรกิจของตนเองให้เติบโตและสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งช่วยขยายตลาดสินค้าเกษตรไทยไปสู่ประเทศคู่ค้าที่สำคัญทั่วโลก 

นายสุชาติ กล่าวว่า “ความสำคัญของการศึกษาดูงานครั้งนี้ว่า จะเป็นโอกาสทองสำหรับผู้ประกอบการทั้ง 8 ราย ในการเรียนรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตรที่ทันสมัยจากญี่ปุ่น พร้อมทั้งนำความรู้ที่ได้กลับมาปรับใช้ในการพัฒนาธุรกิจของตนเองให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยขยายตลาดสินค้าเกษตรไทยไปยังประเทศคู่ค้าที่สำคัญทั่วโลก

โดยโครงการนี้ไม่เพียงแค่ยกระดับ SMEs เกษตรไทยให้แข่งขันในตลาดโลกได้ แต่ยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจเกษตรและขยายตลาดสินค้าเกษตรไทยไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจในระยะยาว”

“โดยโครงการ 'Smart AgriTech to the Sustainability Business' นอกจากจะช่วยยกระดับ SMEs เกษตรไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนการสร้างมูลค่าเพิ่มจากธุรกิจเกษตรและการขยายตลาดสินค้าเกษตรไทยไปสู่ประเทศคู่ค้าทั่วโลก โดยถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาและสนับสนุนธุรกิจเกษตรไทยเพื่อให้สามารถยืนหยัดได้ในตลาดโลกและสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในระดับชาติอย่างยั่งยืน” นายสุชาติ กล่าว

‘สุชาติ’ เผย!! 'อาเซียน - แคนาดา’ เร่งขับเคลื่อนเจรจา FTA ตั้งเป้า!! ปิดดีล ขยายโอกาสทางการค้า ภายในปี 2568

(18 ม.ค. 68) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า แคนาดาเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการเจรจาความตกลงการค้าเสรี อาเซียน-แคนาดา (ACAFTA TNC) รอบที่ 11 ระหว่างวันที่ 15-17 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ณ กรุงเทพฯ เพื่อขับเคลื่อนการเจรจาในประเด็นต่างๆ โดยมีเป้าหมายที่จะสรุปผลการเจรจาอย่างมีนัยสำคัญภายในปี 2568 สำหรับการประชุม ACAFTA TNC ในรอบนี้ยังได้มีการจัดการประชุมของคณะทำงานเจรจาอีก 7 กลุ่ม ได้แก่ มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า แนวปฏิบัติที่ดีด้านการออกกฎ การค้าบริการ การลงทุน ทรัพย์สินทางปัญญา และกฎหมายและสถาบันควบคู่ไปด้วย  

"ไทยพร้อมสนับสนุน FTA อาเซียน-แคนาดา ให้บรรลุผลสำเร็จในปี 2568 ซึ่งจะเป็น FTA แรกของไทยกับประเทศในภูมิภาคอเมริกาเหนือ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ภาคธุรกิจ รวมถึงขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนที่เชื่อมโยงทั้งสองภูมิภาคให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน แคนาดาก็ให้ความสำคัญกับการสรุปผลการเจรจา ACAFTA โดยเร็ว เพื่อให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญระหว่างสองฝ่าย โดยเฉพาะการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุน ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มพูนโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างกัน" นายสุชาติ กล่าว 

ด้านนางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการประชุมครั้งนี้ว่า ที่ประชุมให้ความสำคัญกับการติดตามความคืบหน้าการเจรจาของคณะทำงานภายใต้ ACAFTA ทั้ง 19 กลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่ยังมีความล่าช้าและไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งรวมถึงเรื่องการค้าสินค้าที่จะต้องเร่งเจรจารูปแบบการลดภาษี (modality) ระหว่างประเทศสมาชิก การค้าบริการและการลงทุนที่จะต้องเร่งสรุปเรื่องโครงสร้างของข้อบทและรูปแบบการเปิดตลาด และเรื่องกฎถิ่นกำเนิดสินค้า ซึ่งอาเซียนจะต้องพิจารณาให้ความเห็นเกี่ยวกับกฎถิ่นกำเนิดสินค้าแบบเฉพาะ (Product Specific Rule: PSR) ที่แคนาดาเสนอมาทั้งหมด 5,612 รายการ รวมทั้งเรื่องการค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืนที่อาเซียนจะต้องเร่งสรุปร่างข้อเสนอของอาเซียนให้แคนาดาพิจารณาเพื่อจัดทำร่างข้อบทร่วมในการเจรจาต่อไป

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ให้แนวทางขับเคลื่อนการเจรจากับคณะทำงานกลุ่มต่างๆ อาทิ เร่งหาข้อสรุปในประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นที่คล้ายคลึงกัน สำหรับประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นที่แตกต่างกันมาก ให้เน้นการหารืออย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันและแสดงความยืดหยุ่นเพื่อหาแนวทางที่ยอมรับร่วมกันได้ และหยิบยกประเด็นที่ติดขัดให้คณะกรรมการ TNC ให้แนวทางแก้ไข พร้อมทั้งผลักดันให้มีการประชุมทั้งในรูปแบบออนไลน์ และ in-person เพื่อให้สามารถสรุปผลการเจรจาได้ทันตามเป้าที่กำหนดไว้ 

สำหรับในปี 2566 การค้ารวมของไทยและแคนาดา มีมูลค่า 2,933.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 10.41 โดยไทยส่งออกไปยังแคนาดา มูลค่า 1,903.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 10.07 สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ข้าว ผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขณะที่ไทยนำเข้าจากแคนาดา มูลค่า 1,030.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 11.03 สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช ปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเยื่อกระดาษและเศษกระดาษ

