Wednesday, 23 April 2025
สินค้าราคาถูก

'ดร.สันติธาร' วิเคราะห์!! '6 แม่น้ำ + 1 ต้นน้ำ' ชนวนปัญหาสินค้าจีนราคาถูกทะลักไทย

(22 ส.ค.67) ดร.สันติธาร เสถียรไทย หรือ ต้นสน นักเศรษฐศาสตร์ การเงิน ผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยี อีคอมเมิร์ซชื่อดัง บุตรชาย นายสุรเกียรติ เสถียรไทย อดีตรองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงเหตุผลที่สินค้าจีนราคาถูกทะลักเข้าไทยในปัจจุบัน ว่า...

หากเปรียบปัญหาสินค้านำเข้าราคาถูกทะลักเข้าไทยเสมือน ‘ปัญหาน้ำท่วม’ การจะแก้ปัญหาอาจต้องเริ่มจากการเข้าใจว่าทำไม ‘น้ำ’ (สินค้าจากจีน) ถึงล้นและ น้ำเหล่านี้ไหลผ่าน ‘แม่น้ำ’ (ช่องทางการขาย) สายไหนบ้างมาที่ไทย 

ในฐานะคนที่เคยทำงานในธุรกิจแพลตฟอร์มและวิเคราะห์การค้า-การลงทุนระหว่างประเทศมานาน วันนี้ อยากชวนแกะประเด็นใหญ่ของประเทศนี้ที่ผมคิดว่ามีความซับซ้อนสูง เพราะมีหลายปัญหาถูกมัดรวมอยู่ด้วยกัน 

เริ่มจาก 6 แม่น้ำที่เป็นเส้นทางสำคัญที่สินค้าไหลเข้าประเทศ...

1) Trader คนไทย (Offline/Online) - ผู้ขายไทยนำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อขายในร้านค้าทั่วไปในไทยหรือ ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Shopee Lazada และ Tiktok เพื่อขายให้ผู้บริโภคไทย

ผลกระทบ: อาจมีผลเสียต่อผู้ผลิตในประเทศ เพราะต้องแข่งกับสินค้านำเข้าราคาถูก แต่อย่างน้อยรายได้ยังอยู่กับคนไทยที่นำสินค้าเข้ามาขาย 

2) Crossborder sellers - ผู้ขายในต่างประเทศใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่าง ๆ เพื่อขายตรงให้กับผู้บริโภคไทยโดยไม่ต้องจดทะเบียนในประเทศ

ผลกระทบ: เพราะผู้ขายไม่ได้อยู่ในประเทศอาจสามารถหลีกเลี่ยงกฎหมายและภาษีไทย ทำให้ได้เปรียบผู้ขายในประเทศ

3) Trader ต่างชาติแปลงตัวเป็นไทย - ผู้ขายต่างชาติ เปิดธุรกิจและร้านค้าออนไลน์ในไทย แต่ส่วนใหญ่ขายสินค้านำเข้าจากจีน 

ผลกระทบ: ผู้ขายต่างชาติในร่างไทยเหล่านี้ใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายและมักหลีกเลี่ยงภาษี ทำให้เกิดความได้เปรียบเหนือธุรกิจในท้องถิ่นในหลายมิติ (และปัญหานี้ก็ไม่ได้อยู่แต่ในภาคการค้าเท่านั้น แต่กระทบหลายอุตสาหกรรมเลย)

4) Factory2consumer โมเดล - แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเช่น Temu อาจช่วยให้โรงงานในจีนสามารถ bypass ร้านค้า ขายตรงให้กับผู้บริโภคไทย ถือเป็นรูปแบบใหม่ล่าสุด

ผลกระทบ: เพราะผู้ขายไม่ได้อยู่ในประเทศ อาจสามารถหลีกเลี่ยงกฎหมายและภาษีไทย ทำให้ได้เปรียบผู้ขายในประเทศ และสามารถขายได้ในราคาถูกมาก นอกจากนี้การควบคุมคุณภาพสินค้าและบริการอาจยากยิ่งขึ้นเพราะไม่มี 'ผู้ขาย' ชัดเจน 

โจทย์สำคัญ: จะสังเกตได้ว่าปัญหาสำคัญของช่องทาง 2-4 คือการไม่บังคับใช้กฎกติกาที่มีของไทย ทั้งเรื่องมาตรฐานสินค้า ภาษีต่าง ๆ ฯลฯ กับคนขายต่างชาติ ทั้งที่อยู่ในประเทศและนอกประเทศ (Crossborder) กลายเป็นว่าทำให้กฎกติกาของไทยทำให้คนไทยเสียเปรียบเสียเอง 

