Tuesday, 22 April 2025
สวนสัตว์พาต้า

เชือดไก่ให้ลิงดู!! ‘สวนสัตว์พาต้า’ ทุ่ม 1 แสนบาท ตั้งรางวัลนำจับ ล่าผู้บุกรุก หลังโดนมือดีพ่นสีใส่ผนัง จี้ปล่อย กอริลลา ‘บัวน้อย’

เพจ "สวนสัตว์พาต้า" โพสต์คำแถลงการณ์ กรณีการประกาศเรื่องต่อสู้และดำเนินคดีความกับผู้ต่อต้านและบุกรุก พร้อมตั้งรางวัลนำจับ 1 แสนบาท เพื่อตามล่ากลุ่มคนทำลายทรัพย์สิน ร้องปล่อยตัวลิงกอริลลา "บัวน้อย" โดยเขียนว่า “Free Buanoi” และอักษรภาษาอื่น ๆ เป็นทางยาวกว่า 20 เมตร

(10 มี.ค. 66) ที่ผ่านมา เพจ "สวนสัตว์พาต้า" ได้ออกมาโพสต์คำแถลงการณ์ กรณีการประกาศเรื่องต่อสู้และดำเนินคดีความกับผู้ต่อต้านและบุกรุก พร้อมตั้งรางวัลนำจับ 1 แสนบาท เพื่อตามล่ากลุ่มคนทำลายทรัพย์สิน ร้องปล่อยตัวลิงกอริลลา "บัวน้อย" โดยทางเพจระบุข้อความว่า "เมื่อเวลาประมาณตี 1 ของเช้าวันที่ 6 มีนาคม 2566 ได้มีกลุ่มผู้กระทำความผิด จำนวน 5 คน บุกรุกพื้นที่ของห้างสรรพสินค้าพาต้า โดยใช้การปีนสะพานลอยผ่านเข้ามายังขอบอาคารชั้น 3 ด้านหน้าห้าง ฯ และ ทำลายทรัพย์สินของบริษัทด้วยการพ่นสีใส่ผนังอาคาร เป็นข้อความในเชิงต่อต้านการครอบครองลิงกอริลลาของสวนสัตว์พาต้า โดยเขียนว่า “Free Buanoi” และอักษรภาษาอื่น ๆ เป็นทางยาวกว่า 20 เมตร

ซึ่งทำให้ตัวอาคารได้รับความเสียหาย และก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของบริษัทเป็นอย่างมาก ทั้งที่การประกอบกิจการของสวนสัตว์พาต้านั้น อยู่ในความดูแลของหน่วยงานผู้เกี่ยวข้องและผ่านขั้นตอนการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ โดยเหตุการณ์การต่อต้านเรื่องการครอบครองลิงกอริลลาของห้างฯ พาต้านั้น มีมานานกว่า 20 ปี และเพิ่งจะได้รับความเข้าใจจากประชาชนโดยส่วนใหญ่เมื่อประมาณ 4 เดือนที่ผ่านมา จากแถลงการณ์ครั้งแรกของบริษัทฯ ถึงเหตุผลต่าง ๆ และที่มาที่ไปของบัวน้อย ลิงกอริลลา เพศเมีย วัยชรา ที่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีตลอดมา ที่แม้ทางบริษัทจะประสบภาวะขาดทุนสะสมอย่างต่อเนื่อง แต่ทางผู้บริหารก็ยังไม่เคยทอดทิ้ง หรือ ตั้งราคาบัวน้อยในราคา 30 ล้าน ตามที่เป็นข่าว

ล่าสุดทางฝ่ายบริหารของทั้งห้างและสวนสัตว์พาต้า ได้เคลื่อนไหวในเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยจะขอนำเรื่องการบุกรุกและทำลายทรัพย์สินของบริษัทในครั้งนี้ เป็นกรณีตัวอย่างของการละเมิดสิทธิ์ที่ผิดกฎหมาย ที่บุคคล กลุ่ม หรือองค์กรพิทักษ์สัตว์มากมาย ทั้งในและต่างประเทศได้กระทำกันมาช้านาน

ทั้งการโพสต์โซเชียลมีเดียถึงการวิจารณ์ไปในทางหมิ่นประมาทและทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงต่อสวนสัตว์พาต้า, การรวมตัวกันเรียกร้องให้ปิดสวนสัตว์และปล่อยตัวบัวน้อย ด้วยการใช้ภาพถ่ายเน้นลูกกรงให้ดูเศร้า รวมถึงการปรับเล่นกับโทนสีของภาพให้ดูหม่นหมอง เพื่อการเรียกร้อง และนำภาพบัวน้อยไปใช้กันอย่างแพร่หลาย จนนำไปสู่การขอรับบริจาคในโครงการของตนเองหลายต่อหลายครั้ง โดยไม่มีการแจ้งถึงยอดเงินดังกล่าวอย่างเป็นทางการว่าได้นำเงินนั้นไปใช้ในทิศทางใด