ทั้งนี้ ในช่วง 11 เดือน (ม.ค. –พ.ย.) ของปี 2567 การค้ารวมของไทยและแคนาดา มีมูลค่า 2,955.90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการส่งออก 1,946.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นการนำเข้า 1,008.98 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยเป็นฝ่ายเกินดุลการค้า 937.95 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

‘สุชาติ’ สวน ‘ไอซ รักชนก’ ปม สปส. ซื้อตึกเก่า 7 พันล้าน ขอให้หยุดวิจารณ์คนอื่นให้เสื่อมเสีย ลั่นภูมิใจผลงานช่วงโควิด

(12 มี.ค. 68) ‘สุชาติ ชมกลิ่น’ สวนกลับ ‘ไอซ์ รักชนก’ หยุดวิจารณ์คนอื่นให้เสื่อมเสีย อย่าบิดเบือนโดยการเมืองแบบสกปรก ลั่น ที่ผ่านมาสุดภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่สร้างผลงานช่วงโควิด ขณะที่ไอซ์ โต้ทันควัน ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิดก็ชี้แจงไปตามข้อเท็จจริง ไม่ต้องร้อนรน 

จากกรณี น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. และนายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน (ปชน.) ร่วมแถลงข่าว “แฉเสียดฟ้า กองทุนประกันสังคมจงใจลงทุนผิดพลาด เพื่อเอื้อผลประโยชน์พวกพ้องหรือไม่” ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ย่านพระราม 9 ซึ่งเป็นอาคารที่ก่อสร้างไม่เสร็จตั้งแต่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง

โดยสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ซื้อมาในราคา 7 พันล้านบาท ขณะที่ราคาประเมินอยู่ที่ 3 พันล้านบาท เกิดเป็นส่วนต่างกว่า 4 พันล้านบาท เอื้อประโยชน์ใครหรือไม่ หรือนักการเมืองคนใด หรือพรรคใดหรือไม่ ในช่วงรมว.แรงงานคนก่อนหน้านี้ เพราะส่งคนของตัวเองไปอยู่ในอนุกรรมการการลงทุนนั้น

ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นวันที่ 11มี.ค. 68 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในขณะนั้น โพสต์เฟซบุ๊ก ตอบโต้ถึงกรณีดังกล่าวว่า คุณไอซ์ รักชนก และทีมงานเป็นคนของประชาชน วิพากษ์วิจารณ์ ตามสมควรได้ แต่ถ้าไม่ถูกต้องถ้าเกินสมควร หรือทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด หรืออาจเข้าใจผิดหรือกล่าวอ้าง จนทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง มันก็ไม่สมควร

มันง่ายที่คุณว่าคนนั้นคนนี้ โดยไม่รับผิดชอบ ปล่อยให้สังคมตีความไป ทุกวันนี้มีใครครับที่ออกมาประกาศดังๆๆ ว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างที่พวกคุณพูด อย่าสนุกกับการวิพากษ์คนอื่น เมื่อไหร่ที่มันยังไม่ใช่เรื่องของคุณ คุณจะคิดว่า ทำไมจะทำไม่ได้ หรืออะไรต่างๆนานา

“สิ่งที่ผมสร้างมา ทั้งการงาน ครอบครัว ผมใช้เวลามาทั้งชีวิต ผมไม่เคยเห็นด้วย และไปกระทำกับใคร อย่ารอให้ปัญหาแบบนี้มาถึงตัวพวกคุณเลยครับ ทุกคนทำงาน มีสิ่งที่ต้องแลกมาทั้งนั้น เวลา สุขภาพ ผมตระหนักดี ช่วงเวลาที่ผมทำหน้าที่ สิ่งที่ผมภูมิใจคือ แม้จะเป็นวิกฤตที่ไม่มีใคร แม้แต่ตัวผม ที่ไม่อยากให้เกิด คือ Covid-19 แต่ผมได้เป็นส่วนหนึ่งในการวางนโยบายช่วยพี่น้องแรงงาน ตรวจคัดกรอง ประสานขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและนำเข้า ครม. โดยท่านนายกรัฐมนตรี เห็นชอบ และถูกใจ ผู้นำแรงงาน รวมถึง พี่น้องผู้ใช้แรงงาน จนทำให้เกิด Factory Sandbox เกิดการยับยั้งการแพร่กระจายในโรงงาน ส่งออกเติบโตในรอบ 30 ปี“

พร้อมทิ้งท้ายว่า เข้าใจครับ #คนไม่รัก #ยังไงก็ไม่รัก แต่ขอแค่ให้ท่านมองไปหลายๆทาง อย่ามองอะไรแค่ที่เขาหยิบใส่ให้เราทราบ ความจริงก็คือความจริง อย่าบิดเบือน โดยการเมืองแบบ "สกปรก" พอตัวคุณโดนบ้าง ก็อ้าง กระบวนการยุติธรรมไม่เป็นธรรมทั้งที่ "ความจริงก็คือความจริง"

ในขณะเดียวกัน ทางด้านนางสาวรักชนก ได้แสดงความคิดเห็นในโพสต์ดังกล่าวว่า 
1) ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิดก็ชี้แจงไปตามข้อเท็จจริง ไม่ต้องร้อนรน แล้วประชาชนจะเป็นคนตัดสินเองจากข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับ

2) นักการเมืองอย่าง คุณสุชาติ ชมกลิ่น ยังกล้าไปชี้หน้ากล่าวหาคนอื่นว่า ‘การเมืองสกปรก’ ด้วยหรือคะ พูดอะไรไม่เกรงใจประวัติการทำงานของตัวเองเลย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top