หัวใจคือ อย่างน้อยควรสร้าง Level playing field ทางกฎกติกา ด้วยการบังคับใช้กฎหมายของไทยที่มีอยู่แล้วกับธุรกิจและคนขายต่างชาติที่อยู่ในและนอกประเทศทั้งการคุ้มครองผู้บริโภค, ภาษี และพรบ.ธุรกิจต่างด้าว 

เท่าที่ผมเข้าใจบางส่วนเป็นปัญหาเรื่องช่องโหว่ทางกฎหมายที่ต้องมีการอุดรอยรั่ว แต่บางส่วนเป็นแค่เรื่องการบังคับใช้กฎที่มีอยู่แล้ว แต่ขอยังไม่ลงรายละเอียดตรงนี้

5) China +1 โมเดล - สงครามการค้า ทำให้บริษัทข้ามชาติเปลี่ยนยุทธศาสตร์จากที่เคยส่งออกจากโรงงานในจีนไปอเมริกาตรง เปลี่ยนเป็นส่งจากจีนมาไทยก่อนแล้วค่อยไปอเมริกา ในกรณีนี้ไทยนำเข้าวัตถุดิบหรือสินค้ากึ่งสำเร็จรูปจากจีน เพื่อใช้ในการผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ 

ผลกระทบ: การนำเข้าประเภทนี้ ส่งผลให้เกิดการขาดดุลการค้ากับจีนก็จริง แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วยกระตุ้นการส่งออกไปยังตลาดอื่น ๆ อาจทำให้เกินดุลกับประเทศอื่น ๆ มากขึ้น (เช่น สหรัฐฯ) จึงไม่ควรดูแต่ดุลการค้าไทย-จีนเท่านั้น อาจได้ภาพไม่ครบ และหากกีดกันสินค้าประเภทนี้ อาจมีต้นทุนกับผู้ผลิตในประเทศไทยสูง

โจทย์สำคัญ: ในอนาคตต้องพยายามดึงการผลิตให้มาอยู่ในประเทศให้มากที่สุดและพัฒนาศักยภาพแรงงาน ให้สร้าง Value added ได้มากขึ้น จะได้ลดการนำเข้า, เพิ่มมูลค่าให้การส่งออก, สร้างงาน-รายได้ในประเทศ (เช่น อุตสาหกรรมนิกเกิลในอินโดนีเซีย) 

6) แพลตฟอร์มต่างชาติ - แพลตฟอร์มเป็นของคนสัญชาติใด จดทะเบียนในไทยหรือไม่?

เรื่องนี้ชอบถูกผสมเข้าไปกับประเด็นที่ว่าคนขายเป็นคนไทยหรือเปล่า และ ผู้ผลิตสินค้าอยู่ในไทยหรือเปล่า ซึ่งล้วนแต่เป็นคนละประเด็นกัน 

โจทย์สำคัญ: ความจริงประเด็นอาจไม่ได้อยู่ที่แพลตฟอร์มเป็นสัญชาติไหน เพราะแพลตฟอร์มไทยก็อาจนำสินค้าเข้าจากจีนหากต้นทุนถูกกว่าผลิตเอง และแพลตฟอร์มต่างชาติก็มีคนขายสัญชาติไทย 

หัวใจ คือไม่ว่าเป็นแพลตฟอร์มสัญชาติไหนหากมีธุรกิจในไทยก็ควร

- ปฏิบัติตามกฎหมายไทย
- จ่ายภาษีในไทย 
- และจะให้ดีต้องช่วยพัฒนา SME ไทยด้วย 

โดยเราควรเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ใช้แพลตฟอร์มต่างชาติที่มีสาขาในหลายประเทศเป็นช่องทางช่วยส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทย พัฒนา SME ให้กลายเป็น Exporter ได้เจาะตลาดใหม่ ๆ อย่างที่หลายประเทศก็ทำมาแล้ว 

แต่ประเด็นที่แก้ยากที่สุดและเป็น 'ต้นน้ำ' ของปัญหาก็คือ สภาวะกำลังผลิตเกินในประเทศจีน (Oversupply/Overcapacity) - ทำให้ต้องระบายส่งออกสินค้าในราคาถูกสู่โลก ซึ่งทำให้ไปแข่งกับสินค้าส่งออกไทยในตลาดอื่นอีกด้วย