และสวนสัตว์พาต้า ขอใช้โอกาสและพื้นที่ตรงนี้เพื่อแจ้งว่า “สวนสัตว์พาต้า ไม่เคยรับทราบถึงที่มาที่ไปของเงินบริจาคดังกล่าว ทั้งในและต่างประเทศ ที่มีการเรี่ยไรกระทำการกันอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย มาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี”
.
รวมไปถึงนักอนุรักษ์สัตว์บางรายที่เคยฉวยโอกาสจากเหตุการณ์ต่อต้านสวนสัตว์พาต้า โดยกระทำการอบรมให้ข้อมูลแก่เยาวชนถึงในสถานศึกษา เพื่อใช้เด็กและเยาวชนเป็นแรงสนับสนุน มุ่งไปที่การ “ปล่อยตัวบัวน้อย” ให้เด็ก ๆ ซึมซับว่าบัวน้อยได้รับความทุกข์ทรมาน โดยที่เด็กและเยาวชนเหล่านั้น อาจไม่รู้ และไม่เคยมาเที่ยวสวนสัตว์พาต้าเลยสักครั้งในชีวิต ซึ่งถือเป็นการมอมเมาเด็กและเยาวชนจากหลักฐานที่ผู้ต่อต้าน ชี้แนะให้เด็ก ๆ จำนวนมาก เห็นสิ่งที่สวนสัตว์พาต้า กระทำตลอดมา ว่าเป็นความผิด ทั้งที่การประกอบกิจการทั้งหมดนั้นอยู่ภายใต้กฎหมาย

ตลอดจนให้เด็ก ๆ เหล่านั้นเขียนข้อความ ลงลายมือชื่อ และนามสกุล เพื่อต่อต้านสวนสัตว์พาต้า ซึ่งเชื่อว่าเหตุการณ์เหล่านี้ มีผู้ปกครองมากมายไม่ทราบเรื่องราวว่า บุตรหลานของท่านได้ถูกบุคคลนักอนุรักษ์สัตว์ผู้นี้ ชี้นำให้กระทำการต่อต้านในสิ่งที่ยังไม่สามารถวิเคราะห์ได้ด้วยวุฒิภาวะของตนเอง ทั้งยังให้เด็ก ๆ เหล่านั้น ลงลายมือชื่อ และนามสกุล รวมถึง มีข้อความเรียกร้องให้ปล่อยตัวบัวน้อยออกจาก “คุก !” ไว้เป็นเป็นหลักฐาน ด้วยการชี้นำของตน โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงผลเสียที่จะตามมาในตัวของเด็กและเยาวชนเหล่านั้น ว่าจะสามารถนำไปสู่หลักฐานเพื่อใช้ในการต่อสู้ทางคดีความ ที่จะต้องมีรายชื่อเด็ก ๆ เหล่านั้นอยู่ในสำนวนคดี

ยังไม่นับรวมถึงพฤติกรรมของนักอนุรักษ์สัตว์รายนี้ ที่ได้โพสต์ข้อความว่าได้นำเรื่องราวและหนังสือบัวน้อยที่ตนเองได้สร้างขึ้นเพื่อจำหน่ายไปยังหลายประเทศ และตั้งใจส่งไปรษณีย์ไปเพื่อให้ถึงมือเจ้าชาย George องค์น้อย แห่งราชวงศ์อังกฤษ โดยมีข้อความบางตอนที่โพสต์ว่า “หากท่านทรงเดินทางมาเมืองไทย และทรงแวะเยี่ยมบัวน้อย ท่านคงจะทรงตกพระทัยมิใช่น้อย ที่คนไทยไม่สามารถดูแลมรดกโลกได้ดีไปกว่านี้”

ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สวนสัตว์พาต้า รวมถึงประเทศชาติ ถูกตัดสินความผิดจากความรู้สึกของบุคคลผู้นี้ โดยไม่ยึดในข้อกฎหมายเป็นหลัก และยังเพิ่มความกดดัน โดยการนำเรื่องราวของบัวน้อย ออกไปไกลให้ถึงราชวงศ์ของต่างประเทศอย่างมีนัยยะ ด้วยข้อความที่ดูถูกและดูแคลนศักยภาพ และหน่วยงานผู้ดูแลกิจการ จนถึงผู้ประกอบการสวนสัตว์ของไทยอย่างเป็นหลักเป็นฐาน
.
ซึ่งเหตุการณ์ต่อต้านเรียกร้องมากมายที่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในประเทศที่มีกฎหมายและหน่วยงานของการควบคุมการทารุณกรรมสัตว์ ดังเช่นในประเทศไทย และสวนสัตว์พาต้า ขออนุญาตและขออภัยหากข้อความต่อไปนี้ จะถือเป็นการสอนท่านผู้อนุรักษ์สัตว์รายนี้ ว่า “นักอนุรักษ์ที่มีมาตรฐานสูงทั่วโลก จะเริ่มจากพื้นฐานแห่งจิตสำนึกด้วยการไม่ต่อต้านสิ่งที่ถูกกฎหมายบนพื้นแผ่นดินในประเทศของตน

นักอนุรักษ์สัตว์ที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี ไร้ซึ่งนัยยะเคลือบแคลง มักจะมุ่งทำประโยชน์ให้กับชีวิตสัตว์ที่น่าสงสารอีกมากมายอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เลือกแม้ตัวตน เพศ ชนิด สายพันธุ์ หรือราคาของสัตว์ตัวนั้น ๆ จนนำไปสู่โอกาสของการสร้างชื่อเสียง รายได้ และการออกสื่อ หรือเข้าถึงบุคคลผู้ทรงเกียรติที่เกี่ยวข้อง เพื่อหน้าตาทางสังคมของตนเป็นนิจ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top