เสมือนน้ำที่ล้นเขื่อน ต่อให้เราพยายามกั้นแม่น้ำต่างๆ สุดท้ายน้ำก็จะไหลมาอยู่ดีในช่องทางใหม่ ๆ ต่อให้ปิดรูรั่วทางกฎหมายที่ไม่เท่าเทียม ก็ต้องยอมรับว่าหลายสินค้าจากจีน ก็อาจจะต้นทุนถูกกว่าไทยอยู่ดี

เรื่องนี้เป็นปัญหาระดับโลกที่ไม่ได้แก้ได้ง่าย ๆ หลายธุรกิจหาตลาดส่งออกใหม่, สร้างแบรนด์, และ ขยับขึ้น Value Chain เพื่อไม่ต้องแข่งกับสินค้าราคาถูกโดยตรง แต่แน่นอนไม่ใช่ทุกคนทำได้ ส่วนบางประเทศเลือกใช้กำแพงภาษีหรือมาตรการป้องกันการทุ่มตลาดในบางสินค้า แต่ก็ต้องระวัง เพราะหากทำผิดพลาดอาจเป็นการเพิ่มต้นทุนให้ธุรกิจในประเทศและทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้นอีก

ขอส่งท้ายว่าในบทความสั้น ๆ คงไม่สามารถพูดถึงการแก้ปัญหาอย่างลงลึก แต่ที่แน่ ๆ นี่คงไม่ใช่ปัญหาที่กระทรวงใดกระทรวงหนึ่งจะแก้ได้ แต่ต้องร่วมมือกันหลายหน่วยงานและมียุทธศาสตร์ระดับประเทศที่ชัดเจน

ปล.บทความนี้ไม่ได้ต้องการจะกล่าวโทษประเทศใดเป็นพิเศษเพราะปัญหานี้อาจมาจากประเทศไหนก็ได้ และหลายข้อก็เป็นปัญหาที่ประเทศเราต้องรีบแก้ไขที่ตัวเราเอง

‘รวมไทยสร้างชาติ’ จับมือผู้ค้า-เอกชน จัดงาน ‘รวมไทยสร้างชาติแฟร์’ จัดทัพ ‘สินค้าราคาถูก’ ออกจำหน่ายแก่ประชาชน เริ่ม 12-15 ก.ย. นี้

(4 ก.ย. 67) ที่อาคารรัฐสภา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เปิดเผยถึงกำหนดการและวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ‘รวมไทยสร้างชาติแฟร์’ โดยระบุว่า พรรครวมไทยสร้างชาติได้ประกาศนโยบายของพรรคตั้งแต่เริ่มต้นว่า จะรื้อ ลด ปลด สร้าง เพื่อสังคมที่ถูกต้องและเป็นธรรม 

ปัจจุบันประชาชนชาวไทยกำลังเผชิญความเดือดร้อนจากค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นจากสภาพเศรษฐกิจและปัจจัยด้านอื่น ๆ จึงต้องเร่งลดภาระค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชน โดยนำหลักการการแบ่งปันมาใช้ คนที่มีมากแบ่งปันให้คนที่มีน้อยหรือคนที่ขาดแคลน จึงเป็นที่มาของการจัดงาน ‘รวมไทยสร้างชาติแฟร์’ ร่วมกับผู้ค้าและภาคเอกชน เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนในเบื้องต้น โดยงานนี้จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 กันยายน 2567 ณ MBK Center ลานกิจกรรม Avenue A ชั้น G ฝั่งถนนพระราม 1 ตั้งแต่เวลา 10.00 น.-19.00 น. รวม 4 วัน

ทั้งนี้ ภายในงานจะมีสินค้าอุปโภคบริโภคหลากหลายมาจำหน่ายในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด ยกตัวอย่าง ข้าวหอมมะลิ 5 กิโลกรัม จำหน่ายเพียง 100 บาท ไข่ไก่คละไซซ์ 40 ฟอง ราคา 100 บาท น้ำตาลทราย 2 กิโลกรัม ราคาเพียง 20 บาท เนื้อไก่สดกิโลกรัมละ 50 บาท และอาหารพร้อมรับประทาน 20 บาททุกเมนู 

นอกจากนี้ ยังมี อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป น้ำมันพืช ผลไม้ตามฤดูกาล ของใช้ภายในบ้าน สินค้าอุปโภคบริโภคอื่น ๆ มาจำหน่ายในงาน พร้อมมอบส่วนลดพิเศษเพิ่มเติมให้ผู้ร่วมงานอีกคนละ 200 บาท ด้วย

“พรรครวมไทยสร้างชาติพยายามที่จะแบ่งเบาภาระความเดือดร้อนด้านค่าครองชีพของพี่น้องประชาชนตามนโยบาย รื้อ ลด ปลด สร้าง และการช่วยเหลือดูแลแบ่งปันกัน ในภาวะต้นทุนในการค้าขายและการผลิตที่สูงขึ้นในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน จึงได้ประสานงานและขอความร่วมมือจากผู้ค้าสินค้าอุปโภคบริโภคหลายแห่งและหวังว่าการจัดงานครั้งนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระและมอบความสุขให้แก่พี่น้องประชาชน รวมถึงพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยที่จะได้มีโอกาสเลือกซื้อสินค้าที่ดี มีคุณภาพ ในราคาถูก” นายพีระพันธุ์กล่าว

ด้านนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เปิดเผยถึงสิทธิพิเศษที่จะช่วยเหลือประชาชนเพิ่มเติมว่า ภายในงานได้รับการสนับสนุนคูปองส่วนลดพิเศษให้ผู้ร่วมงานอีกคนละ 200 บาท เพื่อเป็นส่วนลดเพิ่มเติมในการซื้อสินค้าทุกประเภท วันละ 2,500 สิทธิ รวมทั้งสิ้น 10,000 สิทธิ โดยผู้เข้าร่วมงานสามารถลงทะเบียนเพื่อรับคูปองส่วนลดพิเศษนี้ได้ด้วยตนเองวันละ 2 รอบ ในเวลา 10.30 น. และ 17.00 น.

“ถึงแม้สินค้าทุกอย่างภายในงานจะจำหน่ายในราคาถูกอยู่แล้ว แต่พี่น้องประชาชนก็ยังสามารถจับจ่ายสินค้าเหล่านี้ในราคาที่ถูกลงไปได้อีก จากการใช้คูปองส่วนลดพิเศษ 200 บาท ซึ่งจะมอบให้ภายในงานวันละ 2,500 สิทธิ และสามารถลงทะเบียนรับได้ที่หน้างาน” นายเอกนัฏกล่าว

ขณะที่ นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า ในงานนี้จะมีผู้ค้าและภาคเอกชนที่ประสงค์จะช่วยเหลือประชาชนนำสินค้ามาจำหน่ายในราคาถูกเพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน

“ผู้ค้าและภาคเอกชนจำนวนมากติดต่อขอนำสินค้าบริโภคหลายรายการมาจำหน่ายในงานในราคาถูกกว่าท้องตลาดเกือบครึ่ง เช่น น้ำตาลทรายที่จำหน่ายเพียงกิโลกรัมละ 10 บาท เท่านั้น นับเป็นน้ำใจที่มีกับประชาชนเป็นอย่างยิ่ง” นางสาวพิมพ์ภัทรากล่าว

ด้าน นายสุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า ในงานจะมีศิลปินนักร้องมาสร้างความคึกคัก และยังมีกิจกรรมเสริมสร้างอาชีพ การเสวนา และการแสดงบนเวที ตลอดทั้ง 4 วันของการจัดงาน อาทิ เวิร์กช็อปสอนการทำอาหารเพื่อต่อยอดด้านอาชีพ ซึ่งอำนวยการสอนโดย อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ อาจารย์สอนทำอาหารและพิธีกรชื่อดัง การแสดงจากศิลปินนักร้อง รวมทั้ง โชว์พิเศษจากสมาชิก และ สส. พรรครวมไทยสร้างชาติด้วย

สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Facebook Page พรรครวมไทยสร้างชาติ

‘พีระพันธุ์’ ปลื้ม!! ‘รวมไทยสร้างชาติแฟร์’ วันแรก บรรยากาศสุดคึกคัก ประชาชนแห่ซื้อสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาด บรรเทาภาระค่าครองชีพ

เมื่อวานนี้ (12 ก.ย. 67) ที่ ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วยผู้บริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมเปิดงาน ‘รวมไทยสร้างชาติแฟร์’ ณ ลานกิจกรรม Avenue A ชั้น G ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมจับจ่ายสินค้าราคาถูกภายในงานอย่างคับคั่ง

นายพีระพันธุ์ เปิดเผยถึงแนวคิดในการจัดงานครั้งนี้ว่า ‘รวมไทยสร้างชาติแฟร์’ เป็นกิจกรรมที่แตกย่อยมาจากแนวคิดใหญ่เรื่อง ‘เศรษฐกิจแบ่งปัน’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในนโยบาย ‘รื้อ ลด ปลด สร้าง’ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ และเป็นการนำหลักการแบ่งปันมาประยุกต์ใช้เพื่อลดภาระของพี่น้องประชาชนผู้ที่ไม่มีรายได้หรือรายได้ไม่เพียงพอ

โดยคนที่มีมากสามารถแบ่งปันให้คนที่มีน้อยหรือคนที่ขาดแคลน เพื่อสร้างสังคมแห่งการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน พรรครวมไทยสร้างชาติจึงได้ประสานงานเชิญผู้ค้าและภาคเอกชนที่มีความพร้อมและมีน้ำใจจะช่วยเหลือแบ่งปันให้สังคม มาร่วมจัดกิจกรรมจำหน่ายสินค้าราคาถูกในครั้งนี้ เพื่อช่วยลดภาระด้านค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นในปัจจุบันจากสภาพเศรษฐกิจและปัจจัยด้านอื่น ๆ และหวังว่าการจัดงาน ‘รวมไทยสร้างชาติแฟร์’ จะสามารถช่วยลดภาระของพี่น้องประชาชน และต่อยอดแนวคิด ‘เศรษฐกิจแบ่งปัน’ ได้อีกระดับหนึ่ง

“พรรครวมไทยสร้างชาติพยายามที่จะลดภาระของพี่น้องประชาชน ตามนโยบาย รื้อ ลด ปลด สร้าง ที่ได้ประกาศไว้ และเราได้เล็งเห็นถึงปัญหาความเดือดร้อนจากภาระค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น จึงได้ประสานงานและขอความร่วมมือจากผู้ค้าและภาคเอกชนที่พร้อมจะเอื้อเฟื้อและช่วยเหลือแบ่งปัน เพื่อให้พี่น้องประชาชนรวมถึงพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย ได้มีโอกาสเลือกซื้อสินค้าที่ดี มีคุณภาพ ในราคาถูก โดยหวังว่าการจัดงานรวมไทยสร้างชาติแฟร์ในครั้งนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระและมอบความสุขให้แก่พี่น้องประชาชนในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน พรรครวมไทยสร้างชาติต้องขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุก ๆ ฝ่ายที่ช่วยให้งานนี้เกิดขึ้นได้สำเร็จ และขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนทุก ๆ ท่านครับ” นายพีระพันธุ์กล่าว  

ทั้งนี้ ภายในงานจะมีสินค้าอุปโภคบริโภคหลากหลายมาจำหน่ายในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด ยกตัวอย่าง ข้าวหอมมะลิ 5 กิโลกรัม จำหน่ายเพียง 100 บาท ไข่ไก่คละขนาด 40 ฟอง ราคา 100 บาท น้ำตาลทรายแพคละ 2 กิโลกรัม ราคาเพียง 20 บาท เนื้อไก่สดกิโลกรัมละ 50 บาท หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 100 บาท และอาหารพร้อมรับประทาน 20 บาททุกเมนู 

นอกจากนี้ ยังมี อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป น้ำมันพืช ผลไม้ตามฤดูกาล เช่น ทุเรียน มังคุด ลองกอง รวมถึงของใช้ภายในบ้าน สินค้าอุปโภคบริโภคอื่น ๆ มาจำหน่ายในงานด้วย

นอกจากนี้ ผู้ร่วมงานยังสามารถลงทะเบียนรับคูปองส่วนลดพิเศษ 200 บาท สำหรับซื้อสินค้าทุกประเภทภายในงาน วันละ 2 รอบ ในเวลา 10.30 น. และ 16.00 น. วันละ 2,500 สิทธิ และภายในงานยังมีศิลปินนักร้องชื่อดังมาสร้างความคึกคัก พร้อมเวิร์กช็อปสอนการทำอาหารเพื่อต่อยอดด้านอาชีพตลอดทั้ง 4 วัน ของการจัดงาน ‘รวมไทยสร้างชาติแฟร์’ ณ ลานกิจกรรม Avenue A ชั้น G ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ฝั่งถนนพระราม 1 ระหว่างวันที่ 12-15 กันยายน 2567 ตั้งแต่เวลา 10.00 น.-19.00 น.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top